วันนี้ (15 ก.ค.) เมื่อเวลา 08.00 น. ศูนย์ปฏิบัติการภาวะฉุกเฉิน กรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข เผยตัวเลขสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 ในประเทศไทย ว่า...👇
ล่าสุด สถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) หรือ โควิด-19 ในไทยวันนี้ พบผู้ติดเชื้อรายใหม่เพิ่ม 9,186 ราย แบ่งเป็นผู้ติดเชื้อใหม่ 9,107 ราย และผู้ติดเชื้อในเรือนจำ 79 ราย ยอดติดเชื้อรวมระลอกเมษายน 343,352 ราย รวมยอดติดเชื้อสะสม 372,215 ราย เสียชีวิตเพิ่ม 98 ราย เสียชีวิตสะสม 3,032 ราย หายป่วยเพิ่ม 5,543 ราย รวมหายป่วยสะสม 266,127 ราย กำลังรักษา 103,056 ราย มีอาการหนัก 3,276ราย ใช้เครื่องช่วยหายใจ 839 ราย
รายละเอียดผู้ป่วยโควิด-19 รายใหม่ จำนวน 9,186 ราย มีดังนี้
1.ผู้ป่วยรายใหม่ จากระบบเฝ้าระวังและระบบบริการฯ 7,481 ราย
2.ค้นหาผู้ติดเชื้อเชิงรุกในชุมชน 1,624 ราย
3.จากเรือนจำ/ที่ต้องขัง 79 ราย
4.เดินทางมาจากต่างประเทศ และเข้า State Quarantine 22 ราย
รายละเอียดผู้เสียชีวิต 98 ราย มีดังนี้
https://www.sanook.com/news/8411610
สำหรับ 10 อันดับจังหวัดที่มีจำนวนผู้ติดเชื้อโควิด ในประเทศรายใหม่สูงสุด ดังนี้
1.กรุงเทพมหานคร 2,224 ราย
2.สมุทรปราการ 846 ราย
3.สมุทรสาคร 640 ราย
4.ชลบุรี 523 ราย
5.นนทบุรี 355 ราย
6.นครปฐม 291 ราย
7.ปัตตานี 269 ราย
8.ปทุมธานี 233 ราย
9.ฉะเชิงเทรา 188 ราย
10.สงขลา 181 ราย
ขณะที่ยอดผู้ป่วยติดเชื้อ “ภายในประเทศ” รายใหม่ ตามราย “ภาค” วันพฤหัสบดีที่ 15 กรกฎาคม 2564 จำนวน 9,085 ราย เป็นดังนี้
https://www.naewna.com/local/587757
ยาฟาวิพิราเวียร์เมดอินไทยแลนด์ขึ้นทะเบียนอย.แล้ว
ต้นส.ค.เริ่มกระจายจ่ายผู้ป่วยโควิด
ดร.ภญ.นันทกาญจน์ สุวรรณปิฎกกุล ผู้เชี่ยวชาญพิเศษ องค์การเภสัชกรรมกล่าวว่า ยาฟาเวียร์ (200 มิลลิกรัมต่อเม็ด) มีชื่อสามัญทางยา คือ ยาฟาวิพิราเวียร์ ( Favipiravir ) ที่องค์การเภสัชกรรมได้วิจัย พัฒนา และผลิตเอง ได้รับการขึ้นทะเบียนจากสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.)เรียบร้อยแล้ว โดยยาฟาเวียร์เป็นผลิตภัณฑ์ยาสามัญรายแรกของประเทศไทยมีคุณภาพมาตรฐานสากล จะเริ่มผลิตและกระจายให้ผู้ป่วยได้ใช้ในต้นเดือนสิงหาคมนี้ โดยในระยะแรกผลิตได้ไม่น้อยกว่าเดือนละ 2 ล้านเม็ด ที่โรงงานขององค์การฯที่ถนนพระราม 6 และจะขยายกำลังการผลิตไปยังโรงงานผลิตยาที่ คลอง10 อ.ธัญบุรี จ.ปทุมธานี เพื่อเพิ่มกำลังการผลิตให้มากขึ้นอย่างต่อเนื่อง การผลิตยาดังกล่าวขององค์การฯครั้งนี้ ทำให้ราคายาถูกลงกว่าการนำเข้ายาจากต่างประเทศ ส่งผลให้รัฐประหยัดค่าใช้จ่ายด้านยาของประเทศ
ทั้งนี้ ยาฟาวิพิราเวียร์ เป็นรายการยาหลักที่ใช้ในการรักษาโรคโควิด-19 ที่มีประสิทธิภาพ ตามแนวทางการรักษาของประเทศไทย ซึ่งเดิมต้องนำเข้าจากต่างประเทศทั้งหมด ปัจจุบันสถานการณ์การการระบาดโรคโควิด-19 มีความรุนแรงมากขึ้น ทำให้มีการใช้ยาฟาวิพิราเวียร์ถึงประมาณวันละ 3 แสนเม็ดหรือเดือนละประมาณ 9 ล้านเม็ด ซึ่งองค์การฯได้มีการจัดหาเข้ามาจากต่างประเทศอย่างต่อเนื่อง และองค์การฯจะเริ่มผลิตยาฟาเวียร์คู่ขนานไปด้วย โดยองค์การฯจะได้มีการบริหารจัดการสำรองยาฟาวิพิราเวียร์ ให้เพียงพอและสอดคล้องกับสถานการณ์ความรุนแรงของการระบาดโรคโควิด-19 ในประเทศ
องค์การฯได้ดำเนินการวิจัยพัฒนาและผลิตยาฟาเวียร์ เพื่อให้ประเทศไทยสามารถพึ่งพาตนเองได้ โดยคัดเลือกแหล่งวัตถุดิบที่มีคุณภาพจากต่างประเทศ มาใช้ในการพัฒนาสูตรตำรับ จนขยายขนาดการผลิตในระดับอุตสาหกรรม ยาดังกล่าวได้ผ่านการศึกษาความคงตัวและประสิทธิผลทางชีวสมมูล (Bioequivalence study) ซึ่งเป็นการศึกษาระดับยาในเลือดเทียบกับยาต้นแบบแล้ว โดยผลการศึกษาคุณภาพผลิตภัณฑ์ผ่านเกณฑ์มาตรฐานสากลและผลการศึกษาชีวสมมูลเทียบเท่ากับยาต้นแบบ
“องค์การฯต้องขอบคุณสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา กรมทรัพย์สินทางปัญญา ภาคประชาสังคม และอีกหลายหน่วยงาน ที่ร่วมกันผลักดันให้การดำเนินการในครั้งนี้สำเร็จ จนส่งผลให้องค์การฯสามารถที่ผลิตยารักษาโควิด-19 ให้กับผู้ป่วยได้อย่างทันท่วงที ซึ่งจะทำให้ประเทศไทยได้ผ่านพ้นวิกฤติครั้งนี้ไปได้” ผู้เชี่ยวชาญพิเศษ กล่าว
https://siamrath.co.th/n/262193
ให้กำลังใจรัฐบาลประคับประคองสถานการณ์วิกฤตให้ผ่านไปได้ค่ะ
ยังอุ่นใจที่ไทยผลิตยาต้านโควิดได้เอง ทั้งยังราคาถูก
ขอทุกคนช่วยกันรักษาตัวไม่ให้เป็นภาระของบุคลากรทางการแพทย์
🇹🇭มาลาริน⚁วันนี้(15ก.ค.)ป่วย9,186คน รักษาหาย5,543คน เสียชีวิต98คน/ติดเชื้อรายภาค 77จว./ส.ค.ได้ใช้ยาฟาวิพิราเวียร์ไทย
วันนี้ (15 ก.ค.) เมื่อเวลา 08.00 น. ศูนย์ปฏิบัติการภาวะฉุกเฉิน กรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข เผยตัวเลขสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 ในประเทศไทย ว่า...👇
ล่าสุด สถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) หรือ โควิด-19 ในไทยวันนี้ พบผู้ติดเชื้อรายใหม่เพิ่ม 9,186 ราย แบ่งเป็นผู้ติดเชื้อใหม่ 9,107 ราย และผู้ติดเชื้อในเรือนจำ 79 ราย ยอดติดเชื้อรวมระลอกเมษายน 343,352 ราย รวมยอดติดเชื้อสะสม 372,215 ราย เสียชีวิตเพิ่ม 98 ราย เสียชีวิตสะสม 3,032 ราย หายป่วยเพิ่ม 5,543 ราย รวมหายป่วยสะสม 266,127 ราย กำลังรักษา 103,056 ราย มีอาการหนัก 3,276ราย ใช้เครื่องช่วยหายใจ 839 ราย
รายละเอียดผู้ป่วยโควิด-19 รายใหม่ จำนวน 9,186 ราย มีดังนี้
1.ผู้ป่วยรายใหม่ จากระบบเฝ้าระวังและระบบบริการฯ 7,481 ราย
2.ค้นหาผู้ติดเชื้อเชิงรุกในชุมชน 1,624 ราย
3.จากเรือนจำ/ที่ต้องขัง 79 ราย
4.เดินทางมาจากต่างประเทศ และเข้า State Quarantine 22 ราย
รายละเอียดผู้เสียชีวิต 98 ราย มีดังนี้
https://www.sanook.com/news/8411610
สำหรับ 10 อันดับจังหวัดที่มีจำนวนผู้ติดเชื้อโควิด ในประเทศรายใหม่สูงสุด ดังนี้
1.กรุงเทพมหานคร 2,224 ราย
2.สมุทรปราการ 846 ราย
3.สมุทรสาคร 640 ราย
4.ชลบุรี 523 ราย
5.นนทบุรี 355 ราย
6.นครปฐม 291 ราย
7.ปัตตานี 269 ราย
8.ปทุมธานี 233 ราย
9.ฉะเชิงเทรา 188 ราย
10.สงขลา 181 ราย
ขณะที่ยอดผู้ป่วยติดเชื้อ “ภายในประเทศ” รายใหม่ ตามราย “ภาค” วันพฤหัสบดีที่ 15 กรกฎาคม 2564 จำนวน 9,085 ราย เป็นดังนี้
https://www.naewna.com/local/587757
ยาฟาวิพิราเวียร์เมดอินไทยแลนด์ขึ้นทะเบียนอย.แล้ว
ต้นส.ค.เริ่มกระจายจ่ายผู้ป่วยโควิด
ดร.ภญ.นันทกาญจน์ สุวรรณปิฎกกุล ผู้เชี่ยวชาญพิเศษ องค์การเภสัชกรรมกล่าวว่า ยาฟาเวียร์ (200 มิลลิกรัมต่อเม็ด) มีชื่อสามัญทางยา คือ ยาฟาวิพิราเวียร์ ( Favipiravir ) ที่องค์การเภสัชกรรมได้วิจัย พัฒนา และผลิตเอง ได้รับการขึ้นทะเบียนจากสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.)เรียบร้อยแล้ว โดยยาฟาเวียร์เป็นผลิตภัณฑ์ยาสามัญรายแรกของประเทศไทยมีคุณภาพมาตรฐานสากล จะเริ่มผลิตและกระจายให้ผู้ป่วยได้ใช้ในต้นเดือนสิงหาคมนี้ โดยในระยะแรกผลิตได้ไม่น้อยกว่าเดือนละ 2 ล้านเม็ด ที่โรงงานขององค์การฯที่ถนนพระราม 6 และจะขยายกำลังการผลิตไปยังโรงงานผลิตยาที่ คลอง10 อ.ธัญบุรี จ.ปทุมธานี เพื่อเพิ่มกำลังการผลิตให้มากขึ้นอย่างต่อเนื่อง การผลิตยาดังกล่าวขององค์การฯครั้งนี้ ทำให้ราคายาถูกลงกว่าการนำเข้ายาจากต่างประเทศ ส่งผลให้รัฐประหยัดค่าใช้จ่ายด้านยาของประเทศ
ทั้งนี้ ยาฟาวิพิราเวียร์ เป็นรายการยาหลักที่ใช้ในการรักษาโรคโควิด-19 ที่มีประสิทธิภาพ ตามแนวทางการรักษาของประเทศไทย ซึ่งเดิมต้องนำเข้าจากต่างประเทศทั้งหมด ปัจจุบันสถานการณ์การการระบาดโรคโควิด-19 มีความรุนแรงมากขึ้น ทำให้มีการใช้ยาฟาวิพิราเวียร์ถึงประมาณวันละ 3 แสนเม็ดหรือเดือนละประมาณ 9 ล้านเม็ด ซึ่งองค์การฯได้มีการจัดหาเข้ามาจากต่างประเทศอย่างต่อเนื่อง และองค์การฯจะเริ่มผลิตยาฟาเวียร์คู่ขนานไปด้วย โดยองค์การฯจะได้มีการบริหารจัดการสำรองยาฟาวิพิราเวียร์ ให้เพียงพอและสอดคล้องกับสถานการณ์ความรุนแรงของการระบาดโรคโควิด-19 ในประเทศ
องค์การฯได้ดำเนินการวิจัยพัฒนาและผลิตยาฟาเวียร์ เพื่อให้ประเทศไทยสามารถพึ่งพาตนเองได้ โดยคัดเลือกแหล่งวัตถุดิบที่มีคุณภาพจากต่างประเทศ มาใช้ในการพัฒนาสูตรตำรับ จนขยายขนาดการผลิตในระดับอุตสาหกรรม ยาดังกล่าวได้ผ่านการศึกษาความคงตัวและประสิทธิผลทางชีวสมมูล (Bioequivalence study) ซึ่งเป็นการศึกษาระดับยาในเลือดเทียบกับยาต้นแบบแล้ว โดยผลการศึกษาคุณภาพผลิตภัณฑ์ผ่านเกณฑ์มาตรฐานสากลและผลการศึกษาชีวสมมูลเทียบเท่ากับยาต้นแบบ
“องค์การฯต้องขอบคุณสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา กรมทรัพย์สินทางปัญญา ภาคประชาสังคม และอีกหลายหน่วยงาน ที่ร่วมกันผลักดันให้การดำเนินการในครั้งนี้สำเร็จ จนส่งผลให้องค์การฯสามารถที่ผลิตยารักษาโควิด-19 ให้กับผู้ป่วยได้อย่างทันท่วงที ซึ่งจะทำให้ประเทศไทยได้ผ่านพ้นวิกฤติครั้งนี้ไปได้” ผู้เชี่ยวชาญพิเศษ กล่าว
https://siamrath.co.th/n/262193
ให้กำลังใจรัฐบาลประคับประคองสถานการณ์วิกฤตให้ผ่านไปได้ค่ะ
ยังอุ่นใจที่ไทยผลิตยาต้านโควิดได้เอง ทั้งยังราคาถูก
ขอทุกคนช่วยกันรักษาตัวไม่ให้เป็นภาระของบุคลากรทางการแพทย์