แชร์ประสบการณ์ การผ่าตัดเปลี่ยนลิ้นหัวใจรั่ว

     
สวัสดีค่ะ  กระทู้นี้ก็อยากจะมาแชร์เรื่อง การเข้ารับการรักษาผ่าตัดเปลี่ยนลิ้นหัวใจรั่ว ( ฉบับบ้าน ๆ )  
แบบเล่าสู่กันฟังในฐานะญาติผู้ป่วยกับญาติผู้ป่วยนะคะ    อาจไม่มีประโยชน์ในเรื่องข้อมูลทางการแพทย์   
แต่ก็พอจะเป็นข้อมูลเพื่อให้คลายความกังวลใจ  ลงได้บ้างไม่มากก็น้อยค่ะ

 

ลูกชายอายุ  32  ปี   ตรวจพบว่าเป็นโรคลิ้นหัวใจรั่ว  เมื่อ 5 ปี ที่แล้ว   คือน้องไปตรวจสุขภาพเพื่อสมัครงาน   คุณหมอตรวจพบว่า
มีเสียงดัง ฟู่ ๆ  คล้ายจะมีลมรั่วออกมา   จึงบอกให้น้องลองไปเช็คที่โรงพยาบาลอีกทีเพื่อความแน่ใจ  น้องก็เลยไปตรวจตามที่คุณหมอบอก  ผลปรากฏว่าน้องเป็นโรคลิ้นหัวใจรั่วแน่นอน   แต่ด้วยความที่น้องอายุยังน้อยประกอบกับอาการยังไม่มากจึงยังไม่ต้องผ่าตัดค่ะ  แต่ก็ยังไปตรวจดูอาการทุกปี   จนเมื่อ 2 ปี ที่แล้วน้องมีอาการเหนื่อยมากขึ้น  และคุณหมอฟังเสียงแล้วก็บอกว่า  น้องมีเสียงลมออกมาเยอะมากขึ้น  และลิ้นหัวใจหย่อนมากแล้ว   ถึงเวลาที่น้องต้องทำการผ่าตัดเพื่อเปลี่ยนลิ้นหัวใจแล้ว   

คุณหมอจึงให้น้องไปทำการฉีดสีสวนหัวใจ  เพื่อดูว่ามีการตีบของหลอดเลือดหัวใจตรงไหนอีกหรือเปล่า   และดูสภาพกล้ามเนื้อหัวใจ  
และการทำงานของลิ้นหัวใจ   เพื่อจะได้วางแผนการรักษาในครั้งเดียวกันเลย    ผลออกมาว่าของน้องไม่พบการตีบของหลอดเลือด  มีแต่ลิ้นหัวใจที่รั่วรุนแรงอย่างเดียว   ตอนนี้ก็ได้แต่รอคิวเพื่อเข้ารับการผ่าตัดซึ่งคุณหมอบอกว่าอย่างเร็วสุดไม่เกิน 1 เดือน  คุณหมอบอกให้น้องไปจัดการตรวจฟัน  อุดฟัน  
ถอนฟันให้เสร็จเรียบร้อย     

ก่อนวันเข้าผ่าตัดมาพบหมอตามนัด เพื่อเจาะเลือดตรวจความพร้อมระบบต่าง ๆ ของร่างกาย ก็มี X-ray ปอด / ตรวจ EKG หัวใจ
ตรวจไวรัสตับอักเสบ B  ตรวจการทำงานของไต / ตรวจน้ำตาลในเลือด ความสมบูรณ์ของเม็ดเลือด ตรวจวัดเวลาการไหลเวียนของเลือด
ตั้งแต่เลือดไหลจนหยุดไหล ตรวจ HIV  ตรวจกรุ๊ปเลือดเพื่อจองเลือดใช้สำหรับวันผ่าตัด

น้องบอกมี เจาะเลือดที่หู  ไปตรวจด้วยแม่ 


และแล้ววันที่เรารอคอยก็มาถึง  โดยน้องใช้สิทธิ์ประกันสังคมในการผ่าตัด  โรงพยาบาลตามสิทธิ์คือ รพ.บางไผ่  แต่ในการผ่าตัดนั้น
รพ.บางไผ่ได้ทำเรื่องส่งตัวให้ไปรักษาไม่ว่าจะเป็นการฉีดสี และ ผ่าตัด  ที่โรงพยาบาลจุฬารัตน์ 3  

คนไข้ก็คงกลัว ๆ แหละแต่คุณแม่กลัวและกังวลมากกว่าอีก   คุณหมอก็แจ้งก่อนผ่าตัดแล้วว่า  ทุกการผ่าตัดใหญ่ล้วนมีความเสี่ยง


เมื่อเจาะเลือดเสร็จก็ขึ้นห้องพัก   ซึ่งเป็นห้องรวมของผู้ป่วยหัวใจซึ่งน้องก็เคยมานอนแล้วเมื่อครั้งมาฉีดสีสวนหัวใจคราวที่แล้ว  
ความดันของน้องต่ำมาก ๆ  อยู่ที่  89 / 78 เองค่ะ   ทางคุณหมอก็เลยสั่งให้อ๊อกซิเจนน้อง   มีคนไข้มาทำการผ่าตัดเปลี่ยนลิ้นหัวใจ 2 คน (รวมน้อง)    
ก็เลยต้องมานั่งลุ้นกันว่าน้องจะได้ผ่าตัดเป็นคนแรกในช่วงเช้า   หรือผ่าตัดเป็นคนที่สองในช่วงบ่าย    

ผลปรากฏว่าน้องได้ผ่าตัดเป็นคนแรกในช่วงเช้า   เข้าห้องผ่าตัดประมาณ 9 โมงเช้า  ออกมาจากห้องผ่าตัดประมาณ เที่ยง ๆ 
รวม 3 ชั่วโมง   คุณแม่นั่งรออยู่หน้าห้องผ่าตัดหน้าห้อง ICU   ภาพที่เห็นเมื่อน้องออกมาจากห้องผ่าตัดก็คือ   เค้าเข็นน้องออกมาจากห้องผ่าตัด
แล้วเข็นเข้าห้อง ICU  เลยนะคะเร็วมาก ๆ ค่ะ  เอาจริง ๆ คุณแม่ก็ตกใจนะคะ   คุณพยาบาลก็ออกมาบอกว่าน้องปลอดภัยดีแต่ยังไม่ฟื้นเป็นเพราะ
ผลของการดมยา  คุณแม่ก็ได้แต่นั่งรอเวลาน้องฟื้น  และกฏและข้อบังคับของห้อง ICU คือ  ต้องเข้าเยี่ยมตามกำหนดเวลา   นั่นคือเวลา 14.00 น.   

เมื่อเข้าเยี่ยมได้  ภาพที่คุณแม่เห็นก็คือ  น้องก็ใส่ท่อช่วยหายใจ  มีสาย  มีเครื่อง  โน้น นี่  นั่น  และน้องถูกมัดแขนทั้งสองข้าง
ไว้กับเตียง  (เพราะตื่นมาอาจตกใจและดึงสายต่าง ๆ ออก)   น้องนอนหลับตา  คุณแม่จึงเข้าไปเรียก  น้องก็ลืมตา   น้องรู้ตัวดี  มีน้ำตาไหลคงจะเจ็บ
ที่คอ  น้องยังพูดไม่ได้เพราะมีท่ออยู่ที่คอ   เมื่อคุณแม่เห็นน้องรู้สึกตัวดีก็เลยออกมานั่งหน้าห้อง ICU  เพื่อให้น้องได้นอนหลับพักผ่อนจะได้พื้นตัวเร็ว

พอตอน  3  ทุ่ม  คุณพยาบาลถอดท่อที่คอน้องออก   บอกว่าน้องหายใจเองได้ดี   น้องนอนอยู่ในห้อง ICU  1  คืน และได้ย้าย
ขึ้นมาพักฟื้นดูอาการที่หอผู้ป่วยเดิม  งดเฝ้าและเยี่ยมได้ตามเวลานะคะ   จะย้ายไปห้องพิเศษก็ยังไม่ได้   เพราะอาการของน้องต้องดูแลใกล้ชิด
คุณหมอจึงยังไม่อนุญาตให้ย้ายไปห้องพิเศษค่ะ   คงต้องรอดูอาการสัก 2 - 3  วันค่ะ   คุณแม่ก็เลยต้องนอนตรงเก้าอี้ด้านนอกแหละค่ะ  ไม่ได้กลับบ้าน
เพราะเป็นห่วงน้อง  และบ้านเราอยู่ฝั่งธน  จะไป  จะกลับก็ใช้เวลานาน  ก็เลยนอนมันใน รพ.สะดวกและปลอดภัยดี เอาจริง ๆ ก็คือ อยากอยู่ใกล้ ๆ ลูกค่ะ


สองวันแรกจะเจ็บแผลมาก  เพราะจะมีสายอยู่ที่คอ และที่มือ  น้องยังมีไข้  จะหันซ้าย  หันขวา  จะนอนท่าไหนก็ไม่ถนัด   
กินอะไรก็ยังได้ไม่มากนักเพราะน้องกลัวการถ่ายท้อง  คงอายพยาบาล    คุณพยาบาลจะสั่งให้ดูดลูกบอลทุกวัน  เพื่อป้องกันภาวะปอดแฟบ 
ซึ่งมันจะเป็นอันตรายมาก ๆ เลยถ้ามีภาวะปอดแฟบ   ซึ่งน้องก็อดทนมาก ๆ พยายามเป่าตลอด  เอาจริง ๆ มันเหมือนง่ายนะคะ  แต่พอมาป่วย
และต้องผ่าตัดแบบนี้  ดูดขึ้น 1 ลูกนี่ก็เก่งมาก ๆ แล้วล่ะค่ะ

น้องนอนพักฟื้นในห้องผู้ป่วยหัวใจรวม  2  คืน  คุณหมอก็อนุญาตให้น้องย้ายไปพักฟื้นที่ห้องพิเศษได้



อาการโดยรวมก็ไม่น่าห่วงอะไรนะคะ   อยู่ใกล้หมอ  คุณพยาบาลก็เข้ามาดูแลตลอด  ที่เหลือก็แค่ตัวน้องเอง
ร่างกายของน้อง  ที่ต้องพักฟื้น  ให้กลับมาสู่สภาพปกติโดยเร็ว

พอถอดสายที่คอออกก็สะดวกขึ้นมากค่ะ  น้องบอก



ยังคงต้องล้างแผลทุกวัน นะคะ

 ภาพก่อน ผ่าตัด
คุณหมอเก่งมาก ๆ เลยนะคะ  นกฮูกของน้องไม่เบี้ยวเลย  ( หลังผ่าตัด )
  

ตอนนี้ก็ หัดเดิน  แต่อย่าเพิ่งหักโหมนะคะ  ยังมีอาการเจ็บหน้าอกจากแผลผ่าตัด  และยังเหนื่อย ๆ อยู่ค่ะ

อาหารก็ประมาณนี้ค่ะ  เป็นอาหารอ่อน  งดเค็ม  คุณแม่ก็ถ่ายเมนูไว้  เพื่อเอาไว้ทำให้น้องกินเมื่อกลับบ้านค่ะ




ต้องขยันดูดค่ะ  ซึ่งน้องขยันมาก ๆ  น้องดูดขึ้น 3 ลูกเลยนะคะ  แต่น้องซูบไปเยอะ 


ของน้องผ่าตัดโดยการ ผ่าช่องอกนะคะ  แล้วก็เปลี่ยนลิ้นหัวใจเป็นโลหะ  หลังผ่าตัดก็ต้องกินยาละลายลิ่มเลือดไปตลอดชีวิต
ก็ต้องระมัด ระวังตัวเอง  ในเรื่องการกินอาหารที่จะมีผลต่อยา  ระวังอย่าให้เลือดออกเพราะจะหยุดยาก  ก็แค่นั้นอ่ะค่ะ   ซึ่งน้องใช้สิทธิประกันสังคม
ในการรักษาพยาบาล  ซึ่งค่าใช้จ่ายในการผ่าตัดครั้งนี้ประมาณ   380,000.-  บาทซึ่งน้องไม่ต้องจ่าย  จะจ่ายก็แค่ค่าส่วนต่างของห้องพิเศษเท่านั้นค่ะ
ส่วนค่าฉีดสีสวนหัวใจก็ประมาณ  35,000.-  บาท  ก็ไม่เสียค่าใช้จ่ายใด ๆ เลยเพราะไม่ได้นอนห้องพิเศษค่ะ  


น้องนอน รพ. 6  วันค่ะ  แล้วคุณหมอก็ให้กลับมาพักฟื้นที่บ้าน   ข้อควรระวังก็คือ  อย่าเพิ่งทำอะไรที่ใช้แรง  อย่ายกของหนัก  
เพราะภายนอกอาจดูปกติดีทุกอย่าง  แต่ภายในยังไม่หายดีนะคะ  เพราะกระดูกหน้าอกยังไม่เชื่อมติดกันดี  ต้องใช้เวลาสัก 1 - 2 เดือนค่ะ
แต่ยังไงก็ยังทำอะไรไม่ถนัดอยู่ดีแหละค่ะ   เพราะน้องบอกว่ายังเจ็บอยู่มาก  เวลาจะหัน  เวลานอน  ยังเจ็บหน้าอกข้างในอยู่ค่ะ  ส่วนอาการ
อื่น ๆ ก็ไม่มีอะไรน่าห่วงแล้วล่ะค่ะ  กินยาให้ตรงเวลา  มาพบหมอตามนัด  เพื่อเจาะเลือดดูค่าของเลือด  เพื่อปรับลดยาก็ไม่มีอะไรน่ากังวลค่ะ

พอออกจาก รพ.ปุ๊ป  ก็พาน้องมาสระผมที่ร้านเพื่อนของน้องค่ะ  เพราะจะสระเองมันก็ลำบาก



กระทู้นี้ก็อยากมาแบ่งปันประสบการณ์สำหรับญาติผู้ป่วยที่มีคนในครอบครัวต้องผ่าตัดเปลี่ยนลิ้นหัวใจเอาไว้เป็นข้อมูล
ว่ามันไม่ได้น่ากลัวอย่างที่คิดค่ะ  ไม่ต้องกังวลคุณหมอเก่งมาก ๆ ค่ะ  ส่วนเรื่องข้อมูลทางการแพทย์ก็ถาม อากู๋ (Google) นะคะ 

 ตอนนี้น้องกลับมาใช้ชีวิตปกติแล้วแข็งแรงดี  ไปฉีด AZ มาแล้วค่ะ

แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่