- ที่มา ปัฏฐานในบทที่ 6/17
- เพราะฉนั้นเวลาท่านเดินงานสมถะ ถามว่า เป็นการเดินงาน สัมมาสมาธิ หรือ มิจฉาสมาธิ ส่วนใหญ่ เคยถูกนิมิตหลอกไหม นิมิตในทางสมถะมี 3 นิมิต คือ บริกรรม อุคหะ และปฏิภาค ไม่มีนิมิตเป็นเทวดา เป็นพรหม เป็นพระพุทธเจ้า เป็นคนโน้นคนนี้ บางคนเห็นเยอะแยะเลยใช่หรือเปล่า เห็นนิมิต เห็นคนตายไปแล้ว เห็นเทวดา ถามว่า เป็นมิจฉาสมาธิ หรือสัมมาสมาธิ แสดงว่าตอนเดินงานของเขา เดินงานด้วย สัมมาสติ หรือ มิจฉาสติ เขาระลึกรู้ไปเรื่อยๆทุกอย่างเลยใช่หรือเปล่า เขาใส่อารมณ์ตามความคิดไปเรื่อยๆเมื่อนั้นงานก็ถูกสร้างโดย มิจฉาสมาธิ เมื่อนั้นนิมิตก็เกิดเข้ามาหลอกเขา เห็นสิ่งนู้นสิ่งนี้ เห็นอะไรเยอะแยะมากมาย ถามว่าบุคคลที่เดินงานแบบนี้มีโอกาสวิปัลลาสคลาดเคลื่อนแห่งจิตไหม ตอบ มี ที่เขาบอกแบบนี้ระวังนะเป็นคนบ้า สมัยที่ท่านไม่เคยเรียนธัมมะ ท่านเคยได้ยินประโยคนี้ไหมครับ ไม่มีครูบาอาจารย์คุมระวังนะบ้า ความจริงถ้าเดินงานถูกต้องเนี่ย มันต้องเป็นอะไรครับ สัมมาสติ และเมื่อนั้นจะมีอะไรทันทีเลย สัมมาสมาธิ เพราะสมาธิเป็นผลของสติ  เมื่อนั้นสัมมาสมาธิเดินงานเลย องค์มรรคเดินงาน แต่ส่วนใหญ่จะเดินงานด้วย มิจฉามรรค
------------------------
- ต่อไปนี้ผมคิดเอาเอง
- เมื่อ คนหนึ่งมีมิจฉามรรค คิดไปเองปฏิบัติแล้วบ้าไปแล้ว คิดว่าเป็นโน่นเป็นนี่ ความจริงเป็นบ้าไปแล้ว
- เมื่อมีปุถุชน ผู้ไม่รู้ ผู้ไม่ศึกษา หวังแต่ พระอาจารย์ โปรดเฉพาะเท่าที่จะเป็น เจอที่เป็นสัมมามรรคก็รอดไป แต่ส่วนใหญ่เจอที่เป็นมิจฉามรรค ก็เลยเป็นบ้าตามไปด้วยแล้ว
- ทีนี้ก็เลยวุ่นวาย นี่แหละ มิน่าถึงตะหงิดๆว่ากำลังโดนคนบ้าก่อกวน จะชี้แจงอย่างไร ก็คนละโปรโตคอล ไม่มีวันเข้าใจได้ เกินกว่าจะเยียวยา หรือโปรดสัตว์ให้กลับมาเป็นสัมมามรรคได้ครับ
- นี้เป็นการแสดงความเห็นส่วนตัวนะครับ