บทที่ 1
https://ppantip.com/topic/40772858
“เอาค้อนไปสู้กับพวกต่างมิตินี่นะ” ผมถามอย่างไม่อยากเชื่อ
“ใช่ค่ะ ค้อนตะปูธรรมดานี่ละค่ะ” เธอยืนยันมั่นคง สายตาไม่ได้มีแววล้อเล่น บอกคุณหมอเลยครับว่า ผมยังนึกภาพไม่ออก กับฮีโร่สายพันธุ์ใหม่ผู้ปกป้องจักรวาลด้วยค้อนคู่เป็นอาวุธ
........
“เอาค้อนตีตะปูนี่นะ ไปสู้กับพวกต่างมิติ ล้อเล่นหรือเปล่าครับ”
“ไม่ล้อเล่นค่ะ หมายความตามนั้นจริง ๆ” เธอตอบยิ้ม ๆ แต่นัยน์ตาคมวาวไม่ได้ล้อเล่น ดังนั้นผมจึงออกจากบ้านไป หาซื้อค้อนตีตะปูมาสองอัน เพราะบ้านที่ผมอยู่ความจริงเป็นบ้านเช่า จึงไม่ได้มีการต่อเติมเสริมแต่งอะไร นึกไม่ออกเหมือนกันว่า ถ้าพวกต่างมิติมีแสงเลเซอร์ ยิงออกมาจากดวงตา หน้าท้องเปิดยิงขีปนาวุธได้ จะทำอย่างไร
ลุงเจ้าของร้านขายอุปกรณ์ฮาร์ดแวร์เครื่องมือช่าง และงานก่อสร้างมองหน้าผมอย่างแปลกใจ ขณะห่อค้อนพิฆาตด้วยกระดาษ ก่อนใส่ลงในถุงพลาสติก ผมเองก็มองอย่างสงสัยเหมือนกัน ว่าคุณลุงสงสัยอะไร ถึงทำหน้าสงสัย ส่วนคุณหมอก็คงไม่ต้องสงสัยนะครับ ว่าทำไมผมเล่าอะไร น่าสงสัยฟุ่มเฟือยขนาดนี้ อย่างว่าละครับ นี่ไม่ใช่การเขียนงานประพันธ์ หรือวรรณกรรมเยาวชน เป็นเพียงบันทึกของคนบ้าเท่านั้น ไม่ต้องยึดหลักการอะไร
“ผมเคยเห็นคนอื่นเขาค้อนตีตะปูซื้อกันทีละอัน นี่จะซื้อไปตีหัวใครหรือครับ” คุณลุงคงหมายถึงค้อนตีปะปู
“อ้อ แล้วที่ผมซื้อสองอันผิดกฏหมายไหมครับ”
“รีบไปเสียก่อนผมจะแถมค้อนอันที่สาม ลงบนศีรษะนะครับ”
เราหัวเราะให้กัน ไม่มีใครโกรธใคร เพราะสนิทกันพอสมควร ผมเป็นลูกค้าประจำของแก กับภาระงานซ่อมสร้างจากทักษะทางช่างเล็ก ๆ น้อย ๆ
พอกลับมาถึงบ้าน ก็ไม่เห็นไวโอลาอยู่ในห้องนั่งเล่น จึงเดาเอาว่าเธอน่าจะอยู่บนห้องนอน และก็เป็นอย่างที่คิด เธอยืนนิ่ง สายตาจ้องมองไปยังผนังห้องด้านข้าง ซึ่งตรงกันข้ามกับเตียงนอน ผมกำลังจะอ้าปากถาม พอดีมองเห็นความผิดปกติของผนังเข้าให้เสียก่อน
บริเวณผนังมีรูปวงกลมสีเทาขนาดเท่าลูกฟุตบอล สูงระดับสายตา ไม่ใช่เชื้อรา และดูไม่เหมือนสีที่ถูกระบายลงไป มองดูคล้ายอุโมงค์ปีศาจบนผนังมากกว่า มีความเคลื่อนไหวเหมือนหมอกควันไหลผ่าน
“พวกมันกำลังสร้างช่องทะลุมิติออกมา” ไวโอลาพูด ด้วยสีหน้าเรียบเฉย แต่ผมรู้ทันทีว่าเธอจะต้องคิดทำอะไรบางอย่าง และก็ใช่จริง ๆ เธอยื่นมือมาเป็นทำนองขอค้อนตีตะปู ผมไม่ถามอะไร แต่หยิบค้อนส่งให้เธออันหนึ่ง
“จัดการปิดช่องทะลุมิติเลยค่ะ” หญิงสาวบอก พลางยกค้อนขึ้นฟาดลงไปยังรอยประหลาดอย่างแรง พอเห็นดังนั้นผมก็เอาด้วยสิครับ เพราะเรื่องการใช้กำลังต่อสิ่งที่ไม่มีทางสู้ นี่ผมถนัดนัก ดังนั้นในห้องจึงมีเสียงทุบผนังดังสนั่นหลายสิบครั้ง ยิ่งทุบยิ่งสนุก และก็น่าแปลก วงกลมประหลาดค่อย ๆ จางหายไปตามการทุบแต่ละครั้ง กลายเป็นผนังห้องทาสีขาวตามปกติ แต่มีรอยการทุบ จนเศษอิฐเศษปูนกระจายเป็นวงกว้างบนพื้น
ผมรู้แล้วว่าเธอใช้ค้อนตีตะปูสู้พวกต่างมิติจริง ๆ แรงกระแทกลงบนพื้นผิวที่ดูเป็นสองมิติ ส่งคลื่นบางอย่างไปแผ่ผ่านมิติไปทำลายพลังงานของการเชื่อมต่อจักรวาล ผมคงอธิบายได้แค่นี้ แม้ว่าความจริงไวโอลาจะพูดถึงหลักการและทฤษฎีที่ผมไม่เข้าใจ ชนิดไม่ได้ยินไม่ได้อ่านมาก่อน ไม่ว่าจะเป็นผลงานจากไอน์สไตน์ หรือ สตีเฟน ฮอว์คิงก็ตาม ทำเอาเริ่มสงสัยแล้วว่า บทบาทหน้าที่ของเธอในอีกจักรวาล เธอเป็นใครกันแน่ ดูแล้วไม่เหมือนสิ่งมีชีวิตแบบในนิยายเรื่อง Flatland เลยสักนิด
หลังจากนั้นเราสองคนก็ช่วยกันทำความสะอาดห้อง เธอเล่าว่าพวกนักล่าจากโลกสองมิติกำลังหาทางออกมายังจักรวาลสามมิติ จุดประสงค์เดียวคือสังหารเธอ ผมพยายามถามว่าเพราะสาเหตุอะไร ทำไมผู้หญิงสวยอย่างเธอถึงถูกตามล่า ไวโอลาก็บ่ายเบี่ยงคำตอบไปเรื่อย ๆ บอกว่าวันหนึ่งจะรู้เอง ซึ่งผมก็ไม่ได้ซักถามอะไรต่อไป เพราะไม่ใช่คนเรื่องมาก อะไรที่เธออยากบอก คงบอกมาเอง
ผมเริ่มรู้ตัวว่านานวันเข้า ยิ่งมีความผูกพันกับหญิงสาวต่างมิติอย่างประหลาด หลังจากที่เอเวลีนอดีตคนรักจากไป ผมตั้งใจว่าจะขออยู่คนเดียว โดยไม่อยากจะไปมีความรักความผูกพันกับใครอีก วันข้างหน้าจะเป็นอย่างไรก็ช่าง กะว่าจะอยู่เพื่อวันนี้ไปเรื่อย ๆ เหงามากก็อาจหาหมาแมวสักตัวมาเลี้ยงเป็นเพื่อน ไม่เอาอะไรมากมายกับชีวิตพยายามตัดใจปล่อยวาง แต่ก็คงได้แค่พยายาม
พอไวโอลาเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของชีวิต ผมเริ่มมีความสุขขึ้นมาบ้าง แต่ยังรักษาระยะห่างระหว่างกันไว้เสมอ ยกห้องนอนของผมให้เธอครอบครอง ในฐานะแขกผู้มาเยือน ต้องดูแลให้ดี ส่วนผมก็นอนบนโซฟาในห้องนั่งเล่น เฝ้าทีวีดูหนังฟังเพลงไปจนหลับโดยไม่มีปัญหา อาหารการกิน งานบ้านก็ช่วยกันทำ แต่ส่วนใหญ่เป็นไวโอลาที่ทำมากกว่า เธอสามารถดัดแปลงแก้ไขปรับปรุงเครื่องใช้หลายอย่าง ให้ทำงานดีขึ้น ชนิดไม่น่าเชื่อ อย่างเช่นวันหนึ่งเห็นเธอใช้โต๊ะและเก้าอี้ปีนขึ้นไปรื้อแอร์ผนัง โดยมีผมเป็นลูกมือคอยช่วยรับส่งอุปกรณ์ต่าง ๆ ที่เธอนั่นละเป็นคนเขียนรายการให้ผมไปหาซื้อมา หลังจากนั้นเครื่องปรับอากาศก็ทำงานดีขึ้น โดยอัตราการบริโภคพลังงานลดลงครึ่งหนึ่ง ไม่รู้ว่าเธอทำได้อย่างไร
ส่วนอาหารที่เธอทำ วัตถุดิบใช้พืชผักโดยไม่มีพวกเนื้อ แต่ทุกอย่างที่ทำออกมารสชาติมันอร่อยแบบเหลือเชื่อ เป็นผู้หญิงที่มหัศจรรย์ผิดมนุษย์ คุณหมอคงไม่เถียงนะครับ กับความมหัศจรรย์ของเธอ เอาแค่ว่า การหลุดออกมาจากผนังก็แปลกแล้ว
สามวันต่อมา เป็นวันอาทิตย์ เหมือนเธอจะรู้ถึงการมาเยือนของพวกต่างมิติ จะด้วยสัญชาตญาณหรืออะไรก็ตาม ขณะเรากำลังนั่งดูทีวีอยู่ห้องนั่งเล่น เธอก็ทำท่าชะงัก ก่อนจะลุกขึ้นเดินตรงไปยังห้องครัวที่เก็บค้อนคู่พิฆาตเอาไว้จากนั้นถือค้อนกลับมาด้วย พลางลากแขนของผมให้ออกไปนอกบ้าน อ้อมไปด้านข้าง คราวนี้รอยวงกลมประหลาดไปปรากฏอยู่ผนังบ้านด้านนอก
ผมกับสาวต่างดาวจึงต้องช่วยกันใช้ค้อนทุบผนังบริเวณนั้นอีกครั้ง ซึ่งคงเป็นภาพที่ไม่ค่อยมีใครเห็นมากนัก หลังจากเสียงปึงปังดังสนั่นอยู่สักครู่ รอยทะลุมิติก็จางหายไป เรามองใบหน้าของกันและกันที่เต็มไปด้วยเหงื่อแล้วยิ้ม งานยังไม่เสร็จ แน่นอนว่าผมมีปูนทรายพร้อมอยู่แล้ว
“หน้าที่ผม ห้ามมาแย่ง” มาบอกจุดยืนอย่างเฉียบขาด เพราะงานผสมคอนกรีตผมจองไว้ล่วงหน้าแล้ว ไม่ยอมให้ผู้หญิงเอวบางร่างน้อยมาใช้แรงงานหนัก
"เฮ้...พวกคุณทำอะไร”
ยังไม่ทันทำอะไร มีเสียงดังมาจากริมรั้ว ห่างออกไปประมาณห้าเมตร ไม่ใช่ใครที่ไหน หนุ่มรูปร่างผอมและแว่นตาหนาเตอะ โผล่หน้าขึ้นมาจากกำแพง สายตามองลอดแว่น ทำหน้าสงสัย ปีเตอร์เพื่อนบ้านจอมจุ้นนั่นเอง ผมไม่ค่อยชอบหน้าเขาเท่าไร เพราะเขาเป็นพวกสอดรู้สอดเห็น คุณหมอลองนึกภาพคนที่คอยเดินตามสังเกตคุณหมอไปทุกฝีก้าว จะทำอะไรก็มักคอยตามดูเป็นเงาตามตัวทั้งที่ไม่ใช่เรื่อง ขนาดเอาตัวบัง ก็จะอ้อมมาดูอีกด้าน ดูจนได้ นั่นละเขาคนนี้
“นั่งกินข้าวกันอยู่มั้ง” ผมตอบแบบกวน ๆ แต่ดูเหมือนเขาไม่สนใจคำตอบ ขยับแว่นมองดูไวโอลาอย่างพินิจพิเคราะห์
“คุณเอเวลีนกลับมาแล้วหรือครับ เห็นหายไปนาน” หนุ่มแว่นเอ่ยทักทายอย่างคุ้นเคย คงนึกว่าไวโอลาเป็นเอเวลีน เพราะชุดที่สวมใส่อยู่เป็นชุดเก่งของอดีตคนรักของผม สายตาของหนุ่มผอมเพื่อนบ้านไม่ค่อยดีนัก
“ไม่ใช่เอเวลีน” ผมมองอย่างกึ่งขัดใจกึ่งขบขัน
“อ้าว แล้วแฟนใหม่หรือครับ ทำไมไม่แนะนำให้รู้จักบ้าง”
"ใคร”
“อย่าล้อเล่นสิครับ คนนี้ไง” ปีเตอร์ชี้มือมายังไวโอลา
“ไม่มีเวลา ขอตัวนะ” ว่าแล้วผมก็พาสาวต่างมิติกลับมาในบ้าน เดาได้เลยว่าข่าวของสาวต่างมิติจะต้องขจรขจายอย่างรวดเร็ว เพราะปีเตอร์คือผู้สื่อข่าวชั้นเยี่ยม ผู้มีคติประจำตัวว่า “ความลับจะไม่ใช่ความลับ ถ้าความลับมาถึงปีเตอร์” ผมพาไวโอลา มานั่งห้องเล่นด้วยความรู้สึกหงุดหงิด ไวโอลาอมยิ้ม เดินมานั่งข้างผม จ้องมองด้วยสายตาเป็นประกาย
“ท่าทางไรอันหงุดหงิด ไวโอลา ทำอะไรผิดหรือคะ” หญิงสาวต่างมิติ นั่งเอามือเท้าคางถาม ทำให้ผมรู้ด้วยเหตุผลทันที ใช่ เธอ ไม่ผิดสักนิด คนที่ผิดก็ควรเป็นผมเอง แต่ทำไมผมต้องหงุดหงิดด้วย
“ไม่ครับ” ผมฝืนยิ้มตอบ พยายามทำตัวปกติ ไวโอลายังคงมีสีหน้าอมยิ้ม ลุกขึ้นเดินไปมา โดยไม่สนใจรายการทีวีเหมือนอย่างเคย แล้วก็เดินมายื่นหน้าเข้าใกล้ บอกว่า
“ไวโอลาอยากไปทานข้าวนอกบ้าน ในร้านอาหาร”
“เฮ้ย...” ผมเผลอตัวร้องเสียงหลง นั่งตัวตรง จ้องหน้าเธอ ที่ผ่านมาเธอมักจะเก็บตัวไม่ยอมออกบ้านไปไหน แต่ดูเหมือนสาวต่างมิติจะเข้าใจ เธอนั่งลงข้าง ๆ ผม เอื้อมมือมาแตะแขนของผมเบา ๆ ก่อนพูดด้วยเสียงออดอ้อน
“นะคะ วันนี้ไรอันว่าง เราไปกินข้าวนอกบ้านกัน”
“เอาแบบนี้เลยเหรอครับ” ต้องถามให้แน่ใจ เพราะรู้สึกว่าไม่เป็นธรรมชาติแบบอธิบายไม่ถูก
“เอาแบบนี้เลยค่ะ”
ผมทำหน้าคิดพักหนึ่ง มองดูนาฬิกา เห็นว่าเป็นช่วงเที่ยงพอดี นึกถึงร้านอาหารคุ้นเคยไม่ไกลมากนัก แม้จะสงสัยในพฤติกรรมของสาวต่างมิติ แต่ก็นึกว่าไม่เลวเหมือนกัน ถ้าจะพาเธอออกไปสู่โลกภายนอกบ้าง ดังนั้นหลังจากอาบน้ำเปลี่ยนชุดเก่ง รถยนต์กลางเก่ากลางใหม่ของผมจึงมีหน้าที่บริการไวโอลาเป็นครั้งแรก
ขณะเดินออกจากประตู ผมสังเกตเห็นปีเตอร์ยังเกาะรั้วบ้านจ้องมองตรงมาเหมือนเดิม คราวนี้ดูสูงจากพื้นมากขึ้น แสดงว่าเขาคงต้องเหยียบอยู่บนลังไม้ หรืออะไรสักอย่าง ปีเตอร์ไม่ได้ถามอะไร ได้แต่จ้องมองด้วยความอยากรู้อยากเห็น สักพักเห็นเขาผลุบหายไป แต่ขณะที่ขับรถออกจากบ้าน ปีเตอร์จอมสอด ก็โผล่เปิดประตูรั้วของเขาออกมาเช่นกัน มองกระจกหลังเห็นเขายืนมองตามมา ถ้าวิ่งไล่รถได้ เขาคงวิ่งตามมาเป็นแน่แท้ ผมทั้งฉิวทั้งขันกับเพื่อนบ้าน ผู้น่าจะมีอาการผิดเพี้ยน อาจจะมากกว่าผมด้วยก็ไม่รู้นะครับคุณหมอ
“ขำคุณปีเตอร์หรือคะ” ไวโอลาที่นั่งอยู่เบาะข้างหันมาถาม
“เอ้อ ครับ ใช่ ๆ ผมขำนายปิเตอร์จอมจุ้น”
“เขาก็ไม่ใช่คนชั่วร้ายอะไรนะคะ เพียงอยากรู้อยากเห็นมากไปเท่านั้น แต่ไม่มีพิษมีภัย เป็นคนมีน้ำใจด้วยค่ะ”
“คุณรู้ได้ยังไง คุณเพิ่งเคยเจอเขาครั้งแรกเองนะ” ผมถามอย่างแปลกใจ เพราะน้ำเสียงของเธอบอกว่าไม่ใช่การพูดเล่น
“ไวโอลารู้ก็แล้วกันค่ะ” เธอตอบด้วยรอยยิ้ม “เหมือนที่รู้ว่าไรอันเป็นคนยังไงนั่นแหละค่ะ”
“ผมเป็นคนยังไงครับ”
“ก็เป็นอย่างที่เป็นนั่นละค่ะ”
ได้นิสัยกวน ๆ มาจากใครนี่ ผมเปลี่ยนเป็นหันมายิ้มขำให้สาวต่างมิติ การพูดคุยทำให้อารมณ์ดีทุกครั้ง ไวโอลาไม่ใช่คนเรื่องมาก วางตัวง่าย ๆ ต่างจากเอเวลีนพอสมควร แต่ผมก็ไม่อยากนึกเปรียบเทียบกัน เพียงความรู้สึกมันวูบขึ้นมาเอง
ไวโอลาดูตื่นเต้นเหมือนเด็ก ๆ จ้องมองออกไปภายนอกแบบคนตื่นตาตื่นใจ ก็แน่ละ เพราะเธอไม่ใช่คนของโลกมนุษย์ ถ้าจับผมไปโผล่ในจักรวาลอื่น คงมีอาการตื่นเต้นแบบนี้เหมือนกัน ผมให้เธอสวมแว่นตาสีชา ซึ่งเป็นแว่นของเอเวลีน เพราะไม่อยากให้สายตาเป็นประกายวับวาวแปลกประหลาดผิดมนุษย์ของเธอเป็นจุดสนใจ
พอถึงร้านอาหาร ไวโอลาเดินเกาะแขนผมเดินเข้าร้าน ผมได้แต่นึกแปลกใจ แต่ก็เดาได้ว่าคงเรียนรู้มาจากทีวีหรืออินเตอร์เน็ตนั่นเอง เจ้าของร้านและพนักงานมองมาอย่างจดจำผมได้ และมีรอยยิ้มเล็กน้อยเมื่อมองเห็นหญิงสาวที่เดินคู่ อาจพากันนึกว่าเป็นแฟนคนใหม่ ซึ่งไม่ใช่ปัญหาอะไร ใครจะมองอย่างไรก็ช่าง ผมเลือกโต๊ะด้านในสุด ในมุมที่สังเกตยากที่สุด เพราะไม่อยากตกเป็นเป้าสายตาพลโลก
.
บันทึกของคนบ้า......ความรักสองมิตื 2
https://ppantip.com/topic/40772858
“เอาค้อนไปสู้กับพวกต่างมิตินี่นะ” ผมถามอย่างไม่อยากเชื่อ
“ใช่ค่ะ ค้อนตะปูธรรมดานี่ละค่ะ” เธอยืนยันมั่นคง สายตาไม่ได้มีแววล้อเล่น บอกคุณหมอเลยครับว่า ผมยังนึกภาพไม่ออก กับฮีโร่สายพันธุ์ใหม่ผู้ปกป้องจักรวาลด้วยค้อนคู่เป็นอาวุธ
........
“เอาค้อนตีตะปูนี่นะ ไปสู้กับพวกต่างมิติ ล้อเล่นหรือเปล่าครับ”
“ไม่ล้อเล่นค่ะ หมายความตามนั้นจริง ๆ” เธอตอบยิ้ม ๆ แต่นัยน์ตาคมวาวไม่ได้ล้อเล่น ดังนั้นผมจึงออกจากบ้านไป หาซื้อค้อนตีตะปูมาสองอัน เพราะบ้านที่ผมอยู่ความจริงเป็นบ้านเช่า จึงไม่ได้มีการต่อเติมเสริมแต่งอะไร นึกไม่ออกเหมือนกันว่า ถ้าพวกต่างมิติมีแสงเลเซอร์ ยิงออกมาจากดวงตา หน้าท้องเปิดยิงขีปนาวุธได้ จะทำอย่างไร
ลุงเจ้าของร้านขายอุปกรณ์ฮาร์ดแวร์เครื่องมือช่าง และงานก่อสร้างมองหน้าผมอย่างแปลกใจ ขณะห่อค้อนพิฆาตด้วยกระดาษ ก่อนใส่ลงในถุงพลาสติก ผมเองก็มองอย่างสงสัยเหมือนกัน ว่าคุณลุงสงสัยอะไร ถึงทำหน้าสงสัย ส่วนคุณหมอก็คงไม่ต้องสงสัยนะครับ ว่าทำไมผมเล่าอะไร น่าสงสัยฟุ่มเฟือยขนาดนี้ อย่างว่าละครับ นี่ไม่ใช่การเขียนงานประพันธ์ หรือวรรณกรรมเยาวชน เป็นเพียงบันทึกของคนบ้าเท่านั้น ไม่ต้องยึดหลักการอะไร
“ผมเคยเห็นคนอื่นเขาค้อนตีตะปูซื้อกันทีละอัน นี่จะซื้อไปตีหัวใครหรือครับ” คุณลุงคงหมายถึงค้อนตีปะปู
“อ้อ แล้วที่ผมซื้อสองอันผิดกฏหมายไหมครับ”
“รีบไปเสียก่อนผมจะแถมค้อนอันที่สาม ลงบนศีรษะนะครับ”
เราหัวเราะให้กัน ไม่มีใครโกรธใคร เพราะสนิทกันพอสมควร ผมเป็นลูกค้าประจำของแก กับภาระงานซ่อมสร้างจากทักษะทางช่างเล็ก ๆ น้อย ๆ
พอกลับมาถึงบ้าน ก็ไม่เห็นไวโอลาอยู่ในห้องนั่งเล่น จึงเดาเอาว่าเธอน่าจะอยู่บนห้องนอน และก็เป็นอย่างที่คิด เธอยืนนิ่ง สายตาจ้องมองไปยังผนังห้องด้านข้าง ซึ่งตรงกันข้ามกับเตียงนอน ผมกำลังจะอ้าปากถาม พอดีมองเห็นความผิดปกติของผนังเข้าให้เสียก่อน
บริเวณผนังมีรูปวงกลมสีเทาขนาดเท่าลูกฟุตบอล สูงระดับสายตา ไม่ใช่เชื้อรา และดูไม่เหมือนสีที่ถูกระบายลงไป มองดูคล้ายอุโมงค์ปีศาจบนผนังมากกว่า มีความเคลื่อนไหวเหมือนหมอกควันไหลผ่าน
“พวกมันกำลังสร้างช่องทะลุมิติออกมา” ไวโอลาพูด ด้วยสีหน้าเรียบเฉย แต่ผมรู้ทันทีว่าเธอจะต้องคิดทำอะไรบางอย่าง และก็ใช่จริง ๆ เธอยื่นมือมาเป็นทำนองขอค้อนตีตะปู ผมไม่ถามอะไร แต่หยิบค้อนส่งให้เธออันหนึ่ง
“จัดการปิดช่องทะลุมิติเลยค่ะ” หญิงสาวบอก พลางยกค้อนขึ้นฟาดลงไปยังรอยประหลาดอย่างแรง พอเห็นดังนั้นผมก็เอาด้วยสิครับ เพราะเรื่องการใช้กำลังต่อสิ่งที่ไม่มีทางสู้ นี่ผมถนัดนัก ดังนั้นในห้องจึงมีเสียงทุบผนังดังสนั่นหลายสิบครั้ง ยิ่งทุบยิ่งสนุก และก็น่าแปลก วงกลมประหลาดค่อย ๆ จางหายไปตามการทุบแต่ละครั้ง กลายเป็นผนังห้องทาสีขาวตามปกติ แต่มีรอยการทุบ จนเศษอิฐเศษปูนกระจายเป็นวงกว้างบนพื้น
ผมรู้แล้วว่าเธอใช้ค้อนตีตะปูสู้พวกต่างมิติจริง ๆ แรงกระแทกลงบนพื้นผิวที่ดูเป็นสองมิติ ส่งคลื่นบางอย่างไปแผ่ผ่านมิติไปทำลายพลังงานของการเชื่อมต่อจักรวาล ผมคงอธิบายได้แค่นี้ แม้ว่าความจริงไวโอลาจะพูดถึงหลักการและทฤษฎีที่ผมไม่เข้าใจ ชนิดไม่ได้ยินไม่ได้อ่านมาก่อน ไม่ว่าจะเป็นผลงานจากไอน์สไตน์ หรือ สตีเฟน ฮอว์คิงก็ตาม ทำเอาเริ่มสงสัยแล้วว่า บทบาทหน้าที่ของเธอในอีกจักรวาล เธอเป็นใครกันแน่ ดูแล้วไม่เหมือนสิ่งมีชีวิตแบบในนิยายเรื่อง Flatland เลยสักนิด
หลังจากนั้นเราสองคนก็ช่วยกันทำความสะอาดห้อง เธอเล่าว่าพวกนักล่าจากโลกสองมิติกำลังหาทางออกมายังจักรวาลสามมิติ จุดประสงค์เดียวคือสังหารเธอ ผมพยายามถามว่าเพราะสาเหตุอะไร ทำไมผู้หญิงสวยอย่างเธอถึงถูกตามล่า ไวโอลาก็บ่ายเบี่ยงคำตอบไปเรื่อย ๆ บอกว่าวันหนึ่งจะรู้เอง ซึ่งผมก็ไม่ได้ซักถามอะไรต่อไป เพราะไม่ใช่คนเรื่องมาก อะไรที่เธออยากบอก คงบอกมาเอง
ผมเริ่มรู้ตัวว่านานวันเข้า ยิ่งมีความผูกพันกับหญิงสาวต่างมิติอย่างประหลาด หลังจากที่เอเวลีนอดีตคนรักจากไป ผมตั้งใจว่าจะขออยู่คนเดียว โดยไม่อยากจะไปมีความรักความผูกพันกับใครอีก วันข้างหน้าจะเป็นอย่างไรก็ช่าง กะว่าจะอยู่เพื่อวันนี้ไปเรื่อย ๆ เหงามากก็อาจหาหมาแมวสักตัวมาเลี้ยงเป็นเพื่อน ไม่เอาอะไรมากมายกับชีวิตพยายามตัดใจปล่อยวาง แต่ก็คงได้แค่พยายาม
พอไวโอลาเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของชีวิต ผมเริ่มมีความสุขขึ้นมาบ้าง แต่ยังรักษาระยะห่างระหว่างกันไว้เสมอ ยกห้องนอนของผมให้เธอครอบครอง ในฐานะแขกผู้มาเยือน ต้องดูแลให้ดี ส่วนผมก็นอนบนโซฟาในห้องนั่งเล่น เฝ้าทีวีดูหนังฟังเพลงไปจนหลับโดยไม่มีปัญหา อาหารการกิน งานบ้านก็ช่วยกันทำ แต่ส่วนใหญ่เป็นไวโอลาที่ทำมากกว่า เธอสามารถดัดแปลงแก้ไขปรับปรุงเครื่องใช้หลายอย่าง ให้ทำงานดีขึ้น ชนิดไม่น่าเชื่อ อย่างเช่นวันหนึ่งเห็นเธอใช้โต๊ะและเก้าอี้ปีนขึ้นไปรื้อแอร์ผนัง โดยมีผมเป็นลูกมือคอยช่วยรับส่งอุปกรณ์ต่าง ๆ ที่เธอนั่นละเป็นคนเขียนรายการให้ผมไปหาซื้อมา หลังจากนั้นเครื่องปรับอากาศก็ทำงานดีขึ้น โดยอัตราการบริโภคพลังงานลดลงครึ่งหนึ่ง ไม่รู้ว่าเธอทำได้อย่างไร
ส่วนอาหารที่เธอทำ วัตถุดิบใช้พืชผักโดยไม่มีพวกเนื้อ แต่ทุกอย่างที่ทำออกมารสชาติมันอร่อยแบบเหลือเชื่อ เป็นผู้หญิงที่มหัศจรรย์ผิดมนุษย์ คุณหมอคงไม่เถียงนะครับ กับความมหัศจรรย์ของเธอ เอาแค่ว่า การหลุดออกมาจากผนังก็แปลกแล้ว
สามวันต่อมา เป็นวันอาทิตย์ เหมือนเธอจะรู้ถึงการมาเยือนของพวกต่างมิติ จะด้วยสัญชาตญาณหรืออะไรก็ตาม ขณะเรากำลังนั่งดูทีวีอยู่ห้องนั่งเล่น เธอก็ทำท่าชะงัก ก่อนจะลุกขึ้นเดินตรงไปยังห้องครัวที่เก็บค้อนคู่พิฆาตเอาไว้จากนั้นถือค้อนกลับมาด้วย พลางลากแขนของผมให้ออกไปนอกบ้าน อ้อมไปด้านข้าง คราวนี้รอยวงกลมประหลาดไปปรากฏอยู่ผนังบ้านด้านนอก
ผมกับสาวต่างดาวจึงต้องช่วยกันใช้ค้อนทุบผนังบริเวณนั้นอีกครั้ง ซึ่งคงเป็นภาพที่ไม่ค่อยมีใครเห็นมากนัก หลังจากเสียงปึงปังดังสนั่นอยู่สักครู่ รอยทะลุมิติก็จางหายไป เรามองใบหน้าของกันและกันที่เต็มไปด้วยเหงื่อแล้วยิ้ม งานยังไม่เสร็จ แน่นอนว่าผมมีปูนทรายพร้อมอยู่แล้ว
“หน้าที่ผม ห้ามมาแย่ง” มาบอกจุดยืนอย่างเฉียบขาด เพราะงานผสมคอนกรีตผมจองไว้ล่วงหน้าแล้ว ไม่ยอมให้ผู้หญิงเอวบางร่างน้อยมาใช้แรงงานหนัก
"เฮ้...พวกคุณทำอะไร”
ยังไม่ทันทำอะไร มีเสียงดังมาจากริมรั้ว ห่างออกไปประมาณห้าเมตร ไม่ใช่ใครที่ไหน หนุ่มรูปร่างผอมและแว่นตาหนาเตอะ โผล่หน้าขึ้นมาจากกำแพง สายตามองลอดแว่น ทำหน้าสงสัย ปีเตอร์เพื่อนบ้านจอมจุ้นนั่นเอง ผมไม่ค่อยชอบหน้าเขาเท่าไร เพราะเขาเป็นพวกสอดรู้สอดเห็น คุณหมอลองนึกภาพคนที่คอยเดินตามสังเกตคุณหมอไปทุกฝีก้าว จะทำอะไรก็มักคอยตามดูเป็นเงาตามตัวทั้งที่ไม่ใช่เรื่อง ขนาดเอาตัวบัง ก็จะอ้อมมาดูอีกด้าน ดูจนได้ นั่นละเขาคนนี้
“นั่งกินข้าวกันอยู่มั้ง” ผมตอบแบบกวน ๆ แต่ดูเหมือนเขาไม่สนใจคำตอบ ขยับแว่นมองดูไวโอลาอย่างพินิจพิเคราะห์
“คุณเอเวลีนกลับมาแล้วหรือครับ เห็นหายไปนาน” หนุ่มแว่นเอ่ยทักทายอย่างคุ้นเคย คงนึกว่าไวโอลาเป็นเอเวลีน เพราะชุดที่สวมใส่อยู่เป็นชุดเก่งของอดีตคนรักของผม สายตาของหนุ่มผอมเพื่อนบ้านไม่ค่อยดีนัก
“ไม่ใช่เอเวลีน” ผมมองอย่างกึ่งขัดใจกึ่งขบขัน
“อ้าว แล้วแฟนใหม่หรือครับ ทำไมไม่แนะนำให้รู้จักบ้าง”
"ใคร”
“อย่าล้อเล่นสิครับ คนนี้ไง” ปีเตอร์ชี้มือมายังไวโอลา
“ไม่มีเวลา ขอตัวนะ” ว่าแล้วผมก็พาสาวต่างมิติกลับมาในบ้าน เดาได้เลยว่าข่าวของสาวต่างมิติจะต้องขจรขจายอย่างรวดเร็ว เพราะปีเตอร์คือผู้สื่อข่าวชั้นเยี่ยม ผู้มีคติประจำตัวว่า “ความลับจะไม่ใช่ความลับ ถ้าความลับมาถึงปีเตอร์” ผมพาไวโอลา มานั่งห้องเล่นด้วยความรู้สึกหงุดหงิด ไวโอลาอมยิ้ม เดินมานั่งข้างผม จ้องมองด้วยสายตาเป็นประกาย
“ท่าทางไรอันหงุดหงิด ไวโอลา ทำอะไรผิดหรือคะ” หญิงสาวต่างมิติ นั่งเอามือเท้าคางถาม ทำให้ผมรู้ด้วยเหตุผลทันที ใช่ เธอ ไม่ผิดสักนิด คนที่ผิดก็ควรเป็นผมเอง แต่ทำไมผมต้องหงุดหงิดด้วย
“ไม่ครับ” ผมฝืนยิ้มตอบ พยายามทำตัวปกติ ไวโอลายังคงมีสีหน้าอมยิ้ม ลุกขึ้นเดินไปมา โดยไม่สนใจรายการทีวีเหมือนอย่างเคย แล้วก็เดินมายื่นหน้าเข้าใกล้ บอกว่า
“ไวโอลาอยากไปทานข้าวนอกบ้าน ในร้านอาหาร”
“เฮ้ย...” ผมเผลอตัวร้องเสียงหลง นั่งตัวตรง จ้องหน้าเธอ ที่ผ่านมาเธอมักจะเก็บตัวไม่ยอมออกบ้านไปไหน แต่ดูเหมือนสาวต่างมิติจะเข้าใจ เธอนั่งลงข้าง ๆ ผม เอื้อมมือมาแตะแขนของผมเบา ๆ ก่อนพูดด้วยเสียงออดอ้อน
“นะคะ วันนี้ไรอันว่าง เราไปกินข้าวนอกบ้านกัน”
“เอาแบบนี้เลยเหรอครับ” ต้องถามให้แน่ใจ เพราะรู้สึกว่าไม่เป็นธรรมชาติแบบอธิบายไม่ถูก
“เอาแบบนี้เลยค่ะ”
ผมทำหน้าคิดพักหนึ่ง มองดูนาฬิกา เห็นว่าเป็นช่วงเที่ยงพอดี นึกถึงร้านอาหารคุ้นเคยไม่ไกลมากนัก แม้จะสงสัยในพฤติกรรมของสาวต่างมิติ แต่ก็นึกว่าไม่เลวเหมือนกัน ถ้าจะพาเธอออกไปสู่โลกภายนอกบ้าง ดังนั้นหลังจากอาบน้ำเปลี่ยนชุดเก่ง รถยนต์กลางเก่ากลางใหม่ของผมจึงมีหน้าที่บริการไวโอลาเป็นครั้งแรก
ขณะเดินออกจากประตู ผมสังเกตเห็นปีเตอร์ยังเกาะรั้วบ้านจ้องมองตรงมาเหมือนเดิม คราวนี้ดูสูงจากพื้นมากขึ้น แสดงว่าเขาคงต้องเหยียบอยู่บนลังไม้ หรืออะไรสักอย่าง ปีเตอร์ไม่ได้ถามอะไร ได้แต่จ้องมองด้วยความอยากรู้อยากเห็น สักพักเห็นเขาผลุบหายไป แต่ขณะที่ขับรถออกจากบ้าน ปีเตอร์จอมสอด ก็โผล่เปิดประตูรั้วของเขาออกมาเช่นกัน มองกระจกหลังเห็นเขายืนมองตามมา ถ้าวิ่งไล่รถได้ เขาคงวิ่งตามมาเป็นแน่แท้ ผมทั้งฉิวทั้งขันกับเพื่อนบ้าน ผู้น่าจะมีอาการผิดเพี้ยน อาจจะมากกว่าผมด้วยก็ไม่รู้นะครับคุณหมอ
“ขำคุณปีเตอร์หรือคะ” ไวโอลาที่นั่งอยู่เบาะข้างหันมาถาม
“เอ้อ ครับ ใช่ ๆ ผมขำนายปิเตอร์จอมจุ้น”
“เขาก็ไม่ใช่คนชั่วร้ายอะไรนะคะ เพียงอยากรู้อยากเห็นมากไปเท่านั้น แต่ไม่มีพิษมีภัย เป็นคนมีน้ำใจด้วยค่ะ”
“คุณรู้ได้ยังไง คุณเพิ่งเคยเจอเขาครั้งแรกเองนะ” ผมถามอย่างแปลกใจ เพราะน้ำเสียงของเธอบอกว่าไม่ใช่การพูดเล่น
“ไวโอลารู้ก็แล้วกันค่ะ” เธอตอบด้วยรอยยิ้ม “เหมือนที่รู้ว่าไรอันเป็นคนยังไงนั่นแหละค่ะ”
“ผมเป็นคนยังไงครับ”
“ก็เป็นอย่างที่เป็นนั่นละค่ะ”
ได้นิสัยกวน ๆ มาจากใครนี่ ผมเปลี่ยนเป็นหันมายิ้มขำให้สาวต่างมิติ การพูดคุยทำให้อารมณ์ดีทุกครั้ง ไวโอลาไม่ใช่คนเรื่องมาก วางตัวง่าย ๆ ต่างจากเอเวลีนพอสมควร แต่ผมก็ไม่อยากนึกเปรียบเทียบกัน เพียงความรู้สึกมันวูบขึ้นมาเอง
ไวโอลาดูตื่นเต้นเหมือนเด็ก ๆ จ้องมองออกไปภายนอกแบบคนตื่นตาตื่นใจ ก็แน่ละ เพราะเธอไม่ใช่คนของโลกมนุษย์ ถ้าจับผมไปโผล่ในจักรวาลอื่น คงมีอาการตื่นเต้นแบบนี้เหมือนกัน ผมให้เธอสวมแว่นตาสีชา ซึ่งเป็นแว่นของเอเวลีน เพราะไม่อยากให้สายตาเป็นประกายวับวาวแปลกประหลาดผิดมนุษย์ของเธอเป็นจุดสนใจ
พอถึงร้านอาหาร ไวโอลาเดินเกาะแขนผมเดินเข้าร้าน ผมได้แต่นึกแปลกใจ แต่ก็เดาได้ว่าคงเรียนรู้มาจากทีวีหรืออินเตอร์เน็ตนั่นเอง เจ้าของร้านและพนักงานมองมาอย่างจดจำผมได้ และมีรอยยิ้มเล็กน้อยเมื่อมองเห็นหญิงสาวที่เดินคู่ อาจพากันนึกว่าเป็นแฟนคนใหม่ ซึ่งไม่ใช่ปัญหาอะไร ใครจะมองอย่างไรก็ช่าง ผมเลือกโต๊ะด้านในสุด ในมุมที่สังเกตยากที่สุด เพราะไม่อยากตกเป็นเป้าสายตาพลโลก
.