เรื่องนี้ผ่านมาได้ปีกว่าแล้ว แต่เพิ่งจะมีสติ ใจแข็งพอที่จะมาแชร์ประสบการณ์
เผื่อคนที่กำลังจะเจอการยุติการตั้งครรภ์แล้วก็กำลังหาข้อมูล
เหมือนตอนที่เรารู้ว่าเรากำลังจะโดนยุติการตั้งครรภ์ แล้วเราก็หาข้อมูลไปเรื่อย
แต่แทบจะไม่ได้เจอคนมาเขียนเล่าประสบการณ์เลยค่ะ
เราแต่งงานมาก็อยากจะมีลูกซักคน พยายามมาก็หลายปี
แท้งมา 3 ครั้ง ก็เลยคิดว่า จะปรึกษาคุณหมออย่างจริงจัง
จึงได้เลือกคุณหมอ เลือกคลินิก แล้วก็ไปพบคุณหมอตามนัด
ปรึกษาคุณหมอแล้ว คุณหมอบอกว่า ท้องธรรมชาติได้
จะลองกันเองดูก่อน หรือจะฉีดเชื้อเลย IUI
แล้วอายุเริ่มเยอะแล้วเลยตัดสินใจที่จะทำ IUI
ก็เข้ากระบวนการ การรักษา กินยากระตุ้นไข่ ผลสรุปได้ไข่ 3 ใบ
ฉีดเชื้อครั้งแรกผลออกมา ว่าติดน้องแฝด
ไปพบคุณหมอตามนัด และน้องโตตามเกณฑ์เรื่อยๆ
พอครบ 12 weeks คุณหมอก็ปล่อยให้ไปฝากครรภ์ ตามปกติ
ครั้งนี้ตรวจเจอว่าเป็นเบาหวาน ขณะตั้งครรภ์ แอบช๊อคเหมือนกัน
และตรวจเจอว่าน้องอีกคนค่อยๆ ฝ่อลง แต่หัวใจยังเต้นอยู่
แต่แฝดอีกคนโตตามเกณฑ์ปกติ และผลว่าน้องเป็นเด็กผู้หญิง
เรากับสามีดีใจกันมาก เพราะอยากได้ลูกผู้หญิง
จนถึงวันที่ต้องเจาะน้ำคร่ำ ตอน 19 weeks เพราะคุณแม่อายุเกิน 35
ก่อนจะทำการเจาะ คุณหมอได้ U/S แบบละเอียด (มาก) และพบว่า
น้องที่โตตามเกณฑ์ ไม่มีเนื้อสมองเลย สมองฝ่อไปหมด
มีแต่น้ำแต่หัวใจ ปอด ตับ ไต ดีหมด
ตั้งแต่เป็นหมอมา หมอไม่ค่อยเจอเคสแบบนี้
ไม่มีชื่อเรียกเคสแบบนี้เป็นภาษาไทย
ตอนนั้นเรากับสามี สมอง หู ความรู้สึกมันตื้อ ไปหมด
พึ่งรู้ว่า อาการหูดับมันเป็นแบบนี้นี่เอง
คุณหมอได้เรียกคุยว่า ต้องทำการยุติการตั้งครรภ์
เพราะว่า ถ้าปล่อยไป น้องอาจจะเสียชีวิตในท้องตอนอายุครรภ์ 8-9 เดือน
หรือเกิดมาถ้าพ่อแม่ไม่อยู่ น้องอาจจะมีชีวิตที่ลำบาก
ซึ่งคุณหมอไม่อยากให้เป็นแบบนั้น แนะนำให้ยุติตอนนี้ดีกว่า
คุณหมอบอกว่า ไม่มีใครอยากให้เกิดเหตุการณ์แบบนี้
ตัดสินใจได้เร็ว ก็เริ่มใหม่ได้เร็ว และคุณหมอว่าอย่าโทษกันเอง และอย่าโทษตัวเอง
คุณหมอได้นัดมาโรงพยาบาลเพื่อยุติการตั้งครรภ์ใน 2 วันต่อมา
นัดมาโรงพยาบาลตั้งแต่ 8 โมงเช้า ฝั่งนึงห้องคลอดปกติ
อีกฝั่งนึงชื่อห้องคลอด SEPTIC แค่ชื่อห้องคลอดก็จิตตก น้ำตาจะไหล
นี่เรากำลังจากเอาลูกของเราที่เค้าหัวใจยังเต้นดี ออกเหรอ
เข้าไปในห้องเจอเพื่อนร่วมชะตากรรม หลายเตียงเลย
เปลี่ยนชุดและนอนรอหมอมาดำเนินการ
พี่พยาบาลคอยมาดูความเรียบร้อย เราเลยถามว่า เคยมีคนตายจากการสอดยายุติการตั้งครรภ์มั้ยคะ
เพราะก่อนมา อ่านข้อมูลมาเยอะ จิตตกมาก ทั้งกลัวทั้งเสียใจ
แล้วพี่พยาบาลก็ถามว่า ถ้าน้องออกมาแล้วจะดูมั้ย เราตอบว่าไม่ดูค่ะ ทำใจไม่ได้จริงๆ
พอถึงเวลาประมาณ 10 โมง คุณหมอแจ้งว่าเดี๋ยวจะสอดยาให้
ให้ลุกไปฉี่ให้เรียบร้อย เพราะหลังจากสอดยา
จะไม่สามารถลุกไปห้องน้ำได้เป็นเวลา 2 ชม. (น่าจะกันเด็กหลุดในห้องน้ำหรืออาจจะวูบได้ค่ะ)
ครั้งแรกโดนสอดยา 2 เม็ด อาการยังไม่มีอะไรมาก นอกจากปวดหน่วงๆ
มีน้องนักศึกษาพยาบาล คุณหมอ และพี่พยาบาล มาดูเป็นเนืองๆ
พอครบ 2 ชม. จะต้องสอดยาอีก 2 เม็ด ก็ให้ลุกไปฉี่ก่อน ตอนนี้มีข้าวมาให้ทานประมาณ บ่าย 2
บอกตรงๆ กินอะไรไม่ลงเลย แม้กระทั่งน้ำ และก็โดนสอดอีก 2 เม็ดถัดมา
เริ่มปวด เริ่มบีบหนัก ใครบอกปวดบีบเหมือนประจำเดือน ไม่จริงค่ะ บอกตรงนี้เลย ปวดกว่ามาก
คุณหมอเดินมาบอกว่า ถ้าไม่ไหว ให้ขอมอร์ฟีนได้ แต่เราไม่ค่ะ เราทน ยังพอทนได้
เราลุกๆนั่งๆ นอนไม่หลับจริงๆ ความปวดและบีบเริ่มมาเรื่อยๆ
ปวดจนไข้ขึ้น พยาบาลมาวัดไข้ได้ 38 กว่า
ซึ่งพี่พยาบาลแจ้งตั้งแต่แรกแล้วว่า ถ้าโดนสอดยา ไข้ขึ้นเป็นเรื่องปกตินะคะ
พอครบ 2 ชม. ในยา 2 เม็ด ชุดที่ 2 ก็เริ่มปวดมากขึ้น ปวดจนไม่ไหว แต่ก็ยังไม่ขอมอร์ฟีน
และแล้วก็โดนยาชุดที่ 3 เป็นเม็ดที่ 5 และ 6 ตอนประมาณ น่าจะทุ่มกว่า
ชุดนี้แหละ มดลูกเริ่มบีบ เริ่มปวดมากขึ้นเรื่อยๆ ง่วงแต่นอนไม่หลับจริงๆ ปวดร้าวไปหมด
จนเวลา 3 ทุ่มกว่า เริ่มทนไม่ไหวแล้ว ขอมอร์ฟีนคุณหมอ
ซึ่งคุณหมอเดินมาบอกว่า ขอดูปากมดลูกก่อน ว่ามดลูกเปิดรึยัง
เพราะถ้าปากมดลูกเปิดแล้ว ให้มอร์ฟีนไปก็ไม่มีความหมาย
เพราะสามารถเบ่งได้แล้ว ถ้ามดลูกเปิด 3 ซม. ขึ้นไป
(ในกรณีนี้น้องอายุ 5 เดือน ปากมดลูก เปิด 3 ซม.ก็เบ่งได้เลย
ในขณะที่ครรภ์ปกติ ปากมดลูกต้องเปิด 10 ซม.ขึ้นไป)
และคุณหมอ นักศึกษาแพทย์ พยาบาล ได้เข้ามาตรวจเช็ค และบอกว่า
ปากมดลูกเปิด แล้ว 3 ซม. เดี๋ยวจะให้ลองเบ่งได้เลย หมอบอกทนหน่อย
ถ้าน้องออกมาแล้วจะหายปวด และคุณหมอให้ลองเบ่ง
โดยการให้ชันขา จับข้อเท้าเอาไว้ แล้วเบ่ง เราก็พยายามเบ่ง จนหมอบอกว่า
น่าจะยังไม่ออก รออีกซักพัก เดี๋ยวหมอเข้ามาใหม่ ก็ออกไปกันหมด
แต่เราปวดทนไม่ไหวแล้ว เลยลองเบ่งเอง เบ่งสุดแรงได้ยินเสียง ปุ้ก!!
แล้วก็มีน้ำไหลออกมา เลยคิดว่าน่าจะเป็น ถุงน้ำคร่ำแตก แต่เหมือนยังไม่ออก
เลยลองเบ่งสุดแรงอีกที น้องก็หลุดออกมา รู้สึกได้เลยว่า สายรกคาอยู่
เลยกดกริ่งเรียกคุณหมอแล้วก็พยาบาล ก็กรูกันเข้ามา
บอกน้องออกมาแล้ว เวลา 4 ทุ่ม 10 นาที
หมอถามจะดูมั้ยคะเ เราทำใจไม่ได้จริงๆ เลยบอกว่าไม่ดูค่ะ
แต่คุณพ่อน้องที่รออยู่หน้าห้องจะขอดู
พี่พยาบาลก็มาเก็บน้องไป แต่รกยังไม่ออก พี่พยาบาลเลยถามว่าจะลองเบ่งมั้ย
เลยลองเบ่งประมาณครึ่งลม รกก็ออกมาพร้อมกับน้องแฝดอีกคนที่ฝ่อไป
พอน้องออกความปวดก็หายไปหมด แต่ใจมันเจ็บปวดมากกว่านั้น
เสร็จแล้วโดนเข็นไปห้องซาวน์ ดูว่าออกหมดมั้ย ต้องขูดมดลูกมั้ย
สรุปไม่ต้องขูด เพราะหลุดออกไปหมดเลย ทำเรื่องว่าจะเอาน้องออกไปทำพิธี
หรือจะให้โรงพยาบาลเป็นคนทำให้ เราเลยเลือกให้โรงพยาบาลเป็นคนจัดการเรื่องน้องให้
เพราะส่งน้องชันสูตร ว่าสาเหตุเกิดจากอะไรค่ะ กว่าจะได้ขึ้นไปห้องพักฟื้นก็ เวลาเกือบตี 2
พักฟื้นอยู่โรงพยาบาลอีก 2 วัน คุณหมอก็อนุญาตให้กลับบ้านได้ค่ะ และพักฟื้นอีก 7 วัน
ก็กลับไปทำงานได้ตามปกติค่ะ ด้วยจิตใจที่ยังไม่พร้อมเลย
เขียนยาวหน่อย อยากแชร์ประสบการณ์ให้คนที่กำลังจะโดนยุติการตั้งครรภ์ได้พอทราบข้อมูลคร่าวๆค่ะ
ขอที่แม่เขียนให้ความรู้นี้ อุทิศให้ลูกแฝดของแม่นะ
แชร์ประสบการณ์ การยุติการตั้งครรภ์ อายุครรภ์ 19 weeks
เผื่อคนที่กำลังจะเจอการยุติการตั้งครรภ์แล้วก็กำลังหาข้อมูล
เหมือนตอนที่เรารู้ว่าเรากำลังจะโดนยุติการตั้งครรภ์ แล้วเราก็หาข้อมูลไปเรื่อย
แต่แทบจะไม่ได้เจอคนมาเขียนเล่าประสบการณ์เลยค่ะ
เราแต่งงานมาก็อยากจะมีลูกซักคน พยายามมาก็หลายปี
แท้งมา 3 ครั้ง ก็เลยคิดว่า จะปรึกษาคุณหมออย่างจริงจัง
จึงได้เลือกคุณหมอ เลือกคลินิก แล้วก็ไปพบคุณหมอตามนัด
ปรึกษาคุณหมอแล้ว คุณหมอบอกว่า ท้องธรรมชาติได้
จะลองกันเองดูก่อน หรือจะฉีดเชื้อเลย IUI
แล้วอายุเริ่มเยอะแล้วเลยตัดสินใจที่จะทำ IUI
ก็เข้ากระบวนการ การรักษา กินยากระตุ้นไข่ ผลสรุปได้ไข่ 3 ใบ
ฉีดเชื้อครั้งแรกผลออกมา ว่าติดน้องแฝด
ไปพบคุณหมอตามนัด และน้องโตตามเกณฑ์เรื่อยๆ
พอครบ 12 weeks คุณหมอก็ปล่อยให้ไปฝากครรภ์ ตามปกติ
ครั้งนี้ตรวจเจอว่าเป็นเบาหวาน ขณะตั้งครรภ์ แอบช๊อคเหมือนกัน
และตรวจเจอว่าน้องอีกคนค่อยๆ ฝ่อลง แต่หัวใจยังเต้นอยู่
แต่แฝดอีกคนโตตามเกณฑ์ปกติ และผลว่าน้องเป็นเด็กผู้หญิง
เรากับสามีดีใจกันมาก เพราะอยากได้ลูกผู้หญิง
จนถึงวันที่ต้องเจาะน้ำคร่ำ ตอน 19 weeks เพราะคุณแม่อายุเกิน 35
ก่อนจะทำการเจาะ คุณหมอได้ U/S แบบละเอียด (มาก) และพบว่า
น้องที่โตตามเกณฑ์ ไม่มีเนื้อสมองเลย สมองฝ่อไปหมด
มีแต่น้ำแต่หัวใจ ปอด ตับ ไต ดีหมด
ตั้งแต่เป็นหมอมา หมอไม่ค่อยเจอเคสแบบนี้
ไม่มีชื่อเรียกเคสแบบนี้เป็นภาษาไทย
ตอนนั้นเรากับสามี สมอง หู ความรู้สึกมันตื้อ ไปหมด
พึ่งรู้ว่า อาการหูดับมันเป็นแบบนี้นี่เอง
คุณหมอได้เรียกคุยว่า ต้องทำการยุติการตั้งครรภ์
เพราะว่า ถ้าปล่อยไป น้องอาจจะเสียชีวิตในท้องตอนอายุครรภ์ 8-9 เดือน
หรือเกิดมาถ้าพ่อแม่ไม่อยู่ น้องอาจจะมีชีวิตที่ลำบาก
ซึ่งคุณหมอไม่อยากให้เป็นแบบนั้น แนะนำให้ยุติตอนนี้ดีกว่า
คุณหมอบอกว่า ไม่มีใครอยากให้เกิดเหตุการณ์แบบนี้
ตัดสินใจได้เร็ว ก็เริ่มใหม่ได้เร็ว และคุณหมอว่าอย่าโทษกันเอง และอย่าโทษตัวเอง
คุณหมอได้นัดมาโรงพยาบาลเพื่อยุติการตั้งครรภ์ใน 2 วันต่อมา
นัดมาโรงพยาบาลตั้งแต่ 8 โมงเช้า ฝั่งนึงห้องคลอดปกติ
อีกฝั่งนึงชื่อห้องคลอด SEPTIC แค่ชื่อห้องคลอดก็จิตตก น้ำตาจะไหล
นี่เรากำลังจากเอาลูกของเราที่เค้าหัวใจยังเต้นดี ออกเหรอ
เข้าไปในห้องเจอเพื่อนร่วมชะตากรรม หลายเตียงเลย
เปลี่ยนชุดและนอนรอหมอมาดำเนินการ
พี่พยาบาลคอยมาดูความเรียบร้อย เราเลยถามว่า เคยมีคนตายจากการสอดยายุติการตั้งครรภ์มั้ยคะ
เพราะก่อนมา อ่านข้อมูลมาเยอะ จิตตกมาก ทั้งกลัวทั้งเสียใจ
แล้วพี่พยาบาลก็ถามว่า ถ้าน้องออกมาแล้วจะดูมั้ย เราตอบว่าไม่ดูค่ะ ทำใจไม่ได้จริงๆ
พอถึงเวลาประมาณ 10 โมง คุณหมอแจ้งว่าเดี๋ยวจะสอดยาให้
ให้ลุกไปฉี่ให้เรียบร้อย เพราะหลังจากสอดยา
จะไม่สามารถลุกไปห้องน้ำได้เป็นเวลา 2 ชม. (น่าจะกันเด็กหลุดในห้องน้ำหรืออาจจะวูบได้ค่ะ)
ครั้งแรกโดนสอดยา 2 เม็ด อาการยังไม่มีอะไรมาก นอกจากปวดหน่วงๆ
มีน้องนักศึกษาพยาบาล คุณหมอ และพี่พยาบาล มาดูเป็นเนืองๆ
พอครบ 2 ชม. จะต้องสอดยาอีก 2 เม็ด ก็ให้ลุกไปฉี่ก่อน ตอนนี้มีข้าวมาให้ทานประมาณ บ่าย 2
บอกตรงๆ กินอะไรไม่ลงเลย แม้กระทั่งน้ำ และก็โดนสอดอีก 2 เม็ดถัดมา
เริ่มปวด เริ่มบีบหนัก ใครบอกปวดบีบเหมือนประจำเดือน ไม่จริงค่ะ บอกตรงนี้เลย ปวดกว่ามาก
คุณหมอเดินมาบอกว่า ถ้าไม่ไหว ให้ขอมอร์ฟีนได้ แต่เราไม่ค่ะ เราทน ยังพอทนได้
เราลุกๆนั่งๆ นอนไม่หลับจริงๆ ความปวดและบีบเริ่มมาเรื่อยๆ
ปวดจนไข้ขึ้น พยาบาลมาวัดไข้ได้ 38 กว่า
ซึ่งพี่พยาบาลแจ้งตั้งแต่แรกแล้วว่า ถ้าโดนสอดยา ไข้ขึ้นเป็นเรื่องปกตินะคะ
พอครบ 2 ชม. ในยา 2 เม็ด ชุดที่ 2 ก็เริ่มปวดมากขึ้น ปวดจนไม่ไหว แต่ก็ยังไม่ขอมอร์ฟีน
และแล้วก็โดนยาชุดที่ 3 เป็นเม็ดที่ 5 และ 6 ตอนประมาณ น่าจะทุ่มกว่า
ชุดนี้แหละ มดลูกเริ่มบีบ เริ่มปวดมากขึ้นเรื่อยๆ ง่วงแต่นอนไม่หลับจริงๆ ปวดร้าวไปหมด
จนเวลา 3 ทุ่มกว่า เริ่มทนไม่ไหวแล้ว ขอมอร์ฟีนคุณหมอ
ซึ่งคุณหมอเดินมาบอกว่า ขอดูปากมดลูกก่อน ว่ามดลูกเปิดรึยัง
เพราะถ้าปากมดลูกเปิดแล้ว ให้มอร์ฟีนไปก็ไม่มีความหมาย
เพราะสามารถเบ่งได้แล้ว ถ้ามดลูกเปิด 3 ซม. ขึ้นไป
(ในกรณีนี้น้องอายุ 5 เดือน ปากมดลูก เปิด 3 ซม.ก็เบ่งได้เลย
ในขณะที่ครรภ์ปกติ ปากมดลูกต้องเปิด 10 ซม.ขึ้นไป)
และคุณหมอ นักศึกษาแพทย์ พยาบาล ได้เข้ามาตรวจเช็ค และบอกว่า
ปากมดลูกเปิด แล้ว 3 ซม. เดี๋ยวจะให้ลองเบ่งได้เลย หมอบอกทนหน่อย
ถ้าน้องออกมาแล้วจะหายปวด และคุณหมอให้ลองเบ่ง
โดยการให้ชันขา จับข้อเท้าเอาไว้ แล้วเบ่ง เราก็พยายามเบ่ง จนหมอบอกว่า
น่าจะยังไม่ออก รออีกซักพัก เดี๋ยวหมอเข้ามาใหม่ ก็ออกไปกันหมด
แต่เราปวดทนไม่ไหวแล้ว เลยลองเบ่งเอง เบ่งสุดแรงได้ยินเสียง ปุ้ก!!
แล้วก็มีน้ำไหลออกมา เลยคิดว่าน่าจะเป็น ถุงน้ำคร่ำแตก แต่เหมือนยังไม่ออก
เลยลองเบ่งสุดแรงอีกที น้องก็หลุดออกมา รู้สึกได้เลยว่า สายรกคาอยู่
เลยกดกริ่งเรียกคุณหมอแล้วก็พยาบาล ก็กรูกันเข้ามา
บอกน้องออกมาแล้ว เวลา 4 ทุ่ม 10 นาที
หมอถามจะดูมั้ยคะเ เราทำใจไม่ได้จริงๆ เลยบอกว่าไม่ดูค่ะ
แต่คุณพ่อน้องที่รออยู่หน้าห้องจะขอดู
พี่พยาบาลก็มาเก็บน้องไป แต่รกยังไม่ออก พี่พยาบาลเลยถามว่าจะลองเบ่งมั้ย
เลยลองเบ่งประมาณครึ่งลม รกก็ออกมาพร้อมกับน้องแฝดอีกคนที่ฝ่อไป
พอน้องออกความปวดก็หายไปหมด แต่ใจมันเจ็บปวดมากกว่านั้น
เสร็จแล้วโดนเข็นไปห้องซาวน์ ดูว่าออกหมดมั้ย ต้องขูดมดลูกมั้ย
สรุปไม่ต้องขูด เพราะหลุดออกไปหมดเลย ทำเรื่องว่าจะเอาน้องออกไปทำพิธี
หรือจะให้โรงพยาบาลเป็นคนทำให้ เราเลยเลือกให้โรงพยาบาลเป็นคนจัดการเรื่องน้องให้
เพราะส่งน้องชันสูตร ว่าสาเหตุเกิดจากอะไรค่ะ กว่าจะได้ขึ้นไปห้องพักฟื้นก็ เวลาเกือบตี 2
พักฟื้นอยู่โรงพยาบาลอีก 2 วัน คุณหมอก็อนุญาตให้กลับบ้านได้ค่ะ และพักฟื้นอีก 7 วัน
ก็กลับไปทำงานได้ตามปกติค่ะ ด้วยจิตใจที่ยังไม่พร้อมเลย
เขียนยาวหน่อย อยากแชร์ประสบการณ์ให้คนที่กำลังจะโดนยุติการตั้งครรภ์ได้พอทราบข้อมูลคร่าวๆค่ะ
ขอที่แม่เขียนให้ความรู้นี้ อุทิศให้ลูกแฝดของแม่นะ