ศิลปินผู้กลับมาถ่ายวิดิโอร้องเพลงในห้องอีกครั้งในรอบ 14 ปี เพราะโควิด

"อยากฟังเรื่องตลกไหมครับ คือเมื่อ 5 ปีก่อน ผมเลิกที่จะแสดงเดี่ยวไมโครโฟนแล้ว เพราะว่าผมมีอาการตื่นตระหนกอย่างรุนแรงเมื่อตัวเองต้องอยู่บนเวที ซึ่งเวทีนี่แหละเป็นสถานที่ที่ไม่ดีนักที่จะทำให้อาการมันกำเริบ ผมเลยเลิก เลิกโชว์มา 5 ปีแล้ว และผมใช้เวลานั้นเพื่อที่จะรักษาอาการนี้ให้ดีขึ้น แล้วเชื่อไหมล่ะว่าผมทำได้ อาการของผมดีขึ้น ดีขึ้นมากๆเลยล่ะ และในมกราคม 2020 ผมคิดว่าผมจะกลับมาแสดงโชว์อีกครั้ง ที่ผ่านมาผมมัวแต่ซ่อนตัวมาโดยตลอดและตอนนี้ผมคิดว่าผมต้องกลับมาโชได้แล้วล่ะ และหลังจากนั้นสิ่งที่ตลกที่สุดก็เกิดขึ้นจนได้"
-Bo Burnham จากเพลง All Eyes On Me ประกอบการแสดง Bo Burnham: Inside


Bo Burnham เป็นที่รู้จักจากการเป็นนักแสดงโชว์ Stand-up comedy (เดี่ยวไมคฺ์ฯ) นักแสดงตลก คนเขียนบทและกำกับภาพยนตร์ และเป็นนักดนตรีที่มีความสามารถระดับมืออาชีพและนำความสามารถนี้มาร่วมใช้กับการโชว์ Stand-up comedy ออกมาได้อย่างลงตัว ซึ่งบทความนี้จะพาผู้อ่านทุกท่านไปรู้จักกับเขากันครับ

Bo เป็นศิลปินตลกที่เริ่มต้นอาชีพของตัวเองจาก YouTube ในปี 2006 ด้วยเพลงที่แต่งขึ้นมาเองและร้องเองในห้องนอนของเขา ซึ่งคอนเซ็ปของเพลงคือ Musical Comedy วิดิโอแรกที่ถูกอัพโหลดของเขาชื่อว่า "My Whole Family..." ในวันที่ 22 ธ.ค. 2006 ซึ่งมียอดวิว 11 ล้านวิวแล้ว


วิดิโอแรกบนยูทูปของ Bo Burnham | My Whole Family...

เขาทำวิดิบนยูทูปเรื่อยมาจนเป็นที่รู้จัก จากความสำเร็จในโซเชียลมีเดีย ทำให้ในปี 2008 เขาได้เซ็นสัญญากับค่ายเพลง Comedy Central Record และได้ร่วมโชใน Comedy Central's The World Stand-Up ซึ่งในขณะนั้นเขามีอายุเพียง 18 ปี ซึ่งเป็นคนที่อายุน้อยที่สุดในขณะนั้น

ไม่นานหลังจากได้เซ็นสัญญากับค่ายเพลง เขาได้ปล่อย EP แรกของเขาชื่อว่า Bo fo Sho ในเดือนมิถุนายน ปี 2008 และอัลบั้มเต็มชื่อว่า Bo Burnham (Self-titled) ในเดือนมีนาคม ปี 2009

ด้วยความสามารถของ Bo ที่โดดเด่นทางด้านการแสดงตลกและทางดนตรีทำให้ฝีมือของเขาเข้าตา Judd Apatow ผู้กำกับภาพยนตร์ 40-Year-Old Virgin จึงได้ชักชวนมาเขียนบทภาพยนตร์ร่วมกันที่ว่ากันว่าเป็นโปรเจคภาพยนตร์มิวสิคัล Anti ‘Highschool Musical (2006)’ แต่น่าเสียดายที่โปรเจคนี้ไม่ได้ถูกสร้างขึ้นมาจริงๆ


อัลบั้มแรกของ Bo Burnham

จนกระทั่งในปี 2010 Bo จึงได้เริ่มโชว์เดี่ยวไมโครโฟนครั้งแรกของเขาหลังจากที่เป็นนักแสดงตลกมาได้สักพักหนึ่ง โชว์มีชื่อว่า ‘Words Words Words’ ซึ่งประสบความสำเร็จเป็นอย่างมาก และเริ่มสร้างชื่อเสียงในวงการเดี่ยวไมโครโฟนให้กับเขา เพราะเป็นโชว์ที่แตกต่างจากนักแสดงเดี่ยวคนอื่นๆ เขานำดนตรีขึ้นมาแสดงประกอบในโชว์เดี่ยวไมค์โครโฟนของเขา ทั้งการเล่นดนตรีที่เก่งกาจ เสียงร้องอันไพเราะราวกับเป็นนักดนตรีมืออาชีพซึ่งร้องสดทุกเพลง เป็นที่ชื่นชอบของผู้ชมเป็นอย่างมากเพราะเป็นการแสดงเดี่ยวไมค์โครโฟนที่แปลกใหม่และไม่เคยเห็นที่ไหนมาก่อน

ต่อมาในปี 2013 โชว์ครั้งที่ 2 ของเขาก็ขึ้นโชว์เดี่ยวไมค์โครโฟนอีกครั้ง ซึ่งโชว์นี้แหละที่ทำให้เขาเป็นที่รู้จักมากยิ่งขึ้นไปอีก เขาเริ่มรู้แล้วว่าโชว์ของเขาควรไปในทิศทางไหนซึ่งเขาก็พยายามทำมันให้ดีมากยิ่งขึ้น และก็ได้ผล โชว์ครั้งนี้มีชื่อว่า ‘What’ (หากตั้งค่า Netflix เป็นภาษาอังกฤษจะสามารถชมโชว์นี้ได้ แต่จะไม่มีซับภาษาไทย) ซึ่งได้รับเสียงตอบรับที่ดีมาก เป็นที่ชื่นชอบของคนดูและนักวิจารณ์ มีเพลงที่ตลกๆมากมายและยังถูกพูดถึงอยู่ในทุกวันนี้อย่างเช่นเพลง Sad

โชว์เดี่ยวไมค์โครโฟนหรือ Stand-Up Comedy คือการยืนเล่าเรื่องให้ผู้ชมฟัง แต่สำหรับ Bo นั้นแตกต่างออกไป เขาเล่าเรื่องตลกและสลับกับร้องเพลงไปด้วย เพลงในแต่ละโชว์ของเขามักจะเป็นเพลงแนวตลกขบขัน เนื้อหาจิกกัด เสียดสีสังคม เป็นจุดขายสำคัญที่หาไม่ได้จากนักแสดงโชว์คนอื่น

หลังจากนั้นเขาก็โด่งดังมากขึ้นจนมีงานแสดงโผล่มาเรื่อยๆในซีรี่ส์แนว Comedy และมักจะโผล่มาในบทนักดนตรีอยู่บ่อยๆ ทำให้ภาพจำของเขาเป็นนักดนตรีตลก


โชว์ชุดที่ 2 What. ที่สร้างชื่อเสียงให้กับเขา

หลังจากแจ้งเกิดในวงการบันเทิงได้สำเร็จ และวนเวียนอยู่ในจอแก้วมาพักใหญ่ๆ เขาก็ได้ขึ้นโชว์เดี่ยวไมค์โครโฟนอีกครั้งเป็นโชว์ที่ 3 ในปี 2016 ซึ่งครั้งนี้เป็นโชว์ที่ Exclusive โดย Netflix โชว์นี้มีชื่อว่า ‘Make Happy’

โชว์ครั้งนี้ถือเป็นโชว์ที่สนุกมากๆ ทั้งการเล่าเรื่องตลกของ Bo ที่มีการ Entertain ที่ดี และเพลงที่ดีอยู่แล้ว แต่ Bo มักจะหามุกตลก หรืออะไรใหม่ๆมาใส่ในโชว์อยู่เสมอ ทั้งการที่ใส่เพลง EDM การร้องเพลงด่าพ่อล่อแม่คนดู(จริงๆนะ) เพลงตลกๆที่แฝงความหมายจิกกัดสังคมแรงๆเอาไว้ และคอนเท้นอื่นๆอีกมากมาย

เรียกได้ว่าโชว์ทุกครั้งคุณภาพดีขึ้นทุกครั้ง เพราะว่าโชว์นี้มีคะแนนจากนักวิจารณ์ที่ดีมากซึ่งเป็นโชว์ที่ดีที่สุดที่เคยมีมาของ Bo นักวิจารณ์บางคนถึงกับยกย่องโชว์นี้เอาไว้ว่าคือโชว์เดี่ยวไมโครโฟนที่ดีที่สุดที่ Netflix เคยมีมาเลยทีเดียว



เนื่องจาก Stand-Up Comedy ชุดนี้ฉายทาง Netflix และเป็นการประสบความสำเร็จครั้งยิ่งใหญ่ทั้ง Netflix ที่เลือกเซ็นสัญญากับ Bo และตัวของ Bo เอง ทำให้เขายิ่งได้รับชื่อเสียงมากยิ่งขึ้นไปจากเดิมอีก คนที่ไม่เคยรู้จักเขาก็เริ่มรู้จักเพราะแพลตฟอร์มแสดงโชว์ของเขาคือ Netflix ที่เข้าได้ถึงง่าย

จากโชว์ชุดนี้ทำให้เขาเป็นที่รู้จักมากขึ้น แต่เขากลับมีอาการหวาดกลัวเมื่อต้องอยู่บนเวทีคนเดียวต่อหน้าผู้คนจำนวนมากจึงหันไปรับงานแสดงและงานกำกับแทน เช่น เป็นผู้กำกับการแสดงโชว์เดี่ยวไมค์โครโฟนของ Jerrod Carmichael และตำนานเดี่ยวไมค์อย่าง Chris Rock ด้วย นอกจากนี้ยังมีภาพยนตร์ที่เขากำกับเองอีกด้วยคือเรื่อง Eighth Grade (2018) นองจากผลงานเบื้องหลังแล้ว ยังมีผลงานแสดงอย่างเรื่อง The Big Sick (2017) และเรื่อง Promising Young Woman (2020)

เวลาผ่านไป 5 ปี Bo ไม่ได้มีผลงานโชว์เดี่ยวไมโครโฟนอีกเลยจนกระทั่งในปี 2020 เขาตั้งใจจะกลับมาจัดเดี่ยวอีกครั้ง แต่ก็เกิดการระบาดครั้งใหญ่จนไม่ได้จัดโชว์อีกจนได้

การระบาดครั้งใหญ่ของ Covid 19 ทำให้ Bo จำเป็นต้องอยู่แต่เพียงในบ้าน ไม่สามารถออกไปไหนได้ Bo Burnham และ Netflix จึงร่วมกันสร้างโชว์พิเศษชุดใหม่ที่จัดขึ้นในบ้านของ Bo นี่แหละเพราะไม่สามารถจัดนอกสถานที่ได้แล้ว นั่นก็คือ Bo Burnham: Inside (2021) ที่ Bo เป็นทั้งผู้กำกับ นักแสดง ตากล้อง คนทำดนตรีประกอบ นักร้อง คนจัดไฟ เป็นแทบจะทุกอย่างในกองถ่ายเพราะว่าทำคนเดียวเป็นเวลาเป็นปีท่ามกลางการ Lock Down และโชว์ในครั้งนี้ก็ประสบความสำเร็จออกมาดีเป็นอย่างมากในด้านคะแนนจากนักวิจารณ์ และคะแนนจากผู้ชม เรียกได้ว่า Bo Burnham ไม่เคยทำโชว์ออกมาแย่เลยแม้แต่ครั้งเดียว

ถึงแม้จะเป็นโชว์ที่ทำคนเดียว แต่ความเป็นมืออาชีพของ Bo ก็สามารถทำงานภาพและงานแสดงออกมาได้สวยงามและสนุก นักวิจารณ์ยังชมด้วยว่าการถ่ายทำคือการนำอุปกรณ์ DIY มาใช้ให้เกิดเป็นผลงาน Masterpiece


Bo Burnham : Inside (2021)

Bo Burnham คือ 1 ในนักแสดงตลกที่มากความสามารถที่สุดคนหนึ่งในวงการเลยก็ว่าได้ เขาพิสูจน์ให้เห็นแล้วว่าคนคนหนึ่งสามารถทำหลายสิ่งหลายอย่างออกมาดีได้ด้วยตัวคนเดียว และทั้งหมดนั้นเกิดขึ้นจากการลงมือทำวิดิโอในบ้านของเขาเมื่อ 14 ปีที่แล้ว และต้องกลับมาสร้างผลงานชิ้นใหม่ที่บ้านตัวเองอีกครั้งกับการโชว์เดี่ยวไมค์โครโฟนครั้งใหม่ที่ไม่เหมือนใครในรอบ 5 ปี สามารถรับชมผลงานชุดล่าสุดของเขา Bo Burnham: Inside ได้ทาง Netflix ครับ

---------------------------------

สามารถติดตาม SICK FILM ได้ทาง Blockdit และ Facebook Fanpage : SICK FILM นะครับ SICK FILM
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่