คำตอบที่ได้รับเลือกจากเจ้าของกระทู้
ความคิดเห็นที่ 26
แถลงความคืบหน้า สถานการณ์ โรคไวรัสโควิด-19 ประจำวันที่ 14 กรกฎาคม 2564 เวลา 12.30 น.
แถลงความคืบหน้า สถานการณ์ โรคไวรัสโควิด-19
ณ ตึกสันติไมตรี ทำเนียบรัฐบาล
ประจำวันที่ 14 กรกฎาคม 2564 เวลา 12.30 น.
กระทรวงสาธารณสุข แถลงสถานการณ์โควิด-19 ประจำวันที่ 14 กรกฎาคม 2564 เวลา 13.30 น.
แถลงความคืบหน้าสถานการณ์ โรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19)
ณ กระทรวงสาธารณสุข
วันที่ 14 กรกฎาคม 2564
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
รวมสไลด์แถลงสถานการณ์โควิด-19 จาก ศบค.
วันพุธที่ 14 กรกฎาคม 2564
https://web.facebook.com/informationcovid19/posts/364573951827602
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
รายงานข้อมูลสถานการณ์การติดเชื้อโควิด-19
ณ วันพุธที่ 14 กรกฎาคม 2564
ประเทศไทย
วันนี้มีผู้ติดเชื้อ 9,317 ราย รวมผู้ติดเชื้อสะสม 363,029 ราย
- เป็นผู้ติดเชื้อจากระบบเฝ้าระวังและระบบบริการฯเพิ่มขึ้น 7,159 ราย
- เป็นผู้ติดเชื้อจากเรือนจำ/ที่ต้องขัง 129 ราย
- เป็นผู้ติดเชื้อที่เดินทางจากต่างประเทศเพิ่มขึ้น 8 ราย
- เป็นผู้ติดเชื้อจากการตรวจคัดกรองเชิงรุกวันนี้ 2,021 ราย (ยอดผู้ติดเชื้อสะสมจากการตรวจคัดกรองเชิงรุกอยู่ที่ 98,878 ราย)
เสียชีวิตรวม 2,934 ราย(วันนี้มีรายงานผู้เสียชีวิตเพิ่มขึ้น 87 ราย)
รักษาหายป่วยแล้ว 260,584 ราย (มีผู้ป่วยกลับบ้านเพิ่มขึ้น 5,129 ราย)
รักษาอยู่ในโรงพยาบาล 99,511 ราย
ผู้ติดเชื้อรายใหม่ภายในประเทศ (ไม่รวมเรือนจำ) 9,180 ราย มีรายละเอียดดังนี้จากกรุงเทพฯ(2,332) ปริมณฑล (2,530) จังหวัดอื่น ๆ (4,318)
สำหรับผู้ติดเชื้อรายใหม่ที่เป็นผู้ที่เดินทางมาจากต่างประเทศ เพิ่มขึ้นในวันนี้ 8 ราย และเข้า Quarantine โดยเข้ารับการรักษาที่กรุงเทพฯ(5) ชลบุรี(1) สระแก้ว(1) และ ภูเก็ต(1) มีรายละเอียดดังนี้
- จากประเทศกัมพูชา 1 ราย
- จากประเทศแอฟริกาใต้ 1 ราย
- จากประเทศเกาหลีใต้ 1 ราย
- จากประเทศบาห์เรน 1 ราย
- จากประเทศเบลเยียม1 ราย
- จากประเทศสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ 3 ราย
สถานการณ์โลกในวันนี้
- ยอดผู้ติดเชื้อสะสมทั่วโลก 188.5 ล้านราย มีจำนวนผู้เสียชีวิตสะสมกว่า 4 ล้านราย(คิดเป็นร้อยละ 2.16 ของจำนวนผู้ติดเชื้อ) ในขณะที่ผู้รักษาหายมีจำนวน 172.4 ล้านราย (คิดเป็นร้อยละ 91.42)
- สหรัฐอเมริกา มียอดผู้ติดเชื้อรายใหม่ 28,923 ราย และยอดผู้เสียชีวิตอยู่ที่อันดับ 1 ของโลก อยู่ที่ 623,435 ราย
- อินเดีย ยอดผู้ติดเชื้อสะสมทะลุ 30.9 ล้านรายแล้ว โดยมีจำนวนผู้ติดเชื้อรายใหม่ 40,215 ราย ทั้งนี้ยอดผู้รักษาหายในอินเดียอยู่ที่ 30 ล้านราย คิดเป็นร้อยละ 97.2
- ไทยมียอดผู้ติดเชื้อสะสมอยู่ที่อันดับ 59 และยอดผู้เสียชีวิตอยู่ที่อันดับ 81 ของโลก
สถานการณ์อาเซียนในวันนี้
- เมียนมา ตัวเลขผู้ติดเชื้อสะสม 201,274 ราย โดยมียอดผู้ติดเชื้อรายใหม่เฉลี่ยในรอบ 7 วันที่ผ่านมาอยู่ที่ 4,186 ราย และมีจำนวนผู้เสียชีวิตกว่า 4,036 ราย
- มาเลเซีย ยอดผู้ติดเชื้อสะสมอยู่ที่ 855,949 ราย โดยยอดผู้ติดเชื้อรายใหม่ อยู่ที่ 11,079 ราย
- กัมพูชา ตัวเลขผู้ติดเชื้อสะสม 62,700 ราย มียอดผู้เสียชีวิตสะสม 953 ราย
- ลาว ตัวเลขผู้ติดเชื้อสะสม 2,901 ราย โดยกำลังรักษาอยู่ 724 ราย
- เวียดนาม ผู้ติดเชื้อรายใหม่อยู่ที่ 2,301 ราย และมียอดผู้เสียชีวิตสะสม 132 ราย
ประมวลข้อมูลโดย กรมควบคุมโรค และศูนย์ปฏิบัติการด้านนวัตกรรมการแพทย์ และการวิจัยและพัฒนาสำนักงานการวิจัยแห่งชาติ(วช.)
กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม
https://web.facebook.com/nrctofficial/posts/3972219199570289
แถลงความคืบหน้า สถานการณ์ โรคไวรัสโควิด-19
ณ ตึกสันติไมตรี ทำเนียบรัฐบาล
ประจำวันที่ 14 กรกฎาคม 2564 เวลา 12.30 น.
กระทรวงสาธารณสุข แถลงสถานการณ์โควิด-19 ประจำวันที่ 14 กรกฎาคม 2564 เวลา 13.30 น.
แถลงความคืบหน้าสถานการณ์ โรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19)
ณ กระทรวงสาธารณสุข
วันที่ 14 กรกฎาคม 2564
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
รวมสไลด์แถลงสถานการณ์โควิด-19 จาก ศบค.
วันพุธที่ 14 กรกฎาคม 2564
https://web.facebook.com/informationcovid19/posts/364573951827602
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
รายงานข้อมูลสถานการณ์การติดเชื้อโควิด-19
ณ วันพุธที่ 14 กรกฎาคม 2564
ประเทศไทย
วันนี้มีผู้ติดเชื้อ 9,317 ราย รวมผู้ติดเชื้อสะสม 363,029 ราย
- เป็นผู้ติดเชื้อจากระบบเฝ้าระวังและระบบบริการฯเพิ่มขึ้น 7,159 ราย
- เป็นผู้ติดเชื้อจากเรือนจำ/ที่ต้องขัง 129 ราย
- เป็นผู้ติดเชื้อที่เดินทางจากต่างประเทศเพิ่มขึ้น 8 ราย
- เป็นผู้ติดเชื้อจากการตรวจคัดกรองเชิงรุกวันนี้ 2,021 ราย (ยอดผู้ติดเชื้อสะสมจากการตรวจคัดกรองเชิงรุกอยู่ที่ 98,878 ราย)
เสียชีวิตรวม 2,934 ราย(วันนี้มีรายงานผู้เสียชีวิตเพิ่มขึ้น 87 ราย)
รักษาหายป่วยแล้ว 260,584 ราย (มีผู้ป่วยกลับบ้านเพิ่มขึ้น 5,129 ราย)
รักษาอยู่ในโรงพยาบาล 99,511 ราย
ผู้ติดเชื้อรายใหม่ภายในประเทศ (ไม่รวมเรือนจำ) 9,180 ราย มีรายละเอียดดังนี้จากกรุงเทพฯ(2,332) ปริมณฑล (2,530) จังหวัดอื่น ๆ (4,318)
สำหรับผู้ติดเชื้อรายใหม่ที่เป็นผู้ที่เดินทางมาจากต่างประเทศ เพิ่มขึ้นในวันนี้ 8 ราย และเข้า Quarantine โดยเข้ารับการรักษาที่กรุงเทพฯ(5) ชลบุรี(1) สระแก้ว(1) และ ภูเก็ต(1) มีรายละเอียดดังนี้
- จากประเทศกัมพูชา 1 ราย
- จากประเทศแอฟริกาใต้ 1 ราย
- จากประเทศเกาหลีใต้ 1 ราย
- จากประเทศบาห์เรน 1 ราย
- จากประเทศเบลเยียม1 ราย
- จากประเทศสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ 3 ราย
สถานการณ์โลกในวันนี้
- ยอดผู้ติดเชื้อสะสมทั่วโลก 188.5 ล้านราย มีจำนวนผู้เสียชีวิตสะสมกว่า 4 ล้านราย(คิดเป็นร้อยละ 2.16 ของจำนวนผู้ติดเชื้อ) ในขณะที่ผู้รักษาหายมีจำนวน 172.4 ล้านราย (คิดเป็นร้อยละ 91.42)
- สหรัฐอเมริกา มียอดผู้ติดเชื้อรายใหม่ 28,923 ราย และยอดผู้เสียชีวิตอยู่ที่อันดับ 1 ของโลก อยู่ที่ 623,435 ราย
- อินเดีย ยอดผู้ติดเชื้อสะสมทะลุ 30.9 ล้านรายแล้ว โดยมีจำนวนผู้ติดเชื้อรายใหม่ 40,215 ราย ทั้งนี้ยอดผู้รักษาหายในอินเดียอยู่ที่ 30 ล้านราย คิดเป็นร้อยละ 97.2
- ไทยมียอดผู้ติดเชื้อสะสมอยู่ที่อันดับ 59 และยอดผู้เสียชีวิตอยู่ที่อันดับ 81 ของโลก
สถานการณ์อาเซียนในวันนี้
- เมียนมา ตัวเลขผู้ติดเชื้อสะสม 201,274 ราย โดยมียอดผู้ติดเชื้อรายใหม่เฉลี่ยในรอบ 7 วันที่ผ่านมาอยู่ที่ 4,186 ราย และมีจำนวนผู้เสียชีวิตกว่า 4,036 ราย
- มาเลเซีย ยอดผู้ติดเชื้อสะสมอยู่ที่ 855,949 ราย โดยยอดผู้ติดเชื้อรายใหม่ อยู่ที่ 11,079 ราย
- กัมพูชา ตัวเลขผู้ติดเชื้อสะสม 62,700 ราย มียอดผู้เสียชีวิตสะสม 953 ราย
- ลาว ตัวเลขผู้ติดเชื้อสะสม 2,901 ราย โดยกำลังรักษาอยู่ 724 ราย
- เวียดนาม ผู้ติดเชื้อรายใหม่อยู่ที่ 2,301 ราย และมียอดผู้เสียชีวิตสะสม 132 ราย
ประมวลข้อมูลโดย กรมควบคุมโรค และศูนย์ปฏิบัติการด้านนวัตกรรมการแพทย์ และการวิจัยและพัฒนาสำนักงานการวิจัยแห่งชาติ(วช.)
กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม
https://web.facebook.com/nrctofficial/posts/3972219199570289
แสดงความคิดเห็น
🇹🇭มาลาริน💚วันนี้(13ก.ค.)ป่วย9,317คน รักษาหาย5,129คน เสียชีวิต87คน/ติดเชื้อ77จังหวัด/รู้จักยาฟาวิพิราเวียร์'รักษาโควิด
สถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) หรือ โควิด-19 ในไทยวันนี้ พบผู้ติดเชื้อรายใหม่เพิ่ม 9,317 ราย แบ่งเป็นผู้ติดเชื้อใหม่ 9,188 ราย และผู้ติดเชื้อในเรือนจำ 129 ราย ยอดติดเชื้อรวมระลอกเมษายน 334,166 ราย รวมยอดติดเชื้อสะสม 363,029 ราย เสียชีวิตเพิ่ม 87 ราย เสียชีวิตสะสม 2,934 ราย หายป่วยเพิ่ม 5,129 ราย รวมหายป่วยสะสม 260,4584 ราย กำลังรักษา 99,511 ราย มีอาการหนัก 3,201 ราย ใช้เครื่องช่วยหายใจ 828 ราย
รายละเอียดผู้ป่วยโควิด-19 รายใหม่ จำนวน 9,317 ราย มีดังนี้....👇
1.ผู้ป่วยรายใหม่ จากระบบเฝ้าระวังและระบบบริการฯ 7,159 ราย
2.ค้นหาผู้ติดเชื้อเชิงรุกในชุมชน 2,021 ราย
3.จากเรือนจำ/ที่ต้องขัง 129 ราย
4.เดินทางมาจากต่างประเทศ และเข้า State Quarantine 8 ราย
รายละเอียดผู้เสียชีวิต 87 ราย มีดังนี้....👇
https://www.sanook.com/news/8411250/
‘โควิด’วันนี้ติดครบ 77 จังหวัด เช็กที่นี่ จว.ไหนติดเท่าไร-เปิดลิสต์ 10 อันดับสูงสุด
ทั้งนี้ พบว่า ในวันนี้มีการพบผู้ติดเชื้อครบ 77 จังหวัดทั่วประเทศ โดย 10 อันดับจังหวัดที่มีจำนวนผู้ติดเชื้อโควิด ในประเทศรายใหม่สูงสุด ดังนี้
https://www.naewna.com/local/587520
รู้จัก 'ยาฟาวิพิราเวียร์' ใช้รักษา 'โควิด-19' ไทยกำลังจะผลิตเองได้
ข่าวดี! องค์การเภสัชกรรมอัพเดทกรณีวิจัย "ยาฟาวิพิราเวียร์" ในไทย คาดว่า ก.ค. 64 จะนำขึ้นทะเบียนกับ อย. จากนั้นไทยจะสามารถผลิตยานี้ในราคาที่ถูกกว่านำเข้า ชวนรู้จัก "ยาฟาวิพิราเวียร์" ให้มากขึ้น
หลังจากที่ ครม. ได้แถลงความคืบหน้ากรณีการวิจัยและพัฒนาการผลิต "ยาฟาวิพิราเวียร์" ในประเทศไทย พบว่าล่าสุด.. องค์การเภสัชกรรมวิจัยสำเร็จแล้ว และกำลังจะนำขึ้นทะเบียนกับ อย. จากนั้นไทยจะสามารถผลิตยานี้ในราคาที่ถูกกว่านำเข้า
กรุงเทพธุรกิจออนไลน์ ชวนคนไทยมารู้จัก "ยาฟาวิพิราเวียร์" ให้มากขึ้น เจาะลึกว่ายาชนิดนี้สามารถรักษาอาการป่วย "โควิด-19" ให้หายได้อย่างไร?
1. "ยาฟาวิพิราเวียร์" คืออะไร?
ผศ.นพ.พิสนธิ์ จงตระกูล โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ สภากาชาดไทย ให้ข้อมูลในบทความวิชาการ (18 พ.ค.64) เอาไว้ว่า ฟาวิพิราเวียร์ถูกขึ้นทะเบียนเป็นยาที่ใช้รักษาโรคไข้หวัดใหญ่ แต่เนื่องจากเป็นยาต้านไวรัสที่ออกฤทธิ์กว้าง จึงใช้ได้กับโรคติดเชื้อไวรัสอื่นๆ ด้วย เช่น ชิคุนกุนยา และ โควิด-19
ด้านรองศาสตราจารย์ ดร.นงลักษณ์ สุขวาณิชย์ศิลป์ อาจารย์คณะเภสัชศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล ก็ให้คำอธิบายในบทความทวิชาการ (8 ก.ค.64) ในทิศทางเดียวกันว่า ในช่วงที่มีการระบาดของไวรัสโควิด-19 ใหม่ๆ มีกลุ่มนักวิจัยชาวจีนได้ตรวจหาฤทธิ์ยาและสารอื่นจำนวนกว่า 70,000 ชนิด เพื่อนำมาใช้รักษาโรคปอดอักเสบจากไวรัสโควิด-19
ในที่สุดก็พบยาที่มีประสิทธิภาพในการรักษา ซึ่งรวมถึงฟาวิพิราเวียร์ (favipiravir), คลอโรควินฟอสเฟต (chloroquine phosphate) และ เรมเดซิเวียร์ (remdesivir)
2. "ยาฟาวิพิราเวียร์" ใครวิจัยและค้นพบครั้งแรก?
ฟาวิพิราเวียร์ ถูกค้นพบโดยบริษัท โตยามะเคมิคอล ประเทศญี่ปุ่น ยานี้ได้รับอนุมัติให้ใช้ในประเทศญี่ปุ่นตั้งแต่เดือนมีนาคม พ.ศ. 2557 เพื่อใช้รักษาโรคไวรัสไข้หวัดใหญ่ ที่ใช้ยาอื่นไม่ได้ผล
อีกทั้ง มีการใช้ยานี้ในช่วงที่มีการระบาดอย่างหนักของไวรัสอีโบลา (Ebola virus) ในแถบอาฟริกาตะวันตกช่วงปี พ.ศ. 2557 ถึง 2559 อีกด้วย
จากข้อมูลในอดีต ผู้ที่ใช้ยานี้ไม่ว่าจะเป็นอาสาสมัครสุขภาพดี ผู้ป่วยโรคไข้หวัดใหญ่ และผู้ป่วยโรคอีโบลา มีจำนวนไม่น้อยกว่า 2,000 คน พบว่ายามีความปลอดภัย ข้อกังวลเกี่ยวกับการใช้ยานี้เกิดขึ้นเช่นเดียวกับยาต้านโคโรนาไวรัสชนิดอื่นคือปัญหาเรื่องไวรัสดื้อยา
3. เมื่อโควิดระบาด "ฟาวิพิราเวียร์" ถูกนำมาใช้อีกครั้ง
เมื่อเดือนกุมภาพันธ์ 2563 ที่ผ่านมา "ยาฟาวิพิราเวียร์" ได้รับอนุมัติในประเทศจีนให้ใช้รักษาโรคไข้หวัดใหญ่ในผู้ใหญ่ และอนุญาตให้นำมาใช้ในการศึกษาทางคลินิกกับผู้ป่วยโควิด-19 ได้ ส่วนในประเทศเกาหลีใต้ ในเวลา ณ ขณะนั้น ก็เร่งพิจารณาขออนุมัติทะเบียนยาแบบเร่งด่วน (fast-track approval) เพื่อใช้รักษาโควิด-19 จนมาถึงปัจจุบัน ยาฟาวิพิราเวียร์ได้รับการยอมรับและใช้รักษาโรคโควิด-19 กันทั่วโลก
4. รู้ฤทธิ์ "ยาฟาวิพิราเวียร์" ต้านไวรัสได้ยังไง?
"ยาฟาวิพิราเวียร์" มีฤทธิ์ต้านไวรัสในกลุ่ม RNA virus ได้หลากหลายชนิด เช่น ไวรัสไข้หวัดใหญ่ (influenza virus), ไวรัสโรคปากและเท้าเปื่อย (foot-and-mouth disease virus), ไวรัสไข้เหลือง (yellow fever virus) นอกจากนี้ยังมีการศึกษาอย่างต่อเนื่องกับไวรัสที่ก่อโรคในคนอีกหลายชนิด
โดยลักษณะการออกฤทธิ์ของฟาวิพิราเวียร์ คือ ตัวยาจะมีฤทธิ์ในการเข้าไปเปลี่ยนแปลงเอนไซม์ภายในเซลล์ของร่างกาย เพื่อยับยั้งการเพิ่มจำนวนไวรัส นอกจากนี้สารสำคัญจากตัวยา ยังทำให้เกิดการสร้างสารพันธุกรรมอาร์เอนเอของไวรัสที่ผิดปกติ และทำให้ไวรัสตาย ทั้งนี้ ยาฟาวิพิราเวียร์เมื่อกินเข้าไปแล้วจะไม่เป็นอันตรายต่อเซลล์ของคนและสัตว์
ยานี้ถูกดูดซึมจากทางเดินอาหารได้ดีเกือบสมบูรณ์ เกิดระดับยาสูงสุดภายใน 1 ชั่วโมง (ช่วงตั้งแต่ 30 นาที ถึง 1 ชั่วโมง) จากนั้น ยาจะถูกเปลี่ยนสภาพที่ตับให้กลายเป็นสารที่ไม่มีฤทธิ์และถูกขับออกทางปัสสาวะได้
5. การใช้ "ยาฟาวิพิราเวียร์" กับผู้ป่วยโควิด-19
ผศ.นพ.พิสนธิ์ อธิบายเพิ่มเติมว่า แพทย์จะใช้ฟาวิพิราเวียร์กับผู้ป่วยโรคโควิด-19 ที่รับไว้ในสถานพยาบาล โดยกรมควบคุมโรคระบุให้ใช้กับผู้ที่เริ่มมีอาการของโรค ไม่แนะนำให้ใช้กับผู้ที่ยังไม่มีอาการ หรือใช้เพื่อป้องกันโรค
ทั้งนี้ ขึ้นอยู่กับดุลยพินิจของแพทย์ที่จะเริ่มใช้ยานี้กับผู้ติดเชื้อที่ไม่มีอาการบางรายที่มีปัจจัยเสี่ยงต่อการเป็นโรครุนแรง เช่น อายุมาก เป็นเบาหวาน หรืออ้วน เป็นต้น หรือมีแนวโน้มที่จะมีความรุนแรงของโรคมากขึ้น ก็สามารถใช้ยานี้ได้ในทันที แต่ต้องใช้อย่างสมเหตุผล หากนำมาใช้เกินจำเป็นจะทำให้ไวรัสดื้อยาได้
6. ไทยกำลังจะผลิต "ฟาวิพิราเวียร์" ได้แล้ว
ล่าสุด.. (13 ก.ค. 64) นางสาวรัชดา ธนาดิเรก รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยถึงกรณีความคืบหน้าการวิจัยและพัฒนาการผลิตยาฟาวิพิราเวียร์ในประเทศไทย ระบุว่า
ภายในเดือนกรกฎาคม 2564 ทางองค์การเภสัชกรรมคาดว่า ยาฟาวิพิราเวียร์ที่ได้วิจัยและพัฒนาขึ้นนั้น จะได้รับการขึ้นทะเบียนตำรับยาจาก อย. และจากนั้นจะเป็นการผลิตเชิงพาณิชย์ เพื่อให้ผู้ป่วยโควิด-19 เข้าถึงยาอย่างเพียงพอ เมื่อทุกอย่างสำเร็จลุล่วง ประเทศไทยจะสามารถผลิตยาฟาวิพิราเวียร์ในราคาที่ถูกกว่านำเข้าอย่างมาก
โดยเป็นความร่วมมือระหว่าง สวทช. อภ. และ บริษัท ปตท. ที่เริ่มการวิจัยมาตั้งแต่การทดสอบในระดับห้องปฏิบัติการ (Laboratory scale) การถ่ายทอดเทคโนโลยี จนถึงระดับอุตสาหกรรม (Industrial scale) ตลอดจนการศึกษาความเป็นไปได้ในการพัฒนาสารออกฤทธิ์ทางเภสัชกรรม (Feasibility Study) ที่มีศักยภาพในเชิงพาณิชย์
https://www.bangkokbiznews.com/news/detail/948880
ให้กำลังใจรัฐบาลและบุคลากรทางการแพทย์ที่สู้โควิดค่ะ