สารานุกรมปืนตอนที่ 609 FN FAL อาวุธที่แท้จริงแห่งโลกเสรี ตอนแรก

"ขอขอบคุณเพจ ป ปืนอย่างสูงครับ"
 
https://www.facebook.com/Porpeunbybaster/

อาวุธที่แท้จริงแห่งโลกเสรี



FN FAL มันเป็นปืน ที่ได้รับการยอมรับแบบแรกๆ ในแบบ Battle rifle ปืนเล็กยาวประจัญบาน (ซึ่งจริงๆ Battle rifle เขามักจะแปลว่า ปืนเล็กยาวต่อสู้ แต่มันฟังดูไม่อิน ) ขนาด 7.62X51 mm NATO ใช้งานมาตั้งแต่ปี 1954 จนถึงทุกวันนี้ 63 ปี
ต้นกำเนิดของ FAL ใน Fabrique Nationale's เริ่มงานจาก แบบ SAFN/Modele 49 self-loading, semi-automatic rifle ออกแบบในช่วง สงครามโลกครั้งที่ 2 (1939-1945) แต่กว่าจะได้ผลิตออกมาใช้งานก็ปาเข้าไปถึงปี 1949 เพราะเบลเยี่ยมถูกยึดครองโดย นาซีเยอรมัน ถึงแม้ว่าชื่อเสียงของมันได้รับการยอมรับในประสิทธิภาพและการใช้กับกระสุนหลายขนาด แต่มันก็มีราคาแพง และมีการใช้งานไม่มากเพราะการเข้ามาของอาวุธของอังกฤษ,อเมริกันและโซเวียต ที่ใช้ทำสงครามกันมาจากช่วงสงครามโลกครั้งที่2







การออกแบบสิ่งที่จะกลายเป็น FAL นั้น ปืนตัวต้นแบบเริ่มมีการออกแบบกันในปี 1946 ปืนตัวต้นแบบนั้นใช้กระสุน German 7.92x33mm Kurz ("short") ที่มีการใช้ในกองทัพเยอรมันกับปืน Stg.44 ซึ่งใช้งานร่วมกันได้ดี ในสงครามโลกครั้งที่2 ปืนต้นแบบในปี1947 ใช้ชื่อว่า FN prototype No.1 และต่อมามีการพัฒนาตัวที่เรียกว่า FAL Universal Carbine Gun Lab, version ที่ใช้ซองกระสุนของ Stg.44 ซึ่งแบบนี้มีหน้าตาไกลเคียง FAL เข้ามาอีก (ซึ่งก็คือปืนทดลองในห้องทดลองต้นแบบนั้นแหล่ะ ชื่อนี้นักสะสมใช้เรียกกัน )
พอมาถึงปี 1948 กองทัพอังกฤษได้มีการขอให้ FN ออกแบบปืนที่ใช้กระสุนขนาด .280 British ในรูปแบบ Bullpup ซึ่ง FN ก็บ้าจี้ทำต้นแบบขึ้นมาเพียงแบบเดียวเดียวแล้วก็กลับไปทำแบบเดิมกันต่อโดยต่อมาก็ได้แบบ FN .280 Automatic Carbine Long Model ซึ่งทำการแก้ไขปรับปรุงกันอยู่พักใหญ่ๆ
ในปี 1950 กองทัพอังกฤษได้มีการทดสอบอาวุธได้แก่ FN rifle และ British EM-2, โดยใช้กระสุน .280 British calibre,ซึ่งมีการนำมาทดสอบกับปืนต้นแบบของกองทัพสหรัฐคือ Earle Harvey's T25 ( Springfield )





โดยที่อังกฤษมีความหวังว่า .208 British จะได้รับรองใช้งานในกลุ่มสมาชิก NATO ในทางกลับกันสหรัฐได้แนะนำให้ FN นั้นไปทำ ".30 Light Rifle" ซึ่งกายเป็นโจทย์ที่FN ต้องกลับไปคิดที่จะเดิมพันในครั้งนี้ว่าจะเลือกเดินตามอังกฤษหรืออเมริกัน แต่FN ก็เลือกที่จะออกแบบปืนเพื่อเข้าทดสอบกับกองทัพอเมริกาเพราะดูเหมือนว่าอังกฤษจะเลือกแบบของตัวเอง ในตอนหลัง FN กลับมาชนกับ Springfield อีกในเวลาต่อมาคือ FN T48 และ Springfield T44 (M14) แล้วต่อมาอเมริกันก็เลือกแบบของตัวเองอีก(มาถึงตรงนี้ถ้าผมเป็นวิศวกร FN คงคิดในใจว่า“แหม่งแยงกี้เอ๊ย”..) เหตุนี้ผมจึงคิดว่าFN ถึงได้ยกเลิก ดีล G-1 กับเยอรมันอีกในช่วงปี 1956 คงเพราะกลัวว่าจะต้องมาเสียเวลากับแนวทางของคนอื่นอีก แต่การที่ FN โดดเข้าไปร่วมวงทดสอบทั้งของอังกฤษและอเมริกันกลับเป็นสิ่งที่นำพา FN ได้ปรับปรุงและเป็นประสบการณ์ในพวกเขาได้เป็นอย่างดี

FN ได้สร้างปืนเล็กยาวประจัญบาลในแบบ classic post-war battle rifle ซึ่งเป็นผลงานการออกแบบของ Dieudonné Saive และ Ernest Vervier ในปี 1951 และมีการเข้าสู่สายการผลิตในปีถัดมา มันได้รับฉายาว่า "Right Arm of the Free World." หรือ “อาวุธที่แท้จริงแห่งโลกเสรี” FAL battle rifle มีคู่ปรับอย่าง ปืนแห่ง Warsaw Pact คือ AKM, ซึ่งมีการกระจายไปในทั้งสองกลุ่มเช่นเดียวกัน. เพียงแต่ FAL ต่างกับ AKM ตรงที่ FAL ใช้ heavier full-power rifle cartridge หรือใช้พลังงานของกระสุน หน้าตัดขนาด7.62 แบบเต็มกำลัง
ไม่เหมือนรุ่นพ่ออย่าง SAFN rifle โดยที่ FAL เป็นปืน selective-fire สามารถยิง full-automatic fire (SAFN ยิงในโหมด semi-automatic fire อย่างไรก็ตาม FAL ได้รับการตอบรับอย่างดีที่สุดในบทบาท "Battle Rifle" FAL มีปลอกลดแรงสะบัด หรือ "muzzle climb"ที่เป็นจุดเด่นของปืน และเพื่อลดแสงจากปากลำกล้องด้วย
FAL นั้นย่อมาจาก Fusil Automatique Léger, หรือ Light Automatic Rifle หรือแปลตรงตัวคือปืนเล็กยาวอัตโนมัติเบา เพราะเนื่องจากในยุค1950 ยังไม่มีการแบ่งประเภท ปืนเล็กยาวต่อสู้ (Battle rifle)กับ ปืนเล็กยาวจู่โจ่ม(assault rifles)
หลักการทำงานของปืน

FAL บริหารกลไกด้วยระบบแก๊ส gas-operated action ซึ่งมีความคล้ายคลึงกับระบบของ Russian SVT-40. โดยใช้ระบบ short-stroke มี spring-loaded piston และ ก้าน rod อยู่เหนือลำกล้อง
ระบบการขัดกลอนใช้ระบบ tilting breechblock. ซึ่งจะใช้ร่องบังคับที่ท้ายโครงลูกเลื่อนบังคบตัวกลอน เป็นปีกที่ท้ายลูกเลื่อนให้ตกกลอนนลงไป ซึ่งระบบนี้ Russian SKS carbine และ French MAS-49 semi-automatic rifle ก็ใช้เช่นกัน
ระบบนำแก๊สอยู่ใต้ฐานศูนย์หน้า ซึ่งสามารถปรับใช้งานตามสภาพแวดล้อมได้ ระบบแก๊สสามารถทำการปิดเพื่อให้สามารถยิงลูกระเบิดแบบยิงจากปากลำกล้องได้

FALมีซองกระสุนบรรจุ 20-30 นัด แต่มีความนิยมใช้งานแบบ 20 นัดมากกว่า พานท้ายเต็มในรุ่นมาตรฐานFAL, จะมีสปริงรีคอยล์อยู่ในพานท้าน ในส่วนของแบบพานท้ายพับจะอยู่ที่ folding-stock สปริงรีคอยล์ จะอยู่ในโครงปืนส่วนบนโดยที่ตัวพานท้ายเต็มกับพานท้ายพับได้ โครงปืนส่วนบนบริเวณศูนย์หลังจะแตกต่างกันรวมถึง สปริงรีคอยล์,โครง,ลูกเลื่อนและ โครงปืนส่วนล่างเพื่อให้รับกับพานท้าย




ในกลุ่มของปืนที่ใช้กระสุน 7.62×51mm NATO และ Battle rifles ในเวลานั้น, FN FAL มีแรงรีคอยล์เบา light recoil ทั้งนี้เพราะระบบแก๊สสามารถปรับได้ แบบทั้งตั้งแต่จุดเริ่มและสิ้นสุด (fore-end ) โยการปรับแก๊สที่มาจากการยิงให้เข้ามาในกระบอกสูบอย่างเหมาะสมแรงนั้นจะผ่านระบบลูกเลื่อนไปสิ้นสุดที่สปริงรีคอยล์ในพานท้าย
มีการผลิต รุ่นต่างๆโดย FN
LAR 50.41 & 50.42
หรือที่เรียกกันว่า FALO มาจาก French Fusil Automatique Lourd;
ใช้ลำกล้องหนาและมาพร้อมซองกระสุน 30 นัด เป็นปืนเล็กยาวยิงกล squad automatic weapon;
ที่ประจำการในแคนนาดา เรียกว่า C2A1ซึ่งใช้เป็น primary squad automatic weapon ใช้งานจนถึงยุค1980 แต่การใช้งานจริงนั้นทหารนิยมใช้ ปืนกลเบาแบบC9 (FN Minimi) มากกว่า
กองทัพออสเตรเลียเรียกว่า L2A1 ซึ่งก้ถูกแทนที่ด้วย FN Minimi. L2A1 หรือ 'heavy barrel' FAL มีการใช้งานอย่างแพร่หลายในกลุ่มประเทศในเครือจักรภพ
50.41 is ใช้พานท้ายพลาสติก synthetic 50.42 ใช้พานท้ายไม้
FAL 50.61 ลำกล้องมาตรฐาน พานท้ายพับได้
FAL 50.62 พานท้ายพับได้ ลำกล้องสั้น 458 mm สำหรับหน่วยพลร่ม
FAL 50.63 พานท้ายพับได้ ลำกล้องสั้น 436 mm , สำหรับหน่วยพลร่ม เป็นรุ่นที่ ได้รัยการร้องขอโดย Belgian paratroopers.และมีการนำหูหิ้วออก
FAL 50.64 พานท้ายพับได้, ลำกล้องยาวมาตรฐาน,มีการใช้ 'Hiduminium' aluminium alloy sหรืออลูมีเนียมอัลลอย ทำโครงปืนล่าง ลักษณะปืนคล้าย L1A1 rifles.












FAL OSW (DSA-58 OSW - Operational Special Weapon)
พานท้ายพับได้ ลำกล้องสิ้น 330 mm อัตราการยิง 750 นัดต่อนาที (FAL 700 นัดต่อนาที)
เวอร์ชั่นอื่นๆของ FN vud
FAL .280 Experimental Rifle ตัวทำทดสอบ ให้อังกฤษ
FAL Universal Carbine ใช้ซองกระสุน Stg.44 7.92x33mm Kurz
FAL Bullpup 1951 เป็นตัวที่ทดลองทำแบบ Bullpup โดยใช้โครงปืนรุ่นปกติ
Olin/Winchester FAL
Main article: Olin/Winchester Salvo Rifle
ทำเป็นปืนแบบ semi-automatic, ลำกล้องคู่ twin barrel ใช้กระสุนขนาด 5.56mm ใน Project SALVO ออกแบบโดย Stefan Kenneth Janson ซึ่งเคยออกแบบ EM-2 rifle.
Armtech L1A1 SAS
Dutch company Armtech ทำ L1A1 SAS เป็น เวอร์ชั่น carbine ของ L1A1 ลำกล้องสั้น 290 mm
Sturmgewehr 58
Sturmgewehr 58 (StG 58) is a battle rifle. จำนวน 20,000 กระบอกแรกผลิตโดย Fabrique Nationale de Armees de Guerre-Herstal Belgique, และถัดมา StG58 ผลิตโดย Steyr-Daimler-Puch (now Steyr Mannlicher) ภายใต้ ลิขสิทธิ์แท้ เป็นปืนเล็กยาวมาตรฐานของ Österreichisches Bundesheer (Austrian Federal Army).ซึ่งชนะการคัดเลือกเหนือ Spanish CETME และ American AR-10.
การนำแบบไปผลิตโดยประเทศอื่น
อังกฤษ
รู้จักกันในชื่อ L1A1 Self Loading Rifle หรือ SLR (แคนนาดา C2A1 (C2)) ที่ใช้งานกันในเครือจักรภพ มีข้อแตกต่างกับ ตัวต้นฉบับเล็กน้อย โดย ผลิตแบบ Semi-automatic battle rifle (L1A1/C1A1) และแบบ Light machine gun (L2A1/C2A1)
ซึ่งแบบของอังกฤษผลิตโดย
Royal Small Arms Factory และ Birmingham Small Arms Company factories ในส่วนของกังกฤษ
Lithgow Small Arms Factory ออสเตรเลีย
Canadian Arsenals, Ltd. แคนนาดา
Ordnance Factory Board อินเดีย
ซึ่งมีการผลิตอย่างเป็นทางการ ในปี 1954 จนถึงปี 1998 ซึ่งอังกฤษ นำมาใช้เนื่องจากปัญหาในการออกแบบปืนของตัวเอง ในช่วงแรก
อาเจนติน่า
Argentine Armed Forces นำ FN FAL มีการสั่งซื้อในปี 1955 จำนวนหนึ่ง ,แต่กว่าจะซื้อจำนวนมากจริงๆคือ 1958. .ในปี 1960 ได้ซื้อลิขสิทธิ์มาผลิตเอง โยอยู่ภายใต้ความดูแลของ FN จนถึงยุค 1990 และดำเนินการผลิตเองต่อจนถึง 2010 ที่เป็นแบบของFN เรียกว่า FAL M5
ต่อมาได้ผลิต FALMP III ใช้กระสุน 5.56×45mm NATO ใช้ซองกระสุน AR ในช่วงยุคปี 1980 FALMP III 5.56mm Type 2 ใช้ซองกระสุนของ Steyr AUG
ต่อมามีโครงการ The FARA 83 (Fusil Automático República Argentina) ซึ่งนำข้อดีของ FAL, the Beretta AR70/223, M16, และ the Galil มารวมกัน ผลิตออกมา 2,500 และ 3,000 กระบอก แต่หลังจาก อาเจนติน่ามีนโยบาย ลดค่าใช้จ่ายทางการคลัง โครงการจึงยุติลงในกลางยุด 1980
FAL M5 ยังมีการนำมาพัฒนาต่อ โยมีการใส่รางติดอุปกรณ์
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่