JJNY : ป่วยใหม่พุ่ง6,230 เสียชีวิต41│หญิง เส้นเลือดสมองแตกหลังฉีดแอสตร้าฯ│ร้องขอลดค่าบำรุงการศึกษา│หวั่นธุรกิจไทยโตช้า

โควิดวันนี้ ป่วยใหม่พุ่งสูง 6,230 ราย สลด ติดเชื้อเสียชีวิตเพิ่ม 41 ราย
https://www.khaosod.co.th/covid-19/news_6488014
 
ศบค. เผย โควิดวันนี้ ป่วยใหม่พุ่ง 6,230 ราย ยอดสะสมระลอกเม.ย. 248,288 ราย สุดสลด ติดเชื้อเสียชีวิตเพิ่ม 41 ราย เตรียมแถลงรายละเอียดอีกครั้ง
   
เมื่อเวลา 07.50 น. วันที่ 3 ก.ค.2564 ศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด-19 (ศบค.) รายงานสถานการณ์แพร่ระบาดของโควิด-19 ประจำวัน ระบุว่า เบื้องต้นมีผู้ป่วยใหม่ 6,230 ราย จำแนกเป็นผู้ติดเชื้อใหม่ 5,936 ราย, ติดเชื้อในเรือนจำ/ที่ต้องขัง 294 ราย
หายป่วยกลับบ้าน 3,159 ราย หายป่วยสะสม 190,073 ราย ยอดผู้ป่วยสะสมระลอกเดือนเม.ย. จำนวน 248,288 ราย เสียชีวิตเพิ่ม 41 ราย ทั้งนี้ ศบค.จะแถลงรายละเอียดให้ทราบอีกครั้ง
 
ศบค. เผย โควิดวันนี้ ป่วยใหม่พุ่ง 6,230 ราย ยอดสะสมระลอกเม.ย. 248,288 ราย



หญิงวัย 67 เส้นเลือดในสมองแตก หลังฉีดแอสตร้าฯ ลูกสาวร่ำไห้ เผยแม่ขอฉีดเองแม้ลูกๆค้าน
https://www.matichon.co.th/region/news_2808640

 
ผู้สื่อข่าวได้รับแจ้งจากทาง น.ส.ปัทมา การพยุธ อายุ 32 ปี ชาวอ.คุระบุรี จ.พังงา ว่า แม่ ซึ่งเข้ารับวัคซีนกลุ่มผู้สูงอายุ เข้าโรงพยาบาลตะกั่วป่า ห้อง ไอซียู หลังจากเข้ารับบริการฉีดวัคซีนจากโรงพยาบาลคุระบุรีชัยพัฒน์ จึงเดินทางเข้าตรวจสอบ พบ น.ส.ปัทมา การพยุธ นายวีระชัย การพยุธ อายุ 35 ปี น.ส.วาสนา การพยุธ อายุ 31 ปี สามพี่น้อง นั่งรอฟังอาการของ นางยา การพยุธ มารดา ที่พักรักษาตัวอยู่ภายในห้อง ไอซียู ของ โรงพยาบาลตะกั่วป่า

สอบถามทราบว่า ในวันที่ 30 มิถุนายน เวลาประมาณ 14.30 น. นางยา การพยุธ อายุ 67 ปี เข้ารับบริการฉีดวัคซีนป้องกันโควิด-19 ชนิด แอสตร้าเซนเนก้า ที่โรงพยาบาลคุระบุรีชัยพัฒน์ เมื่อฉีดเสร็จพักดูอาการ 30 นาที จึงพากลับบ้านพัก จากนั้นช่วงเวลา 02.00 น. ของวันที่ 1 กรกฎาคม นางยา เกิดอาการอาเจียนปนเลือด ปวดหัวมาก จึงให้กินยาพาราเซตามอล บรรเทาอาการ จนช่วง 06.00 น. วันที่ 1 กรกฎาคม มีอาการเช่นเดิมคือ อาเจียนปนเลือด และปวดหัวหนัก จึงพาเข้าโรงพยาบาลคุระบุรีชัยพัฒน์ ทางโรงพยาบาลได้ส่งตัวต่อ โรงพยาบาลตะกั่วป่า พร้อมสแกนสมองพบว่า ความดันตก เส้นเลือดในสมองแตก
จึงได้ประสานทาง โรงพยาบาลวชิระ เพื่อเข้าผ่าตัดสมองแต่อาการไม่ดีทางโรงพยาบาลวชิระภูเก็ต ได้ปฏิเสธ เนื่องจากหวั่นว่าผู้ป่วยจะเสียชีวิตระหว่างการนำส่ง จึงให้ผู้ป่วยนอนรักษาตัวที่ห้อง ไอซียู โรงพยาบาลตะกั่วป่า พร้อมใส่ท่อช่วยหายใจ โดยทางญาติๆ เชื่อว่าสาเหตุเส้นเลือดในสมองแตกจากผลกระทบของการฉีดวัคซีนต้านโควิด-19 ดังกล่าว
 
ทาง น.ส.ปัทมา กล่าวทั้งน้ำตาว่า แม่มีประวัติโรคหอบหืด และ วัณโรค ซึ่งรักษาจนหายมานานประมาณ 1 ปี ปัจจุบันดูแข็งแรง ค้าขายของชำและเลี้ยงหลานๆ กระทั่งภาครัฐเปิดให้ฉีดวัคซีนป้องกันเชื้อโควิด-19 แม่ขอให้พาไปฉีด หวังว่าสามารถป้องกันเชื้อดังกล่าวได้ ท่ามกลางการคัดค้านของลูกๆ โดย นางยา ให้เหตุผลอีกว่าวัคซีนดังกล่าวอาจจะป้องกันโรคหอบหืดได้อีกด้วย จึงตัดสินใจพาแม่ตนเองเข้าฉีดวัคซีน พร้อมบอกแก่ผู้สื่อข่าวทั้งน้ำตาว่า “ตนเองรู้สึกผิด เหมือนพาแม่ไปตาย”
 
ด้าน นายแพทย์วุฒิ วิโนทัย รอง ผอ.โรงพยาบาลตะกั่วป่า จ.พังงา กล่าวว่า ผู้ป่วยเข้าโรงพยาบาลด้วยอาการปวดหัวรุนแรง ความดันลดลงต่ำมาก มีอาการอาเจียนปนเลือด ทางแพทย์ผู้รักษาจึงทำการสแกนสมองด้วยคอมพิวเตอร์ พบว่า เส้นเลือดในสมองแตก จากประวัติก่อนหน้านี้ ทราบว่า ผู้ป่วยเคยเข้ารับการตรวจ มีความดันสูงเกินเกณฑ์มาตลอด และอาจจะไม่ได้วัดความดันโลหิตเป็นระยะๆ ซึ่งในช่วงฉีดวัคซีนความดันโลหิตอาจจะไม่เกินเกณฑ์มากนัก ทำให้เจ้าหน้าที่ไม่ทราบประวัติเรื่องความดันโลหิต จึงผ่านการคัดกรองเบื้องต้นในจุดฉีดวัคซีน อย่างไรก็ตามทางโรงพยาบาลตะกั่วป่า พร้อมเสนอคณะกรรมการวัคซีนเพื่อพิจารณาการรับเงินเยียวยาตามสิทธิ์จาก สปสช. ต่อไป
 


ผู้ปกครองวิกฤตโควิด ร้องขอรร.ลดค่าบำรุงการศึกษา
https://www.dailynews.co.th/regional/854031
 
ผู้ปกครองรวมตัวพบผู้บริหาร ร.ร.สว่างบริบูรณ์วิทยา ขอลดค่าบำรุงการศึกษาตามความเป็นจริง หลังบุตรหลานไม่สามารถเข้าเรียนตามปกติได้

เมื่อวันที่ 3 ก.ค.ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วานนี้( 2 ก.ค.)กลุ่มผู้ปกครองเด็กนักเรียน ร.ร.สว่างบริบูรณ์วิทยา ตั้งอยู่ภายในซอยเนินพลับหวาน อ.บางละมุง จ.ชลบุรี เพื่อเข้าพบคณะผู้บริหารของโรงเรียนในการเจรจาขอลดค่าบำรุงการศึกษาในภาคเรียนที่ 1 ปีการศึกษา 2564 หลังพบว่าบุตรหลานไม่สามารถเข้ามาเรียนได้ตามปกติ เนื่องจากทางกระทรวงศึกษาธิการมีคำสั่งให้เลื่อนการเรียนการสอนมาตั้งแต่วันที่ 14 มิถุนายนไปแบบไม่มีกำหนด หลังพบปัญหาการแพร่ระบาดของเชื้อโควิด-19 ที่ยังคงมียอดผู้ติดเชื้อเพิ่มสูงขึ้น แต่พบว่าทางโรงเรียนไม่ได้ลดค่าใช้จ่ายอัตราค่าธรรมเนียมบำรุงการศึกษาที่เหมาะสม ทั้งๆที่เด็กนักเรียนไม่ได้ใช้ห้องเรียน แอร์ปรับอากาศ คอมพิวเตอร์ อาหารกลางวัน นมสำหรับการบริโภค อินเตอร์เน็ต ห้องสมุด และอื่นๆ
 
นางวิภาภรณ์ ปริ่มศรีสุข อายุ 32 ปี ผู้ปกครอง กล่าวว่า ส่งบุตรเข้าเรียนที่โรงเรียนแห่งนี้ 2 คน อยู่ชั้นประถมศึกษาปีที่ 2 และ 6 ในภาค CEP หรือแบบอินเตอร์ ซึ่งมีค่าเทอมประมาณคนละ 30,000 กว่าบาท โดยส่งเรียนมานานหลายปีแล้ว แต่ในภาคเรียนนี้พบว่าเด็กยังไม่สามารถเดินทางมาโรงเรียนได้ตามปกติ เนื่องจากมีคำสั่งจากกระทรวงฯให้เลื่อนออกไปเพื่อป้องกันปัญหาการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19
 
ดังนั้นเมื่อเด็กจำเป็นต้องเรียนแบบออนไลน์ ขณะที่เด็กบางส่วนมีเพียงการส่ง Link เนื้อหารายวิชาให้เด็กและผู้ปกครองช่วย กันทำงานส่ง โดยไม่ได้ใช้สถานที่ห้องเรียน ห้องปรับอากาศ อินเตอร์เน็ต อีกทั้งยังไม่ได้รับนม และอาหารกลาง วัน รวมทั้งอื่นๆ แต่ทางโรงเรียนกลับลดค่าใช้จ่ายให้เพียง 1,500 บาทในส่วนของการเรียนแบบภาคปกติ และจำนวน 3,000 บาทในการเรียนภาคอินเตอร์ จึงมองว่าไม่เหมาะสมและตรงกับความเป็นจริง
 
ทั้งนี้ควรจะปรับลดเป็นรายวันตามหนังสือ ของสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการศึกษาเอกชน จำนวน 5 ข้อ ได้แก่ ค่าอาหารและอาหารว่าง ค่ารถรับส่ง ค่าเรียนดนตรี กีฬา ศิลปะ ค่าทัศนศึกษา และค่าอาหารเสริม ด้วยเหตุนี้ผู้ปกครองจึงหารือกันว่าจะเข้ามาเจรจาขอปรับลดตามความเป็นจริง โดยนับจากวันที่สั่งปิดจนถึงวันเปิดเรียน ซึ่งขณะนี้มีผู้ปกครองลงรายชื่อร่วมแล้วกว่า 500 ราย โดยการรวมตัวครั้งนี้ไม่ใช่เป็นการประท้วง เพียงต้องการให้ทางโรงเรียนรับทราบถึงความเดือดร้อนของผู้ปกครองในภาวะวิกฤตินี้เช่นกัน แต่หากผลสรุปไม่เป็นที่น่าพอใจก็จะให้เด็กดรอปเรียน หรือยอมซ้ำชั้น เพราะมองว่าการเรียนแบบออนไลน์ไม่มีประสิทธิภาพ
 
อย่างไรก็ตามต่อมาทางโรงเรียน ได้เชิญผู้ปกครองเข้าร่วมประชุมเพื่อหารือแนวทางออก โดยไม่อนุญาตให้ผู้สื่อข่าวเข้าร่วมสังเกตการณ์ ซึ่งหลังเวลาผ่านไปประมาณ 1 ชม.จึงแล้วเสร็จ โดยกลุ่มผู้ปกครองแจ้งว่าการประชุมครั้งนี้ ยังไม่มีผลสรุปที่ชัดเจน เพียงแต่ทางครูที่รับเรื่องจะนำข้อเสนอต่างๆผ่านไปยังผู้บริหาร เพื่อพิจารณาความเหมาะสมว่าจะดำเนินการต่อไป จากนั้นจึงจะมีการเรียกประชุมผู้ปกครอง เพื่อชี้แจงอีกครั้งในเร็ววันนี้
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่