เรียนฮาดีษกันวันละบทเพื่อรักษาแนวทางของศาสนาอิสลามให้ถูกต้องและมั่นคง

Hadith no. 39 of 40:
قال: أَخْبَرَنَا أَبُو الْحَسَنِ عَلِيُّ بْنُ أَحْمَدَ بْنِ عَبْدَانَ، أخبرنا أَحْمَدُ بْنُ عُبَيْدٍ الصَّفَارُ، حدثنا مُحَمَّدُ بْنُ عِيسَى بْنِ أَبِي إِيَاسٍ، حدثنا سَعِيدُ بْنُ سُلَيْمَانَ، عَنْ عَبْدِ اللهِ بْنِ دُكَيْنٍ، عَنْ  جَعْفَرِ بْنِ مُحَمَّدٍ، عَنْ أَبِيهِ، عَنْ جَدِّهِ، عَنْ عَلِيِّ بْنِ أَبِي طَالِبٍ، رَضِيَ اللهُ عَنْهُ قَالَ: قَالَ رَسُولُ اللهِ صَلَّى اللَّهُ عَلَيْهِ وَسَلَّمَيُوشِكُ أَنْ يَأْتِيَ عَلَى النَّاسِ زَمَانٌ لَا يَبْقَى مِنَ الْإِسْلَامِ إِلَّا اسْمُهُ، وَلَا يَبْقَى مِنَ الْقُرْآنِ إِلَّا رَسْمُهُ، مَسَاجِدُهُمْ عَامِرَةٌ وَهِيَ خَرَابٌ مِنَ الْهُدَى، عُلَمَاؤُهُمْ شَرُّ مَنْ تَحْتَ أَدِيمِ السَّمَاءِ مَنْ عِنْدَهُمْ تَخْرُجُ الْفِتْنَةُ وَفِيهِمْ تَعُودُ
Ali ibn Abi Talib (ra) reported that the Prophet Muhammad ﷺ said;

“There will come a time upon the people, when there will remain nothing of Islam except its name (ism) and nothing will remain of the Qur’ān except its outward form (rasm). Their masjids will be full of people (well built) but will be empty of guidance. Their scholars will be the most evil under the heavens; from them turmoil (fitnah) will emanate and to them it will return.”[113]

คำอธิบายเนื้อความของฮาดีษบทนี้

ท่านรอซูลมูฮัมมัดของอัลลอฮ์ กล่าวในเชิงอุปมาอุปมัยว่า;  

 "สักวันหนึ่งก็จะถึงเวลาเวลา ที่มวลชนมุสลิม จะไม่มีอะไรเหลืออยู่ในศาสนาอิสลามนอกจากชื่อ "อิสลาม" เท่านั้น, และจะไม่มีอะไรเหลืออยู่ในอัลกุรอาน นอกจากรูปร่างของหนังสือเล่มหนึ่งเท่านั้น, มัสยิดที่สร้างขึ้นอย่างสวยงามของมุสลิมก็จะเต็มไปด้วยผู้คนแต่ขาดแนวทางแนะนำ, บรรดานักวิชาการทางศาสนาของพวกเขาก็จะเป็นปีศาจที่ชั่วร้ายที่สุดภายใต้สรวงสวรรค์, เพลิงแห่งความวุ่ยวาย(ฟิตนะห์)ของพวกเขา(นักวิชาการ) ก็จะแพร่กระจายและกลับมา เผาผลาญพวกเขา"

คลิกเพื่อดูคลิปวิดีโอ
ภาพที่เห็นจากวิดีโอข้างบนนี้ อธิบายฮาดีษบทนี้ให้เห็นได้อย่างชัดเจน เราจะเห็นว่าในมัสยิดอัลฮะรอมที่สวยงาม  มวลหมู่มุสลิมจำนวนมาก แย่งและพลักดัน กันเพื่อจูบ และสัมผัสหินดำ(ٱلْحَجَرُ ٱلْأَسْوَد) ในใจกลางของมัสยิดอัลฮารอม นครเมกกะ ประเทศซาอุดิอารเบีย เป็นภาพที่น่าเศร้าใจที่ มุสลิมที่คล้งไคร้ต่อหินดำเหล่านี้ ขาดแนวทางการนับถือศาสนาอิสลามอย่างถูกต้อง บ้างก็แย่งกันสัมผ้สกรอบโลหะที่บรรจุเศษหิน กรวด ก้อนเล็กๆ และบางกลุ่มก็ แย่งกันจับมุมกำแพง กะอ์บะห์ ที่เรียกว่ามุมอัลรุกุ-อัลยามินี  การที่เห็นสภาพเช่นนี้ในสังคมมุสลิม ก็เนื่องมาจากว่าพวกเขาปฏิเสธที่จะเชื่อฟังอัลลอฮ์และท่านรอซูล อัลลอฮ์สอนมุสลิม ให้ปฏิบัติตามสิ่งที่อัลลอฮฺได้ทรงประทานลงมา นั้นก็คืออัลกุรอาน แต่บรรดาผู้ที่ดื้อดึงจะอ้างว่า พวกเขาจะปฏิบัติตามเฉพาะสิ่งที่ พวกเขาได้พบเห็นบรรพบุรุษของเราปฏิบัติ" ทั้ง ๆ ที่บรรพบุรุษของพวกเขาไม่ได้เข้าใจอะไรสักอย่าง และไม่ได้อยู่ในทางนำที่ถูกต้องจากอัลลอฮ์ นั้นก็คือขาดความรู้จากอัลกุรอานนั้นเอง
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
จากฮาดีษบทนี้เป็นคำสอนที่มุสลิมควรจะจำไว้ถือปฏิบัติ โดยเฉพาะนักวิชาการทางศาสนาทั้งหลาย ที่ประณามมุสลิมที่ยึดถืออัลกุรอานเป็นแนวทาง ตามซุนนะห์ของท่านรอซูล พวกเขาไม่ได้แบ่งนิกาย เขาปฏิบัติตามบัญชาของอัลลอฮ์ สังคมมุสลิมไปตั้งชื่อให้เขาเอง เขาเป็นชาวอัลกุรอานเช่นเดียวกับที่ท่านรอซูลมูฮัมมัดแสดงแบบฉบับไว้  

ถ้ามุสลิมผู้ใดที่ไม่เชื่อว่าท่านรอซูลมูฮัมมัดใช้อัลกุรอานเป็นแหล่งวิชาทางศาสนาเพียงแหล่งเดียว กรุณาหาหลักฐานมายืนยัน
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่