คนภูเก็ตได้รับวัคซีนเกิน 70% ของจำนวนประชากรแล้ว ภูเก็ตเตรียมปฏิบัติตามมาตรการที่ ศบค.สธ. กำหนด เช่นการคัดกรอง การรับ นทท.ที่ได้รับวัคซีนครบแล้วอย่างน้อย 14 วัน มีการตรวจหาเชื้อโควิดไม่เกิน 72 ชม. ฯลฯ
นทท. คงทยอยเข้ามาเที่ยวและทำให้เกิดบรรยากาศที่ท่องเที่ยวมีความคึกคักมากขึ้น กิจการร้านค้าน่าจะเริ่มเตรียมสถานที่ เตรียมความพร้อม อาจมีผู้ประกอบการด้านท่องเที่ยวเข้าไปปรับปรุง มีร้านค้า ร้านอาหาร สถานที่ท่องเที่ยว สร้างงานสร้างอาชีพ เป็นแนวทางสำหรับจังหวัดท่องเที่ยวอื่น ๆ ในระยะต่อไป
มาตรการที่สำคัญที่ได้ออกมาคือ นทท. ต้องเที่ยวอยู่ในภูเก็ตเป็นเวลาอย่างน้อย 14 วัน และจะต้องลงแอปฯ "หมอชนะ" ตลอดเวลาที่เที่ยวในภูเก็ต
ที่ต้องเพิ่มเติมคือ
1. แม้จะได้รับวัคซีนครบถ้วนแล้ว รวมถึงมีการคัดกรอง นทท. อย่างดี แต่โอกาสมีการติดเชื้อก็อาจเกิดขึ้นได้ ซึ่งอาจเกิดจาก นทท.ในประเทศหรือจาก ตปท.ก็ได้ จึงต้องปฏิบัติตัวตาม DMHTT อย่างเคร่งครัดต่อไป
2. พนักงานที่ทำงานที่เกี่ยวข้องในระยะแรกควรเน้นให้เป็นผู้ได้รับวัคซีนครบแล้วอย่างน้อย 14 วันเช่นกัน ผู้ที่เพิ่งได้รับวัคซีน AZ ไม่ถึงสามสัปดาห์หรือกรณีที่ฉีดซิโนแวกยังไม่ครบสองเข็มควรต้องเตรียมพร้อมสำหรับผลัดต่อ ๆ ไป เช่น กลางเดือน ก.ค.
3. หมั่นดูแลปฏิบัติตามมาตรการอนามัยส่วนบุคคล หมั่นสังเกตอาการ หากพบว่ามีอาการเข้าข่ายการติดเชื้อให้พักรักษาตัวและให้พนักงานคนอื่นทำงานแทน
4. หากเป็นร้านค้า พบว่ามีพนักงานที่เข้าข่ายการติดเชื้อ ก็ให้ปิดร้าน รักษาตัวให้หาย 1-2 วัน ปล่อยให้ร้านอื่นขายอาหาร ขายสินค้าไป ร้านไหนที่ปิดก็ส่งข้าวส่งน้ำให้ ลดความเสี่ยงได้อีกทาง
5. อาจแบ่งการทำงานเป็นผลัดหรือกะ เช่น ทำงาน 5 วัน หยุด 2 วัน หรือทำงาน 3 วัน หยุด 1 วัน ให้ร่างกายได้พักบ้าง มีภูมิต้านทานโควิดแล้วหากได้รับเชื้อ
6. มีการสุ่มตรวจพนักงานเป็นระยะ เช่น รายสัปดาห์
7. การเตรียมความพร้อมด้านต่าง ๆ มีการตระเตรียมไว้เกือบหมดแล้ว รวมถึงความพร้อมของ รพ.ที่จะดูแลหากพบว่ามีผู้ติดเชื้อจาก นทท. เป็นต้น
8. หมั่นตรวจตรา สอดส่อง ในพื้นที่ (ซึ่งพื้นที่เป็นเกาะ การควบคุมจะทำได้ง่ายกว่าจังหวัดอื่น ๆ) และพฤติกรรม นทท. ดูแลตรวจเช็คสัมภาระ ทำให้เกิดสุขอนามัยที่ดีต่อ นทท. และการใช้พื้นที่ส่วนกลางแบบนิวนอร์มอลที่ดีตลอดเวลา
อย่างไรก็ตาม หากตัวเลขผู้ติดเชื้ออยู่ในระดับไม่เกินวันละ 10-20 ราย คงไม่น่ากังวลอะไร และถือว่าประสบความสำเร็จในการฉีดวัคซีนสร้างภูมิคุ้มกันหมู่ ปัจจุบันภูเก็ตมีผู้ติดเชื้อรายวันต่ำมากที่เฉลี่ย 1-2 รายต่อวัน
ลุ้นให้การท่องเที่ยวที่ปลอดภัยจากโควิดเกิดขึ้น และภูมิคุ้มกันหมู่เกิดขึ้นในพื้นที่จังหวัดอื่น ๆ เช่น กทม. สุราษฎร์ เชียงใหม่ ชลบุรี ฯลฯ หากพื้นที่อื่นเกิดข้อจำกัดเรื่องการฉีดวัคซีน เราอาจจะต้องใช้พื้นที่อย่างภูเก็ต เกาะสมุย เป็นจุดเริ่มต้นของการเดินทางเข้ามาท่องเที่ยวประเทศไทยไปอีกระยะหนึ่ง
ขอบคุณครับ
ไทยจะเปิดรับ นทท. ในจังหวัดท่องเที่ยวเริ่มที่ Phuket Sandbox วันที่ 1 ก.ค. นี้ ใครมีความเห็น มีมาตรการเพิ่มเติมแนะนำบ้าง
นทท. คงทยอยเข้ามาเที่ยวและทำให้เกิดบรรยากาศที่ท่องเที่ยวมีความคึกคักมากขึ้น กิจการร้านค้าน่าจะเริ่มเตรียมสถานที่ เตรียมความพร้อม อาจมีผู้ประกอบการด้านท่องเที่ยวเข้าไปปรับปรุง มีร้านค้า ร้านอาหาร สถานที่ท่องเที่ยว สร้างงานสร้างอาชีพ เป็นแนวทางสำหรับจังหวัดท่องเที่ยวอื่น ๆ ในระยะต่อไป
มาตรการที่สำคัญที่ได้ออกมาคือ นทท. ต้องเที่ยวอยู่ในภูเก็ตเป็นเวลาอย่างน้อย 14 วัน และจะต้องลงแอปฯ "หมอชนะ" ตลอดเวลาที่เที่ยวในภูเก็ต
ที่ต้องเพิ่มเติมคือ
1. แม้จะได้รับวัคซีนครบถ้วนแล้ว รวมถึงมีการคัดกรอง นทท. อย่างดี แต่โอกาสมีการติดเชื้อก็อาจเกิดขึ้นได้ ซึ่งอาจเกิดจาก นทท.ในประเทศหรือจาก ตปท.ก็ได้ จึงต้องปฏิบัติตัวตาม DMHTT อย่างเคร่งครัดต่อไป
2. พนักงานที่ทำงานที่เกี่ยวข้องในระยะแรกควรเน้นให้เป็นผู้ได้รับวัคซีนครบแล้วอย่างน้อย 14 วันเช่นกัน ผู้ที่เพิ่งได้รับวัคซีน AZ ไม่ถึงสามสัปดาห์หรือกรณีที่ฉีดซิโนแวกยังไม่ครบสองเข็มควรต้องเตรียมพร้อมสำหรับผลัดต่อ ๆ ไป เช่น กลางเดือน ก.ค.
3. หมั่นดูแลปฏิบัติตามมาตรการอนามัยส่วนบุคคล หมั่นสังเกตอาการ หากพบว่ามีอาการเข้าข่ายการติดเชื้อให้พักรักษาตัวและให้พนักงานคนอื่นทำงานแทน
4. หากเป็นร้านค้า พบว่ามีพนักงานที่เข้าข่ายการติดเชื้อ ก็ให้ปิดร้าน รักษาตัวให้หาย 1-2 วัน ปล่อยให้ร้านอื่นขายอาหาร ขายสินค้าไป ร้านไหนที่ปิดก็ส่งข้าวส่งน้ำให้ ลดความเสี่ยงได้อีกทาง
5. อาจแบ่งการทำงานเป็นผลัดหรือกะ เช่น ทำงาน 5 วัน หยุด 2 วัน หรือทำงาน 3 วัน หยุด 1 วัน ให้ร่างกายได้พักบ้าง มีภูมิต้านทานโควิดแล้วหากได้รับเชื้อ
6. มีการสุ่มตรวจพนักงานเป็นระยะ เช่น รายสัปดาห์
7. การเตรียมความพร้อมด้านต่าง ๆ มีการตระเตรียมไว้เกือบหมดแล้ว รวมถึงความพร้อมของ รพ.ที่จะดูแลหากพบว่ามีผู้ติดเชื้อจาก นทท. เป็นต้น
8. หมั่นตรวจตรา สอดส่อง ในพื้นที่ (ซึ่งพื้นที่เป็นเกาะ การควบคุมจะทำได้ง่ายกว่าจังหวัดอื่น ๆ) และพฤติกรรม นทท. ดูแลตรวจเช็คสัมภาระ ทำให้เกิดสุขอนามัยที่ดีต่อ นทท. และการใช้พื้นที่ส่วนกลางแบบนิวนอร์มอลที่ดีตลอดเวลา
อย่างไรก็ตาม หากตัวเลขผู้ติดเชื้ออยู่ในระดับไม่เกินวันละ 10-20 ราย คงไม่น่ากังวลอะไร และถือว่าประสบความสำเร็จในการฉีดวัคซีนสร้างภูมิคุ้มกันหมู่ ปัจจุบันภูเก็ตมีผู้ติดเชื้อรายวันต่ำมากที่เฉลี่ย 1-2 รายต่อวัน
ลุ้นให้การท่องเที่ยวที่ปลอดภัยจากโควิดเกิดขึ้น และภูมิคุ้มกันหมู่เกิดขึ้นในพื้นที่จังหวัดอื่น ๆ เช่น กทม. สุราษฎร์ เชียงใหม่ ชลบุรี ฯลฯ หากพื้นที่อื่นเกิดข้อจำกัดเรื่องการฉีดวัคซีน เราอาจจะต้องใช้พื้นที่อย่างภูเก็ต เกาะสมุย เป็นจุดเริ่มต้นของการเดินทางเข้ามาท่องเที่ยวประเทศไทยไปอีกระยะหนึ่ง
ขอบคุณครับ