Buon giorno...สวัสดีจากประเทศอิตาลีค่ะ นานมากแล้วที่ไม่ได้มาตั้งกระทู้พูดคุยเล่าเรื่องราวอะไรๆจากฝั่งนี้เลย (แต่อิชั้นก็เข้ามาตอบคำถามหรือร่วมแชร์ข้อมูลบ้างอยู่เหมือนกันในกระทู้ของสมาชิกท่านอื่นๆ)
ตั้งแต่ประเทศอิตาลีโดนเจ้าไวรัสตัวดีเล่นงานเป็นประเทศแรกๆในยุโรป พวกเราที่อยู่กันแบบสบายๆตามสใตล์พี่เลี่ยน (ประเทศเราป่วยใจและกายมานานแล้วนะคะ แต่กดไว้ อั้นไว้ พยายามเก็บทรงเอาไว้ก่อน) เมื่อมีเชื้อโรคร้ายมาซ้ำเติมให้เราอีก มันยิ่งล้าและหมดแรง เหมือนคนป่วยระยะสุดท้าย หายใจเองแทบไม่ได้... แต่ถึงยังไงก็ตาม ชีวิตไม่สิ้น ตราบใดที่ระฆังยังไม่หมดยก ก็ต้องหยิบนวมมาใส่ สู้กันในยกต่อไป... ยอดผู้เสียชีวิตในประเทศแสนรายนั้น ขอแสดงความเสียใจด้วยค่ะ ตอนนี้ก็ทยอยๆฉีดวัคซีนกันทั้งประเทศเพื่อสร้างภูมิคุ้มกันหมู่ หวังว่าจะได้ผลและทุกอย่างจะดีขึ้นในเร็ววันนี้
มาเข้าเรื่องกันดีกว่าค่ะ หลังจากที่อิตาลีได้คลายล็อกดาวน์ไปบ้าง ตามความรุนแรงของแต่ละแคว้น อิชั้นผู้ซึ่งอาศัยอยู่แคว้น Lombardia แคว้นที่มีประชากรมากที่สุดในอิตาลี มีเมืองมิลานเป็นหัวเรือใหญ่ ตั้งแต่มีโควิดไม่เคยได้ออกไปไหนไกลๆจากบ้านเลย ค่อนข้างระมัดระวังตัวเองเป็นพิเศษ แต่ๆๆ เรามีหลานชายที่ไปเรียนมัธยมปลายที่เมือง Mantova หรือ Mantua ในภาษาละติน ซึ่งอยู่ในแคว้นเดียวกันกับบ้านเรา ใช้เวลาขับรถไม่เกินสามชั่วโมง ตอนนี้ก็เดินทางไปหาหลานชายได้ แถมทางการผ่อนปรนให้ร้านอาหารนั่งกินที่ร้านได้แล้ว นั่งทานได้เฉพาะร้านที่มีโต๊ะวางด้านนอก (แต่ก็วางโต๊ะชิดๆกัน ช่วยได้รึ???)
เมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา เลยตัดสินใจขับรถไปหาหลานชายวัย 17 ปีกันดีกว่า หลานไม่มีซ้อม นอนกองอยู่ที่ห้องก็โทรปลุกหลาน ไปเดินเล่นชมเมืองและทานอาหารเที่ยงด้วยกันดีกว่านะ (หลานชายเป็นนักกีฬาบาสเก็ตบอลของทีมเยาวชนท้องถิ่นที่นั่น สูง 188 แต่ฮีบอกว่านี่ผมเตี้ยสุดในทีมแล้วนะ 555) เราออกจากบ้านตอนแปดโมงเช้า ถึงบ้านพักหลานตอน 10.40 ลากหลานชายที่เพิ่งตื่นไปดื่มคาปูชิโน่ร้อนๆแกล้มครัวซองค์ ซื้อมายืนกินด้านนอกร้านเช่นกัน กินในร้านไม่ได้ค่ะ
Mantova มีทะเลสาบที่ผันน้ำจากแม่น้ำ Mincio มาล้อมเมืองเก่าไว้ เมืองนี้มีฉายาว่า Sleeping beuaty สวยงามตามท้องเรื่อง แต่วันอาทิตย์ที่เพิ่งเปิดให้ชาวบ้านได้เดินทางกันแบบนี้ คนก็เยอะมหาศาล ร้านอาหารเต็มทุกร้าน เราต้องรอกินมื้อเที่ยงตอนรอบบ่ายสองโมงนิดๆ แต่ระหว่างรอก็เดินชมเมืองไปก่อน และสั่งดื่ม Prosecco หรือ Aperal Spritz ฆ่าเวลากันไป และพวกเราไม่เข้าไปดูในโบสถ์ในวิหารอันใด ไม่อยากไปอยู่ในที่ๆอากาศไม่ถ่ายเทค่ะ ทุกคนยังต้องใส่หน้ากากอนามัยกันอยู่ แต่พอมานั่งกินข้าว นะ ก็ต้องถอดและโต๊ะก็วางชิดๆกัน ก็แล้วแต่บุญแต่กรรมที่สร้างมาละกันค่ะ
ปล. เจลแอลกอฮอล์ก็มีให้ปั๊มมาถูมือได้ทุกที่
ดูรูปกันไปเรื่อยๆ กระทู้นี้ไม่มีเนื้อหาสาระใดๆ เอารูปมาลง เผื่อมีใครคิดถึงอิตาลีกันบ้าง แค่นั้นเอง ^__^
รูปแรก แต่ถ่ายตอนกลับ หันหลังถ่ายจากในรถ รูปเมืองเก่าที่เราไปเยี่ยมเยียนมาค่ะ
แผนที่ ให้ดูว่าเมืองนี้อยู่ส่วนใดของอิตาลีค่ะ
รูปสวยๆจากคนอื่นค่ะ
วิวจากที่จอดรถริมน้ำ
คลองน้ำตื้นๆ น้ำไม่ใส ไม่เห็นตัวปลา แต่มีสาหร่ายอะไรสักอย่าง
ดื่ม aperitivo ตามสใตล์พี่เลี่ยนก่อนมื้อเที่ยง
ลุงกะหลานชายคนโตค่ะ
และแล้วก็ถึงเวลาของมื้อเที่ยง แน่นอนว่าต้องเลือกกินเมนูท้องถิ่นจานนี้ ราวิโอลีไส้ฟักทอง หวานนิดๆต้องไส้ฟักทอง ซึ่งบางคนก็ไม่ชอบกินนะคะ ส่วนคุณสามีและหลานชายเลือกข้าวรีซ็อตโต้ใส่ไส้กรอกอิตาเลียน ซึ่งจะมาในลักษณะแห้งร่วน ไม่เปียกฉ่ำแฉะเหมือนรีซ็อตโต้ทั่วไป แต่ไม่ได้ถ่ายรูปไว้เลย กินคู่ไวน์ซ่าๆอย่าง Sangiovese มันก็เข้ากันดีนะคะ
ปิดท้ายด้วยของหวาน ที่มีรสเปรี้ยวอย่างชีสเค้ก ที่อิตาลีบางร้านไม่มีขายนะคะ ส่วนใหญ่ของหวานจะออกแนวๆครีมชีส อย่างทีรามิซู ครีมคาราเมล panna cotta หรือเค้กที่ร้านทำเอง แต่ของหวานท้องถิ่นของเค้าก็มีนะคะ จะมีชื่อว่า Sbrisolana เป็นทาร์ตแป้งแห้งๆผสมถั่ว กรอบร่วน ตามลิ้งค์นี้นะคะ
https://ricette.giallozafferano.it/Torta-sbrisolona.html
ระหว่างทาง ขากลับค่ะ
และเป็นอีกหนึ่งวันดีๆ ที่ได้ใช้ร่วมกันกับหลานชาย ในเมื่อมีโอกาสได้อยู่ด้วยกัน ก็ใช้มันซะให้เต็มที่ บอกรัก โอบกอด ลูบหัว แสดงความรักทั้งภาษากายและใจไปเถอะ อย่างที่รู้ๆกันว่า...
Tomorrow is not promised to any of us.
เพราะคำว่าพรุ่งนี้ ไม่ได้มี สำหรับทุกคน.
แล้วเจอกันกระทู้หน้า กราบสวัสดีและขอให้ทุกๆคนแข็งแรงทั้งกายและใจค่ะ ^__^
[CR] One day in Mantua. คิดถึงอิตาลีกันบ้างไหมคะ
ตั้งแต่ประเทศอิตาลีโดนเจ้าไวรัสตัวดีเล่นงานเป็นประเทศแรกๆในยุโรป พวกเราที่อยู่กันแบบสบายๆตามสใตล์พี่เลี่ยน (ประเทศเราป่วยใจและกายมานานแล้วนะคะ แต่กดไว้ อั้นไว้ พยายามเก็บทรงเอาไว้ก่อน) เมื่อมีเชื้อโรคร้ายมาซ้ำเติมให้เราอีก มันยิ่งล้าและหมดแรง เหมือนคนป่วยระยะสุดท้าย หายใจเองแทบไม่ได้... แต่ถึงยังไงก็ตาม ชีวิตไม่สิ้น ตราบใดที่ระฆังยังไม่หมดยก ก็ต้องหยิบนวมมาใส่ สู้กันในยกต่อไป... ยอดผู้เสียชีวิตในประเทศแสนรายนั้น ขอแสดงความเสียใจด้วยค่ะ ตอนนี้ก็ทยอยๆฉีดวัคซีนกันทั้งประเทศเพื่อสร้างภูมิคุ้มกันหมู่ หวังว่าจะได้ผลและทุกอย่างจะดีขึ้นในเร็ววันนี้
มาเข้าเรื่องกันดีกว่าค่ะ หลังจากที่อิตาลีได้คลายล็อกดาวน์ไปบ้าง ตามความรุนแรงของแต่ละแคว้น อิชั้นผู้ซึ่งอาศัยอยู่แคว้น Lombardia แคว้นที่มีประชากรมากที่สุดในอิตาลี มีเมืองมิลานเป็นหัวเรือใหญ่ ตั้งแต่มีโควิดไม่เคยได้ออกไปไหนไกลๆจากบ้านเลย ค่อนข้างระมัดระวังตัวเองเป็นพิเศษ แต่ๆๆ เรามีหลานชายที่ไปเรียนมัธยมปลายที่เมือง Mantova หรือ Mantua ในภาษาละติน ซึ่งอยู่ในแคว้นเดียวกันกับบ้านเรา ใช้เวลาขับรถไม่เกินสามชั่วโมง ตอนนี้ก็เดินทางไปหาหลานชายได้ แถมทางการผ่อนปรนให้ร้านอาหารนั่งกินที่ร้านได้แล้ว นั่งทานได้เฉพาะร้านที่มีโต๊ะวางด้านนอก (แต่ก็วางโต๊ะชิดๆกัน ช่วยได้รึ???)
เมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา เลยตัดสินใจขับรถไปหาหลานชายวัย 17 ปีกันดีกว่า หลานไม่มีซ้อม นอนกองอยู่ที่ห้องก็โทรปลุกหลาน ไปเดินเล่นชมเมืองและทานอาหารเที่ยงด้วยกันดีกว่านะ (หลานชายเป็นนักกีฬาบาสเก็ตบอลของทีมเยาวชนท้องถิ่นที่นั่น สูง 188 แต่ฮีบอกว่านี่ผมเตี้ยสุดในทีมแล้วนะ 555) เราออกจากบ้านตอนแปดโมงเช้า ถึงบ้านพักหลานตอน 10.40 ลากหลานชายที่เพิ่งตื่นไปดื่มคาปูชิโน่ร้อนๆแกล้มครัวซองค์ ซื้อมายืนกินด้านนอกร้านเช่นกัน กินในร้านไม่ได้ค่ะ
Mantova มีทะเลสาบที่ผันน้ำจากแม่น้ำ Mincio มาล้อมเมืองเก่าไว้ เมืองนี้มีฉายาว่า Sleeping beuaty สวยงามตามท้องเรื่อง แต่วันอาทิตย์ที่เพิ่งเปิดให้ชาวบ้านได้เดินทางกันแบบนี้ คนก็เยอะมหาศาล ร้านอาหารเต็มทุกร้าน เราต้องรอกินมื้อเที่ยงตอนรอบบ่ายสองโมงนิดๆ แต่ระหว่างรอก็เดินชมเมืองไปก่อน และสั่งดื่ม Prosecco หรือ Aperal Spritz ฆ่าเวลากันไป และพวกเราไม่เข้าไปดูในโบสถ์ในวิหารอันใด ไม่อยากไปอยู่ในที่ๆอากาศไม่ถ่ายเทค่ะ ทุกคนยังต้องใส่หน้ากากอนามัยกันอยู่ แต่พอมานั่งกินข้าว นะ ก็ต้องถอดและโต๊ะก็วางชิดๆกัน ก็แล้วแต่บุญแต่กรรมที่สร้างมาละกันค่ะ
ปล. เจลแอลกอฮอล์ก็มีให้ปั๊มมาถูมือได้ทุกที่
ดูรูปกันไปเรื่อยๆ กระทู้นี้ไม่มีเนื้อหาสาระใดๆ เอารูปมาลง เผื่อมีใครคิดถึงอิตาลีกันบ้าง แค่นั้นเอง ^__^
รูปแรก แต่ถ่ายตอนกลับ หันหลังถ่ายจากในรถ รูปเมืองเก่าที่เราไปเยี่ยมเยียนมาค่ะ
CR - Consumer Review : กระทู้รีวิวนี้เป็นกระทู้ CR โดยที่เจ้าของกระทู้