ขอบคุณภาพสวย ๆ จาก
http://www.thongthailand.com ครับผม
…. ( ขอโทษ ) ….
……..เช้าวันเสาร์ที่บ้านปลายนา เช้านี้ผมไม่ได้ไปบ้านลุงผู้ใหญ่ หลังจากลุกมาเมื่อตะวันยังไม่ขึ้นดี ก็รีบล้างหน้าล้างตาแล้วเดินไปที่แปลงผักข้างโรงเรียน ซึ่งตอนนี้เริ่มมองเห็นเค้าโครงราง ๆ ว่าเป็นแปลงเกษตร จากการร่วมแรงร่วมใจของเหล่านักเรียน พร้อมกับลุงมิ่งและลุงน้อย ซึ่งตอนหลังกลายเป็นกำลังใหญ่ เพราะเป็นงานประจำที่ทั้งสองทำจนชำนาญ
สิ่งที่ทำให้ใจผมชุ่มชื้นขึ้นมาก ก็คือซุ้มไม้ไผ่โค้งซึ่งอยู่ริมในสุด นั่นคือแปลงของน้องว่านนั่นเอง และหลังจากมีลุงทั้งสองคนมาช่วยทางโรงเรียน พี่แตงก็ไปดูงานรอบหมู่บ้านกับลุงผู้ใหญ่ ส่วนแรงงานใหญ่อีกคนที่ไม่พูดถึงไม่ได้เลยก็คือเจ้าตั้มของเรา
จากคนที่เดินเปะปะไปมาไม่รู้จะลงตรงไหน พอมีจุดหมายเป็นที่เป็นทาง ทำให้เจ้าตั้มมีท่าทางสดชื่นขึ้นกว่าเดิม เปลี่ยนไปเป็นคนละคน ผมจึงเดาว่าที่เขาไม่หยุดนิ่งอยู่กับที่เพราะเขาไม่มีอะไรทำนั่นเอง
แรก ๆ ลุงมิ่งเห็นว่าเจ้าตั้มเทียวมาหลายวันติดแล้ว จึงให้ช่วยหยิบจับบางอย่างเล็ก ๆ น้อย ๆ ที่ไม่ซับซ้อนเกินไป แต่ความคิดเขาคล้ายกับเด็ก ดังนั้นงานหนึ่งของเจ้าตั้ม จึงกลายเป็นสร้างอีกงานขึ้นมาโดยไม่ตั้งใจ ลุงมิ่งจึงเปลี่ยนแผนใหม่ ให้เขาคอยส่งเครื่องมือให้และขุดดิน
วันนี้น้องว่านไม่ได้มา แต่พอสายหน่อยสองลุงและเจ้าตั้มก็เข้ามาสมทบตอนแดดยังอ่อน ๆ เสียงรถลุงน้อยแหวกความเงียบรอบด้านเข้ามาได้ยินชัดเจน
“แทร่ดๆๆๆๆๆๆๆๆๆ”
เจ้าตั้มซึ่งซ้อนท้ายมาโดดลงเป็นคนแรก ตามด้วยลุงมิ่ง ส่วนลุงน้อยจอดรถและเดินเข้าไปในโรงเรียน เพราะเครื่องมือบางอย่างยังอยู่ใต้ถุนบ้านพักครู เมื่อลุงน้อยแบกจอบเสียมพร้อมกับหิ้วถุงผ้าใส่อุปกรณ์ออกมา เจ้าตั้มจึงกุลีกุจอวิ่งเข้าไปช่วยรับอย่างเต็มใจ แล้วคว้าจอบอันหนึ่งไปยืนขุดดินอยู่ไม่ไกล
“เอาแปลงไหนปลูกกล้าดีครู”
ลุงมิ่งเอ่ยถามพลางมองรอบ ๆ ที่ พร้อมกับหันมองผมซึ่งกำลังคิดอยู่ว่าจะเป็นมุมไหนดี
“แปลงไอ้ว่านก็แล้วกัน เดี๋ยวไปลากทางมะพร้าวมามุง เสร็จแล้วสับดินให้ซุยอีกเที่ยว เอาน้ำรดให้ชุ่ม ไอ้น้อยบัวรดน้ำอยู่ไหนวะ”
ลุงมิ่งสรุปพร้อมกับหันไปถามลุงน้อยซึ่งยืนอยู่ไม่ไกล ขณะเจ้าตั้มกำลังปักหลักเอียง ๆ เพื่อขึงเชือกทำแปลงของตัวเอง ซึ่งพวกเราพร้อมใจกันยกให้เป็นกรณีพิเศษในหลายเหตุผลด้วยกัน
“อยู่ในโรงเรียนน่ะไม่ได้เอามาไม่รู้ว่าจะใช้”
ลุงน้อยตอบกลับพร้อมขยับตัวเตรียมเดินเข้าไปในโรงเรียนอีกที ลุงมิ่งจึงโบกมือห้ามก่อนหันไปทางเจ้าตั้มแล้วพูดออกไปว่า
“ไอ้ตั้ม ไปเอาบัวมาหน่อย ไอ้น้อยไปลากทางมะพร้าวกับครูมาสักสองเที่ยว ข้าจะพรวนดินรดน้ำรอ”
เจ้าตั้มหันมายิ้มแยกเขี้ยวให้ลุงมิ่ง ก่อนหันไปทางโรงเรียนแล้วเดินกึ่งวิ่งไปอย่างไว ส่วนลุงน้อยเดินไปที่รถ ขณะลุงมิ่งคว้าจอบมาถือไว้แล้วเดินไปทางแปลงน้องว่าน ผมจึงเดินไปขึ้นซ้อนท้ายรถลุงน้อยซึ่งแกก็สตาร์ทเครื่องแล้วออกตัวทันที
เมื่อพ้นโรงเรียนแล้วเลี้ยวขวาเลยหน้าวัดไปไม่ไกล ด้านซ้ายมือมีต้นมะพร้าวใหญ่เท่าคนโอบ ยอดสูงจนต้องแหงนคอมอง ขึ้นห่าง ๆ กันอยู่สิบกว่าต้น ลุงน้อยเลี้ยวรถเข้าไปจอดพลางดึงมีดเหน็บที่เสียบฝักไว้ตรงคอรถออกมาถือไว้ ขณะผมลงมายืนกะพริบตา รอดูว่าลุงน้อยจะปีนขึ้นไปยังไง
“มาครู เดี๋ยวสายแดดร้อน”
ลุงน้อยพูดจบก้าวพรวด ๆ ไปทางต้นมะพร้าวที่อยู่ใกล้สุด มือถือมีดห้อยข้างตัวก่อนหยุดยืนหันมาทางผม แล้วทำคิ้วขมวดเมื่อเห็นผมยังยืนนิ่งไม่เดินตามไป
“เอ้าครู มาสิมาช่วยกัน”
ผมแหงนมองยอดมะพร้าวคอตั้งบ่า กลืนน้ำลายแล้วลดสายตามาที่ลุงน้อยก่อนพูดออกไป
“ผมขึ้นไม่ไหวหรอกลุง สูงขนาดนี้อยู่ข้างบนมองเห็นตลาดเลยมั้ง”
ลุงน้อยหัวเราะก้ากก่อนกลั้นใจแล้วพูดกลั้วหัวเราะออกมา
“ใครจะขึ้นไหวเล่าครู ผมก็ไม่เอาด้วยคนหรอก”
พูดจบลุงหัวเราะ หึ หึ มองหน้าผมที่ยังยืนงงอยู่อย่างเดิม
“ไปข้างในอีกหน่อยครู ต้นต่ำ ๆ มีหลายต้น”
ลุงน้อยกลั้นหัวเราะในลำคอจนหน้าแดง พลางพยักหน้าให้ผมเดินตามลึกเข้าไป ผมจึงเห็นต้นมะพร้าวไม่สูงนักหลายต้นด้วยกัน ลุงน้อยเดินเข้าไปหาต้นหนึ่งจับยอดดึงโน้มลงมาต่ำ แล้วยกมีดฟันทางออกมาก่อนเลยไปต้นต่อไป พอได้สามต้นก็บอกให้ผมออกไปที่รถ และลุงก็เลือกทางสวย ๆ ต้นอื่น ๆ อีกสามสี่ต้นจึงหยุดฟัน เอามีดเหน็บไว้กับผ้าขาวม้าข้างหลัง แล้วถือมือละทางมาวางข้างรถ ก่อนชวนผมขึ้นซ้อนท้ายรถทยอยลากกลับไปยังแปลงข้างโรงเรียน
เที่ยวแรกมาถึงตอนลุงมิ่งพรวนดินไปได้ครึ่งหนึ่ง ผมเดินลากทางมะพร้าวสองทางไปพิงไว้ตรงซุ้มไม้ไผ่ ขณะลุงน้อยเดินตามมามองกะดูว่าอีกเท่าไรถึงจะพอ แล้วเดินกลับไปที่รถผมจึงเดินตามไป ตอนผ่านลุงมิ่งผมมองหน้าแกแล้วยิ้มให้นิดหนึ่ง ลุงไม่พูดอะไรเพียงแค่ยิ้มตอบกลับมาแล้วหันไปพรวนดินต่อ ผมจึงขึ้นซ้อนท้ายลุงน้อยไปทำงานส่วนของตัวเองต่อไป
ลุงน้อยจอดรถแล้วเดินเข้าไปฟันทางมะพร้าวลงมาอีกสามสี่ทาง พลางพยักหน้าให้ผมลากที่กองไว้ก่อนหน้าออกไปรวมไว้ริมถนน แล้วลุงก็ช่วยลากตรงอื่นออกมา เมื่อหมดแล้วจึงพากันขึ้นรถนำทางมะพร้าวเที่ยวที่สองมุ่งหน้าไปโรงเรียน
“เอาแบบนี้ไปก่อน เดี๋ยวเอาเม็ดบวบมาหยอดรอบ ๆ พอกล้าโต แบ่งไปลงทั่วทุกแปลงแล้ว บวบก็ขึ้น ใบมะพร้าวก็เหี่ยวพอดี”
ลุงมิ่งพูดขณะยืนจับด้ามจอบค้ำดินพร้อมมองซุ้มซึ่งคลุมด้วยทางมะพร้าวสองฟากข้างและข้างบน แสงที่ลอดเข้าไปน้อยลงกว่าครึ่ง ดังนั้นต้นกล้าอ่อน ๆ จะไม่ถูกแดดเผาอย่างแน่นอน
“แล้วเอ็งจะลงเม็ดทั้งดินแห้ง ๆ หยั่งงี้เหรอไอ้มิ่ง”
ลุงน้อยยืนมองแถวเนินดินที่ร่วนดีแต่ยังแห้งผาดอยู่ แล้วเอ่ยถามลุงมิ่งขึ้นมา ลุงมิ่งทำเสียง อือ ในลำคอก่อนมองซ้ายมองขวาแล้วพูดออกมาด้วยความแปลกใจ
“เออ ข้าก็ลืมไปเลยถ้าเอ็งไม่ทัก ใครเห็นไอ้ตั้มมั่งวะ”
ผมก็เพิ่งนึกออกว่าเจ้าตั้มไม่ได้อยู่ตรงนี้ เพราะมัวแต่ยุ่งอยู่กับการปิดซุ้ม และมองดูรอบ ๆ ตอนนี้ก็เห็นแต่หลักโย้เย้ที่แปลงของเขาซึ่งยังขึงแนวไม่เสร็จ จึงเอ่ยถามลุงมิ่งออกไป
“ลุงให้ไปเอาบัวรดน้ำในโรงเรียน เขากลับมาหรือยังล่ะ”
“นั่นสิ ผมก็พรวนดินเพลินเลย”
ลุงมิ่งหันไปทางโรงเรียนขณะลุงน้อยเดินลับเข้าไป ครู่หนึ่งก็เดินกลับมาพร้อมกับบัวรดน้ำในมือ ลุงมิ่งมองแล้วทำท่าคิดอะไรบางอย่าง ก่อนพูดออกมาดัง ๆ
“เวรแล้ว สระตารุณเละไปแล้วป่านนี้ ไปไอ้น้อยไปกัน”
ลุงมิ่งพูดพร้อมกับส่ายหน้าก่อนจ้ำไปที่รถอย่างเร็ว ลุงน้อยหันมาทางผมพยักหน้าให้ตามไป ผมจึงเดินไปซ้อนท้ายต่อลุงมิ่ง ขณะลุงน้อยบิดออกไปทันที
“แทร่ดๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ”..
( มีต่อครับ )
.....เรื่องสั้น........ เรื่อง.......ขอโทษ........@@ โดย ลุงแผน
…. ( ขอโทษ ) ….
……..เช้าวันเสาร์ที่บ้านปลายนา เช้านี้ผมไม่ได้ไปบ้านลุงผู้ใหญ่ หลังจากลุกมาเมื่อตะวันยังไม่ขึ้นดี ก็รีบล้างหน้าล้างตาแล้วเดินไปที่แปลงผักข้างโรงเรียน ซึ่งตอนนี้เริ่มมองเห็นเค้าโครงราง ๆ ว่าเป็นแปลงเกษตร จากการร่วมแรงร่วมใจของเหล่านักเรียน พร้อมกับลุงมิ่งและลุงน้อย ซึ่งตอนหลังกลายเป็นกำลังใหญ่ เพราะเป็นงานประจำที่ทั้งสองทำจนชำนาญ
สิ่งที่ทำให้ใจผมชุ่มชื้นขึ้นมาก ก็คือซุ้มไม้ไผ่โค้งซึ่งอยู่ริมในสุด นั่นคือแปลงของน้องว่านนั่นเอง และหลังจากมีลุงทั้งสองคนมาช่วยทางโรงเรียน พี่แตงก็ไปดูงานรอบหมู่บ้านกับลุงผู้ใหญ่ ส่วนแรงงานใหญ่อีกคนที่ไม่พูดถึงไม่ได้เลยก็คือเจ้าตั้มของเรา
จากคนที่เดินเปะปะไปมาไม่รู้จะลงตรงไหน พอมีจุดหมายเป็นที่เป็นทาง ทำให้เจ้าตั้มมีท่าทางสดชื่นขึ้นกว่าเดิม เปลี่ยนไปเป็นคนละคน ผมจึงเดาว่าที่เขาไม่หยุดนิ่งอยู่กับที่เพราะเขาไม่มีอะไรทำนั่นเอง
แรก ๆ ลุงมิ่งเห็นว่าเจ้าตั้มเทียวมาหลายวันติดแล้ว จึงให้ช่วยหยิบจับบางอย่างเล็ก ๆ น้อย ๆ ที่ไม่ซับซ้อนเกินไป แต่ความคิดเขาคล้ายกับเด็ก ดังนั้นงานหนึ่งของเจ้าตั้ม จึงกลายเป็นสร้างอีกงานขึ้นมาโดยไม่ตั้งใจ ลุงมิ่งจึงเปลี่ยนแผนใหม่ ให้เขาคอยส่งเครื่องมือให้และขุดดิน
วันนี้น้องว่านไม่ได้มา แต่พอสายหน่อยสองลุงและเจ้าตั้มก็เข้ามาสมทบตอนแดดยังอ่อน ๆ เสียงรถลุงน้อยแหวกความเงียบรอบด้านเข้ามาได้ยินชัดเจน
“แทร่ดๆๆๆๆๆๆๆๆๆ”
เจ้าตั้มซึ่งซ้อนท้ายมาโดดลงเป็นคนแรก ตามด้วยลุงมิ่ง ส่วนลุงน้อยจอดรถและเดินเข้าไปในโรงเรียน เพราะเครื่องมือบางอย่างยังอยู่ใต้ถุนบ้านพักครู เมื่อลุงน้อยแบกจอบเสียมพร้อมกับหิ้วถุงผ้าใส่อุปกรณ์ออกมา เจ้าตั้มจึงกุลีกุจอวิ่งเข้าไปช่วยรับอย่างเต็มใจ แล้วคว้าจอบอันหนึ่งไปยืนขุดดินอยู่ไม่ไกล
“เอาแปลงไหนปลูกกล้าดีครู”
ลุงมิ่งเอ่ยถามพลางมองรอบ ๆ ที่ พร้อมกับหันมองผมซึ่งกำลังคิดอยู่ว่าจะเป็นมุมไหนดี
“แปลงไอ้ว่านก็แล้วกัน เดี๋ยวไปลากทางมะพร้าวมามุง เสร็จแล้วสับดินให้ซุยอีกเที่ยว เอาน้ำรดให้ชุ่ม ไอ้น้อยบัวรดน้ำอยู่ไหนวะ”
ลุงมิ่งสรุปพร้อมกับหันไปถามลุงน้อยซึ่งยืนอยู่ไม่ไกล ขณะเจ้าตั้มกำลังปักหลักเอียง ๆ เพื่อขึงเชือกทำแปลงของตัวเอง ซึ่งพวกเราพร้อมใจกันยกให้เป็นกรณีพิเศษในหลายเหตุผลด้วยกัน
“อยู่ในโรงเรียนน่ะไม่ได้เอามาไม่รู้ว่าจะใช้”
ลุงน้อยตอบกลับพร้อมขยับตัวเตรียมเดินเข้าไปในโรงเรียนอีกที ลุงมิ่งจึงโบกมือห้ามก่อนหันไปทางเจ้าตั้มแล้วพูดออกไปว่า
“ไอ้ตั้ม ไปเอาบัวมาหน่อย ไอ้น้อยไปลากทางมะพร้าวกับครูมาสักสองเที่ยว ข้าจะพรวนดินรดน้ำรอ”
เจ้าตั้มหันมายิ้มแยกเขี้ยวให้ลุงมิ่ง ก่อนหันไปทางโรงเรียนแล้วเดินกึ่งวิ่งไปอย่างไว ส่วนลุงน้อยเดินไปที่รถ ขณะลุงมิ่งคว้าจอบมาถือไว้แล้วเดินไปทางแปลงน้องว่าน ผมจึงเดินไปขึ้นซ้อนท้ายรถลุงน้อยซึ่งแกก็สตาร์ทเครื่องแล้วออกตัวทันที
เมื่อพ้นโรงเรียนแล้วเลี้ยวขวาเลยหน้าวัดไปไม่ไกล ด้านซ้ายมือมีต้นมะพร้าวใหญ่เท่าคนโอบ ยอดสูงจนต้องแหงนคอมอง ขึ้นห่าง ๆ กันอยู่สิบกว่าต้น ลุงน้อยเลี้ยวรถเข้าไปจอดพลางดึงมีดเหน็บที่เสียบฝักไว้ตรงคอรถออกมาถือไว้ ขณะผมลงมายืนกะพริบตา รอดูว่าลุงน้อยจะปีนขึ้นไปยังไง
“มาครู เดี๋ยวสายแดดร้อน”
ลุงน้อยพูดจบก้าวพรวด ๆ ไปทางต้นมะพร้าวที่อยู่ใกล้สุด มือถือมีดห้อยข้างตัวก่อนหยุดยืนหันมาทางผม แล้วทำคิ้วขมวดเมื่อเห็นผมยังยืนนิ่งไม่เดินตามไป
“เอ้าครู มาสิมาช่วยกัน”
ผมแหงนมองยอดมะพร้าวคอตั้งบ่า กลืนน้ำลายแล้วลดสายตามาที่ลุงน้อยก่อนพูดออกไป
“ผมขึ้นไม่ไหวหรอกลุง สูงขนาดนี้อยู่ข้างบนมองเห็นตลาดเลยมั้ง”
ลุงน้อยหัวเราะก้ากก่อนกลั้นใจแล้วพูดกลั้วหัวเราะออกมา
“ใครจะขึ้นไหวเล่าครู ผมก็ไม่เอาด้วยคนหรอก”
พูดจบลุงหัวเราะ หึ หึ มองหน้าผมที่ยังยืนงงอยู่อย่างเดิม
“ไปข้างในอีกหน่อยครู ต้นต่ำ ๆ มีหลายต้น”
ลุงน้อยกลั้นหัวเราะในลำคอจนหน้าแดง พลางพยักหน้าให้ผมเดินตามลึกเข้าไป ผมจึงเห็นต้นมะพร้าวไม่สูงนักหลายต้นด้วยกัน ลุงน้อยเดินเข้าไปหาต้นหนึ่งจับยอดดึงโน้มลงมาต่ำ แล้วยกมีดฟันทางออกมาก่อนเลยไปต้นต่อไป พอได้สามต้นก็บอกให้ผมออกไปที่รถ และลุงก็เลือกทางสวย ๆ ต้นอื่น ๆ อีกสามสี่ต้นจึงหยุดฟัน เอามีดเหน็บไว้กับผ้าขาวม้าข้างหลัง แล้วถือมือละทางมาวางข้างรถ ก่อนชวนผมขึ้นซ้อนท้ายรถทยอยลากกลับไปยังแปลงข้างโรงเรียน
เที่ยวแรกมาถึงตอนลุงมิ่งพรวนดินไปได้ครึ่งหนึ่ง ผมเดินลากทางมะพร้าวสองทางไปพิงไว้ตรงซุ้มไม้ไผ่ ขณะลุงน้อยเดินตามมามองกะดูว่าอีกเท่าไรถึงจะพอ แล้วเดินกลับไปที่รถผมจึงเดินตามไป ตอนผ่านลุงมิ่งผมมองหน้าแกแล้วยิ้มให้นิดหนึ่ง ลุงไม่พูดอะไรเพียงแค่ยิ้มตอบกลับมาแล้วหันไปพรวนดินต่อ ผมจึงขึ้นซ้อนท้ายลุงน้อยไปทำงานส่วนของตัวเองต่อไป
ลุงน้อยจอดรถแล้วเดินเข้าไปฟันทางมะพร้าวลงมาอีกสามสี่ทาง พลางพยักหน้าให้ผมลากที่กองไว้ก่อนหน้าออกไปรวมไว้ริมถนน แล้วลุงก็ช่วยลากตรงอื่นออกมา เมื่อหมดแล้วจึงพากันขึ้นรถนำทางมะพร้าวเที่ยวที่สองมุ่งหน้าไปโรงเรียน
“เอาแบบนี้ไปก่อน เดี๋ยวเอาเม็ดบวบมาหยอดรอบ ๆ พอกล้าโต แบ่งไปลงทั่วทุกแปลงแล้ว บวบก็ขึ้น ใบมะพร้าวก็เหี่ยวพอดี”
ลุงมิ่งพูดขณะยืนจับด้ามจอบค้ำดินพร้อมมองซุ้มซึ่งคลุมด้วยทางมะพร้าวสองฟากข้างและข้างบน แสงที่ลอดเข้าไปน้อยลงกว่าครึ่ง ดังนั้นต้นกล้าอ่อน ๆ จะไม่ถูกแดดเผาอย่างแน่นอน
“แล้วเอ็งจะลงเม็ดทั้งดินแห้ง ๆ หยั่งงี้เหรอไอ้มิ่ง”
ลุงน้อยยืนมองแถวเนินดินที่ร่วนดีแต่ยังแห้งผาดอยู่ แล้วเอ่ยถามลุงมิ่งขึ้นมา ลุงมิ่งทำเสียง อือ ในลำคอก่อนมองซ้ายมองขวาแล้วพูดออกมาด้วยความแปลกใจ
“เออ ข้าก็ลืมไปเลยถ้าเอ็งไม่ทัก ใครเห็นไอ้ตั้มมั่งวะ”
ผมก็เพิ่งนึกออกว่าเจ้าตั้มไม่ได้อยู่ตรงนี้ เพราะมัวแต่ยุ่งอยู่กับการปิดซุ้ม และมองดูรอบ ๆ ตอนนี้ก็เห็นแต่หลักโย้เย้ที่แปลงของเขาซึ่งยังขึงแนวไม่เสร็จ จึงเอ่ยถามลุงมิ่งออกไป
“ลุงให้ไปเอาบัวรดน้ำในโรงเรียน เขากลับมาหรือยังล่ะ”
“นั่นสิ ผมก็พรวนดินเพลินเลย”
ลุงมิ่งหันไปทางโรงเรียนขณะลุงน้อยเดินลับเข้าไป ครู่หนึ่งก็เดินกลับมาพร้อมกับบัวรดน้ำในมือ ลุงมิ่งมองแล้วทำท่าคิดอะไรบางอย่าง ก่อนพูดออกมาดัง ๆ
“เวรแล้ว สระตารุณเละไปแล้วป่านนี้ ไปไอ้น้อยไปกัน”
ลุงมิ่งพูดพร้อมกับส่ายหน้าก่อนจ้ำไปที่รถอย่างเร็ว ลุงน้อยหันมาทางผมพยักหน้าให้ตามไป ผมจึงเดินไปซ้อนท้ายต่อลุงมิ่ง ขณะลุงน้อยบิดออกไปทันที
“แทร่ดๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ”..
( มีต่อครับ )