ประเทศจีนในทุกวันนี้ได้มีการพัฒนาความเจริญก้าวหน้าไปไกลมาก โดยเฉพาะกับด้านเทคโนโลยี ไม่ว่าจะเด็กหรือคนสูงวัย ในเมืองหลวงก็ใช้มือถือสมาร์ทโฟนกันทั้งนั้น แต่หากใครที่มีเพื่อนคนจีนหรือเคยมีประสบการณ์ไปท่องเที่ยวในประเทศจีนจะพบว่า หลาย ๆ แอปพลิเคชั่นที่อยู่ในหน้าจอของคนจีน คนไทยอย่างเราก็อาจจะไม่รู้จัก ไม่เคยเห็น หรือไม่เคยได้เล่นเลย  หลายคนอาจจะพอทราบเหตุผลแล้วว่า ที่เป็นอย่างนี้ก็เพราะรัฐบาลจีนยังมิได้เปิดกว้างให้คนจีนทั่วไปได้เข้าถึงเว็บไซต์หรือแอปพลิเคชั่นที่สร้างสรรค์ ที่มาจากประเทศอย่างอเมริกา โดยมีสิ่งที่เรียกว่า “กำแพงไฟ (Great Fire Wall)” กั้นขวางเอาไว้ พูดง่ายๆ ว่าไม่ว่าจะเป็น บริการใด ๆ Google, Facebook, YouTube คนจีนก็ไม่สามารถเปิดชมได้ทั้งนั้น แต่จะเป็นแอปพลิเคชั่นที่เกิดจากประเทศจีนเองเป็นคนสร้างขึ้นมาให้คนจีนได้ใช้กันทั่วไป เช่น QZone, Weibo, Wechat, Tiktok จีน หรือ โต่วอิน  เป็นต้น
 
 
 
 
แต่ทีนี้เราจะมาพูดถึงผลกระทบจากสถานการณ์โควิด-19 ที่ชาวเกษตรกรคนจีนได้รับ จนทำให้ยอดขายของผลผลิตตกต่ำลง ทางรัฐบาลจีนเองจึงไม่ได้นิ่งนอนใจ รวมไปถึงบริษัทเอกชนขนาดใหญ่ต่างก็เข้ามาช่วยกันแก้ไขปัญหานี้ ซึ่งทางออกที่ดี ณ ขณะนั้น การช่วยผู้คนหรือผู้ประกอบการให้มีรายได้เพิ่มขึ้นก็คือ การกระจายสินค้าออกไปจากการขายของผ่าน Live ตามช่องทางต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็น Tiktok จีน (โต่วอิน), Taobao และช่องทางอื่น ๆ อีกมากมาย ยกตัวอย่าง นายอำเภอประจำเมืองในแต่ละเมืองของมณฑลส่านซี ที่ออกมาไลฟ์สดช่วยเกษตรกรขายสินค้าที่ขึ้นชื่อเรื่องผลไม้และมีรสชาติที่อร่อย เช่น กีวี่ ที่นายอำเภอประจำเมืองได้ออกมาไลฟ์ขายของปรากฏว่าสามารถทำรายได้ให้กับเกษตรกรได้ถึง 2 แสน 5 หมื่นกิโล รวมมูลค่าแล้วก็ประมาณ 10 ล้านบาทเลยทีเดียว หรือจะเป็นในส่วนของบริษัทที่เป็นอุตสาหกรรมเองก็ได้รับความช่วยเหลือของภาครัฐเช่นกัน โดยมีการนำสินค้าเป็นเครื่องยนต์หรือรถออกมาจำหน่ายผ่านทางไลฟ์สดและมีโปรโมชั่นพิเศษมากมาย ซึ่งใช้เวลาไป 3 ชั่วโมง สามารถทำการขายรถได้ถึง 2,875 คัน ให้กับบริษัทที่รัฐบาลถือหุ้นร้อยเปอร์เซ็นต์ ซึ่งที่ผมได้ยกตัวอย่างมานี้ก็เป็นเพียงตัวอย่างเล็กน้อยที่ทางรัฐบาลพยายามออกมาช่วยให้ผู้คนในประเทศจีนและเศรษฐกิจอุตสาหกรรมและเกษตรกรรมสามารถพื้นตัวได้เร็วขึ้น ถึงแม้ว่าจะไม่มากหรือแก้ไขปัญหาได้ทุกจุด แต่ก็ดีกว่าพวกเขาไม่ทำอะไรเลย เนื่องจากที่เจ้าหน้าที่ต้องทำเช่นนี้เพื่อต้องการให้คนเข้ามาชมเข้ามาซื้อเพราะมักจะได้รับความสนใจมากกว่าให้ชาวบ้านหรือคนทั่วไปมาไลฟ์ขายของเอง ซึ่งมันก็เป็นเช่นนั้นจริง ๆ 
 
 
 

 

ต่อมาเราจะมาดูการหาเงินจากภาคเอกชนกันสักหนึ่งตัวตัวอย่างนะครับ เช่น CEO ต่ง หมิงจู จากบริษัท กรี ที่เป็นโรงงานผลิตแอร์ที่ใหญ่ที่สุดในโลก ที่มองเห็นว่าถ้าหากเขานำตัวเองออกมาไลฟ์สดขายสินค้าอาจจะสามารถสร้างความน่าเชื่อถือและขายสินค้าได้มากกว่าให้ลูกน้องเป็นคนทำเอง จึงตัดสินใจที่จะออกมาไลฟ์สดขาบสินค้าเองซึ่งเป็นการไลฟ์สดในเวลาระยะสั้น เนื่องจากสัญญาณอินเทอร์เน็ตขัดข้อง แต่ก็สามารถทำรายได้ไปถึง 1 ล้านบาทเลยทีเดียว   

สรุปได้ว่า ผู้นำของประเทศจีนไม่ว่าจะเป็นหน่วยภาครัฐหรือเอกชนมีความเข้าใจและสามารถปรับตัวให้เข้ากับสถานการณ์ได้และมองเห็นช่องทางการหารายได้ให้กับองค์กรและการแก้ไขเศรษฐกิจจากการใช้โซเชียลมีเดียให้เป็นประโยชน์ ซึ่งดูได้จากการไลฟ์สดของแต่ละผู้นำแล้วก็ไม่ธรรมดากันเลยทีเดียว เพราะสามารถสร้างยอดขายและกระตุ้นเศรษฐกิจได้เป็นหลักล้านในเวลาไม่กี่ชั่วโมง จนทำให้เศรษฐกิจในเมืองแต่ละเมืองที่เจอปัญหาผู้คนลำบากก็ดีขึ้นได้ และจากมุมมองของผมเองถ้าหากภาครัฐบาลและเอกชนในประเทศไทยสามารถทำได้ก็คงจะดีไม่น้อย หรือคุณคิดว่าอย่างไรสามารถคอมเมนต์มาได้ตามด้านล่างนี้เลยนะครับ