นายกฯ​ เรียกประชุมทีมศก.​พรุ่งนี้ เตรียมถกมาตรการช่วยร้านอาหาร​ พร้อมยัน​ ไม่เลื่อนโครงการ​ 'คนละครึ่งเฟส​ 3'

ผศ.ดร.รัชญ์ ครุจิต ที่ปรึกษาด้านการสื่อสาร ศบค. โพสต์ข้อความลงในเฟซบุ๊ก Warat Karuchit เกี่ยวกับการเรียกประชุมทีมเศรษฐกิจของรัฐบาล​ โดย​พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี​ และรมว.กลาโหม​ ในวันพรุ่งนี้ว่า

การประชุมของทีมเศรษฐกิจพรุ่งนี้จะมีการหารือกันเกี่ยวกับมาตรการช่วยเหลือร้านอาหารใน กทม. และปริมณฑล รวม 6 จังหวัดซึ่งได้รับผลกระทบจากประกาศฉบับฯที่ 25 ที่ให้งดการรับประทานอาหารในร้าน ส่วนร้านอาหารในพื้นที่ 4 จังหวัดชายแดนภาคใต้นั้นไม่ได้รับผลกระทบจากประกาศฉบับนี้เนื่องจากให้ยึดตามฉบับที่ 24 คือนั่งทานอาหารในร้านได้ 50%  

ส่วนกระแสข่าวที่ออกมาว่า สศช.จะเสนอให้รัฐบาลพิจารณาเลื่อนโครงการ "คนละครึ่งเฟส 3" ที่จะเริ่มใช้ในวันที่ 1 ก.ค.ออกไปก่อนนั้นขอยืนยันว่าไม่ใช่เรื่องจริง ขณะนี้ทั้งโครงการคนละครึ่งเฟส 3 และโครงการยิ่งใช้ยิ่งได้ยังดำเนินต่อไปตามกำหนดเดิม โดยเฉพาะโครงการ "คนละครึ่งเฟส 3" นั้นถือว่าเป็นโครงการที่จะช่วยพยุงกำลังซื้อของประชาชน ที่จะเข้ามาช่วยจับจ่ายใช้สอยในโครงการนี้ทำให้ร้านค้ารายย่อย และร้านค้าต่างๆในตลาดหรือตลาดนัดที่เข้าร่วมโครงการได้รับประโยชน์
https://www.facebook.com/Sumnakkaow.PRD/posts/6412726975419435


การแก้ปัญหาหนี้สินเพื่อทุกคน
และการวางรากฐานเศรษฐกิจ (ระยะยาว)
--------------------------

ผลงานที่ผ่านมา "ปัญหาหนี้ครัวเรือน"
- ก่อนปี 2557 มีอัตราเพิ่มขึ้นเดือนละ 88,000 ล้านบาท
- หลังจากปี 2557 ถึงปัจจุบัน มีการเพิ่มขึ้นเดือนละ 50,000 ล้านบาท

ปัญหาหนี้ในภาพรวม/กลุ่มใหญ่ๆ (ในปัจจุบัน)
- หนี้ กยศ. 3.6 ล้านคน และผู้ค้ำประกัน 2.8 ล้านคน
- หนี้ครู/ข้าราชการ 2.8 ล้านบัญชี
- หนี้เช่าซื้อรถยนต์และมอเตอร์ไซค์ 27.7 ล้านบัญชี
- หนี้บัตรเครดิตและสินเชื่อส่วนบุคคล 49.9 ล้านบัญชี
- หนี้สินอื่นๆ อีก 51.2 ล้านบัญชี

มาตรการแก้ปัญหาหนี้สินของรัฐบาล
(1) มาตรการระยะเร่งด่วน
- ลดภาระดอกเบี้ย (สินเชื่อรายย่อย PICO และ NANO)
- ลดดอกเบี้ยเงินกู้ (ครู ข้าราชการ และสหกรณ์)
- ปรับรูปแบบการชำระหนี้+ให้ความเป็นธรรม (ผู้เช่าซื้อรถยนต์/รถจักรยานยนต์)
- ทบทวนเพดานอัตราดอกเบี้ย (โดย ธปท.)
- กำกับดูแลบัตรเครดิต สินเชื่อส่วนบุคคล และสินเชื่อจำนำทะเบียน (โดย ธปท.)
- ช่วยเหลือในการไกล่เกลี่ยปัญหาหนี้สิน
- เพิ่มช่องทางการเข้าถึงแหล่งทุน และเพิ่มจำนวนโรงรับจำนำ/โรงรับจำนอง
(2) มาตรการระยะต่อไป
- เร่งส่งเสริมการแข่งขันให้อัตราดอกเบี้ยถูกลง
- ช่วยเหลือเด็กรุ่นใหม่/คนเกษียณที่มีภาระหนี้สิน โดยลดภาระค่าใช้จ่ายเรื่องที่อยู่อาศัย/ค่าเดินทาง
- จัดตั้งหน่วยงานขึ้นมาใหม่ เพื่อกำกับดูแลสินเชื่อเช่าซื้อรถยนต์ และสินเชื่อรายย่อยเป็นการเฉพาะ
- จัดตั้งศูนย์ไกล่เกลี่ยข้อพิพาททางธุรกิจและการเงิน  เพื่อชะลอการฟ้องและอำนวยความสะดวกให้การฟื้นฟูหนี้รายบุคคลที่มีเจ้าหนี้หลายราย...เป็นต้น

การแก้ปัญหาอย่างยั่งยืน (ที่ผ่านมา)
(1) กฎหมายขายฝาก...ช่วยคุ้มครอง ให้ความเป็นธรรม ไม่ให้ผู้จำนองถูกยึดที่ดินเหมือนในอดีต
(2) กฎหมายทวงหนี้...เพื่อคุ้มครองสิทธิ์ลูกหนี้ และขจัดวงจรผู้มีอิทธิพล
(3) กฎหมายปรับปรุงอัตราดอกเบี้ยและวิธีคิดดอกเบี้ย...ที่ใช้มาแล้ว 95 ปี (พ.ศ.2468 จนถึงปัจจุบัน) เพื่อไม่ให้ลูกหนี้ถูกเอาเปรียบ และสอดคล้องกับเศรษฐกิจในปัจจุบัน เช่น...
- กรณีที่สัญญาเงินกู้ไม่ได้ระบุอัตราดอกเบี้ยไว้ เดิมสามารถคิดดอกเบี้ยอัตราคงที่ 7.5% ต่อปี ให้แก้เป็น 3% ต่อปี
- กรณีผิดนัดชำระหนี้ เดิมคิดดอกเบี้ยอัตราคงที่ 7.5% ต่อปี แก้เป็น 5% ต่อปี โดยให้คำนวณดอกเบี้ยจากเงินต้น เฉพาะงวดที่ผิดนัดเท่านั้น ไม่ใช่คิดดอกเบี้ยจากเงินต้นที่ค้างอยู่ทั้งหมด

วิสัยทัศน์ นายกฯ ด้านเศรษฐกิจ-การเงิน-การคลัง เช่น...
(1) สนับสนุน...การทำบัญชีครัวเรือน
(2) ผลักดัน...กองทุนการออมแห่งชาติ (กอช.) เพราะอยากให้ทุกคนมีบำนาญใช้ตลอดชีวิต
(3) ผลักดัน...กองทุนเพื่อความเสมอภาคทางการศึกษา (กสศ.) เพิ่มเติมจากเดิมที่เคยมีกองทุนเงินให้กู้ยิมเพื่อการศึกษา (กยศ.) เพื่อเป็นการเพิ่มโอกาสทางการศึกษาในรูปแบบเงินสนับสนุน ไม่ใช่เงินกู้ สำหรับคนยากจนจริงๆ ไม่ให้หลุดจากระบบการศึกษา
(4) ผลักดัน...การขับเคลื่อนประเทศไปสู่สังคมไร้เงินสด (Cashless Society) ภายใต้แผนยุทธศาสตร์ "ระบบการชำระเงินอิเล็กทรอนิกส์แห่งชาติ" (National e-Payment) โดยร่วมกับธนาคารพาณิชย์และธนาคารเฉพาะกิจของรัฐ (SFIs) ซึ่งประโยชน์ระยะยาว ได้แก่...
- คนไทยรู้จักและคุ้นเคยกับบริการรับโอนเงินรูปแบบใหม่ หรือ พร้อมเพย์ (Prompt pay) ตั้งแต่ปี 2560 ซึ่งมีค่าธรรมเนียมถูกมากๆ
- รัฐบาลยังประหยัดค่าใช้จ่ายปีละหลักหมื่นล้านบาท ในการขนส่งเงิน การรักษาความปลอดภัย การผลิตเงิน เป็นต้น
- ยามวิกฤตโควิดนี้ โครงการต่างๆ เช่น เราชนะ คนละครึ่ง ยิ่งใช้ยิ่งได้ รวมทั้งการค้าขายออนไลน์ ซึ่งเป็นการขยายผลมาจากการใช้เงินดิจิทัล ซึ่งโปร่งใส ตรวจสอบได้ ขจัดการทุจริต
- คนไทยก็เริ่มปรับตัวใช้จ่ายเงินดิจิทัลมากเป็นอันดับต้นๆ ของโลก

โรงรับจำนำ/จำนอง...ดีอย่างไร?
- เป็นที่พึ่งสำหรับผู้มีรายได้น้อย หรือปานกลาง
- เป็นแหล่งเงินกู้ระยะสั้น เงื่อนไขน้อย
- ดอกเบี้ยต่ำเพียง 0.25% ถึง 1.25% ต่อเดือน
- ช่วยแก้ปัญหาเฉพาะหน้า เช่น ช่วงเปิดเทอม ยามป่วยไข้ ขายของขาดทุน หรือลงทุนเพิ่ม
- ลดการพึ่งพาหนี้นอกระบบ
- ลดวงจรนายทุนปล่อยเงินกู้ขูดรีด
https://www.facebook.com/PMOCNEWS/posts/573195594065767


มาตรการเยียวยาแรงงาน​ หลังปิดแคมป์ "จ่าย​เงินสด 50% -​ ตรวจโควิด​ 100% -​ รุกฉีดวัคซีน"

มาตรการเยียวยาจากกระทรวงแรงงาน
- ชดเชยเงินให้กับแรงงานหลังจากมีคำสั่ง​ปิดแคมป์ก่อสร้าง จำนวน​ 50% ของค่าจ้าง
- จ่ายเป็นเงินสดทุกๆ 5 วัน
- จะมีการตรวจสอบรายชื่อคนงานในแคมป์ทุกวัน​ เริ่ม​ 28​ มิ.ย.64
- ตั้งเป้าตรวจหาเชื้อในแคมป์คนงานให้ได้ 100%
- รุกฉีดวัคซีนให้คนงานที่ลงทะเบียนสำหรับผู้ประกันตน​ ม.​33 ถึงแคมป์ก่อสร้าง
https://www.facebook.com/Sumnakkaow.PRD/posts/6412114778813988


เคลียร์แล้วเกือบ 100% เรื่องราวร้องทุกข์โควิด ผ่านช่องทาง ‘1111’

เป็นเวลากว่า 6 เดือนแล้วนะครับที่รัฐบาลได้เปิดให้ประชาชนสามารถแจ้งเบาะแส ร้องทุกข์ ขอความช่วยเหลือ รวมถึงสอบถามข้อมูล เสนอความคิดเห็นเกี่ยวกับสถานการณ์โรคโควิด-19 ผ่าน 5 ช่องทาง ทั้งสายด่วน 1111, ตู้ ปณ. 1111, เว็บไซต์ www.1111.go.th, แอปฯ PSC 1111 และจุดบริการประชาชน 1111 ทำเนียบรัฐบาล

โดยตั้งแต่วันที่ 7 ม.ค. – 23 มิ.ย. 64 มีการแจ้งเรื่องเข้ามาทั้งหมด 249,448 เรื่อง แบ่งเป็น
1) แจ้งเบาะแสบ่อนการพนัน 652 เรื่อง  
2) แจ้งเบาะแสการไม่ปฏิบัติตามข้อกำหนดตามความในมาตรา 9 แห่ง พ.ร.ก. ฉุกเฉินฯ และแรงงานเข้าเมืองผิดกฎหมาย 432 เรื่อง
3) ร้องทุกข์ขอความช่วยเหลือ/สอบถามข้อมูล/เสนอความคิดเห็น 248,364 เรื่อง
และขณะนี้สามารถยุติเรื่องได้แล้วถึง 248,166 เรื่อง และอยู่ระหว่างรอผลการพิจารณาอีกเพียง 1,282 เรื่อง

เรียกได้ว่าเคลียร์ไปได้เกือบ 100% เลยทีเดียว ซึ่งเป็นไปตามนโยบายของนายกรัฐมนตรีที่ต้องการสนับสนุนการมีส่วนร่วมของภาคประชาชน เพื่อสะท้อนปัญหาและเดินหน้าแก้ไขได้อย่างตรงจุด ผ่านช่องทางการให้บริการประชาชนที่มีความสะดวก รวดเร็ว
https://www.facebook.com/ThaigovSpokesman/posts/1201774916954979


ลดค่าทางด่วน "ด่านอาจณรงค์ 1" รถทุกประเภท เริ่ม 1 ก.ค. นี้

มีข่าวมาแจ้งสำหรับผู้ใช้รถใช้ถนน กระทรวงคมนาคม ขยายระยะเวลาให้ส่วนลดค่าผ่านทางพิเศษ ทางพิเศษเฉลิมมหานคร สำหรับผู้ใช้ทางพิเศษที่มาจากทางพิเศษฉลองรัช เพื่อเข้าสู่ทางพิเศษเฉลิมมหานครที่ด่านเก็บค่าผ่านทางพิเศษอาจณรงค์ 1 (บางนา) ในอัตรา 25 บาท/เที่ยว สำหรับรถทุกประเภท จากเดิมที่จะสิ้นสุดการให้ส่วนลดในวันที่ 30 มิ.ย. 64 ส่งผลให้รถแต่ละประเภทที่ใช้บริการในเส้นทางดังกล่าว มีอัตราค่าผ่านทางพิเศษดังนี้

1. รถยนต์ 4 ล้อ จาก 50 บาท ลดเหลือ 25 บาท
2. รถบรรทุก 6 - 10 ล้อ จาก 75 บาท ลดเหลือ 50 บาท
3. รถบรรทุกมากกว่า 10 ล้อขึ้นไป จาก 110 บาท ลดเหลือ 85 บาท

ซึ่งจะเริ่มให้ส่วนลดตั้งแต่วันที่ 1 ก.ค. 64 -  31 ธ.ค. 65
https://www.facebook.com/ThaigovSpokesman/posts/1202996143499523