อิสลามหมายถึงการยอมสวามิภักดิ์ต่อพระเจ้า/GOD/หรืออัลลอฮ์ ด้วยกาย วาจาและใจ
มุสลิม คือผู้ที่นับถือศาสนาอิสลาม
เหตุผลที่คุณควรเลือกที่จะนับถือศาสนาอิสลาม:
1. เป็นศาสนาที่นับถืออำนาจของผู้สร้างซึ่งมีเพียงองค์เดียว ไม่มีภาคีกับผู้ใดหรือวัตถุสิ่งใด เป็นอำนาจที่สูงสุด
2. เป็นศาสนาที่ที่สอดคล้องไปกับธรรมชาติของมนุษย์ ไม่สุดโต่งไปข้างหนึ่งข้างใด ใช้ชีวิต ครอบครัว และสังคมอย่างเรียบๆ ถ่อมตัว
3. มีความเสมอภาคในความเป็นมนุษย์อย่างเท่าเทียมกัน ไม่มีสถาบันนักบวช ผู้ศรัทธาทุกๆคนถือศีลเท่ากันหมด
4. หลักศาสนาอิสลาม เป็นศาสนาที่รวมเอา ระบบความศรัทธาทางจิตวิญญาณ และค่าคุณธรรมของความเป็นมนุษย์ รวมเข้ากับ ระบบ
การใช้ชิวิตตามธรรมชาติของมนุษย์ ระบบการปกครอง ระบบยุติธรรม ระบบการสังคมสงเคราะห์ ระบบการป้องกันและรักษาสถาบัน
ศาสนาเข้าด้วยกัน เป็นหลักการปฏิบัติทางศาสนา ระบบทั้งหมดนี้ อยู่ภายในแนวทางของพระเจ้า/อัลลอฮ์ ที่บัญญัติไว้ในคัมภีร์อัลกุรอาน
5. เป็นศาสนาที่มีระบียบวินัย ผู้ศรัทธาแต่ละคนจะต้องรับผิดชอบระเบียบวินัย ในการปฏิบัติศาสนกิจของตนอย่างเคร่งครัด
อย่านับถือศาสนาอิสลามแบบที่เสี่ยงต่อการทำชิริก หรือการสร้างภาคี เพราะว่า ศาสนาอิสลามห้ามการนับถือและให้เกียรติต่อวัตถุใดๆในด้านจิตวิญญาณ ห้ามเชื่อว่า วัตถุนั้นๆ มีความสัมพันธ์กับพระเจ้า เช่นการจูบ หินดำ(ٱلْحَجَرُ ٱلْأَسْوَد) เพื่อเป็นการรำลึก ถึงคุณธรรม และความประเสริฐของท่านศาสนฑูตมูฮัมมัด ตามการปฏิบัติ(ซุนนะห์) ที่ท่านเคยจูบหินดำ(ٱلْحَجَرُ ٱلْأَسْوَد) โดยเหตุผล ตามที่ท่านรอซูล ได้กล่าวถึงความสำตัญของหินดำ(ٱلْحَجَرُ ٱلْأَسْوَد) นี้ ว่ามีความสัมพันธ์กับอัลลอฮ์และมันสามารถที่จะให้คุณให้โทษต่อผู้ที่สัมผ้สมันได้ คือเป็นพยานต่ออัลลอฮ์/พระเจ้าในวันตัดสิน และหรือเป็นสื่อต่ออัลลอฮ์ในการอภัยบาป ให้แก่ผู้ที่จูบหรือสัมผ้ส หินดำ(ٱلْحَجَرُ ٱلْأَسْوَد) และ กำแพงกะห์บะห์
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
มุสลิมจำนวนมาก ปฏิบัติตามซุนนะห์ (การปฏิบัติของศาสดา)โดยเชื่อว่าซุนนะห์ทุกอย่างมีความถูกต้องตามหลักการของอิสลามทั้งนั้น, แต่มุสลิมมีความจำเป็นที่จะต้องนึกถึงเงื่อนไขที่อัลลอฮ์ทรงบัญญัติไว้ คือ "การปฏิบัติตามซุนนะห์นั้นจะต้องตามซุนนะห์ที่ถูกต้อง ที่ไม่ขัดกับหลักความศรัทธาของศาสนาอิสลาม"
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้يَا أَيُّهَا النَّبِيُّ إِذَا جَاءَكَ الْمُؤْمِنَاتُ يُبَايِعْنَكَ عَلَىٰ أَنْ لَا يُشْرِكْنَ بِاللَّهِ شَيْئًا وَلَا يَسْرِقْنَ وَلَا يَزْنِينَ وَلَا يَقْتُلْنَ أَوْلَادَهُنَّ وَلَا يَأْتِينَ بِبُهْتَانٍ يَفْتَرِينَهُ بَيْنَ أَيْدِيهِنَّ وَأَرْجُلِهِنَّ وَلَا يَعْصِينَكَ فِي مَعْرُوفٍ ۙ فَبَايِعْهُنَّ وَاسْتَغْفِرْ لَهُنَّ اللَّهَ ۖ إِنَّ اللَّهَ غَفُورٌ رَحِيمٌ {12
[Pickthal 60:12] O Prophet! If believing women come unto thee, taking oath of allegiance unto thee that they will ascribe no thing as partner unto Allah, and will neither steal nor commit adultery nor kill their children, nor produce any lie that they have devised between their hands and feet, nor disobey thee in what is right, then accept their allegiance and ask Allah to forgive them. Lo! Allah is Forgiving, Merciful.
{60:12} โอ้ นบี! เมื่อบรรดาสตรีผู้มีศรัทธาได้มาหาเธอ โดยพวกนางให้ปฏิญาณแก่เธอว่า พวกนางจะไม่ตั้งภาคีใด ๆ ต่ออัลลอฮฺ และจะไม่ขโมย และจะไม่มีชู้ และจะไม่ฆ่าลูก ๆ ของพวกตน และจะไม่นำมาซึ่งการใส่ร้ายโดยการเสกสรรลูกหลงพ่อให้เป็นลูกของตน และจะไม่ขัดขืนคําสั่งของเธอ
ในสิ่งที่ถูกต้อง ดังนั้นจงรับการปฏิญาณของพวกนาง และจงขอต่ออัลลอฮฺให้ทรงอภัยแก่พวกนาง แท้จริงอัลลอฮฺคือพระผู้ทรงอภัย พระผู้ทรงปรานีเสมอ
คำวลีที่ว่า فِي مَعْرُوفٍ (ฟีย์มะฆฺรูฟิน) "ในสิ่งที่ถูกต้องเท่านั้น" หมายความว่า การทำตามซุนนะห์นั้นจะต้องทำตามในสิ่งที่ถูกต้องกับหลักศรัทธาของศาสนาอิสลามเท่านั้น สิ่งใดที่ขัดกับหลักศรัทธาของอิสลามมุสลิมจะต้องไม่ปฏิบัติตาม
ในทัศนะของมุสลิมผู้หนึ่ง พิจารณาว่า ถ้าหากว่าการจูบหินดำนั้นเป็นความจริง เหตุการณ์นั้นจะต้องเกิดก่อน ท่านศาสดามูฮัมมัด จะได้รับอัลกุรอาน
เพราะว่าขณะที่ท่าน ประดิษฐานหินดำ(ٱلْحَجَرُ ٱلْأَسْوَد) ที่กะอ์บะห์นั้น ท่านศาสดายังไม่ได้รับอิสลามและอัลกุรอาน ท่านจึงจูบหินดำนั้นตามการเคารพ
นับถือเจว็ดหินของอรับเผ่ากุเรซ, ก่อนที่ท่านจะทำลายเจว็ดหินต่างๆในกะอ์บะห์ ดังนั้นฮาดีษที่กล่าวถึงอานุภาพของหินดำนั้น จึงต้องมาจากความเชื่อ
ของอรับเผ่ากุเรซ ก่อนที่พวกเขาจะรับศาสนาอิสลาม
ดังนั้นในการที่จะถือศาสนาอิสลามอย่างไรจึงจะถูกต้อง เราอาจจะหาคำแนะนำได้ จากฮาดีษต่อไปนี้:
https://www.quranproject.org/40-Hadith-on-the-Quran--575-d
Hadith no. 10 of 40:
قال: حَدَّثَنَا بَكْرُ بْنُ خَلَفٍ أَبُو بِشْرٍ، حَدَّثَنَا عَبْدُ الرَّحْمَنِ بْنُ مَهْدِيٍّ، حَدَّثَنَا عَبْدُ الرَّحْمَنِ بْنُ بُدَيْلٍ، عَنْ أَبِيهِ، عَنْ أَنَسِ بْنِ مَالِكٍ، قَالَ قَالَ رَسُولُ اللَّهِ ـ صلى الله عليه وسلم ـ إِنَّ لِلَّهِ أَهْلِينَ مِنَ النَّاسِ . قَالُوا يَا رَسُولَ اللَّهِ مَنْ هُمْ قَالَ هُمْ أَهْلُ الْقُرْآنِ أَهْلُ اللَّهِ وَخَاصَّتُهُ
อานาส บิน มาลิก รายงานว่าท่านรอซูลของอัลลอฮ์ กล่าวว่า: "อัลลอฮ์มีหมู่ชนของพระองค์อยู่ในท่ามกลางเหล่ามนุษย์"
สาวกถามว่า, "โอท่านรอซูลของอัลลอฮ์ เขาเหล่านั้นคือใคร?,
ท่านรอซูลของอัลลอฮ์ตอบว่า, "เขาคือหมู่ชนแห่งอัลกุรอาน, เป็นผู้คนของอัลลอฮ์และเขาเหล่านั้นเป็นบรรดาผู้ที่ใกล้ชิดกับอัลลอฮ์มากที่สุด"
จากฮาดีษนี้จะเห็นว่า มุสลิมที่ยึดถืออัลกุรอานเป็นแนวทางปฏิบัติในการใช้ชีวิตประจำวันนั้น เป็นผู้ที่ใกล้ชิดกับอัลลอฮ์มากที่สุด เราจะเห็นจากตัวอย่าง ที่ท่านรอซูลถือปฏิบัติในการใช้ชีวิตของท่าน ทั้งในครอบครัว และการสอนในการประกาศศาสนา ท่านใช้อัลกุรอานเป็นแหล่งวิชาทางศาสนาเพียงอย่างเดียว ตามคำบัญญชาของอัลลอฮ์ ท่านจึงเป็นผู้นำของชนชาวอัลกุรอาน บรรดาผู้ที่ใกล้อัลลอฮ์ที่สุด (أَهْلُ الْقُرْآنِ أَهْلُ اللَّهِ وَخَاصَّتُهُ)
จากลิ้งค์ข้างบนนี้ เป็นฮาดีษที่ท่านรอซูลมูฮัมมัดให้เหตุผลต่างๆถึงความจำเป็นที่มุสลิมจะต้องยึดติดกับอัลกุรอานเท่านั้น
เมื่อท่านอ่านมาถึงตรงนี้จึงพอที่จะตัดสินใจได้ว่า จะนับถือศาสนาอิสลามอย่างไร ตำแหน่งของมุสลิมที่มีตักวาต่ออัลลอฮ์ จึงจะเข้าถึงแนวทางของอัลลอฮ์ได้อย่างแท้จริง นั้นคือการนับถือศาสนาอิสลาม โดยการใช้อัลกุรอานเป็นแหล่งวิชาและเป็นแนวทางในการใช้ชีวิตประจำวันของมุสลิมเพียงอย่างเดียวเท่านั้น คือแนวทางที่ท่านรอซูลมูฮัมมัดถือปฏิบัติ หลังจากที่ท่านได้รับศาสนาอิสลามและได้รับอัลกุรอานแล้ว เป็นแนวทางที่ถูกต้องที่สุด
"แนวทางของชุมชนแห่ง อัลกุรอานเป็น ผู้คนที่ใกล้ชิดอัลลอฮ์มากที่สุด และที่สำคัญที่สุดอย่าประกาศตนเองว่าอยู่ในนิกายใดนิกายหนึ่ง คือเป็นมุสลิมที่เป็นผู้ที่มีความศรัทธาสวามิภักดิ์ต่ออัลลอฮ์เท่านั้นไม่ใช่ต่อบุคคล
ตำแหน่งที่สมควรของมุสลิมในศาสนาอิสลามท่ามกลางนิกายต่างๆ
มุสลิม คือผู้ที่นับถือศาสนาอิสลาม
เหตุผลที่คุณควรเลือกที่จะนับถือศาสนาอิสลาม:
1. เป็นศาสนาที่นับถืออำนาจของผู้สร้างซึ่งมีเพียงองค์เดียว ไม่มีภาคีกับผู้ใดหรือวัตถุสิ่งใด เป็นอำนาจที่สูงสุด
2. เป็นศาสนาที่ที่สอดคล้องไปกับธรรมชาติของมนุษย์ ไม่สุดโต่งไปข้างหนึ่งข้างใด ใช้ชีวิต ครอบครัว และสังคมอย่างเรียบๆ ถ่อมตัว
3. มีความเสมอภาคในความเป็นมนุษย์อย่างเท่าเทียมกัน ไม่มีสถาบันนักบวช ผู้ศรัทธาทุกๆคนถือศีลเท่ากันหมด
4. หลักศาสนาอิสลาม เป็นศาสนาที่รวมเอา ระบบความศรัทธาทางจิตวิญญาณ และค่าคุณธรรมของความเป็นมนุษย์ รวมเข้ากับ ระบบ
การใช้ชิวิตตามธรรมชาติของมนุษย์ ระบบการปกครอง ระบบยุติธรรม ระบบการสังคมสงเคราะห์ ระบบการป้องกันและรักษาสถาบัน
ศาสนาเข้าด้วยกัน เป็นหลักการปฏิบัติทางศาสนา ระบบทั้งหมดนี้ อยู่ภายในแนวทางของพระเจ้า/อัลลอฮ์ ที่บัญญัติไว้ในคัมภีร์อัลกุรอาน
5. เป็นศาสนาที่มีระบียบวินัย ผู้ศรัทธาแต่ละคนจะต้องรับผิดชอบระเบียบวินัย ในการปฏิบัติศาสนกิจของตนอย่างเคร่งครัด
อย่านับถือศาสนาอิสลามแบบที่เสี่ยงต่อการทำชิริก หรือการสร้างภาคี เพราะว่า ศาสนาอิสลามห้ามการนับถือและให้เกียรติต่อวัตถุใดๆในด้านจิตวิญญาณ ห้ามเชื่อว่า วัตถุนั้นๆ มีความสัมพันธ์กับพระเจ้า เช่นการจูบ หินดำ(ٱلْحَجَرُ ٱلْأَسْوَد) เพื่อเป็นการรำลึก ถึงคุณธรรม และความประเสริฐของท่านศาสนฑูตมูฮัมมัด ตามการปฏิบัติ(ซุนนะห์) ที่ท่านเคยจูบหินดำ(ٱلْحَجَرُ ٱلْأَسْوَد) โดยเหตุผล ตามที่ท่านรอซูล ได้กล่าวถึงความสำตัญของหินดำ(ٱلْحَجَرُ ٱلْأَسْوَد) นี้ ว่ามีความสัมพันธ์กับอัลลอฮ์และมันสามารถที่จะให้คุณให้โทษต่อผู้ที่สัมผ้สมันได้ คือเป็นพยานต่ออัลลอฮ์/พระเจ้าในวันตัดสิน และหรือเป็นสื่อต่ออัลลอฮ์ในการอภัยบาป ให้แก่ผู้ที่จูบหรือสัมผ้ส หินดำ(ٱلْحَجَرُ ٱلْأَسْوَد) และ กำแพงกะห์บะห์
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
มุสลิมจำนวนมาก ปฏิบัติตามซุนนะห์ (การปฏิบัติของศาสดา)โดยเชื่อว่าซุนนะห์ทุกอย่างมีความถูกต้องตามหลักการของอิสลามทั้งนั้น, แต่มุสลิมมีความจำเป็นที่จะต้องนึกถึงเงื่อนไขที่อัลลอฮ์ทรงบัญญัติไว้ คือ "การปฏิบัติตามซุนนะห์นั้นจะต้องตามซุนนะห์ที่ถูกต้อง ที่ไม่ขัดกับหลักความศรัทธาของศาสนาอิสลาม"
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
ในทัศนะของมุสลิมผู้หนึ่ง พิจารณาว่า ถ้าหากว่าการจูบหินดำนั้นเป็นความจริง เหตุการณ์นั้นจะต้องเกิดก่อน ท่านศาสดามูฮัมมัด จะได้รับอัลกุรอาน
เพราะว่าขณะที่ท่าน ประดิษฐานหินดำ(ٱلْحَجَرُ ٱلْأَسْوَد) ที่กะอ์บะห์นั้น ท่านศาสดายังไม่ได้รับอิสลามและอัลกุรอาน ท่านจึงจูบหินดำนั้นตามการเคารพ
นับถือเจว็ดหินของอรับเผ่ากุเรซ, ก่อนที่ท่านจะทำลายเจว็ดหินต่างๆในกะอ์บะห์ ดังนั้นฮาดีษที่กล่าวถึงอานุภาพของหินดำนั้น จึงต้องมาจากความเชื่อ
ของอรับเผ่ากุเรซ ก่อนที่พวกเขาจะรับศาสนาอิสลาม
ดังนั้นในการที่จะถือศาสนาอิสลามอย่างไรจึงจะถูกต้อง เราอาจจะหาคำแนะนำได้ จากฮาดีษต่อไปนี้:
https://www.quranproject.org/40-Hadith-on-the-Quran--575-d
Hadith no. 10 of 40:
قال: حَدَّثَنَا بَكْرُ بْنُ خَلَفٍ أَبُو بِشْرٍ، حَدَّثَنَا عَبْدُ الرَّحْمَنِ بْنُ مَهْدِيٍّ، حَدَّثَنَا عَبْدُ الرَّحْمَنِ بْنُ بُدَيْلٍ، عَنْ أَبِيهِ، عَنْ أَنَسِ بْنِ مَالِكٍ، قَالَ قَالَ رَسُولُ اللَّهِ ـ صلى الله عليه وسلم ـ إِنَّ لِلَّهِ أَهْلِينَ مِنَ النَّاسِ . قَالُوا يَا رَسُولَ اللَّهِ مَنْ هُمْ قَالَ هُمْ أَهْلُ الْقُرْآنِ أَهْلُ اللَّهِ وَخَاصَّتُهُ
อานาส บิน มาลิก รายงานว่าท่านรอซูลของอัลลอฮ์ กล่าวว่า: "อัลลอฮ์มีหมู่ชนของพระองค์อยู่ในท่ามกลางเหล่ามนุษย์"
สาวกถามว่า, "โอท่านรอซูลของอัลลอฮ์ เขาเหล่านั้นคือใคร?,
ท่านรอซูลของอัลลอฮ์ตอบว่า, "เขาคือหมู่ชนแห่งอัลกุรอาน, เป็นผู้คนของอัลลอฮ์และเขาเหล่านั้นเป็นบรรดาผู้ที่ใกล้ชิดกับอัลลอฮ์มากที่สุด"
จากฮาดีษนี้จะเห็นว่า มุสลิมที่ยึดถืออัลกุรอานเป็นแนวทางปฏิบัติในการใช้ชีวิตประจำวันนั้น เป็นผู้ที่ใกล้ชิดกับอัลลอฮ์มากที่สุด เราจะเห็นจากตัวอย่าง ที่ท่านรอซูลถือปฏิบัติในการใช้ชีวิตของท่าน ทั้งในครอบครัว และการสอนในการประกาศศาสนา ท่านใช้อัลกุรอานเป็นแหล่งวิชาทางศาสนาเพียงอย่างเดียว ตามคำบัญญชาของอัลลอฮ์ ท่านจึงเป็นผู้นำของชนชาวอัลกุรอาน บรรดาผู้ที่ใกล้อัลลอฮ์ที่สุด (أَهْلُ الْقُرْآنِ أَهْلُ اللَّهِ وَخَاصَّتُهُ)
จากลิ้งค์ข้างบนนี้ เป็นฮาดีษที่ท่านรอซูลมูฮัมมัดให้เหตุผลต่างๆถึงความจำเป็นที่มุสลิมจะต้องยึดติดกับอัลกุรอานเท่านั้น
เมื่อท่านอ่านมาถึงตรงนี้จึงพอที่จะตัดสินใจได้ว่า จะนับถือศาสนาอิสลามอย่างไร ตำแหน่งของมุสลิมที่มีตักวาต่ออัลลอฮ์ จึงจะเข้าถึงแนวทางของอัลลอฮ์ได้อย่างแท้จริง นั้นคือการนับถือศาสนาอิสลาม โดยการใช้อัลกุรอานเป็นแหล่งวิชาและเป็นแนวทางในการใช้ชีวิตประจำวันของมุสลิมเพียงอย่างเดียวเท่านั้น คือแนวทางที่ท่านรอซูลมูฮัมมัดถือปฏิบัติ หลังจากที่ท่านได้รับศาสนาอิสลามและได้รับอัลกุรอานแล้ว เป็นแนวทางที่ถูกต้องที่สุด
"แนวทางของชุมชนแห่ง อัลกุรอานเป็น ผู้คนที่ใกล้ชิดอัลลอฮ์มากที่สุด และที่สำคัญที่สุดอย่าประกาศตนเองว่าอยู่ในนิกายใดนิกายหนึ่ง คือเป็นมุสลิมที่เป็นผู้ที่มีความศรัทธาสวามิภักดิ์ต่ออัลลอฮ์เท่านั้นไม่ใช่ต่อบุคคล