โลกของคน IQ 130 กับ IQ 100 เห็นต่างกันมั้ยครับ

กระทู้คำถาม
โลกของคน IQ 130 กับ IQ 100 เห็นต่างกันมั้ยครับ

วิธีมองโลกหรือสิ่งที่คนฉลาดเห็นมันต่างจากคนทั่วไปเห็นมั้ยครับ เค้าเห็นหรือรู้สึกกับสิ่งรอบตัวเหมือนกับคนทั่วไปมั้ยครับ
มีคนบอกว่าถ้าไอคิวห่างกัน 20 จะคุยกันไม่รู้เรื่องจริงมั้ยครับ คนฉลาดเวลาคุยกับคนทั่วไป คุยๆไปแล้วรู้สึกว่าคนนั้นโง่มั้ยครับ
ปล.มีคนบอกว่าคนฉลาดมักจะคิดเหมือนๆกันจริงมั้ย
สุดยอดความคิดเห็น
ความคิดเห็นที่ 26
จะบอกว่า IQ นี่เป็นสิ่งที่แยกตัวตนของมนุษย์ได้น้อยสุดๆอย่างคาดไม่ถึงเลยล่ะ
มีสิ่งอื่นอีกเยอะแยะที่รวมกันเป็นตัวตนของคนๆนั้น นิสัย การเลี้ยงดู จริยธรรม มโนธรรม การควบคุมอารมณ์ ความสนใจ อุดมการณ์ ความมั่นคงทางใจ เป้าหมายของชีวิต สิ่งเหล่านี้แทบไม่เกี่ยวกับ IQ

แต่ที่ผมบอกได้เลยนะ สิ่งที่เปลี่ยนตัวตนของคนหนึ่งคนไปได้เยอะที่สุดคือ ช่วงวัยและประสบการณ์

ตัวผมก็หัวดีระดับหนึ่งนะ IQ ไม่เคยวัดจริงจังแต่ทำทดสอบเล่นๆก็มักได้สูงกว่า 130 ขึ้นไป เรียนวิชาที่สนใจมักได้เต็มร้อยหรือเกือบๆ วิชาที่ไม่สนใจอ่านคืนก่อนสอบหรือ 20 นาทีหน้าห้องสอบก็มักผ่าน สอบเข้า คัดเลือกอะไรในระดับร้อยพันคนเอาคนเดียวก็มักได้

ตอนเด็กๆจนถึงช่วงมัธยมมักมีช่วงที่รำคาญคนอื่น รำคาญคนรอบข้าง ทำไมเข้าใจอะไรช้าจังวะ มีรู้สึกแบบนี้บ้างแต่ก็ไม่ได้แสดงออกมากมายยกเว้นตอนหงุดหงิดจริงๆ

พอเรียนสูงขึ้น เริ่มเจอคนที่ IQ ใกล้กันหรือสูงกว่า ในสังคมที่เรียน ที่ทำงาน นอกจากรู้สึกว่าโลกนี้มันช่างกว้างใหญ่แล้ว ก็คิดด้วยว่านี่สินะคนฉลาดต้องเป็นแบบนี้สินะ คิดอะไรแบบนี้แหละ  ผมก็เคยคิดแบบ จขกท. จริงๆนะ คนฉลาดๆมักคิดอะไรเหมือนๆกัน

แต่พอใช้ชีวิตผ่านไป เห็นโลกมากขึ้นกว่านั้น ได้เจอคนฉลาดจากเส้นทางอื่นๆ ผมบอกได้เลยครับว่าที่ผมเคยคิดโครตผิด.. ความฉลาดมันมีหลากหลายประเภทเหลือเกิน แนวคิดก็หลากหลาย

ลบภาพไปได้เลยครับว่าคนฉลาดส่วนใหญ่ ต้องใจเย็น นึกถึงส่วนรวม แก้ปัญหาเก่ง ถ่อมตัวเหมือนไอสไตน์ บางคนโครตโกง เห็นแก่ตัว บางคนชั่วร้าย โหดเหี้ยม ใจร้อน ชอบทำลายสุดๆ นั่นแหละทำให้ผมรู้ว่าจริงๆผมโง่มากๆที่คิดว่าคนฉลาดจะคิดอะไรเหมือนๆกันหมด ที่คนเราคิดเหมือนๆกันส่วนใหญ่เพราะเรามีแนวคิด และความสนใจคล้ายๆกันมากกว่าครับ

สิ่งที่ผมสังเกตุตัวเองมากขึ้นอีกอย่างคือ ตอนอายุน้อยๆผมชอบแก้ปัญหาแบบเดินหน้าดับเครื่องชน แตกหัก ไม่เคยมีคำว่าประนีประนอม พอทบทวนเส้นทางชีวิตตัวเองนั่นแหละถึงรู้ว่า เราไม่ได้ฉลาดเลย หลายครั้งรอดมาได้เพราะคนที่เค้าฉลาดกว่า โตกว่า เค้ายอมลงให้ บางครั้งก็แค่โดนสั่งสอนเล็กๆน้อยๆ ตรงนี้ก็เป็นอีกอันหนึ่งที่มีประสบการณ์ผ่านมาแล้วเท่านั้นถึงรู้ ว่าตัวผมในวันนั้นโง่แค่ไหน

นี่หละครับปัญหาของความโง่ คือพอเราโง่เรามักไม่รู้ว่าตัวเองโง่ จนกว่าตัวเองจะฉลาดขึ้น... บางทีเรื่องพวกนี้ก็ไม่เกี่ยวกับ IQ เลย ผมใช้เวลาชีวิต 20 กว่าปีเรียนและคิดแต่เรื่องยากๆ แต่ต้องใช้เวลาอีกหลายปีหลังจากนั้นเรียนรู้เรื่องง่ายๆอย่างการ ปล่อยวาง ให้อภัย เข้าใจ และอยู่ร่วมกับผู้อื่น

แต่สิ่งที่ผมสังเกตุได้คือคนฉลาดไม่ว่านิสัยเป็นยังไง จะมีวิธีคิดที่คล้ายๆกัน คือคนพวกนี้เค้ามักจะรู้ว่าเค้าไม่รู้อะไร เค้ายอมรับที่จะไม่รู้ แต่ก็ขยันหาความรู้ คนฉลาดจริงมักจะพูดเรื่องยากให้เป็นเรื่องง่ายเพื่อให้คนอื่นเข้าใจ ขณะที่คนโง่พยามพูดทุกอย่างให้ยากเพื่อพยามให้คนอื่นเห็นว่าตัวเองฉลาด

คนฉลาดจะไม่มองอะไรเป็นขาวกับดำ จะไม่ค่อยสเตอริโอไทพ์ อย่างเห็นคนสวยแล้วคิดว่าต้องโง่ คนที่ตัวเองไม่ชอบถ้ารวยหรือตำแหน่งสูงๆแล้วต้องคิดว่าต้องมีเส้น โกง หรือฟลุ้ค จะไม่ได้มองโลกเป็นแค่สองฝ่ายพระเอกผู้ร้าย จะไม่คิดอะไรเป็นคำๆ ไม่ตัดสินใครด้วยคำแค่คำเดียว ดังนั้นคุณจะไม่มีทางได้ยินคนฉลาดพูดเฮชสปีชออกมาจากปากเขา ไม่เชื่ออะไรง่ายๆเพียงเพราะคนอื่นรอบๆตัวเชื่อแบบนั้น แต่จะคิดเป็นตรรกะ เหตุผลและภาพรวม คนฉลาดมักจะมองเห็นสิ่งต่างๆตามความเป็นจริง วิเคราะห์ลงไปถึงรายละเอียด แต่จะวิจารณ์เมื่อมันเป็นประโยชน์กับใครซักคนเท่านั้น

ตราบใดที่คนเรามีวิธีคิดแบบนี้ ไม่ว่า IQ เท่าไหร่คิดแบบคนฉลาดก็ฉลาดได้ทุกคนครับ ในขณะที่คน IQ สูงหลายๆคนคิดแบบคนโง่ จมอยู่กับอคติ ความเกลียด ความโกรธ ความโลภ ตัณหา ก็โง่เสียรู้กันมาเยอะแล้ว หรือกลายเป็นพวกชั่วภัยสังคมเลย

ความฉลาดมันเหมือนกล้ามเนื้อครับ คือมันก็ใช้แก้ปัญหาหนักๆ ใช้หาเงินหาประโยชน์ได้ ใช้รังแกคนกล้ามเล็กกว่าได้ อยู่ใต้เสื้อผ้าบางครั้งมันก็พองออกมาให้คนอื่นเห็นได้ในบางครั้ง แต่ในชีวิตจริงๆคุณไม่ได้ใช้กล้ามเนื้อไฟท์กับคนอื่นตลอดเวลาเหมือนวัวเหมือนควาย การใช้ชีวิตปกติไม่ได้ใช้ IQ หรือกล้ามเนื้อบ่อยขนาดนั้น ถ้าคุณรังแกคนอื่นหรือโชว์กล้ามคุณตลอดเวลา ให้คุณ IQ สูงแค่ไหนคุณก็คือคนโง่ครับ

กับคนที่ IQ น้อยกว่าแน่นอนคน IQ สูงกว่าสัมผัสได้ง่ายๆเลย แต่มันไม่ได้หมายความว่าคุยหรืออยู่ร่วมกับคนฉลาดน้อยแล้วจะไม่มีความสุข บางครั้งรับฟังก็ได้ความรู้ดีๆ การได้สอน ได้อธิบาย ได้ใช้สมองแก้ปัญหา บางครั้งก็เป็นความสุข ในขณะที่คุยกับคนฉลาดกว่าแต่เป็นคนดูถูกคน เห็นแก่ตัว คิดเอาแต่ได้ บางทียิ่งฟังยิ่งหงุดหงิด แต่ที่ทนแทบไม่ได้เลยคือการคุยกับคนโง่ที่คิดว่าตัวเองฉลาด
ความคิดเห็นที่ 9
ดิฉันไอคิว 125  (วัดกับนักจิตวิทยาของสำนักงานด้านนี้โดยตรง)

แต่ดิฉันไม่ได้เก่งมากค่ะ (แน่นอนว่าไม่ถึงระดับอัจฉริยะ เพียงแต่สูงกว่าค่าเฉลี่ยค่อนข้างเยอะ)

ดิฉันสอบตกคณิตศาสตร์มาตั้งแต่ประถมแต่ไปโดดเด่นเรื่องอื่น

นักจิตวิทยาที่วัดคะแนนบอกว่าดิฉันเป็นคนใจร้อน ไม่อดทนทำในสิ่งที่ตัวเองไม่ชอบ

ถ้าอดทนกว่านี้ ถ้าปรับอารมณ์ให้เย็นกว่านี้คะแนนไอคิวอาจสูงกว่านี้

สรุปว่า อีคิวหรือนิสัยใจคอมีส่วนสำคัญมากนะคะ

บางคนไอคิวน้อยแต่อดทนพยายามก็อาจสัมฤทธิ์ผลได้ใกล้เคียงคนไอคิวสูง(ในบางเรื่อง)

หรือคนไอคิวสูงถ้าใจร้อนก็อาจไม่ประสบความสำเร็จ(ในบางเรื่อง)เท่าคนที่ไอคิวต่ำกว่าแต่มีความอดทนพยายามสูง

ส่วนคำถามของเจ้าของกระทู้

ดิฉันมองว่าจะคุยกันรู้เรื่องไม่รู้เรื่องหรือไม่นั้นน่าจะขึ้นกับนิสัยใจคอและความสนใจส่วนตัวเป็นหลัก
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่