💙มาลาริน/สธ.เผยยังไม่มีข้อมูลบ่งชี้ โควิดสายพันธุ์อินเดีย รุนแรงมากกว่าสายพันธุ์อังกฤษ ตอนนี้คนติดเชื้อมีอาการเล็กน้อย

เพี้ยนปักหมุดสธ.เผยยังไม่มีข้อมูลบ่งชี้ เชื้อโควิดสายพันธุ์อินเดีย รุนแรงมากกว่าสายพันธุ์อังกฤษ
วันศุกร์ ที่ 21 พฤษภาคม พ.ศ. 2564, 16.08 น.



สธ.ยืนยันการพบเชื้อโควิดสายพันธุ์อินเดีย 15 คน จาก 61 ตัวอย่างในแคมป์คนงานหลักสี่ ส่วนใหญ่มีอาการเล็กน้อย ยังรักษาตัวอยู่ภายในโรงพยายาล พร้อมติดตามผู้สัมผัสอย่างเข้มข้น เผยยังไม่มีข้อมูลยืนยันว่าสายพันธุ์อินเดีย มีความรุนแรงมากกว่าสายพันธุ์อังกฤษ แต่พบว่าไม่ดื้อต่อวัคซีนแอสตร้าเซนเนก้า
 
เมื่อเวลา 15.00 น.วันที่ 21 พฤษภาคม 2564 ที่กระทรวงสาธารณสุข (สธ.) นพ.โอภาส การย์กวินพงศ์ อธิบดีกรมควบคุมโรค แถลงข่าว...🖍

ประเด็น"การพบเชื้อกลายพันธุ์คลัสเตอร์หลักสี่"ว่า เชื้อไวรัสโควิดที่มีการแพร่ระบาดในบ้านเรา ส่วนใหญ่เป็นสายพันธุ์อังกฤษ ซึ่งมีการแพร่ระบาดรวดเร็วมากกว่าสายพันธุ์ดั้งเดิมที่จีน ส่วนสายพันธุ์อินเดียพบว่า มีการแพร่ระบาดพบในหลายประเทศ เช่น อังกฤษ มาเลเซีย และสิงคโปร์ ส่วนเมียนมา และกัมพูชา ยังถอดรหัสล่าช้าอยู่ แต่มีความเป็นไปได้ว่าจะเป็นสายพันธุ์อินเดีย

ทั้งนี้ จากข้อมูลประเทศไทยมีโอกาสที่สายพันธุ์อินเดียจะหลุดรอดเข้ามาได้แพร่ระบาดได้ และจากการที่กระทรวงสาธารณสุขได้ร่วมทำงานกับมหาวิทยาลัยแพทย์ต่างๆ ในการศึกษากรณีคลัสเตอร์หลักสี่ จากการนำ 61 ตัวอย่างพันธุกรรมเชื้อมาตรวจหาสายพันธุ์ พบว่าตรงกับสายพันธุ์อินเดีย 15 คน เป็นชาย 7 คนและหญิง 8 คนโดยมีอายุเฉลี่ย 46 ปี
 
"ส่วนใหญ่มีอาการเล็กน้อย และยังให้รักษาตัวอยู่ในโรงพยาบาล ซึ่งในจำนวน 15 ตัวอย่างนี้ พบในแรงงานต่างด้าวจำนวน 13 คนและ 2 คนเป็นผู้สัมผัสอยู่ภายนอกแคมป์คนงาน ซึ่งกระทรวงสาธารณสุขและสำนักอนามัย กทม.จะต้องเร่งรัดติดตามผู้สัมผัสอย่างอย่างเข้มข้นต่อไป"นพ.โอภาส กล่าว

พร้อมระบุว่า จากข้อมูลจาก Public Health England ประเทศอังกฤษ พบว่า...📌
1) เป็นสายพันธุ์ที่มีความสามารถกระจายโรคได้ไม่ต่างจากสายพันธุ์ อินเดีย(น่าจะเป็นอังกฤษค่ะ /จขกท.)
2) ยังไม่มีข้อมูลบ่งชี้ด้วยว่าความรุนแรงของสายพันธุ์อินเดียมากกว่าสายพันธุ์อังกฤษ และ
3) ขณะนี้ข้อมูลยังไม่พบว่าสายพันธุ์ของอังกฤษและอินเดียดื้อต่อวัคซีนวัคซีนแอสตร้าเซนเนก้าที่เรากำลังจะใช้ โดยข้อมูลทางวิชาการพบว่าวัคซีนยังสามารถใช้ได้กับทั้ง 2 สายพันธุ์

https://www.naewna.com/local/574678

เพี้ยนเสียงสูงสธ.แถลง 15 รายติดโควิดสายพันธุ์อินเดีย อาการไม่รุนแรง-วัคซีนแอสตร้าฯยังสามารถป้องกันได้



21 พ.ค.64 - ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อเวลา 15.00น. ที่กระทรวง​สาธารณสุข​ นพ.โอภาส การย์กวินพงศ์ อธิบดีกรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข แถลงข่าวประเด็นการพบเชื้อโควิดกลายพันธุ์สายพันธุ์อินเดีย ในแคมป์ก่อสร้างหลักสี่ 15 ราย ว่า มีการค้นพบผู้ติดเชื้อโควิด-19 สายพันธุ์อินเดียในประเทศไทย หรือ B.1.617.2 โดยสายพันธุ์ของไวรัสโควิด-19 มีการกลายพันธุ์ตลอดเวลาจากสายพันธุ์ดั้งเดิมที่ค้นพบที่เมืองอู่ฮั่น ประเทศจีน ซึ่งสายพันธุ์ที่ทั่วโลกพูดถึงและจับตาดูอยู่ ประกอบด้วยสายพันธุ์อังกฤษ สายพันธุ์อินเดีย สายพันธุ์บราซิล สายพันธุ์แอฟริกาใต้ โดยเป็นสายพันธุ์ที่ประเทศไทย มีการถอดรหัสพันธุกรรมและรวบรวมข้อมูล รวมถึงใช้หลักระบาดวิทยามาอ้างอิง ทั้งนี้สายพันธุ์ที่มีการระบาดในประเทศไทยขณะนี้ ส่วนใหญ่จะเป็นสายพันธุ์อังกฤษ การแพร่กระจายเชื้อเป็นไปด้วยความรวดเร็วมากกว่าสายพันธุ์ดั้งเดิมที่ประเทศจีน

นพ.โอภาส กล่าวว่า ส่วนสายพันธุ์อินเดียมีการค้นพบในหลายประเทศ โดยประเทศที่มีการถอดรหัสพันธุกรรมและค้นพบมากที่สุด นั่นคือ ประเทศอังกฤษ รวมทั้ง ประเทศมาเลเซีย และล่าสุดที่มีการระบาดที่สนามบินชางงี สิงคโปร์ ข้อมูลล่าสุดพบว่าเป็นสายพันธุ์อินเดีย ขณะที่ เมียนมาและกัมพูชา ยังมีข้อมูลการถอดรหัสพันธุกรรมที่ค่อนข้างจำกัด แต่ก็เชื่อได้ว่าอาจจะมีสายพันธุ์อินเดียอยู่แล้วเหมือนกัน ดังนั้น ประเทศไทยก็มีโอกาสที่จะพบสายพันธุ์อินเดียหลุดรอดเข้ามาแพร่ระบาดในประเทศไทยได้
  
อย่างไรก็ตาม ล่าสุดพบการแพร่ระบาดที่แคมป์คนงานก่อสร้าง เขตหลักสี่ และได้มีการนำตัวอย่าง 61 ตัวอย่าง ไปตรวจหาสายพันธุ์ พบว่า เป็นสายพันธุ์ที่ตรงกับสายพันธุ์อินเดียอยู่ 15 ตัวอย่าง หรือ 15 คน โดยเป็นเพศชาย 7 คน เพศหญิง 8 คน อายุเฉลี่ย 46 ปี ทั้ง 15 คนขณะนี้ส่วนใหญ่อาการเล็กน้อย ไม่รุนแรง   ยังรักษาอยู่ในรพ. โดยในจำนวน 15 ตัวอย่างนี้ พบว่าเป็นคนงานที่อยู่ในแคมป์ก่อสร้าง 12 คน ส่วนอีก 3 คน เป็นผู้สัมผัสโรคร่วมบ้านกับคนในแคมป์คนงาน โดยจะมีการสอบสวนควบคุมโรคและติดตามผู้สัมผัสต่อไป

สำหรับสายพันธุ์ดังกล่าว มีข้อมูลจากประเทศอังกฤษ Public Health England พบว่า สายพันธุ์นี้ การแพร่กระจายไม่ได้แตกต่างจากสายพันธุ์อินเดีย แปลว่า สายพันธุ์อังกฤษกับสายพันธุ์อินเดีย การแพร่กระจายเชื้อไม่แตกต่างกัน ส่วนความรุนแรงของโรคยังไม่มีข้อมูลที่บ่งชี้ว่าสายพันธุ์อินเดียมีความรุนแรงมากกว่าสายพันธุ์อังกฤษ และเรื่องการดื้อวัคซีนพบว่า สายพันธุ์อินเดียยังไม่ดื้อต่อวัคซีน โดยเฉพาะยี่ห้อหลักที่ประเทศไทยนำเข้ามาใช้อยู่ คือ แอสตร้าเซนเนก้ายังสามารถป้องกันสายพันธุ์อินเดียและอังกฤษได้ โดยเห็นได้ว่าที่ประเทศอังกฤษมีการใช้แอสตร้าเซนเนก้า ปรากฎว่าการระบาดลดน้อยลง

นพ.โอภาส กล่าวถึงเรื่องแผนการกระจายวัคซีนโควิด-19 นั้น จะเริ่มในเดือน มิ.ย.64 โดยมีวัคซีนแอสตร้าเซนเนก้า เป็นวัคซีนหลัก ร่วมกับวัคซีนอื่นๆ ที่กำลังจัดหาเพิ่มเติม อย่างไรก็ตาม ในช่วง 3 เดือนที่ผ่านมา มีสถานการณ์การระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ในพื้นที่ต่างๆ หลายจังหวัดทั่วประเทศไทย กระทรวงสาธารณสุขจึงได้ดำเนินการจัดหาวัคซีนมาเพิ่มเติมและได้กระจายไปยังจังหวัดต่างๆ ทั้งหมด 2.6 ล้านโดส และมีการฉีดวัคซีนไปแล้ว 2.5 ล้านเข็ม ซึ่งเป็นเป็นสำรอง แต่เมื่อมีการดำเนินการตามแผนหลักในเดือน มิ.ย.จะสามารถฉีดวัคซีนให้ประชาชนได้เพิ่มขึ้นอีกหลายเท่า

https://www.thaipost.net/main/detail/103707

ยังไม่ตระหนก แต่ต้องตระหนักยิ่งขึ้นค่ะ...นานาโอเค

คำตอบที่ได้รับเลือกจากเจ้าของกระทู้
ความคิดเห็นที่ 14


เพี้ยนแคปเจอร์ข้อมูลอังกฤษเผย "สายพันธุ์อังกฤษ" ไม่ดื้อต่อวัคซีน โดยเฉพาะแอสตราเซเนกา

Fri, 2021-05-21 15:55 -- hfocus team

อธิบดีกรมควบคุมโรคเผยข้อมูลจากอังกฤษ พบ “วัคซีนแอสตราเซเนกา” ครอบคลุมโควิด “สายพันธุ์อินเดีย”  ส่วนซิโนแวค น่าจะยังมีประสิทธิภาพในการป้องกันสายพันธุ์อินเดีย ต้องตรวจสอบรายละเอียดอีกครั้ง ย้ำหลายประเทศเริ่มเจอสายพันธุ์นี้ ไทยจึงมีโอกาสพบหลุดรอดเข้ามา ขณะเดียวกันข้อมูลการแพร่กระจายเชื้อ ความรุนแรงของโรค ไม่มีข้อบ่งชี้ว่ามากกว่าสายพันธุ์อังกฤษ พร้อมหาต้นตอสายพันธุ์อินเดีย

เมื่อเวลา 15.00 น.วันที่ 21 พ.ค. นพ.โอภาส การย์กวินพงศ์ อธิบดีกรมควบคุมโรค กล่าวถึงการค้นพบสายพันธุ์อินเดียในแคมป์คนงานก่อสร้างหลักสี่ ว่า โรคโควิด เป็นเชื้อ ที่มีการเปลี่ยนแปลงตลอดเวลา จากสายพันธุ์ดั้งเดิมที่อู่ฮั่น จนขณะนี้มีหลายสายพันธุ์ แต่สายพันธุ์ที่เราให้ความสนใจ คือ 1.กลายพันธุ์แล้วมีการแพร่ระบาดง่ายขึ้น 2. กลายพันธุ์แล้วทำให้ความรุนแรงของโรคมากขึ้นหรือง่ายขึ้น เสียชีวิตมากขึ้น และ3. กลายพันธุ์แล้วทำให้วัคซีนไม่มีประสิทธิภาพหรือป้องกันโรคไม่ดี โดยสายพันธุ์ที่ทั่วโลกจับตามอง คือ สายพันธุ์อังกฤษ สายพันธุ์อินเดีย สายพันธุ์บราซิล สายพันธุ์แอฟริกาใต้ และเมื่อเช้ามีการพูดถึงสายพันธุ์สิงคโปร์ แต่ประเทศสิงคโปร์ปฏิเสธสายพันธุ์นี้ไปแล้ว

สำหรับ 4 สายพันธุ์ ทั้งสายพันธุ์อังกฤษ สายพันธุ์อินเดีย สายพันธุ์บราซิล สายพันธุ์แอฟริกาใต้ เป็นสายพันธุ์ที่ประเทศไทย โดยกระทรวงสาธารณสุข และมหาวิทยาลัย ห้องปฏิบัติการต่างๆ มีการถอดรหัสพันธุกรรม และรวบรวมข้อมูลและใช้หลักการทางระบาดวิทยาในการอ้างอิง ซึ่งสายพันธุ์ที่ระบาดในบ้านเรา ส่วนใหญ่เป็นสายพันธุ์อังกฤษ เนื่องจากระบาดรวดเร็วมากกว่าสายพันธุ์ดั้งเดิม นอกจากนี้ ยังมีสายพันธุ์จีและสายพันธุ์ดั้งเดิมเล็กน้อย ส่วนสายพันธุ์อินเดีย ขณะนี้ระบาดมากในอินเดีย และพบในหลายประเทศ มีประเทศหนึ่งที่ถอดรหัสพันธุกรรมและพบคือ อังกฤษ รอบบ้านของไทยคือ มาเลเซีย ส่วนที่ระบาดที่สนามบินซางฮีในสิงคโปร์ ข้อมูลเบื้องต้นบอกว่าสายพันธุ์อินเดีย ส่วนเมียนมาและกัมพูชายังมีข้อมูลค่อนข้างจำกัด แต่เชื่อว่ามีสายพันธุ์อินเดีย ดังนั้น ประเทศไทยก็มีโอกาสที่จะมีสายพันธุ์อินเดียหลุดรอดเข้ามาแพร่ระบาดในประเทศไทย ซึ่งจะมีการจับตาอย่างใกล้ชิด

“จากการทำงานร่วมกันระหว่างกระทรวงสาธารณสุข และมหาวิทยาลัยต่างๆ ที่พบการแพร่ระบาดโควิดที่แคมป์คนงานหลักสี่ และนำตัวอย่างทั้งหมด 61 ตัวอย่างตรวจหาสายพันธุ์ พบว่า ตรงกับสายพันธุ์อินเดีย 15 ตัวอย่าง หรือ 15 คน เป็นชาย 7 คน หญิง 8 คน อายุเฉลี่ย 46 ปี ทั้ง 15 รายส่วนใหญ่อาการน้อยรักษาอยู่ใน รพ. ในจำนวน 15 ตัวอย่างเราพบว่า เป็นคนงานในแคมป์ก่อสร้าง 12 คน ส่วนอีก 3 คน เป็นผู้สัมผัสโรคร่วมบ้านกับคนในแคมป์คนงาน จึงต้องมีการเร่งรัดสอบสวนควบคุมโรค” นพ.โอภาส กล่าว

อธิบดีกรมควบคุมโรค กล่าวว่า สายพันธุ์นี้ที่มีข้อมูลมากสุด คือ จากประเทศอังกฤษ โดยหน่วยงานพับพิบเฮลท์อิงแลนด์ ซึ่งพบว่า สายพันธุ์อินเดียในเรื่องการแพร่กระจายโรคไม่ได้แตกต่างจากสายพันธุ์อังกฤษ ส่วนความรุนแรงของโรคไม่มีข้อบ่งชี้ว่ารุนแรงกว่าสายพันธุ์อังกฤษ ส่วนการไม่ตอบสนองวัคซีนหรือดื้อต่อวัคซีน ก็พบว่า สายพันธุ์อินเดียไม่ดื้อต่อวัคซีน โดยเฉพาะวัคซีนหลักที่เราจะใช้ คือ วัคซีนแอสตราเซเนกา  

นพ.โอภาส ให้สัมภาษณ์เพิ่มเติมกับสื่อมวลชนภายหลังการแถลงข่าว ว่า ตัวอย่างที่เห็นอย่างดี คือ อังกฤษใช้แอสตราฯ เป็นหลักก็พบว่าการระบาดของเขาลดน้อยลง ทั้งที่ประเทศอังกฤษมีทั้งสายพันธุ์อินเดียและสายพันธุ์อังกฤษอยู่จำนวนมาก ส่วนวัคซีนของซิโนแวค จากข้อมูลของซิโนแวคเอง และจากที่เรารวบรวม และเทียบเคียงกับหลายประเทศ พบว่าน่าจะยังมีประสิทธิภาพในการป้องกันสายพันธุ์อินเดีย ต้องตรวจสอบรายละเอียดอีกครั้ง

ผู้สื่อข่าวถามว่าสามารถหาต้นตอได้หรือไม่ว่าสายพันธุ์อินเดียเข้ามาประเทศไทยได้ทางช่องไหน นพ.โอภาส กล่าวว่า เราพบเชื้อสายพันธุ์อินเดีย ครั้งแรกเมื่อ 2-3 สัปดาห์ก่อน กรณีที่ผู้เดินทางมาจากปากีสถาน นอกจากนี้ ยังมีรายงานพบว่ามีการระบาดของสายพันธุ์อินเดียในประเทศมาเลเซีย ส่วนเมียนมา และกัมพูชาไม่ได้มีการถอดรหัสพันธุกรรมมากนัก แต่เชื่อว่าน่าจะมีสายพันธุ์อินเดียอยู่ ก็มีโอกาสหลุดมาได้ทุกช่องทาง ดังนั้นเราต้องมาถอดรหัสพันธุกรรมทั้งตัว แล้วนำไปเทียบเคียงกับรหัสพันธุกรรมของเชื้อที่พบในประเทศอื่นๆ จึงจะรู้ว่าเชื้อหลุดรอดเข้ามาได้อย่างไร แต่จากการสอบสวนโรคเบื้องต้นทั้ง 15 ราย ไม่ได้เป็นแรงงานผิดกฎหมาย อยู่ในประเทศไทยมาสักระยะหนึ่งแล้ว ส่วนใหญ่ใช้ชีวิตในแคมป์คนงาน มีออกไปนอกแคมป์บ้าง ก็เป็นสิ่งที่เราต้องลงไปค้นหาต่อไป

ทั้งนี้ ในพื้นที่กทม.ขณะนี้ ศบค.ได้สั่งการให้ตรวจค้นหาในแคมป์คนงานทุกแห่ง ส่วนกระทรวงได้สั่งไปยังสำนักงานสาธารณสุขจังหวัดต่างๆ ให้มีการประสานกับคณะกรรมการโรคติดต่อจังหวัดเพื่อทำการค้นหาเชิงรุกผู้ติดเชื้อตามแคมป์คนงาน ตลาด โรงงานงานต่างๆ ด้วย

เมื่อถามย้ำว่ามีการถอดรหัสพันธุกรรมเชื้อที่ระบาดตามจังหวัดชายแดนพบเชื้อสายพันธุ์อินเดียหรือไม่ นพ.โอภาส กล่าวว่า เรื่องนี้กระทรวงสาธารณสุขจะมีการถอดรหัสพันธุกรรมตามจุดระบาดต่างๆ ว่าเป็นสายพันธุ์อะไร อย่างไรก็ตาม ตอนนี้ไม่ว่าจะเป็นสายพันธุ์อะไร การป้องกันตัวเองยังคงเหมือนเดิม คือ การสวมหน้ากาก เว้นระยะห่าง ล้างมือบ่อยๆ ยังคงเป็นมาตรการที่สำคัญ ส่วนยารักษาโรคยังเป็นไปตามแนวทางเดิม คือการให้ยาฟาวิพิราเวียร์ แต่มีแนวทางในการให้ยาเร็วขึ้นในกลุ่มเสี่ยงเกิดอาการรุนแรง

วันเดียวกัน ด้าน นพ.โสภณ เอี่ยมศิริถาวร รองอธิบดีกรมควบคุมโรค กล่าวถึงรายละเอียดการพบผู้ติดเชื้อโควิด-19 สายพันธุ์อินเดีย จำนวน 15 ราย ในแคมป์คนงานย่านหลักสี่ ว่า ในการระบาดของโควิด-19 ที่ผ่านมา ทางทีมสอบสวนโรค กรมควบคุมโรค มีการสุ่มตรวจหาเชื้อและถอดรหัสสายพันธุ์ไวรัสเป็นระยะ ซึ่งเมื่อถอดรหัสของกลุ่มผู้ติดเชื้อจากแคมป์คนงานดังกล่าว ที่มีการติดเชื้อหลายร้อยราย พบว่า การตรวจหาเชื้อในวันเดียวกัน แต่มี 15 ราย เป็นสายพันธุ์อินเดีย ซึ่งอยู่ในระยะที่สามารถแพร่โรคได้ ผู้ติดเชื้อกลุ่มดังกล่าว รักษาตัวอยู่ในห้องแยกความดันลบ(Isolation) ในโรงพยาบาล เพื่อแยกโซนกับผู้ป่วยรายอื่นที่มีการป่วยในระยะเวลาใกล้กัน 

ทั้งนี้ นพ.โสภณ กล่าวว่า สายพันธุ์อินเดียที่ตรวจพบในขณะนี้ มีความสามารถในการแพร่เชื้อได้เร็วเหมือนกับสายพันธุ์อังกฤษ แต่ยังไม่มีผลกับยารักษาและวัคซีนป้องกันโควิด-19 ยังสามารถใช้ได้ปกติ

https://www.hfocus.org/content/2021/05/21706
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่