ประมาณ 5 ปีที่แล้วเราได้มีโอกาสไปอาศัยกับญาติเป็นช่วงเวลาสั้นๆ หลังจากเกิดอุบัติเหตุ
รถชน จึงต้องพักรักษาตัวประมาณ 2 เดือน ด้วยตัวเราเองก็อยู่ตัวคนเดียว ส่วนแม่ก็อาศัยอยู่กับพ่อเลี้ยง
ชาวต่างชาติ อยู่ที่ต่างประเทศ ท่านเลยฝากฝัง ให้ญาติของท่านช่วยดูแลเราที เราขอเรียกบุคคลท่านนี้ว่า น้าสวย นะคะ
โดยให้เราไปอาศัยอยู่กับน้าสวยที่ต่างจังหวัด จนกว่าแผลที่หลังจะดีขึ้น คือก่อนหน้านี้ เราไปฉลองเรียนจบกับเพื่อน
พอตอนขากลับพวกเราเดินออกมาจากผับ กะว่าข้ามถนนไปนั่งทานข้าวต้มโต้รุ่งฝังตรงข้าม ก้าวขาไปได้ไม่ถึงครึ่งถนน
เราก็ได้ยินเสียงเบรก ดังลั่นมาแต่ไกล พอหันไปก็เห็นแสงวาบพุ่งเข้ามาใส่ตัวทันที จากนั้นเรามารู้สึกตัวอีกทีก็ตอนที่อยู่
ห้องพักฟื้นในโรงพยาบาลแล้ว เรามีอาการไหปลาร้าหัก ช่วงข้อมือเข้าเผือกอ่อน และแผ่นหลังด้านซ้ายเป็นรอยแผลยาว
จนถึงก้น ช่วงนั้นแม่เรากับพ่อเลียงยังอยู่เมืองไทยพวกท่านยังดูแลเราได้ แต่พอถึงกำหนดกลับท่านจึงไม่อยากให้อยู่
คนเดียว น้าสวยมารับเราที่คอนโดตั้งแต่เช้า แล้วก็ขับกลับต่างจังหวัดทันที เราขอไม่บอกชื่อจัวหวัดนะคะ กลัวมันจะไป
พาดพิงผู้อื่น ระหว่างทางน้าสวยขับรถค่อนข้างเร็วจะเรากลัวเลย น้าสวยให้เหตุผลว่า ไม่อยากกลับไปถึงมืด เพราะ
ทางเข้าหมู่บ้านมันห่างจากถนนใหญ่ แถมเป็นทางลูกรังไม่มีไฟทางด้วย กลัวจะขับลำบาก แถมเป็นวันโกนด้วย
น้ากลัวผี เราก็แอบขำแกเหมือนกัน ว่ายุคนี้แล้วแกยังมาความเชื่อแบบนี้อยู่อีกหรอ
เราขอน้าสวยเข้าห้องน้ำที่ปั๊มเลยทำให้ได้พักรถไปในตัว แต่พอเดินออกมาก็เห็นน้าสวยยืนทำหน้ายู่
เหมือนอารมณ์เสียอยู่ข้างรถ เราจึงรีบไปสอบถามปรากฏว่า ล้อข้างคนขับมันแฟป น่าจะโดนอะไรมาระหว่างทาง
ทีนี้ก็เลยต้องเปลี่ยนยางอะไหล่ มาใส่แทน แต่ด้วยความเป็นผู้หญิงทั้งสองคน ทำอะไรก็ไม่เป็น เครื่องมือก็ไม่มี
เด็กปั๊มเลยมาช่วย เขาบอกว่าจะไปตามช่างมาทำให้แต่มันไกลคงใช้เวลามาประมาณครึ่งชั่วโมง
เรากับน้าสวยก็ตกลง โดยให้ค่าจ้างเค้าไปตามมาให้ ก็เลือกอะไรไม่ได้นี่นา
ระยะเวลาที่ช่างมาถึงก็เกือบช่วงโมง แต่พอจะเปลี่ยนล้ออะไหล่ ปรากฏว่าล้ออะไหล่ก็สภาพไม่น่าจะรอด
คือมันเก่ามากช่างเลยบอกว่าเดี๋ยวเขาจะเอาล้อไปปะที่ร้านแล้วจะกลับมาใส่ให้
เลยทำให้เราต้องเสียเวลาเบ็ตเสร็จไปประมาณเกือบสองชั่วโมง คราวนี้ตอ่ให้ขับเร็วแค่ไหนก็ไม่น่าจะถึงก่อนมืดแน่นอน
น้าสวยได้แต่ทำหน้าเซ็งๆ จากท่าทางของน้าสวยเราเองก็เริ่มกลัวเหมือนกัน หรือว่ามันจะมีผีจริงๆ ว่ะ เราเลยถามยน้าสวยไปว่า
“น้าสวย หนูถามหน่อย...เอ่อ..ที่หมู่บ้าน..มี..ปอบเหรอ”
พอน้าสวยได้ยินกึงกับขำลั่นออกมาทันที...แกบอกว่าไม่มีหรอก ขอโทษด้วยที่ทำให้เรากลัว
แกบอกว่าไว้ไปถึงบ้านจะให้ยายสรเล่าให้ฟัง ยายสรเป็นน้องสาวแท้ๆ ของยายเรา
และเป็นคนเลี้ยงดูแม่เรามาตั้งแต่เด็กเพราะยายเราเสีย ตอนคลอดแม่เรา แม่เราเลยรักยายสรมากๆ
บ้านหลังที่ยายสรอยู่ แม่เราพอเริ่มมีเงินก็ปลูกให้ยายสรอยู่
น้าสวยเองก็เปรียบเหมือนน้องสาวแท้ๆ ของแม่ แกค่อนข้างโผงผาง และพูกจาขวานผ่าซากไปสักหน่อย
เลยทำให้แกไม่ค่อยสมหวังด้านความรัก หลังๆ แกเลยไม่คบกับใคร ทำสวนทำไร่ อยู่กับยายสร สองคน
น้าสวยขับรถออกมาจากปั๊มก็เกือบๆ จะห้าโมงเย็น บรรยากาศสองข้างทางค่อนข้างจะมืดเพราะ
เหมือนฝนจะตก น้าสวยก็รีบขับไม่พูดไม่จากับเราเลย และแล้วฝนก็ตกลงมาจริงๆ ไม่รู้ฟ้ามันมืดเพราะใกล้ค่ำ
หรือเพราะเมฆฝน รถฝ่าลมฝนมาจนเกือบทุ่ม ก็ถึงทางเข้าหมู่บ้าน ทีนี้เราจะต้องวิ่งเข้าเส้นถนนลุกรังอีกประมาณ
สี่กิโล ถ้าเป็นถนนปกติคงใช้เวลาไม่นาน แต่ถนนมันเป็นลูกรัง และฝนก็ยังไม่หยุดตก ไฟทางก็ไม่มี เลยทำให้ช้าเข้าไปอีก
กว่าจะเข้ามาถึงหมู่บ้านก็เกือบชั่วโมง หมู่บ้านที่ยายสรอยู่ก็ไม่ได้กันดารนะ บ้านแต่ละหลังก็ดูใหญ่โต
แต่ทำไมบ้านแทบทุกหลังถึงปิดไฟนอนกันเร็วจัง แต่ละหลังสองข้างทางมืดไปหมด จนถึงบ้านยายสร
ซึ่งน่าจะเป็นหลังเดียวที่ยังเปิดไฟหน้าบ้าน และเปิดรั้วทิ้งไว้ คงกะว่าจะให้รถเข้ามาจอดได้สะดวก ตอนนั้นฝนเริ่ม
ซาแล้ว เราลงจากรถก็กะว่าจะไปปิดประตูรั้วบ้าน แต่น้าสวยเรียกไว้บอกว่าไม่เป็นไร ให้รีบเข้าบ้านเลย
ตอนหยิบกระเป๋า เราเพิ่งสังเกตุว่า มีเสียงหมาหอนตลอด หอนต่อกันนานมาก ไม่หยุดเลย ยายสรเองก็บอก
ให้รีบเข้าบ้าน เราก็ทำตามแต่โดยดี ยายสรให้เราไปอาบน้ำ แล้วรีบมาทำแผล เสร็จแล้วก็ให้รีบเข้านอนเลย
ห้องที่เรานอนเป็นห้องเก่าของแม่เราที่อยู่ชั้นสองของบ้าน ซึ่งตรงหน้าต่างจะติดกับทางฝั่งซ้ายของตัวบ้าน
หน้าต่างบ้านป็นแบบบานกระจกเลื่อนขึ้นเลื่อนลง และม่านเป็นแบบมู่ลี่ บังเอิญว่าเราไปดึงเชือกที่ปรับมู่ลี่
ให้มันเลื่อนขึ้นแล้วมันค้าง จึงทำให้มองออกไปเห็นด้านนอก ข้างบ้านเราติดกับที่ดินแปลงหนึ่งซึ่งกว้างมาก
ตรงกลางจะเป็นเนินสูงๆ มีบ้านแบบเก่าแต่หลังใหญ่ ด้านบนเป็นไม้ ด้านล่างเป็นปูน แล้วรอบๆ จนถึงรั้วบ้าน
ก็จะมีต้นไม้ขึ้นเต็มไปหมด เหมือนขาดการดูแลมาเป็นเวลานาน ด้วยความที่มันมืด บวกกับฝนที่ยังตกปรอยๆ
เลยมองเห็นอะไรไม่มากนัก เราไม่ได้ใส่ใจอะไรเก็บของเสร็จก็ลงไปอาบน้ำ แล้วก็เข้าไปให้น้าสวยช่วยล้างแผล
ที่หลังให้ เราถามน้าสวยว่าข้างบ้านมีคนอยู่รึป่าวทำไมดูเหมือนร้างๆ ต้นตาลก็สูงมาก เอนไปมาเหมือนจะล้ม
น้าสวยเลยบอกว่าบ้านข้างๆ ไม่มีคนอยู่นานแล้ว แต่ไม่มีต้นตาลนะ เรามองผิดรึป่าว เราลองนึกดูดีๆ เมื่อกี้เราเห็น
เหมือนต้นตาล โอนเอนไปมา อยู่ตรงบ้านหลังนั้นจริงๆ แต่ด้วยระยะสายตาที่ค่อนข้างไกล กับความมืดนั้น เราอาจ
จะตาฝาดก็ได้เลยไม่ได้ถามอะไรน้าสวยต่อ
เปรตป้ารำไพ
รถชน จึงต้องพักรักษาตัวประมาณ 2 เดือน ด้วยตัวเราเองก็อยู่ตัวคนเดียว ส่วนแม่ก็อาศัยอยู่กับพ่อเลี้ยง
ชาวต่างชาติ อยู่ที่ต่างประเทศ ท่านเลยฝากฝัง ให้ญาติของท่านช่วยดูแลเราที เราขอเรียกบุคคลท่านนี้ว่า น้าสวย นะคะ
โดยให้เราไปอาศัยอยู่กับน้าสวยที่ต่างจังหวัด จนกว่าแผลที่หลังจะดีขึ้น คือก่อนหน้านี้ เราไปฉลองเรียนจบกับเพื่อน
พอตอนขากลับพวกเราเดินออกมาจากผับ กะว่าข้ามถนนไปนั่งทานข้าวต้มโต้รุ่งฝังตรงข้าม ก้าวขาไปได้ไม่ถึงครึ่งถนน
เราก็ได้ยินเสียงเบรก ดังลั่นมาแต่ไกล พอหันไปก็เห็นแสงวาบพุ่งเข้ามาใส่ตัวทันที จากนั้นเรามารู้สึกตัวอีกทีก็ตอนที่อยู่
ห้องพักฟื้นในโรงพยาบาลแล้ว เรามีอาการไหปลาร้าหัก ช่วงข้อมือเข้าเผือกอ่อน และแผ่นหลังด้านซ้ายเป็นรอยแผลยาว
จนถึงก้น ช่วงนั้นแม่เรากับพ่อเลียงยังอยู่เมืองไทยพวกท่านยังดูแลเราได้ แต่พอถึงกำหนดกลับท่านจึงไม่อยากให้อยู่
คนเดียว น้าสวยมารับเราที่คอนโดตั้งแต่เช้า แล้วก็ขับกลับต่างจังหวัดทันที เราขอไม่บอกชื่อจัวหวัดนะคะ กลัวมันจะไป
พาดพิงผู้อื่น ระหว่างทางน้าสวยขับรถค่อนข้างเร็วจะเรากลัวเลย น้าสวยให้เหตุผลว่า ไม่อยากกลับไปถึงมืด เพราะ
ทางเข้าหมู่บ้านมันห่างจากถนนใหญ่ แถมเป็นทางลูกรังไม่มีไฟทางด้วย กลัวจะขับลำบาก แถมเป็นวันโกนด้วย
น้ากลัวผี เราก็แอบขำแกเหมือนกัน ว่ายุคนี้แล้วแกยังมาความเชื่อแบบนี้อยู่อีกหรอ
เราขอน้าสวยเข้าห้องน้ำที่ปั๊มเลยทำให้ได้พักรถไปในตัว แต่พอเดินออกมาก็เห็นน้าสวยยืนทำหน้ายู่
เหมือนอารมณ์เสียอยู่ข้างรถ เราจึงรีบไปสอบถามปรากฏว่า ล้อข้างคนขับมันแฟป น่าจะโดนอะไรมาระหว่างทาง
ทีนี้ก็เลยต้องเปลี่ยนยางอะไหล่ มาใส่แทน แต่ด้วยความเป็นผู้หญิงทั้งสองคน ทำอะไรก็ไม่เป็น เครื่องมือก็ไม่มี
เด็กปั๊มเลยมาช่วย เขาบอกว่าจะไปตามช่างมาทำให้แต่มันไกลคงใช้เวลามาประมาณครึ่งชั่วโมง
เรากับน้าสวยก็ตกลง โดยให้ค่าจ้างเค้าไปตามมาให้ ก็เลือกอะไรไม่ได้นี่นา
ระยะเวลาที่ช่างมาถึงก็เกือบช่วงโมง แต่พอจะเปลี่ยนล้ออะไหล่ ปรากฏว่าล้ออะไหล่ก็สภาพไม่น่าจะรอด
คือมันเก่ามากช่างเลยบอกว่าเดี๋ยวเขาจะเอาล้อไปปะที่ร้านแล้วจะกลับมาใส่ให้
เลยทำให้เราต้องเสียเวลาเบ็ตเสร็จไปประมาณเกือบสองชั่วโมง คราวนี้ตอ่ให้ขับเร็วแค่ไหนก็ไม่น่าจะถึงก่อนมืดแน่นอน
น้าสวยได้แต่ทำหน้าเซ็งๆ จากท่าทางของน้าสวยเราเองก็เริ่มกลัวเหมือนกัน หรือว่ามันจะมีผีจริงๆ ว่ะ เราเลยถามยน้าสวยไปว่า
“น้าสวย หนูถามหน่อย...เอ่อ..ที่หมู่บ้าน..มี..ปอบเหรอ”
พอน้าสวยได้ยินกึงกับขำลั่นออกมาทันที...แกบอกว่าไม่มีหรอก ขอโทษด้วยที่ทำให้เรากลัว
แกบอกว่าไว้ไปถึงบ้านจะให้ยายสรเล่าให้ฟัง ยายสรเป็นน้องสาวแท้ๆ ของยายเรา
และเป็นคนเลี้ยงดูแม่เรามาตั้งแต่เด็กเพราะยายเราเสีย ตอนคลอดแม่เรา แม่เราเลยรักยายสรมากๆ
บ้านหลังที่ยายสรอยู่ แม่เราพอเริ่มมีเงินก็ปลูกให้ยายสรอยู่
น้าสวยเองก็เปรียบเหมือนน้องสาวแท้ๆ ของแม่ แกค่อนข้างโผงผาง และพูกจาขวานผ่าซากไปสักหน่อย
เลยทำให้แกไม่ค่อยสมหวังด้านความรัก หลังๆ แกเลยไม่คบกับใคร ทำสวนทำไร่ อยู่กับยายสร สองคน
น้าสวยขับรถออกมาจากปั๊มก็เกือบๆ จะห้าโมงเย็น บรรยากาศสองข้างทางค่อนข้างจะมืดเพราะ
เหมือนฝนจะตก น้าสวยก็รีบขับไม่พูดไม่จากับเราเลย และแล้วฝนก็ตกลงมาจริงๆ ไม่รู้ฟ้ามันมืดเพราะใกล้ค่ำ
หรือเพราะเมฆฝน รถฝ่าลมฝนมาจนเกือบทุ่ม ก็ถึงทางเข้าหมู่บ้าน ทีนี้เราจะต้องวิ่งเข้าเส้นถนนลุกรังอีกประมาณ
สี่กิโล ถ้าเป็นถนนปกติคงใช้เวลาไม่นาน แต่ถนนมันเป็นลูกรัง และฝนก็ยังไม่หยุดตก ไฟทางก็ไม่มี เลยทำให้ช้าเข้าไปอีก
กว่าจะเข้ามาถึงหมู่บ้านก็เกือบชั่วโมง หมู่บ้านที่ยายสรอยู่ก็ไม่ได้กันดารนะ บ้านแต่ละหลังก็ดูใหญ่โต
แต่ทำไมบ้านแทบทุกหลังถึงปิดไฟนอนกันเร็วจัง แต่ละหลังสองข้างทางมืดไปหมด จนถึงบ้านยายสร
ซึ่งน่าจะเป็นหลังเดียวที่ยังเปิดไฟหน้าบ้าน และเปิดรั้วทิ้งไว้ คงกะว่าจะให้รถเข้ามาจอดได้สะดวก ตอนนั้นฝนเริ่ม
ซาแล้ว เราลงจากรถก็กะว่าจะไปปิดประตูรั้วบ้าน แต่น้าสวยเรียกไว้บอกว่าไม่เป็นไร ให้รีบเข้าบ้านเลย
ตอนหยิบกระเป๋า เราเพิ่งสังเกตุว่า มีเสียงหมาหอนตลอด หอนต่อกันนานมาก ไม่หยุดเลย ยายสรเองก็บอก
ให้รีบเข้าบ้าน เราก็ทำตามแต่โดยดี ยายสรให้เราไปอาบน้ำ แล้วรีบมาทำแผล เสร็จแล้วก็ให้รีบเข้านอนเลย
ห้องที่เรานอนเป็นห้องเก่าของแม่เราที่อยู่ชั้นสองของบ้าน ซึ่งตรงหน้าต่างจะติดกับทางฝั่งซ้ายของตัวบ้าน
หน้าต่างบ้านป็นแบบบานกระจกเลื่อนขึ้นเลื่อนลง และม่านเป็นแบบมู่ลี่ บังเอิญว่าเราไปดึงเชือกที่ปรับมู่ลี่
ให้มันเลื่อนขึ้นแล้วมันค้าง จึงทำให้มองออกไปเห็นด้านนอก ข้างบ้านเราติดกับที่ดินแปลงหนึ่งซึ่งกว้างมาก
ตรงกลางจะเป็นเนินสูงๆ มีบ้านแบบเก่าแต่หลังใหญ่ ด้านบนเป็นไม้ ด้านล่างเป็นปูน แล้วรอบๆ จนถึงรั้วบ้าน
ก็จะมีต้นไม้ขึ้นเต็มไปหมด เหมือนขาดการดูแลมาเป็นเวลานาน ด้วยความที่มันมืด บวกกับฝนที่ยังตกปรอยๆ
เลยมองเห็นอะไรไม่มากนัก เราไม่ได้ใส่ใจอะไรเก็บของเสร็จก็ลงไปอาบน้ำ แล้วก็เข้าไปให้น้าสวยช่วยล้างแผล
ที่หลังให้ เราถามน้าสวยว่าข้างบ้านมีคนอยู่รึป่าวทำไมดูเหมือนร้างๆ ต้นตาลก็สูงมาก เอนไปมาเหมือนจะล้ม
น้าสวยเลยบอกว่าบ้านข้างๆ ไม่มีคนอยู่นานแล้ว แต่ไม่มีต้นตาลนะ เรามองผิดรึป่าว เราลองนึกดูดีๆ เมื่อกี้เราเห็น
เหมือนต้นตาล โอนเอนไปมา อยู่ตรงบ้านหลังนั้นจริงๆ แต่ด้วยระยะสายตาที่ค่อนข้างไกล กับความมืดนั้น เราอาจ
จะตาฝาดก็ได้เลยไม่ได้ถามอะไรน้าสวยต่อ