ทำไมเราฆ่าไวรัสไม่ได้ แต่ฆ่าแบคทีเรียได้ เช่นไวรัส HIV ทำไมรักษาไม่ได้ เพราะไวรัสแอบซ่อนเก่งกว่าแบคทีเรียเหรอครับ

เพราะไวรัส HIV  ไม่มีวันหมดไปจากร่างกายถึงจะกินยาทุกวัน   ใช่ไหมครับ
แก้ไขข้อความเมื่อ
คำตอบที่ได้รับเลือกจากเจ้าของกระทู้
ความคิดเห็นที่ 18
เชื่อโรค2ชนิดนี้มีความแตกต่างกันอย่างชัดเจน หลักๆดังนี้
1.ไวรัสมีขนาดเล็กกว่าแบคทีเรียมาก(เทียบดั่งมนุษย์กับมด)ในขนาดที่เล็กนี้ ทำให้หลบเก่ง กำจัดได้ยาก ขยายแพร่ไปทั่วได้เร็วและที่น่ากลัวคือด้วยความที่เล็กมาก จนบางคนที่ยังไม่เคยรับเชื้อ..Tcellหรือเม็ดเลือดขาวมองไม่เห็นว่าเป็นสิ่งแปลกปลอมเชื้อโรค ที่ควรกำจัด..มองเป็นอณุมูลอิสระไปซะงั่น..จนต้องฉีดเชื้อตาย(วัคซีน)ไปให้รู้จักว่านี้คือตัวร้ายที่ต้องกำจัด
2.ด้วยความเล็กมากของไวรัสจึงเหมือนเป็นปรสิตของเซลล์ที่จะต้อง อาศัยเซลล์สิ่งมีชีวิตเป็นhost เพื่ออาศัยและใช้เพิ่มจำนวน แต่แบคทีมีขนาดใกล้เคียงเซลล์มากกว่า จึงเหมือนผู้รุกรานคู่ชก..หรือคู่ขาให้คุณดุจผู้ร่วมสร้างอุดมการณ์เดียวกัน
3.ไวรัสจะใช้เซลล์เป็นที่อาศัยตัวการจึงอยู่ภายในและเปลี่ยนการทำงานภายในเพื่อผลิตเพิ่มจำนวน แต่แบคทีเรียโจมตีจากภายนอกเซลล์เท่านั่น
4.ไวรัสจำเป็นต้องใช้เซลล์เพื่อการเพิ่มจำนวนโดยไม่ได้กัดกินตัวเซล..เพียงแต่ไปออกคำสั่งดุจสะกดจิตด้วยรหัสพันธุ์กรรม..ให้เซลล์หยุดทำอย่างอื่นให้ผลิตเพื่อเพิ่มจำนวนไวรัสเท่านั่นจนเซลล์ตายไปเอง..แต่แบคทีเรียขยายแบ่งตัวด้วยตนเอง(ฟิคเจอริ่งกับเซลจนมีทาญาติไม่ได้)..แต่จะกัดกินย่อยสลายทำลายเซลล์แบบนักล่าทั่วไป..หรือเป็นสิ่งแปลกปลอมอยากอาศัยอยู่ฟรีเฉยๆแต่เม็ดเลือดขาวเราไม่ยอมจึงจะมาทำลาย..ขบวนการต่อสู้ทำลายแบคทีเรียนี้..ย่อมเกิดลูกหลงไปทำให้เซลล์ได้รับความเสียหายเกิดการอักเสบจนระบบตนเองล่มหรือตายลงได้..
5.การฆ่าไวรัสให้ตายเป็นไปไม่ได้..เพราะไวรัสไม่ถือเป็นสิ่งมีชีวิตแต่ทำลายได้ หลักการป้องกันคือหาวิธีใดๆเพื่อไม่ให้ตัวไวรัสเข้าไปข้างในเซลล์เหมือนใส่รองเท้าป้องกันพยาทและการพยายามทำลายไวรัส..ก็เหมือนกับการทำลายเซลเพราะไวรัสส่วนใหญ่นอนสบายอยู่ภายในเซลล์..การทำลายไม่ง่ายเหมือนกินยาถ่ายพยาทแต่คือการทำลายเซลล์เพื่อทำลายไวรัสได้อย่างเดียว(คือเข้าไปในเซลล์แล้วหมดสิทธิ์..ต้องป้องกันไม่ให้เข้าไปเท่านั่น)แต่แบคทีเรียตายหรือถูกทำลายตัดวงจรการเติบโตได้..ด้วยสารเคมีหรือยาปฎิชีวนะที่ออกฤทธิ์ เฉพาะแบคทีเรียโดยไม่ทำลายเซลล์ข้างเคียงแบบหยอดยาเห็บสุนัขเห็บตายแต่หมายังชิวๆ
เอาเท่านี้ก่อน คิดอะไรได้จะมาเพิ่มเติม ขาดตกบกพร่อง ผิดประการใดเชิญชี้แนะนำเป็นความรู้เพิ่มเติมได้ครับ
สุดยอดความคิดเห็น
ความคิดเห็นที่ 3
อันนี้เป็นความรู้นานแล้วนะครับ ขาดตกตรงไหนขออภัย แต่คร่าว ๆ จะประมาณนี้

เราต้องอธิบายถึงความแตกต่างของ ไวรัส และ แบคทีเรีย ก่อนครับ

แบคทีเรีย เป็นสิ่งมีชีวิต มันมีรูปแบบที่เฉพาะสำหรับการเป็นสิ่งมีชีวิต ทำให้สามารถกำจัดได้ด้วยวิธีต่าง ๆ

แต่ ไวรัส ตัวมันมีความ ครึ่ง ๆ กลาง ๆ (ใช้ภาษาง่าย ๆ นะครับ) .. ทำให้จะรักษาแบบกำจัดแบคทีเรีย(กำจัดสิ่งมีชีวิต) หรือกำจัดสิ่งไม่มีชีวิตไม่เป็นผล เนื่องจากตัว ไวรัสมันมีเฉพาะ RNA หรือ DNA ทำให้เรามีแค่การกระตุ้นภูมิให้ร่างกายรู้ว่า ภาชนะ RNA หรือ DNA ตัวนี้เป็นพาหะนำโรคนะ ต้องกำจัด ร่างกายก็จะสามารถกำจัดได้ด้วยตัวเอง นอกนั้นเราทำได้แค่ยับยั้งเชื้อไม่ให้มันเพิ่มจำนวน

แต่ไวรัสมันก็มีจุดอ่อนครับ ถ้าเกิดว่ามันไม่เข้าไปในร่างกายของคน (โฮสต์) มันจะถูกกำจัดง่าย ๆ เหมือนกันครับ (ให้ความร้อน , แอลกอฮอล์ , สบู่ , ฯลฯ) เพราะฉะนั้น ไวรัสมันจะป้องกันได้ง่ายกว่าแบคทีเรีย

ในส่วนของไวรัส มันจะอยู่ไม่ได้ถ้าไม่มีโฮสต์(พาหะนำโรค) แต่แบคทีเรียทำได้เพราะตัวมันเองเป็นสิ่งมีชีวิต

อีกประเด็นที่อยากพูดถึงคือที่ จขกท. ยกตัวอย่าง คือ HIV .. ตัวไวรัส HIV เนี่ยมันเป็นไวรัสชนิดโจมตีภูมิคุ้มกัน ยกตัวอย่างง่าย ๆ คือ HIV เนี่ยมันเหมือน ทหาร มาตี ทหาร ของเรา และตีเฉพาะทหารของเราด้วย ไม่ว่าเราจะเพิ่มกำลังทหารยังไง เจ้า HIV มันก็ตีทหารเราอยู่แบบนั้น ,, แต่ที่ HIV มันอันตรายเพราะ ในขณะที่มันตีทหารเราอยู่ มันก็เปิดช่องให้ทหารกลุ่มอื่น ๆ (เชื้อโรคอื่นๆ) เข้าตีเราเหมือนกัน ทำให้เกิดโรคแทรกซ้อน ปัญหาคือ ภูมิคุ้มกันของเราที่ควรจะไปป้องกันเชื้อโรคอื่นด้วย กลับต้องสู้กับ HIV ตลอดเวลา ซึ่งสุดท้ายเมื่อภูมิคุ้มกันเราแพ้ เราก็จะเป็นเอดส์ครับ นั่นคือภูมิคุ้มกันเราไม่สามารถป้องกันโรคอื่น ๆ ได้อีกต่อไป ทำให้ติดเชื้อ ติดโรคแทรกซ้อน
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่