“อย่ายิง” มาลัยร้องลั่นอย่างตกใจ แต่ก็ยังคุมสติได้ดี ใช้อากัปกิริยาที่ว่องไววิ่งเข้ามาปัดป่ายกระบอกปืนให้เบี่ยง
“เปรี้ยง” เสียงปืนลูกซองดังกึกก้องขึ้น แต่วิถีกระสุนที่ประทุพุ่งพ้นเลยเป้าหมายไปโดนฝาบ้านแตกกระจุยแทน คนที่เหลือเหมือนสายตาพร่าเลือนไปชั่วขณะ แต่พอวิสัยทัศน์กลับมาชัดเจน ทุกคนก็ตกใจเป็นทวีคูณ เมื่อเห็นงูยักษ์ชูคอขึ้นสูงเกือบติดเพดาน ทำท่าพร้อมที่จะฉกหัวเข้ามา
ไม่มีใครทำอะไรถูกในเสี้ยววินาทีนั้น ยืนตัวแข็งเป็นหินกันไปหมด ยกเว้นมาลัยที่ถลันร่างเข้ามาหยุดบังเบื้องหน้าทุกคน ว่องไวอย่างที่สายตาไม่อาจจับความเคลื่อนไหวเธอได้
“หยุดนะ” มาลัยตวาดเสียงดังพร้อมกางแขนออก งูหงอนหยุดหัวกึกห่างจากหน้าหญิงสาวแค่คืบ แต่ไม่ได้รุกเร้าต่อ ต่างคนต่างใจหายใจคว่ำไปตามๆกัน แต่พอเห็นหญิงสาวปลอดภัยและคืนสติได้บ้างส่วน นราก็ก็ปรี่เข้ามาหาคนรักตัวเองร้องเสียงหลง
“วิมาลัย หลบไป ใครมีปืนอยู่ช่วยกันยิงเร็ว”
เจ้าจ๋านสูญเสียความคิดอ่านในตอนแรก พอได้ยินเสียงนราก็ดึงสัมปชัญญะกลับมาได้ ก็ล่ำลักบอกเจ้าหยก
“หยก เอาปืนมาให้กันกระบอกหนึ่ง”
หยกรีบยื่นปืนพกให้จ๋าน ทั้งสามสหายยกปืนในมือขึ้นในท่าเตรียมยิง มาลัยพูดห้ามด้วยเสียงมีพลัง
“ทุกคนใจเย็นๆค่ะ เชื่อมาลัย อย่ายิงเป็นอันขาด “
ทั้งสามคนหยุดนิ่งเหมือนถูกสะกดด้วยมนต์ ส่วนคุณพิมถึงแม้เป็นห่วงน้องสาวใจแทบขาดแต่ก็มั่นใจในการแก้สถานการณ์ของมาลัย เธอพยายามคุมสติแล้วเดินมาจับมือสามี
“พี่จ๋าน อย่ายิงะคะ รอดูก่อนว่าคุณมาลัยจะจัดการยังไง”
ทันใดนั้นมาลัยก็พูดกับงูใหญ่เบื้องหน้าด้วยเสียงนอบน้อม เหมือนกับแสดงมารยาทต่อผู้อาวุโสก่อน
“ท่านมาจากตระกูลใด ถ้าคนใดคนหนึ่งในพวกเราได้ล่วงละเมิดท่าน ฉันต้องขออภัยแทนด้วย”
งูใหญ่เกล็ดเหลื่อมมรกตส่ายท่อนลำตัวของมันไปมา ราวกับจะสื่อสารอะไร มาลัยพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงเยือกเย็น ไม่มีวี่แววของความหวาดกลัวแม้แต่น้อย
“ฉันรับรู้ในเรื่องนั้นแล้ว แต่ท่านได้โปรดเข้าใจด้วยเถิด บริวารของท่านได้เบียดเบียนชีวิตคนและสัตว์เลี้ยงของสหายหญิงฉัน เธอจึงจำเป็นต้องปกป้อง ท่านเทพารักษ์ผู้ดูแลถิ่นนี้ได้ตัดสินแล้วว่าสหายหญิงของฉันไม่ผิด หากไม่ยอมรับจงเชิญไปถกเรื่องนี้กับท่านเทพารักษ์เอาเอง แต่วอนท่านปล่อยน้องสาวสหายฉันก่อน”
งูขู่ฟ่อๆด้วยท่าทีกราดเกรี้ยว มาลัยเห็นดังนั้นจึงเม้มริมฝีปาก ก่อนพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงหนักแน่น
“ถ้าเช่นนั้น ฉันจำต้องใช้กษิณไฟกับท่าน” พูดจบก็พนมมือสำรวมจิต
“ไม่ต้อง มาลัย เดี๋ยวข้าจัดการเอง” เสียงที่ทุกคนคุ้นเคยดังขึ้น” แหมโว้ย บ้านนี้ทำไมมันช่างยุ่งวุ่นวายจริงๆ ไปได้เดี๋ยวเดียวต้องกลับมาอีกแล้ว ข้าไม่เป็นอันต้องทำอะไรเลย”
ร่างของชายชราผู้เป็นที่เคารพรักและบูชาของทุกคนเดินเข้ามาในห้องโถง ท่านเพ่งสายตาไปที่งูยักษ์ตัวนั้นครู่หนึ่ง ก่อนพูดทักทายแบบให้เกียรติแต่น้ำเสียงมีความเข้มอยู่ในที
“นึกว่าใคร ท่านนรคินทร์นี่เอง เลิกจากจำศีลเมื่อไหร่ล่ะ ถ้ายังไงปล่อยนังหนูคนนั้นไปก่อนแล้วมาพูดกันดีๆ ท่านบำเพ็ญเพียรมีบารมีถึงเพียงนี้ จะขู่เด็กให้กลัวทำไม”
จะด้วยความละอายในคำพูด-ดันของชายชรา คือเกรงในฐานุยศของท่านก็ตาม ในที่สุดงูตัวนั้นก็คลายขนดหางปล่อยให้นาถยาเป็นอิสระ เจ้าหยกตาลีตาเหลือกมาพยุงสาวคนรักแล้วพาถอยหลังมารวมกลุ่ม
ลุงข้างทางตอนสิบสี่((Furryjit)
“เปรี้ยง” เสียงปืนลูกซองดังกึกก้องขึ้น แต่วิถีกระสุนที่ประทุพุ่งพ้นเลยเป้าหมายไปโดนฝาบ้านแตกกระจุยแทน คนที่เหลือเหมือนสายตาพร่าเลือนไปชั่วขณะ แต่พอวิสัยทัศน์กลับมาชัดเจน ทุกคนก็ตกใจเป็นทวีคูณ เมื่อเห็นงูยักษ์ชูคอขึ้นสูงเกือบติดเพดาน ทำท่าพร้อมที่จะฉกหัวเข้ามา
ไม่มีใครทำอะไรถูกในเสี้ยววินาทีนั้น ยืนตัวแข็งเป็นหินกันไปหมด ยกเว้นมาลัยที่ถลันร่างเข้ามาหยุดบังเบื้องหน้าทุกคน ว่องไวอย่างที่สายตาไม่อาจจับความเคลื่อนไหวเธอได้
“หยุดนะ” มาลัยตวาดเสียงดังพร้อมกางแขนออก งูหงอนหยุดหัวกึกห่างจากหน้าหญิงสาวแค่คืบ แต่ไม่ได้รุกเร้าต่อ ต่างคนต่างใจหายใจคว่ำไปตามๆกัน แต่พอเห็นหญิงสาวปลอดภัยและคืนสติได้บ้างส่วน นราก็ก็ปรี่เข้ามาหาคนรักตัวเองร้องเสียงหลง
“วิมาลัย หลบไป ใครมีปืนอยู่ช่วยกันยิงเร็ว”
เจ้าจ๋านสูญเสียความคิดอ่านในตอนแรก พอได้ยินเสียงนราก็ดึงสัมปชัญญะกลับมาได้ ก็ล่ำลักบอกเจ้าหยก
“หยก เอาปืนมาให้กันกระบอกหนึ่ง”
หยกรีบยื่นปืนพกให้จ๋าน ทั้งสามสหายยกปืนในมือขึ้นในท่าเตรียมยิง มาลัยพูดห้ามด้วยเสียงมีพลัง
“ทุกคนใจเย็นๆค่ะ เชื่อมาลัย อย่ายิงเป็นอันขาด “
ทั้งสามคนหยุดนิ่งเหมือนถูกสะกดด้วยมนต์ ส่วนคุณพิมถึงแม้เป็นห่วงน้องสาวใจแทบขาดแต่ก็มั่นใจในการแก้สถานการณ์ของมาลัย เธอพยายามคุมสติแล้วเดินมาจับมือสามี
“พี่จ๋าน อย่ายิงะคะ รอดูก่อนว่าคุณมาลัยจะจัดการยังไง”
ทันใดนั้นมาลัยก็พูดกับงูใหญ่เบื้องหน้าด้วยเสียงนอบน้อม เหมือนกับแสดงมารยาทต่อผู้อาวุโสก่อน
“ท่านมาจากตระกูลใด ถ้าคนใดคนหนึ่งในพวกเราได้ล่วงละเมิดท่าน ฉันต้องขออภัยแทนด้วย”
งูใหญ่เกล็ดเหลื่อมมรกตส่ายท่อนลำตัวของมันไปมา ราวกับจะสื่อสารอะไร มาลัยพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงเยือกเย็น ไม่มีวี่แววของความหวาดกลัวแม้แต่น้อย
“ฉันรับรู้ในเรื่องนั้นแล้ว แต่ท่านได้โปรดเข้าใจด้วยเถิด บริวารของท่านได้เบียดเบียนชีวิตคนและสัตว์เลี้ยงของสหายหญิงฉัน เธอจึงจำเป็นต้องปกป้อง ท่านเทพารักษ์ผู้ดูแลถิ่นนี้ได้ตัดสินแล้วว่าสหายหญิงของฉันไม่ผิด หากไม่ยอมรับจงเชิญไปถกเรื่องนี้กับท่านเทพารักษ์เอาเอง แต่วอนท่านปล่อยน้องสาวสหายฉันก่อน”
งูขู่ฟ่อๆด้วยท่าทีกราดเกรี้ยว มาลัยเห็นดังนั้นจึงเม้มริมฝีปาก ก่อนพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงหนักแน่น
“ถ้าเช่นนั้น ฉันจำต้องใช้กษิณไฟกับท่าน” พูดจบก็พนมมือสำรวมจิต
“ไม่ต้อง มาลัย เดี๋ยวข้าจัดการเอง” เสียงที่ทุกคนคุ้นเคยดังขึ้น” แหมโว้ย บ้านนี้ทำไมมันช่างยุ่งวุ่นวายจริงๆ ไปได้เดี๋ยวเดียวต้องกลับมาอีกแล้ว ข้าไม่เป็นอันต้องทำอะไรเลย”
ร่างของชายชราผู้เป็นที่เคารพรักและบูชาของทุกคนเดินเข้ามาในห้องโถง ท่านเพ่งสายตาไปที่งูยักษ์ตัวนั้นครู่หนึ่ง ก่อนพูดทักทายแบบให้เกียรติแต่น้ำเสียงมีความเข้มอยู่ในที
“นึกว่าใคร ท่านนรคินทร์นี่เอง เลิกจากจำศีลเมื่อไหร่ล่ะ ถ้ายังไงปล่อยนังหนูคนนั้นไปก่อนแล้วมาพูดกันดีๆ ท่านบำเพ็ญเพียรมีบารมีถึงเพียงนี้ จะขู่เด็กให้กลัวทำไม”
จะด้วยความละอายในคำพูด-ดันของชายชรา คือเกรงในฐานุยศของท่านก็ตาม ในที่สุดงูตัวนั้นก็คลายขนดหางปล่อยให้นาถยาเป็นอิสระ เจ้าหยกตาลีตาเหลือกมาพยุงสาวคนรักแล้วพาถอยหลังมารวมกลุ่ม