สืบเนื่องจากกระทู้เกี่ยวกับการสารภาพรักครับ
เลยอยากโพสกระทู้นี้เพื่อระลึกถึงเหตุการณ์ตอนนั้นไว้เผื่อกลับมาอ่านอีกรอบ เพราะใจนึงก็กลัวว่าผมจะลืมเลือนเรื่องราวนี้ไปหากเวลามันผ่านไปเรื่อยๆ
ระหว่างที่พิมพ์ก็รู้สึกดีครับที่ได้นึกย้อนเวลาไปด้วย
ผมเคยไปเรียนภาษาที่ออสเตรเลีย ตอนนั้นเรียนที่ tafe พอมีช่วงเวลาว่างก็เริ่มหางานเพื่อช่วยค่าใช้จ่าย งานหายากมากเลยครับหาอยู่เกือบ2เดือน เงินกินข้าวเริ่มไม่มีแล้ว จนไปเจอร้านนวดไทยใน central market ปกติจะเดินผ่านร้านนี้บ่อย เลยไปของานเค้าดูครับ ปรากฎว่าพี่เค้าใจดีมากๆ ช่วยสอนและก็ให้เริ่มทำงานที่ร้าน เลยได้เป็นหมอนวดตั้งแต่ตอนนั้น
หลังจากทำงานได้ 1เดือน พี่ที่ร้านก็บอกว่าวันนี้มีสาวสวยคนญี่ปุ่นมาสมัครงาน พอได้ยินประโยคนี้ด้วยความเป็นหนุ่มโสด ยอมรับครับว่าดีใจสุดๆ
ตั้งหน้าตั้งตารอเต็มที่
จนวันที่เจอเธอครั้งแรก เธอพาแฟนมาด้วย (แห้วสนิท) แต่เธอสวยจริงๆ หน้าตาคล้าย minami hamabe 555
ทุกวันที่ไปทำงานมีความสุขมากๆ
เธอเป็นคนทัศนคติดี ปรึกษาได้ทุกเรื่อง เธออายุมากกว่าผม2ปี ตอนนั้นผม27 เธอ29 ส่วนพี่ที่ร้านส่วนใหญ่จะ30ขึ้น เราเลยค่อนข้างสนิทกัน
อาชีพนวดไทยในมุมผม ผมรู้สึกว่าตัวเองมีคุณค่ามากๆ เวลานวดผมจะรู้สึกเหมือนตัวเองทำสมาธิไปด้วย และทำไห้ลูกค้ารู้สึกดีไปด้วย
ส่วนเวลาว่างเราก็จะผลัดกันนวดครับ
มีอยู่ครั้งหนึ่งที่ลูกค้าเป็นผู้ชายร่างใหญ่ เค้าขอหมอนวดผู้หญิงครับ แต่เธอบอกกับผมว่า ปวดมือแล้ว ผมนวดมือเธออยู่10นาที เป็น10นาทีที่อยากให้หยุดเวลาไว้มากๆเลยครับ
ด้วยความที่เตียงนวดจะมีแค่ม่านปิด
เวลาผมเดินผ่านห้องที่เธอนวด ผมก็จะทำท่า fighting!! แบบในหนังเกาหลีให้เธอประจำ
ความฝันของเธอคืออยากเปิดร้านนวดที่ญี่ปุ่น เธอเคยมานวดไหล่ให้ แล้วถามว่าถ้าชั้นเปิดร้านมาทำงานให้ชั้นได้ไหม? ผมไม่รู้หรอกว่าเธอพูดเล่นรึเปล่า แต่ว่า...
ตอนนั้นความฝันของเธอกลายเป็นความฝันของผมไปแล้ว..
พี่ที่ร้านนวดมักจะแซวเธอว่าผมชอบเธอนะ เพราะปกติผมจะแอบชมเธอเป็นภาษาไทยตลอด วันไหนเธอไม่มาผมจะเงียบมาก ซึมเศร้าทั้งวัน
จนเธอเคยถามผมว่าเรื่องจริงไหมที่ผมชอบเธอ ผมตอบไปว่า เค้าล้อกันเล่น.. เพราะตอนนั้นเธอก็มีแฟนอยู่แล้วครับ
พอใกล้ถึงวันเกิดเธอ ผมวางแผน เขียนจดหมายรักให้เธอ โดยให้เพื่อนคนปาเลสไตน์ แปลเป็นภาษาฮิบรูให้
เธอได้รับจดหมายนั้น แต่เธอก็ไม่รุ้ความหมายของมันจริงๆแหละ555 ขนาดพี่ที่ร้านนวดยังไม่รู้เลย แต่สุดท้ายเธอก็เก็บมันไว้นะครับ
เรื่องราวผ่านมาจนเดือนสุดท้ายของปีตอนนั้นวีซ่าผมไกล้หมดแล้ว ผมสามารถกลับไปที่ไทยแล้วกลับมาใหม่อีกทีก็ได้แต่.. ตอนนั้นผมมองว่าผมอกหักแล้วครับความสัมพันธ์ของเธอกับแฟนก็ไม่มีวี่แววว่าจะเลิกกัน ส่วนกับผม ผมเดาว่าเธอคงมองผมเป็นแค่น้องคนนึง หรือแค่เพื่อนร่วมงานเท่านั้น ประกอบกับเพื่อนอีกคนชวนผมไปเมกาแทน ผมโอเคในแผนที่จะไปหาความท้าทายใหม่ที่นั่นมากกว่า
จนสุดท้ายผมกลับไทย ก็ได้ข่าวเธอเลิกกับแฟน(คนเกาหลี) และมีเธอมีแพลนที่จะมาเรียนนวดที่ไทย2อาทิตย์ ช่วงเดือน พ.ค.
ผมเลยเลื่อนการขอวีซ่าไปเมกาไปก่อนและหางานทำที่ไทย รอการมาของเธอ
ผมดีใจสุดๆ คิดว่านี่แหละโอกาสทองของเราแล้ว
สุดท้ายก่อนเธอจะบินมา1เดือน ในเฟสบุคขึ้นว่าเธอมีแฟนใหม่แล้ว (เป็นลูกค้าที่ร้านนวดเคยเจอประจำแต่ไม่คิดว่าจะเป็นคนนี้ไปได้เพราะไม่มีวี่แววเลย)
ผมเคว้งสุดๆ แต่ก็ได้แต่ทำใจได้ เพราะที่ผ่านมาเราก็ชอบเค้าข้างเดียวมาตั้งนานแล้ว
จนถึงช่วงที่เธอมาไทย(มาคนเดียว) เธอแพลนเรียนนวด1อาทิตย์และเที่ยว1อาทิตย์ นี่คือช่วงเวลา2อาทิตย์ที่ผมจะได้อยู่กับเธออีกครั้ง
เธอพักอยู่กับพี่ที่เคยทำร้านนวดด้วยกัน แต่ผมจะเป็นคนไปรับไปส่งเธอ เรียกว่า พอเธอเรียนนวดเสร็จ ผมพาเธอเที่ยวกรุงเทพ หลายครั้งที่แฟนเธอจะวิดีโอคอลมาหาช่วงค่ำ เหมือนคอยเตือนสติผมว่า เธอมีเจ้าของแล้ว...
ช่วงนั้นเหมือนเป็นแฟนกันเลย ผมจอดรถที่สถานีรถไฟฟ้าลาดพร้าว แล้วนั่งรถไฟฟ้าไปรับเธอที่ สถานีพร้อมพงษ์ แล้วก็กลับด้วยกัน
วันนึงหลังจากรับเธอที่โรงเรียนแถวพร้อมพงษ์ เรานั่งกินกาแฟด้วยกัน เธอถามผมเหมือนเดิมว่า เรื่องที่ผมชอบเธอตกลงเป็นเรื่องจริงไหม...
ผมเงียบไปประมาณ30วิ แล้วก็ตอบเธอไปแบบเดิมว่าเรื่องล้อเล่น แต่คราวนี้เธอเงียบไปเหมือนกันก่อนจะตอบผมว่า "You're so complicated"
ช่วง3วันสุดท้าย เธอย้ายออกมาพักที่โรงแรมนาซ่าเวกัส ตรงรามคำแหงเพราะจะมาพักกับพี่อีกคนนึงที่ตามมาจากออส (พี่คนนี้เป็นคนสอนทั้งเธอและผม เรื่องนวดไทยเลยสนิทกัน)
คืนวันสุดท้ายก่อนกลับ ผมขับรถกลับโรงแรมเพื่อส่งเธอ ระหว่างทางก็คุยเรื่องอนาคตหลายเรื่องแบบจริงจัง เช่นเรื่องผมอยากไปทำงานนวดที่เมกา ส่วนเธอบ่นเรื่องแฟนเธอเป็นผู้ชายไม่เอาอ่าว ต้องขอบคุณการจราจรที่กรุงเทพ ทำไห้ผมได้มีช่วงเวลานี้ยาวนานขึ้น
พอรถจอดที่โรงแรมผมรู้ดีว่าเวลาดีๆเหล่านี้มันจะจบลงแล้ว ผมดูดบุหรี่ระหว่างเดินไปส่งเธอ พอถึงที่หน้าล็อบบี้ ผมขอตัวไปเข้าห้องน้ำ ตอนนั้นทำใจแล้วว่าแค่นี้แหละ
พอผมออกมาร่ำลาเธอ เธอกลับบอกผมว่า " i think u should take more ciggarete"
ผมเลยหยิบบุหรี่มาดูดอีกตัว นั่งคุยกับเธอตรงบันไดหน้าโรงแรม
เธอบอกว่าช่วงนี้เธอนอนไม่รับเลย เพราะว่าในหัวคิดแต่เรื่องผม เธอชอบผม... Oh my god!!
ความรู้สึกตอนนั้นบรรยายออกมาไม่ถูก ความอัดอั้นอันยาวนานระเบิดออกหมด ผมสารภาพเธอกลับไปว่า ผมเริ่มชอบเธอตั้งแต่เมื่อไหร่ พุ่งนี้ผมจะเฉลยคำแปลในจดหมายที่ผมให้ตอนวันเกิดเธอ เธอชวนผมให้พักที่โรงแรมคืนนั้น ไม่รู้ทำไมผมปฏิเสธเธอไป เรากอดร่ำรากันคืนนั้นโดยไม่มีอะไรเกินเลยมากไปกว่านี้
รุ่งเช้าผมก็โพสความหมายของจดหมายนั้นขึ้นเป็นภาษาอังกฤษ เราไปเที่ยวกันทั้งวันโดยมีพี่อีกคนอยู่ด้วย เราไม่ได้แสดงออกว่าเรารักกัน ระหว่างวันเราแวะพักนวดเท้าที่ร้านแถวทองหล่อ ระหว่างที่เรานั่งนวดเท้าข้างๆกัน ผมเอื้อมมือไปจับมือเธอ ช่วงเวลานั้นอาจจะแค่แปปเดียวที่ผมรู้สึกว่าเราเป็นแฟนกัน ผมมีความสุขเหลือเกิน แต่มันใกล้จบลงแล้ว เครื่องเธอกำลังจะออกประมาณ 2ทุ่มนี้แล้ว ผมอยากหยุดเวลานี้ไว้เหลือเกินถ้าผมมีอำนาจนั้น
ผมกับพี่อีกคนขับรถมาส่งเธอที่สนามบิน ผมกอดร่ำลาเธอที่ร้องให้อยู่ มองเธอที่เดินเข้าเกตไปลับตา ผมทำใจไว้แล้ว สำหรับผมแค่นี้ก็มากกว่าที่หวังไว้เยอะมากๆแล้ว
ระหว่างขับรถไปส่งพี่กลับโรงแรม พี่เค้าถามว่าเป็นยังไงบ้างระหว่างผมกับเธอ จริงพี่เค้ารู้มาตลอดว่าผมชอบเธอเพราะผมจะพร่ำเพ้อตลอดตอนอยู่ที่ร้าน
ผมเล่าเรื่องทั้งหมดและ ความหมายของจดหมายอันนั้นซึ่งพี่คนนี้ก็ไม่รู้ความหมายเพราะมันเป็นภาษาฮิบรู
พี่เค้าเล่าว่า ตอนเช้าหลังจากที่ผมโพสเฟสไปเกี่ยวกับจดหมาย พี่เค้าเห็นเธอนั่งร้องให้อยู่ยังสงสัยอยู่เลย พอมาตอนนี้พี่เค้ารู้แล้วว่าทำไมเธอถึงร้องให้
เรื่องราวก็จบลงเท่านี้ครับ ตอนนี้เธอแต่งงานมีครอบครัวมีลูกสาวที่น่ารัก
ผมอยากบอกเธอเหลือเกินว่าผมมีความสุขเสมอเมื่อเห็นเธอมีความสุขแม้ผมจะไม่ได้เป็นผู้ชายคนนั้นก็ตาม และผมก็เสียใจเสมอเมื่อเธอมีความทุกข์ ขอบคุณสำหรับเรื่องราวที่สุดยอดนี้...
แอบรัก.. จนถูกสารภาพรัก
เลยอยากโพสกระทู้นี้เพื่อระลึกถึงเหตุการณ์ตอนนั้นไว้เผื่อกลับมาอ่านอีกรอบ เพราะใจนึงก็กลัวว่าผมจะลืมเลือนเรื่องราวนี้ไปหากเวลามันผ่านไปเรื่อยๆ
ระหว่างที่พิมพ์ก็รู้สึกดีครับที่ได้นึกย้อนเวลาไปด้วย
ผมเคยไปเรียนภาษาที่ออสเตรเลีย ตอนนั้นเรียนที่ tafe พอมีช่วงเวลาว่างก็เริ่มหางานเพื่อช่วยค่าใช้จ่าย งานหายากมากเลยครับหาอยู่เกือบ2เดือน เงินกินข้าวเริ่มไม่มีแล้ว จนไปเจอร้านนวดไทยใน central market ปกติจะเดินผ่านร้านนี้บ่อย เลยไปของานเค้าดูครับ ปรากฎว่าพี่เค้าใจดีมากๆ ช่วยสอนและก็ให้เริ่มทำงานที่ร้าน เลยได้เป็นหมอนวดตั้งแต่ตอนนั้น
หลังจากทำงานได้ 1เดือน พี่ที่ร้านก็บอกว่าวันนี้มีสาวสวยคนญี่ปุ่นมาสมัครงาน พอได้ยินประโยคนี้ด้วยความเป็นหนุ่มโสด ยอมรับครับว่าดีใจสุดๆ
ตั้งหน้าตั้งตารอเต็มที่
จนวันที่เจอเธอครั้งแรก เธอพาแฟนมาด้วย (แห้วสนิท) แต่เธอสวยจริงๆ หน้าตาคล้าย minami hamabe 555
ทุกวันที่ไปทำงานมีความสุขมากๆ
เธอเป็นคนทัศนคติดี ปรึกษาได้ทุกเรื่อง เธออายุมากกว่าผม2ปี ตอนนั้นผม27 เธอ29 ส่วนพี่ที่ร้านส่วนใหญ่จะ30ขึ้น เราเลยค่อนข้างสนิทกัน
อาชีพนวดไทยในมุมผม ผมรู้สึกว่าตัวเองมีคุณค่ามากๆ เวลานวดผมจะรู้สึกเหมือนตัวเองทำสมาธิไปด้วย และทำไห้ลูกค้ารู้สึกดีไปด้วย
ส่วนเวลาว่างเราก็จะผลัดกันนวดครับ
มีอยู่ครั้งหนึ่งที่ลูกค้าเป็นผู้ชายร่างใหญ่ เค้าขอหมอนวดผู้หญิงครับ แต่เธอบอกกับผมว่า ปวดมือแล้ว ผมนวดมือเธออยู่10นาที เป็น10นาทีที่อยากให้หยุดเวลาไว้มากๆเลยครับ
ด้วยความที่เตียงนวดจะมีแค่ม่านปิด
เวลาผมเดินผ่านห้องที่เธอนวด ผมก็จะทำท่า fighting!! แบบในหนังเกาหลีให้เธอประจำ
ความฝันของเธอคืออยากเปิดร้านนวดที่ญี่ปุ่น เธอเคยมานวดไหล่ให้ แล้วถามว่าถ้าชั้นเปิดร้านมาทำงานให้ชั้นได้ไหม? ผมไม่รู้หรอกว่าเธอพูดเล่นรึเปล่า แต่ว่า...
ตอนนั้นความฝันของเธอกลายเป็นความฝันของผมไปแล้ว..
พี่ที่ร้านนวดมักจะแซวเธอว่าผมชอบเธอนะ เพราะปกติผมจะแอบชมเธอเป็นภาษาไทยตลอด วันไหนเธอไม่มาผมจะเงียบมาก ซึมเศร้าทั้งวัน
จนเธอเคยถามผมว่าเรื่องจริงไหมที่ผมชอบเธอ ผมตอบไปว่า เค้าล้อกันเล่น.. เพราะตอนนั้นเธอก็มีแฟนอยู่แล้วครับ
พอใกล้ถึงวันเกิดเธอ ผมวางแผน เขียนจดหมายรักให้เธอ โดยให้เพื่อนคนปาเลสไตน์ แปลเป็นภาษาฮิบรูให้
เธอได้รับจดหมายนั้น แต่เธอก็ไม่รุ้ความหมายของมันจริงๆแหละ555 ขนาดพี่ที่ร้านนวดยังไม่รู้เลย แต่สุดท้ายเธอก็เก็บมันไว้นะครับ
เรื่องราวผ่านมาจนเดือนสุดท้ายของปีตอนนั้นวีซ่าผมไกล้หมดแล้ว ผมสามารถกลับไปที่ไทยแล้วกลับมาใหม่อีกทีก็ได้แต่.. ตอนนั้นผมมองว่าผมอกหักแล้วครับความสัมพันธ์ของเธอกับแฟนก็ไม่มีวี่แววว่าจะเลิกกัน ส่วนกับผม ผมเดาว่าเธอคงมองผมเป็นแค่น้องคนนึง หรือแค่เพื่อนร่วมงานเท่านั้น ประกอบกับเพื่อนอีกคนชวนผมไปเมกาแทน ผมโอเคในแผนที่จะไปหาความท้าทายใหม่ที่นั่นมากกว่า
จนสุดท้ายผมกลับไทย ก็ได้ข่าวเธอเลิกกับแฟน(คนเกาหลี) และมีเธอมีแพลนที่จะมาเรียนนวดที่ไทย2อาทิตย์ ช่วงเดือน พ.ค.
ผมเลยเลื่อนการขอวีซ่าไปเมกาไปก่อนและหางานทำที่ไทย รอการมาของเธอ
ผมดีใจสุดๆ คิดว่านี่แหละโอกาสทองของเราแล้ว
สุดท้ายก่อนเธอจะบินมา1เดือน ในเฟสบุคขึ้นว่าเธอมีแฟนใหม่แล้ว (เป็นลูกค้าที่ร้านนวดเคยเจอประจำแต่ไม่คิดว่าจะเป็นคนนี้ไปได้เพราะไม่มีวี่แววเลย)
ผมเคว้งสุดๆ แต่ก็ได้แต่ทำใจได้ เพราะที่ผ่านมาเราก็ชอบเค้าข้างเดียวมาตั้งนานแล้ว
จนถึงช่วงที่เธอมาไทย(มาคนเดียว) เธอแพลนเรียนนวด1อาทิตย์และเที่ยว1อาทิตย์ นี่คือช่วงเวลา2อาทิตย์ที่ผมจะได้อยู่กับเธออีกครั้ง
เธอพักอยู่กับพี่ที่เคยทำร้านนวดด้วยกัน แต่ผมจะเป็นคนไปรับไปส่งเธอ เรียกว่า พอเธอเรียนนวดเสร็จ ผมพาเธอเที่ยวกรุงเทพ หลายครั้งที่แฟนเธอจะวิดีโอคอลมาหาช่วงค่ำ เหมือนคอยเตือนสติผมว่า เธอมีเจ้าของแล้ว...
ช่วงนั้นเหมือนเป็นแฟนกันเลย ผมจอดรถที่สถานีรถไฟฟ้าลาดพร้าว แล้วนั่งรถไฟฟ้าไปรับเธอที่ สถานีพร้อมพงษ์ แล้วก็กลับด้วยกัน
วันนึงหลังจากรับเธอที่โรงเรียนแถวพร้อมพงษ์ เรานั่งกินกาแฟด้วยกัน เธอถามผมเหมือนเดิมว่า เรื่องที่ผมชอบเธอตกลงเป็นเรื่องจริงไหม...
ผมเงียบไปประมาณ30วิ แล้วก็ตอบเธอไปแบบเดิมว่าเรื่องล้อเล่น แต่คราวนี้เธอเงียบไปเหมือนกันก่อนจะตอบผมว่า "You're so complicated"
ช่วง3วันสุดท้าย เธอย้ายออกมาพักที่โรงแรมนาซ่าเวกัส ตรงรามคำแหงเพราะจะมาพักกับพี่อีกคนนึงที่ตามมาจากออส (พี่คนนี้เป็นคนสอนทั้งเธอและผม เรื่องนวดไทยเลยสนิทกัน)
คืนวันสุดท้ายก่อนกลับ ผมขับรถกลับโรงแรมเพื่อส่งเธอ ระหว่างทางก็คุยเรื่องอนาคตหลายเรื่องแบบจริงจัง เช่นเรื่องผมอยากไปทำงานนวดที่เมกา ส่วนเธอบ่นเรื่องแฟนเธอเป็นผู้ชายไม่เอาอ่าว ต้องขอบคุณการจราจรที่กรุงเทพ ทำไห้ผมได้มีช่วงเวลานี้ยาวนานขึ้น
พอรถจอดที่โรงแรมผมรู้ดีว่าเวลาดีๆเหล่านี้มันจะจบลงแล้ว ผมดูดบุหรี่ระหว่างเดินไปส่งเธอ พอถึงที่หน้าล็อบบี้ ผมขอตัวไปเข้าห้องน้ำ ตอนนั้นทำใจแล้วว่าแค่นี้แหละ
พอผมออกมาร่ำลาเธอ เธอกลับบอกผมว่า " i think u should take more ciggarete"
ผมเลยหยิบบุหรี่มาดูดอีกตัว นั่งคุยกับเธอตรงบันไดหน้าโรงแรม
เธอบอกว่าช่วงนี้เธอนอนไม่รับเลย เพราะว่าในหัวคิดแต่เรื่องผม เธอชอบผม... Oh my god!!
ความรู้สึกตอนนั้นบรรยายออกมาไม่ถูก ความอัดอั้นอันยาวนานระเบิดออกหมด ผมสารภาพเธอกลับไปว่า ผมเริ่มชอบเธอตั้งแต่เมื่อไหร่ พุ่งนี้ผมจะเฉลยคำแปลในจดหมายที่ผมให้ตอนวันเกิดเธอ เธอชวนผมให้พักที่โรงแรมคืนนั้น ไม่รู้ทำไมผมปฏิเสธเธอไป เรากอดร่ำรากันคืนนั้นโดยไม่มีอะไรเกินเลยมากไปกว่านี้
รุ่งเช้าผมก็โพสความหมายของจดหมายนั้นขึ้นเป็นภาษาอังกฤษ เราไปเที่ยวกันทั้งวันโดยมีพี่อีกคนอยู่ด้วย เราไม่ได้แสดงออกว่าเรารักกัน ระหว่างวันเราแวะพักนวดเท้าที่ร้านแถวทองหล่อ ระหว่างที่เรานั่งนวดเท้าข้างๆกัน ผมเอื้อมมือไปจับมือเธอ ช่วงเวลานั้นอาจจะแค่แปปเดียวที่ผมรู้สึกว่าเราเป็นแฟนกัน ผมมีความสุขเหลือเกิน แต่มันใกล้จบลงแล้ว เครื่องเธอกำลังจะออกประมาณ 2ทุ่มนี้แล้ว ผมอยากหยุดเวลานี้ไว้เหลือเกินถ้าผมมีอำนาจนั้น
ผมกับพี่อีกคนขับรถมาส่งเธอที่สนามบิน ผมกอดร่ำลาเธอที่ร้องให้อยู่ มองเธอที่เดินเข้าเกตไปลับตา ผมทำใจไว้แล้ว สำหรับผมแค่นี้ก็มากกว่าที่หวังไว้เยอะมากๆแล้ว
ระหว่างขับรถไปส่งพี่กลับโรงแรม พี่เค้าถามว่าเป็นยังไงบ้างระหว่างผมกับเธอ จริงพี่เค้ารู้มาตลอดว่าผมชอบเธอเพราะผมจะพร่ำเพ้อตลอดตอนอยู่ที่ร้าน
ผมเล่าเรื่องทั้งหมดและ ความหมายของจดหมายอันนั้นซึ่งพี่คนนี้ก็ไม่รู้ความหมายเพราะมันเป็นภาษาฮิบรู
พี่เค้าเล่าว่า ตอนเช้าหลังจากที่ผมโพสเฟสไปเกี่ยวกับจดหมาย พี่เค้าเห็นเธอนั่งร้องให้อยู่ยังสงสัยอยู่เลย พอมาตอนนี้พี่เค้ารู้แล้วว่าทำไมเธอถึงร้องให้
เรื่องราวก็จบลงเท่านี้ครับ ตอนนี้เธอแต่งงานมีครอบครัวมีลูกสาวที่น่ารัก
ผมอยากบอกเธอเหลือเกินว่าผมมีความสุขเสมอเมื่อเห็นเธอมีความสุขแม้ผมจะไม่ได้เป็นผู้ชายคนนั้นก็ตาม และผมก็เสียใจเสมอเมื่อเธอมีความทุกข์ ขอบคุณสำหรับเรื่องราวที่สุดยอดนี้...