แฟนเป็นพยาบาล ทำงานที่ รพ. นึงครับ ก็ได้มีการขึ้นเวร และเบิก OT ตามชั่วโมง ที่ได้ขึ้น
ช่วงแรกทาง HR แจ้งว่า สามารถเบิกได้ 24 ชม เป็นจำนวน 14 วัน ตามที่ได้ขึ้นเวรไว้.... แต่สุดท้าย HR แก้ไขปรับลดเวร ซึ่งทำให้เงินเดือนหายไปเป็นจำนวนมาก
เบื้องต้นผม Quote ข้อมูลจากทางแฟน ตามด้านล่าง
จากกรณีวันที่ 1 พฤษภาคม 2564 ได้รับแจ้งจากพยาบาลว่าผู้ป่วยที่ให้บริการในวันที่ 30 เม.ย.2564 ติดเชื้อ Covid-19 ทำให้ต้องทำการกักตัว 14 วัน (ตนเองทำงานอาชีพพยาบาล) หลังจากนั้นหัวหน้าพยาบาลแจ้งว่าต้องทำการกักตัว 14 วัน โดยให้ขึ้นไปทำงานที่หอผู้ป่วยติดเชื้อ Covid-19 (กักตัวไปด้วย ทำงานไปด้วย) โดยไม่ให้ออกจากหอผู้ป่วย ซึ่งระหว่างที่ทำการกักตัวและทำงานไปด้วยนั้น ได้ทำงานและพักในหอผู้ป่วยในเคาท์เตอร์พยาบาล โดยทาง รพ ไม่มีห้องพักสำหรับเจ้าหน้าที่ หากต้องการพักหลับให้นำผ้าห่มผู้ป่วยมาปูกับพื้น หลังจากกักตัวครบ 14 วัน ได้ไปสอบถามกับฝ่ายบุคคล HR แจ้งว่าว่าสามารถเบิกจำนวนชั่วโมงการทำงาน 24 ชม จำนวน 14 วันได้เต็ม
จนกระทั่งสิ้นเดือนมิถุนายนซึ่งเป็นวันเงินเดือนออกปรากฎว่าได้ค่าแรงไม่ครบตามที่ตกลงกันไว้ ขาดชั่วโมงโอทีไป ประมาณ 200 ชั่วโมง คิดเป็นจำนวนเงิน 24,000บาท (พนักงานที่กักตัวได้รับเงินตามความเป็นจริงไม่ครบทุกคน)
เพิ่มเติมข้อมูล จากที่ได้สอบถามแฟนมา
1.แฟนได้มีการไปคุยกับ HR ของโรงพยาบาล ซึ่ง HR ได้ทำการแก้ไข ชั่วโมง OT ด้วยตัวเอง โดยไม่ได้บอกกล่าวกับพยาบาล
2.HR แจ้งว่า "นี่พี่ต้องแก้ถึงกว่า 8 รอบเลยนะกว่าเค้าจะให้ผ่าน".... แต่ไม่ได้มีการเรียกพยาบาล มาคุยว่าเค้าจะปรับลดชั่วโมงใดๆ อยู่ดีๆ ก็ปรับ ปรับลดเพื่อให้งานของตัวเองผ่าน
3.จากนั้นแฟนก็ถามไปว่า ทำไมโดนลด OT ไปขนาดนั้น HR บอกว่า "ก็โดนทุกคน" หรือบางคน "ก็โดนหักเยอะกว่าเธออีก" หรือก็บอกว่า "เค้าไม่ให้อยู่แล้ว" ซึ่งเป็นการปัดความรับผิดชอบ
4.ทาง HR อ้างว่า "แล้วเธอทำงาน 24 ชั่วโมง ไม่นอนบ้างเลยหรอ??" แฟนเลยบอก งั้นหนูยอมสุดๆ คือ หัก 8 ชั่วโมงไป เป็นค่านอน แต่ในความจริง ได้นอนไม่ถึง 8 ชั่วโมงอยู่แล้ว จะรวมถึงการนอนดังกล่าว ก็ต้องพร้อม Standby ขึ้นมาทำงาน เมื่อมี Case อยู่แล้ว
5.จากข้อที่แล้ว การที่ต้องนอนอยู่ที่ รพ. โดยที่ รพ. ไม่ได้มีอะไรอำนวยความสะดวกให้เลย ไม่มีแม้กระทั่งห้อง เตียง ต้องนอนกับพื้น รวมถึงความเสี่ยงในการใกล้ชิดกับผู้ป่วยโดยตรง
6.รวมถึงโรงพยาบาลขาดความ Profressional ในการบริหารจัดการอย่างมาก เนื่องจาก พยาบาลที่ เป็นพยาบาลจริงๆ ไม่ใช่ NA หรือผู้ช่วย คนนึงดูคนไข้เกินอัตรากำลังไปมาก และโรงพยาบาลเองถึงจะมีการเปิดรับ แต่การประชาสัมพันธ์ให้กับคนภายนอกรู้นั้นยังทำได้ไม่ดี เช่น Website เองก็ถึงจะมีรับสมัคร แต่รูปบนเวป ก็เสียไปนาน และยังไม่มีการแก้ไข ณ ปัจจุบันที่โพส รวมถึงช่องทางอื่นๆ เช่น JOBDB, JOBTHAI
7.ทางหัวหน้าพยาบาลที่ได้มอบหมายให้แฟน + คนในนั้นขึ้นเวร ก็ดูแล้วไม่มีการ Defend เพื่อปกป้องลูกน้องใดๆ รวมถึง HR ที่ทำได้แค่พอคนมีอำนาจตัดสินใจสั่งกลับมาให้มาแก้ ก็มาแก้เอง ลดเงินพนักงานเอง และไม่มีการเรียกคุยทั้ง 3-4 ฝ่าย ใดๆ
8.และในด้านอื่นๆ โรงพยาบาล Out of Scope ตาม Job Description เกินไป เช่น ให้พนักงานไปเดินแจกใบปลิว, ให้ไป Train ขายประกัน, ให้โทรศัพท์หาผู้ป่วยเพื่อเสนอขาย Packet และรวมถึงคอยรับโทรศัพท์ โดยทั้งหมดนี้ ใช้เวลาประชุมหลังลงเวร และบางครั้งก็เป็นการบังคับกลายๆ ในวันหยุดด้วย แน่นอนว่าในกรณีดังกล่าว ไม่สามารถเบิก OT ใดๆ ได้ ซึ่งส่วนตัว ผมมองว่าในส่วนนี้ ถ้าจ้าง Marketing Team หรือ PR จะทำในส่วนนี้ได้ดีกว่า และใช้งานคนได้ถูกตำแหน่ง
9.ความก้าวหน้า ในองค์กรณ์ เป็นไปได้ยาก โดยผ่านมา 1 ปี ไม่มีการปรับเพิ่มฐานเงินเดือนใดๆ มีแต่เบี้ยความขยัน โดยดูจากความทุ่มเทของการทำงาน ซึ่งโรงพยาบาลมักจะใช้คำว่า "DNA ของ โรงพยาบาล" หลักๆ ก็พร้อม Standby รับคอล ต่างๆ มาประชุม และตั้งใจทำงาน โดยจะให้เพิ่มเพียง 500 บาทต่อเดือน และจะพิจรณา 6 เดือน ในการปรบฐานเงินเดือน หลังจากนั้น
10.ทาง Head ของโรงพยาบาล ไม่ชอบที่มีคนแอบหลับในเวร (ซึ่งเนื่องจากพนักงานที่ไม่เพียงพอ เวรจะต้องเยอะอยู่แล้ว ส่วนมากก็ เช้า-บ่าย-ดึก และก็ เช้า-บ่าย-ดึก-ต่อเช้า) ซึ่งทางโรงพยาบาลก็จึงติดกล้องวงจรปิด+บันทึกเสียง มาคอย Monitor ใน Ward โดยที่กล่าวว่า ใครจะหลับก็ไม่ต้องมาขึ้นเวร ก็ Off เวรไป ห้ามหลับ!! แต่แน่นอนว่าสวนทางกับความเป็นจริง เพราะถึงคนครบ พนักงานก็ไม่เพียงพอ ซึ่งการกระทำดังกล่าวเป็นการฝืน Human Limitation และอีกนัยคือละเมิด Privacy ของคนในองค์กร
11.การสื่อสารในองค์กร ส่วนมากสั่งงานผ่านทาง LINE โดยพนักงานต้องพร้อม Response ตลอดเพราะถือว่าเป็น DNA ของโรงพยาบาล และไม่มีระบบในองค์กรที่จะเอื้อต่อการสื่อสาร เช่น รายงานสุขภาพของผู้ป่วย COVID ก็ให้ ผู้ป่วยเข้า Line Group แล้วก็แจ้งอาการวันต่อวัน ซึ่งส่วนตัวมองว่า ไม่มีการปกปิด Sensitive Information ใดๆเลย
12.ในสถานการณ์ COVID + บ้านเมืองดังกล่าว เข้าใจว่านายจ้าง และลูกจ้างเองก็ต้องทำงานกันหนักขึ้น.... แต่การใช้คำพูดต่างๆ ขึ้นอยู่กับเอง เช่น ถ้า Head ใช้คำพูดกรณีขอความร่วมมือ ขอความเห็นใจ หรืออยากให้สู้ไปด้วยกัน ให้คำสัญญาว่า ตอนนี้เหนื่อยกันเพิ่มหน่อยนะ แต่ถ้าผ่านมันไปได้ เราสัญญาว่าจะตอบแทนกลับเป็นอย่างดี ที่ช่วยกันมา... แต่ Head โดยส่วนมากคือสั่งๆๆๆ เชิงบังคับ วันไหนประชุม ก็ต้องมา ไม่มีการขอร้องใดๆ รวมถึงถ้าเกิดความผิดพลาดใดๆ ก็มีการไปด่าลับหลัง หรือด่าในกลุ่ม ซึ่งส่วนตัวมองว่าเป็นวิธีการที่ไม่สมควร หรือทำได้ก็จะไม่ยั่งยืน
อาจจะพิมพ์ข้อมูล + อารมณ์ตัวเองเยอะไป ต้องขออภัยด้วย ทั้งนี้ เพื่อนๆ มีแนะนำไหมครับ ว่าจะ Next Step ยังไงต่อดี หรือเพื่อนๆ สมาชิกท่านใด เจอคล้ายๆกันบ้าง ลองมาแชร์กันดูครับ
ขอบคุณมากครับ
แฟนเป็นพยาบาล ขึ้นเวรแต่โดน รพ.โกง ลดชั่วโมง OT มีใครพอแนะนำได้บ้างครับ
ช่วงแรกทาง HR แจ้งว่า สามารถเบิกได้ 24 ชม เป็นจำนวน 14 วัน ตามที่ได้ขึ้นเวรไว้.... แต่สุดท้าย HR แก้ไขปรับลดเวร ซึ่งทำให้เงินเดือนหายไปเป็นจำนวนมาก
เบื้องต้นผม Quote ข้อมูลจากทางแฟน ตามด้านล่าง
จากกรณีวันที่ 1 พฤษภาคม 2564 ได้รับแจ้งจากพยาบาลว่าผู้ป่วยที่ให้บริการในวันที่ 30 เม.ย.2564 ติดเชื้อ Covid-19 ทำให้ต้องทำการกักตัว 14 วัน (ตนเองทำงานอาชีพพยาบาล) หลังจากนั้นหัวหน้าพยาบาลแจ้งว่าต้องทำการกักตัว 14 วัน โดยให้ขึ้นไปทำงานที่หอผู้ป่วยติดเชื้อ Covid-19 (กักตัวไปด้วย ทำงานไปด้วย) โดยไม่ให้ออกจากหอผู้ป่วย ซึ่งระหว่างที่ทำการกักตัวและทำงานไปด้วยนั้น ได้ทำงานและพักในหอผู้ป่วยในเคาท์เตอร์พยาบาล โดยทาง รพ ไม่มีห้องพักสำหรับเจ้าหน้าที่ หากต้องการพักหลับให้นำผ้าห่มผู้ป่วยมาปูกับพื้น หลังจากกักตัวครบ 14 วัน ได้ไปสอบถามกับฝ่ายบุคคล HR แจ้งว่าว่าสามารถเบิกจำนวนชั่วโมงการทำงาน 24 ชม จำนวน 14 วันได้เต็ม
จนกระทั่งสิ้นเดือนมิถุนายนซึ่งเป็นวันเงินเดือนออกปรากฎว่าได้ค่าแรงไม่ครบตามที่ตกลงกันไว้ ขาดชั่วโมงโอทีไป ประมาณ 200 ชั่วโมง คิดเป็นจำนวนเงิน 24,000บาท (พนักงานที่กักตัวได้รับเงินตามความเป็นจริงไม่ครบทุกคน)
เพิ่มเติมข้อมูล จากที่ได้สอบถามแฟนมา
1.แฟนได้มีการไปคุยกับ HR ของโรงพยาบาล ซึ่ง HR ได้ทำการแก้ไข ชั่วโมง OT ด้วยตัวเอง โดยไม่ได้บอกกล่าวกับพยาบาล
2.HR แจ้งว่า "นี่พี่ต้องแก้ถึงกว่า 8 รอบเลยนะกว่าเค้าจะให้ผ่าน".... แต่ไม่ได้มีการเรียกพยาบาล มาคุยว่าเค้าจะปรับลดชั่วโมงใดๆ อยู่ดีๆ ก็ปรับ ปรับลดเพื่อให้งานของตัวเองผ่าน
3.จากนั้นแฟนก็ถามไปว่า ทำไมโดนลด OT ไปขนาดนั้น HR บอกว่า "ก็โดนทุกคน" หรือบางคน "ก็โดนหักเยอะกว่าเธออีก" หรือก็บอกว่า "เค้าไม่ให้อยู่แล้ว" ซึ่งเป็นการปัดความรับผิดชอบ
4.ทาง HR อ้างว่า "แล้วเธอทำงาน 24 ชั่วโมง ไม่นอนบ้างเลยหรอ??" แฟนเลยบอก งั้นหนูยอมสุดๆ คือ หัก 8 ชั่วโมงไป เป็นค่านอน แต่ในความจริง ได้นอนไม่ถึง 8 ชั่วโมงอยู่แล้ว จะรวมถึงการนอนดังกล่าว ก็ต้องพร้อม Standby ขึ้นมาทำงาน เมื่อมี Case อยู่แล้ว
5.จากข้อที่แล้ว การที่ต้องนอนอยู่ที่ รพ. โดยที่ รพ. ไม่ได้มีอะไรอำนวยความสะดวกให้เลย ไม่มีแม้กระทั่งห้อง เตียง ต้องนอนกับพื้น รวมถึงความเสี่ยงในการใกล้ชิดกับผู้ป่วยโดยตรง
6.รวมถึงโรงพยาบาลขาดความ Profressional ในการบริหารจัดการอย่างมาก เนื่องจาก พยาบาลที่ เป็นพยาบาลจริงๆ ไม่ใช่ NA หรือผู้ช่วย คนนึงดูคนไข้เกินอัตรากำลังไปมาก และโรงพยาบาลเองถึงจะมีการเปิดรับ แต่การประชาสัมพันธ์ให้กับคนภายนอกรู้นั้นยังทำได้ไม่ดี เช่น Website เองก็ถึงจะมีรับสมัคร แต่รูปบนเวป ก็เสียไปนาน และยังไม่มีการแก้ไข ณ ปัจจุบันที่โพส รวมถึงช่องทางอื่นๆ เช่น JOBDB, JOBTHAI
7.ทางหัวหน้าพยาบาลที่ได้มอบหมายให้แฟน + คนในนั้นขึ้นเวร ก็ดูแล้วไม่มีการ Defend เพื่อปกป้องลูกน้องใดๆ รวมถึง HR ที่ทำได้แค่พอคนมีอำนาจตัดสินใจสั่งกลับมาให้มาแก้ ก็มาแก้เอง ลดเงินพนักงานเอง และไม่มีการเรียกคุยทั้ง 3-4 ฝ่าย ใดๆ
8.และในด้านอื่นๆ โรงพยาบาล Out of Scope ตาม Job Description เกินไป เช่น ให้พนักงานไปเดินแจกใบปลิว, ให้ไป Train ขายประกัน, ให้โทรศัพท์หาผู้ป่วยเพื่อเสนอขาย Packet และรวมถึงคอยรับโทรศัพท์ โดยทั้งหมดนี้ ใช้เวลาประชุมหลังลงเวร และบางครั้งก็เป็นการบังคับกลายๆ ในวันหยุดด้วย แน่นอนว่าในกรณีดังกล่าว ไม่สามารถเบิก OT ใดๆ ได้ ซึ่งส่วนตัว ผมมองว่าในส่วนนี้ ถ้าจ้าง Marketing Team หรือ PR จะทำในส่วนนี้ได้ดีกว่า และใช้งานคนได้ถูกตำแหน่ง
9.ความก้าวหน้า ในองค์กรณ์ เป็นไปได้ยาก โดยผ่านมา 1 ปี ไม่มีการปรับเพิ่มฐานเงินเดือนใดๆ มีแต่เบี้ยความขยัน โดยดูจากความทุ่มเทของการทำงาน ซึ่งโรงพยาบาลมักจะใช้คำว่า "DNA ของ โรงพยาบาล" หลักๆ ก็พร้อม Standby รับคอล ต่างๆ มาประชุม และตั้งใจทำงาน โดยจะให้เพิ่มเพียง 500 บาทต่อเดือน และจะพิจรณา 6 เดือน ในการปรบฐานเงินเดือน หลังจากนั้น
10.ทาง Head ของโรงพยาบาล ไม่ชอบที่มีคนแอบหลับในเวร (ซึ่งเนื่องจากพนักงานที่ไม่เพียงพอ เวรจะต้องเยอะอยู่แล้ว ส่วนมากก็ เช้า-บ่าย-ดึก และก็ เช้า-บ่าย-ดึก-ต่อเช้า) ซึ่งทางโรงพยาบาลก็จึงติดกล้องวงจรปิด+บันทึกเสียง มาคอย Monitor ใน Ward โดยที่กล่าวว่า ใครจะหลับก็ไม่ต้องมาขึ้นเวร ก็ Off เวรไป ห้ามหลับ!! แต่แน่นอนว่าสวนทางกับความเป็นจริง เพราะถึงคนครบ พนักงานก็ไม่เพียงพอ ซึ่งการกระทำดังกล่าวเป็นการฝืน Human Limitation และอีกนัยคือละเมิด Privacy ของคนในองค์กร
11.การสื่อสารในองค์กร ส่วนมากสั่งงานผ่านทาง LINE โดยพนักงานต้องพร้อม Response ตลอดเพราะถือว่าเป็น DNA ของโรงพยาบาล และไม่มีระบบในองค์กรที่จะเอื้อต่อการสื่อสาร เช่น รายงานสุขภาพของผู้ป่วย COVID ก็ให้ ผู้ป่วยเข้า Line Group แล้วก็แจ้งอาการวันต่อวัน ซึ่งส่วนตัวมองว่า ไม่มีการปกปิด Sensitive Information ใดๆเลย
12.ในสถานการณ์ COVID + บ้านเมืองดังกล่าว เข้าใจว่านายจ้าง และลูกจ้างเองก็ต้องทำงานกันหนักขึ้น.... แต่การใช้คำพูดต่างๆ ขึ้นอยู่กับเอง เช่น ถ้า Head ใช้คำพูดกรณีขอความร่วมมือ ขอความเห็นใจ หรืออยากให้สู้ไปด้วยกัน ให้คำสัญญาว่า ตอนนี้เหนื่อยกันเพิ่มหน่อยนะ แต่ถ้าผ่านมันไปได้ เราสัญญาว่าจะตอบแทนกลับเป็นอย่างดี ที่ช่วยกันมา... แต่ Head โดยส่วนมากคือสั่งๆๆๆ เชิงบังคับ วันไหนประชุม ก็ต้องมา ไม่มีการขอร้องใดๆ รวมถึงถ้าเกิดความผิดพลาดใดๆ ก็มีการไปด่าลับหลัง หรือด่าในกลุ่ม ซึ่งส่วนตัวมองว่าเป็นวิธีการที่ไม่สมควร หรือทำได้ก็จะไม่ยั่งยืน
อาจจะพิมพ์ข้อมูล + อารมณ์ตัวเองเยอะไป ต้องขออภัยด้วย ทั้งนี้ เพื่อนๆ มีแนะนำไหมครับ ว่าจะ Next Step ยังไงต่อดี หรือเพื่อนๆ สมาชิกท่านใด เจอคล้ายๆกันบ้าง ลองมาแชร์กันดูครับ
ขอบคุณมากครับ