นักแสดงตลกท่านหนึ่ง (Stand-up comedy show) ได้กล่าวเกี่ยวกับ Slow life
ไว้ได้อย่างน่าสนใจ ดังนี้
“….ผมอยากจะบอกเลยว่าอย่าเพิ่งมาดัดจริตสโลว์ไลฟ์ เพราะคุณเพิ่งเรียนจบ
กันมาหมาดๆ ชีวิตต้องรีบก่อนเลย ต้องขยัน ทำงานหนักก่อน ก่อนที่จะมานั่งชิล
ใช้ของแพงๆ ใช้ของที่ดูเหมือนง่าย ชีวิตที่ใช้กับชีวิตที่โชว์อันเดียวกันหรือเปล่าไม่รู้นะ
แต่คุณผ่านการทำงานหนักหรือยัง ถ้ายังไม่เคยผ่านอย่ามาโชว์สโลว์ไลฟ์ใส่กัน
จะมานั่งจิบกาแฟ Drip ใส่กัน กาแฟถ้วยนึงราคาเท่าไร แล้วคุณหาเงินได้วันละเท่าไร
คนที่ทำแบบนั้นจำเมืองนอกเขามา เพราะเขารวยแล้ว ญี่ปุ่นเขารวยแล้ว คุณยังไม่มีกิน
อย่าเพิ่งดัดจริตสโลว์ไลฟ์ โอเคไหม มันต้องขยัน ผมขยัน ถ้าจะยืนยันทำสิ่งเดิม
คุณก็จะเป็นฮิปเตอร์ที่ยังนั่งจิบกาแฟแบบนี้ไปเรื่อยๆ คุณจะเป็นฮิปเตอร์คนเดิมที่
ผมหงอกขึ้น แต่ชีวิตไม่มีอะไรเลย มีแต่ความเท่ไว้พูดกัน…”
ฟังดูแล้วเป็นข้อคิดที่ดีมากเลยทีเดียว เพราะยุคสมัยนี้ สิ่งที่สำคัญที่สุดคือเวลา
หากเรามัวแต่มาสโลว์ไลฟ์ เราอาจจะพลาดอะไรหลายๆ อย่างในชีวิตก็เป็นได้
แต่สำหรับเรา เรามองว่า สโลว์ไลฟ์ คือการพักผ่อน คือการผ่อนคลายอย่างหนึ่ง
เพราะจันทร์ถึงศุกร์ เราทำงานแบบ Speedy ทำงานด้วยความเครียด และแข่ง
กับเวลา ถึงแม้เงินเดือนเราจะแค่ 30,000 บาท และอายุ 27 ปี ยังถือเป็นวัยรุ่น
ที่ยังไม่ควรสโลว์ไลฟ์ (ต้องแก่และรวย ถึงจะสโลว์ไลฟ์ได้ ถ้าคิดตามที่นักแสดง
ตลงท่านนั้นได้ให้ข้อคิดไว้) แต่เราก็ดื้อ แอบมาสโลว์ไลฟ์ช่วงวันเสาร์-อาทิตย์
ไปดูหนัง ไปเดินห้าง ไปชอปปิ้ง นอนฟังเพลง ดูชีรีย์อยู่ห้อง แม้ไม่ใช่ฮิปเตอร์
แต่ก็สโลว์ไลฟ์สุดๆ
เราชื่นชมในการตลาดของนักแสดงตลกท่านนี้มาก เพราะช่วงนี้เขาดูเงียบๆไป
แต่ทราบว่าช่วงกันยายนนี้ เขาจะเปิดการแสดง Stand-up comedy อีกครั้ง
การหยิบยกประเด็นนี้มาทิ่มแทงพวกฮิปเตอร์ พวกสโลว์ไลฟ์ ที่ทวนกระแส
นับว่าเก่งมากเลยทีเดียว น่าจะเรียนรู้เรื่องการตลาดจากลุงที่ขายชามาเยอะ
เขาจึงกลับมาเป็นที่กล่าวถึงในโลกเสมือนจริง (social network) อีกครั้ง
แต่ที่ทราบมานักแสดงตลกท่านนี้เปิดร้านไอติม นั่งชิวๆ เป็นไอติมโฮมเมด
ไม่รู้ว่าลูกละกี่บาท น่าจะไม่ต่ำกว่าครึ่งร้อย เราก็ไม่เคยไปกินนะ แต่คิดว่า
จะน่ามีแต่ผู้สูงอายุที่ไม่ทำงานแล้ว และมีเงินเก็บหลักล้าน ไปนั่งชิวๆกัน
อีกเรื่อง ก็การแสดง Stand-up comedy show แต่ละครั้ง มันทำให้เรา
สโลว์ไลฟ์ไป 4-5 ชั่วโมง ค่าบัตรเข้าชมก็ตงเป็นหลักพัน แพงสุดก็เกือบ
ครึ่งหมื่น เราว่าครั้งต่อไปคงจะไม่มีนักศึกษาเข้าไปดูเท่าไหร่หรอก เพราะ
เราต้องยอมรับว่า นักแสดงตลกท่านนี้ มีบทบาท มีอิทธิพล เป็นขวัญใจ
เป็น idol ท่านมาพูดเรื่องสโลว์ไลฟ์ขนาดนี้แล้ว พวกเราต้องคิดกันได้บ้าง
คนอื่นๆคิดว่าอย่างไร แต่เราเห็นด้วยกับตลกท่านนี้นะ สโลว์ไลฟ์แต่พองาม
หากทำงานเก็บเงินได้ หรือพ่อแม่มีเงิน หรือไปดู Stand-up comedy กัน
เป็นครอบครัว ก็ถือว่ามีความสุขทั้งบ้าน เพราะเราเองก็เป็นแฟนพันธุ์แท้
ตลกท่านนี้เหมือนกัน ทั้งหนังที่ท่านแสดงเราก็ซื้อแผ่นแท้มาดู ดูหลายรอบ
พวกสโลว์ไลฟ์ นี่เป็นพวกกระแดะดัดจริต หรือ เป็นไลฟ์สไตล์
ไว้ได้อย่างน่าสนใจ ดังนี้
“….ผมอยากจะบอกเลยว่าอย่าเพิ่งมาดัดจริตสโลว์ไลฟ์ เพราะคุณเพิ่งเรียนจบ
กันมาหมาดๆ ชีวิตต้องรีบก่อนเลย ต้องขยัน ทำงานหนักก่อน ก่อนที่จะมานั่งชิล
ใช้ของแพงๆ ใช้ของที่ดูเหมือนง่าย ชีวิตที่ใช้กับชีวิตที่โชว์อันเดียวกันหรือเปล่าไม่รู้นะ
แต่คุณผ่านการทำงานหนักหรือยัง ถ้ายังไม่เคยผ่านอย่ามาโชว์สโลว์ไลฟ์ใส่กัน
จะมานั่งจิบกาแฟ Drip ใส่กัน กาแฟถ้วยนึงราคาเท่าไร แล้วคุณหาเงินได้วันละเท่าไร
คนที่ทำแบบนั้นจำเมืองนอกเขามา เพราะเขารวยแล้ว ญี่ปุ่นเขารวยแล้ว คุณยังไม่มีกิน
อย่าเพิ่งดัดจริตสโลว์ไลฟ์ โอเคไหม มันต้องขยัน ผมขยัน ถ้าจะยืนยันทำสิ่งเดิม
คุณก็จะเป็นฮิปเตอร์ที่ยังนั่งจิบกาแฟแบบนี้ไปเรื่อยๆ คุณจะเป็นฮิปเตอร์คนเดิมที่
ผมหงอกขึ้น แต่ชีวิตไม่มีอะไรเลย มีแต่ความเท่ไว้พูดกัน…”
ฟังดูแล้วเป็นข้อคิดที่ดีมากเลยทีเดียว เพราะยุคสมัยนี้ สิ่งที่สำคัญที่สุดคือเวลา
หากเรามัวแต่มาสโลว์ไลฟ์ เราอาจจะพลาดอะไรหลายๆ อย่างในชีวิตก็เป็นได้
แต่สำหรับเรา เรามองว่า สโลว์ไลฟ์ คือการพักผ่อน คือการผ่อนคลายอย่างหนึ่ง
เพราะจันทร์ถึงศุกร์ เราทำงานแบบ Speedy ทำงานด้วยความเครียด และแข่ง
กับเวลา ถึงแม้เงินเดือนเราจะแค่ 30,000 บาท และอายุ 27 ปี ยังถือเป็นวัยรุ่น
ที่ยังไม่ควรสโลว์ไลฟ์ (ต้องแก่และรวย ถึงจะสโลว์ไลฟ์ได้ ถ้าคิดตามที่นักแสดง
ตลงท่านนั้นได้ให้ข้อคิดไว้) แต่เราก็ดื้อ แอบมาสโลว์ไลฟ์ช่วงวันเสาร์-อาทิตย์
ไปดูหนัง ไปเดินห้าง ไปชอปปิ้ง นอนฟังเพลง ดูชีรีย์อยู่ห้อง แม้ไม่ใช่ฮิปเตอร์
แต่ก็สโลว์ไลฟ์สุดๆ
เราชื่นชมในการตลาดของนักแสดงตลกท่านนี้มาก เพราะช่วงนี้เขาดูเงียบๆไป
แต่ทราบว่าช่วงกันยายนนี้ เขาจะเปิดการแสดง Stand-up comedy อีกครั้ง
การหยิบยกประเด็นนี้มาทิ่มแทงพวกฮิปเตอร์ พวกสโลว์ไลฟ์ ที่ทวนกระแส
นับว่าเก่งมากเลยทีเดียว น่าจะเรียนรู้เรื่องการตลาดจากลุงที่ขายชามาเยอะ
เขาจึงกลับมาเป็นที่กล่าวถึงในโลกเสมือนจริง (social network) อีกครั้ง
แต่ที่ทราบมานักแสดงตลกท่านนี้เปิดร้านไอติม นั่งชิวๆ เป็นไอติมโฮมเมด
ไม่รู้ว่าลูกละกี่บาท น่าจะไม่ต่ำกว่าครึ่งร้อย เราก็ไม่เคยไปกินนะ แต่คิดว่า
จะน่ามีแต่ผู้สูงอายุที่ไม่ทำงานแล้ว และมีเงินเก็บหลักล้าน ไปนั่งชิวๆกัน
อีกเรื่อง ก็การแสดง Stand-up comedy show แต่ละครั้ง มันทำให้เรา
สโลว์ไลฟ์ไป 4-5 ชั่วโมง ค่าบัตรเข้าชมก็ตงเป็นหลักพัน แพงสุดก็เกือบ
ครึ่งหมื่น เราว่าครั้งต่อไปคงจะไม่มีนักศึกษาเข้าไปดูเท่าไหร่หรอก เพราะ
เราต้องยอมรับว่า นักแสดงตลกท่านนี้ มีบทบาท มีอิทธิพล เป็นขวัญใจ
เป็น idol ท่านมาพูดเรื่องสโลว์ไลฟ์ขนาดนี้แล้ว พวกเราต้องคิดกันได้บ้าง
คนอื่นๆคิดว่าอย่างไร แต่เราเห็นด้วยกับตลกท่านนี้นะ สโลว์ไลฟ์แต่พองาม
หากทำงานเก็บเงินได้ หรือพ่อแม่มีเงิน หรือไปดู Stand-up comedy กัน
เป็นครอบครัว ก็ถือว่ามีความสุขทั้งบ้าน เพราะเราเองก็เป็นแฟนพันธุ์แท้
ตลกท่านนี้เหมือนกัน ทั้งหนังที่ท่านแสดงเราก็ซื้อแผ่นแท้มาดู ดูหลายรอบ