วันนี้จะเล่านิทานครับ เมื่อบอสใหญ่ขององค์กรมีแนวคิดว่า "แมวจะสีอะไรก็ได้ ขอให้จับหนูได้" ทีมบริหารเลยให้ หัวหน้างาน หรือแต่งตั้งคนที่พร้อมเสนอไอเดียร์สุดเวอร์วังไปรับผิดชอบ โครงการ โปรเจ็คสวยหรู นำเสนอดี ฟรีเซนดี น่าจะดีใช่ไหม เปล่า ออกโครงการ บิลปลอม จัดจริงวันเดียว เขียนสองวัน เบิกเงินปลอมหมด ไอ้เราก็ไม่สบายใจ ไปปรึกษาทีมบริหาร ผลที่ได้ก็คือ เขาบอกพนักงานคลาสล่างๆ ไปวิ่งหาหลักฐานประกอบให้มันครบเพื่อให้ดูว่ามันทำงานได้ถูกต้องสมบูรณ์ พนักงานระดับล่างสุดของห่วงโซ่อาหาร ทำได้เพียงไปตามเอกสาร ไม่มีก็ต้องหาวิธีทำให้มีเพื่อมาประกอบการเบิก ให้กิจกรรมรอดผ่านไปได้ โครงสรุปผล ปิดจ๊อบ ทุกคนปรบมือ ว้าวววว เก่งจังเลยยยยยย ผู้รับผิดชอบรับคำชมไป พนักงานล่างๆ โดนว่าต้องปรับปรุงนะปีหน้าให้เร็วกว่านี้ไม่ต้องให้ทวง ผู้บริหารได้ไปเปิดพิธี ถ่ายรูป พูดคุยกับหน่วยงานอื่นๆที่มาร่วมเปิดพิธี ได้ผลงานไปตามๆกัน แต่คนที่อยู่เบื้องหลังกลับกลายเป็นคนมือเปื่อน เพราะห่วงเงินเดือน ห่วงภาระที่ต้องแบก ไม่กล้าจะหนีไปใหนโควิดงานก็หายากอยู่แล้ว พนักงานระดับล่างเลยไป ขอร้องทีมบริหารให้พิจารณา ออกแนวปฏิบัติเพื่อป้องกันการทำอะไรแปลกๆ ที่จะให้การทำงานไม่ตรงกับความจริง ทีมบริหารบอกว่าไม่อยากรับรู้ วันนี้ แมวที่เขาว่าดีนักดีหนาจับหนูได้ กำลังไปกัดนก กัดไก่ชาวบ้าน ฝนเล็บบนเบาะรถ โซฟาคนอื่น ขโมยอาหาร และรังแกแมวตัวอื่น แลดูเขาจะไม่สนใจ นิทานเรื่องนี้ไม่มีตอนจบ และมันจะวนๆแบบนี้ชั่วนิรันดร จบการเล่านิทานครับ
"แมวจะสีอะไรก็ตาม ขอให้จับหนูได้" แนวคิดนี้ กับชีวิตการทำงาน จริงๆ ที่ไม่อยู่ในนิยาย