แฟนนิสัยดีมากแต่มีภาวะซึมเศร้า

แฟนเรานิสัยดีมากค่ะ เพอร์เฟคสำหรับเราเลย แต่เเฟนมีภาวะหรืออาการซึมเศร้า ไม่ถึงกับเป็นโรคนะคะ ถ้ามีเรื่องทะเลาะกันเล็กน้อย เขาก็จะร้องไห้หนักมากๆเอาแต่โทษตัวเอง ดาวน์และดิ่งลึกมากบ้างทีเราต้องฮีลเขาเป็นชั่วโมงเป็นวัน เราเต็มใจทำค่ะ แต่ก็ยอมรับว่าเหนื่อยและท้ออยู่ เหมือนเราถ่ายพลังบวกให้เขาจนไม่เหลือให้ตัวเอง แรกๆก็ไหวค่ะ ผ่านมาจะปีเราเริ่มรู้สึกหมดพลังบวกเหมือนให้เขาไปหมดเเล้ว บางทีเราก็ฮีลเขาไม่ได้ เลือกที่จะไม่พูดเงียบเพราะช่วยเขาไม่ไหว จิตใจตัวเองก็จะไม่รอด อันนี้คือตั้งแต่คบมาอาการแฟนเราก็ดีขึ้นเรื่อยๆค่ะ แต่ก็ยังไม่ได้ปกติธรรมดา ส่วนตัวเราเองก็ศึกษาวิธีการพูดวิธีให้กำลังใจให้คนที่มีอาการแบบนี้รู้สึกดีขึ้น แต่เราก็คนธรรมดาไม่ได้เรียนทางตรง ก็ทำได้ไม่เต็มที่แถมยังทำให้ตัวเองดาวน์ตามไปอีก ที่บ้านเขาแม่ก็เหมือนมีอาการนิดหน่อยทำให้เขาก็ส่งพลังลบให้แฟนเราเหมือนกัน แม่เขาเคยไปรักษาแต่ก็เหมือนจะไม่ค่อยใส่ใจกับการรักษา ตัวเขาเองที่บ้านก็เหมือนไม่ค่อยได้แคร์ ละเราก็พยามคุยๆกับเขาว่าไปคุยกับคุณหมอมั้ยดีๆ ไปรับคำปรึกษา เขาก็บ่ายเบี่ยงค่ะ น่าจะคิดว่าไม่จำเป็น 
          คำถามคือเราจะทำยังไงดีค่ะ เราไม่อยากทิ้งเขาเพราะเขาเองก็ไม่มีใครเเละที่จริงเขาก็เป็นคนดีและน่ารักมากๆสำหรับเราตอนที่เขาปกติไม่ดิ่งไม่ดาวน์ แต่ถ้าอยู่ต่อตัวเราเองก็เริ่มร้องไห้หนักขึ้น นอนดึกขึ้นเพราะต้องมาคอยฮีลเขาถึงตีหนึ่งตีสองเเละเราก็มีภาระหน้าที่ที่ต้องตื่นค่อนข้างเช้า พักหลังมานี้เลยพักผ่อนไม่พอ เวลานอนผิดไปหมด เพลียเเละโทรมมากค่ะ และเป็นร้อนในบ่อยและขึ้นหลายทีพร้อมกันทรมานมากค่ะ เริ่มคิดลบกับเขามากขึ้น บางทีก็แอบด่าเขาทั้งๆที่ปกติไม่เคยทำเลย บางทีก็รู้สึกเกลียดเขาขึ้นมาอยากให้เขาหายไปในบางที เมื่อก่อนเราค่อนข้างรักตัวเองในระดับนึงเลยค่ะ แต่พักหลังมาเราก็เครียดจนจิกผมจิกเนื้อตัวเองเบาๆบ้าง โทษตัวเองบ้างอยากให้ตัวเองหายไปบ้าง เราควรทำยังไงดีคะ เศร้า
คำตอบที่ได้รับเลือกจากเจ้าของกระทู้
ความคิดเห็นที่ 4
หาหมอเท่านั้น

กินยา หกเดือนถึงหนึ่งปี จะกลับมาน่ารักเหมือนเดิม อาจจะต้องกินยาต่อนานหน่อย แต่ดีขึ้นได้จริง
ได้มากกกกกกด้วย ไม่ใช่แค่ตัวคนดูแล คนป่วยด้วย ยืนยัน นั่งยัน นอนยัน จากคนเป็นเอง
แต่ก่อนผมเองเลย อยู่ดีๆเป็น คิดลบ นั่งประสาทกิน อยากตายแบบงงๆ จนต้องห่างกันกับแฟน เลยไปหาหมอ
ตอนนี้แฮปปี้เป็นพลังบวกให้กันได้แบบดีกว่าปกติด้วยซ้ำ
มานั่งคิดตอนนี้ยังไม่เข้าใจเป็นไปได้ไงขนาดนั้น ไม่ใช่นิสัย มันเป็นอาการป่วยจริงครับ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่