ใครจำเมืองไทยยุค1970sได้บ้างครับว่ายุคนั้นเป็นอย่างไรบ้างลองเล่าให้ฟังทีครับ

ในสมัยเมืองไทยยุค1970s ช่วงนั้นเมืองไทยเป็นอย่างไรบ้างครับ สภาพแวดล้อม บ้านเมืองสังคม  แม้กระทั่งแฟชั่นมันเป็นอย่างไรครับยุคนั้นใครทันบ้างลองเล่าสู่กันฟังทีครับ
สุดยอดความคิดเห็น
ความคิดเห็นที่ 11
เกิดยุคนั้นค่ะ เป็นคนกรุงเทพฯ บ้านมีไฟฟ้า ประปาเข้าถึง


สมัยนั้นบ้านเรามีทีวีขาวดำ ซึ่งถือเป็นของที่ไม่ได้มีกันทุกบ้านนะคะ ยิ่งต่างจังหวัดถือเป็นของที่มีน้อยบ้านมากๆ
เวลาไปเยี่ยมญาติที่ต่างจังหวัด บ้านไหนมีทีวี บ้านนั้นจะคึกคักในตอนเย็นถึงค่ำ เพราะเพื่อนบ้านจะมาร่วมวงดูทีวีด้วย


ข่าวต่างประเทศในยุคนั้น ที่เราจำได้ติดตา เพราะข่าวออกต่อเนื่องยาวนาน คือข่าวการล้มล้างบัลลังก์มยุราของพระเจ้าชาห์แห่งอิหร่าน โดยบุรุษในชุดดำนาม"โคไมนี" (อยาตอลเลาะห์ รูฮอลเลาะห์ โคไมนี) เด็กๆเอาชื่ออิหม่ามโคไมนีมาเล่นกันพักใหญ่ แน่นอนส่วนใหญ่เล่นเป็นตัวร้าย เพราะหน้าท่านดุค่ะ  ในขณะที่พระเจ้าชาห์ท่าน"หล่อมาก" ในมุมมองของสาวๆสมัยนั้น


โทรศัพท์เป็นของหายากยิ่งกว่าทีวี  ต้องมีเงินซื้อพันธบัตรเป็นประกันราคาหลักหมื่น ในขณะที่ทองคำน่าจะประมาณหนึ่งพันห้าร้อยบาท( บ้านเราน่าจะติดโทรศัพท์ราวๆปี1977 ค่ะ)  และถึงมีเงินก็ต้องรอสิ่งที่เรียกว่า "คู่สาย"

เห็นว่าบ้านเรามีทีวีและโทรศัพท์ แต่ที่บ้านไม่ร่ำรวยค่ะ ค่อนไปทางจนหน่อยๆ  แต่แม่ลงทุนทีวีให้ลูกคนเดียวจะได้เปิดหูเปิดตา และไม่ต้องซื้อหนังสือพิมพ์  และลงทุนโทรศัพท์เพื่อหารายได้ในการให้เพื่อนบ้านมาใช้ค่ะ  จำได้ว่าแม่ติดกระป๋องหยอดเหรียญด้วยค่ะ

ส่วนเราตอนเด็กๆก็มีรายได้จากการวิ่งตามคนมารับโทรศัพท์ จำได้ว่าช่วงที่เรามีรายได้ดีมากคือตอนที่พี่ชายข้างบ้านเรียนวิศวะ จุฬาฯ  พี่เขารับสอนพิเศษ  โอ้โห นักเรียนโทรมาติดต่อติวเตอร์ถี่มาก และพอพี่เขาเรียนจบเริ่มสมัครงาน  ยิ่งวิ่งตามมารับโทรศัพท์ถี่มาก  ปกติพี่จะให้ค่าขนมน้องนิดๆหน่อย  แต่พอพี่เขาเรียนใกล้จบ ก็ได้งานที่ปูนใหญ่เลย  ตอนพี่ได้งาน พี่ทิปน้องตั้ง100บาทแน่ะ  มันเยอะมากนะ เพราะเราได้ค่าขนมไปโรงเรียนไม่ถึง 5บาทค่ะ


วัยอลวน คือภาพยนต์ไทยแห่งยุดโดยแท้จริง คุณไพโรจน์ สังวริบุตร และคุณลลนา สุลาวัลย์ คือดาราคู่ขวัญแห่งยุคจริงๆวัยรุ่นสมัยนั้นแต่งตัวและร้องเพลงเลียนแบบในหนัง

ใครอ่านมาถึงตรงนี้ และผ่านยุควัยอลวนมาเหมือนกัน  คิดถึงคุณลลนา สามารถแวะไปรำลึกความหลังได้ที่ร้านอาหารของเธอค่ะ อร่อย ไม่แพง
https://ppantip.com/topic/40140242

สิ่งที่ทุกบ้านมีคือวิทยุ ยี่ห้อดังก็ธานินทร์ ที่ต้องใช่ถ่าน
และถ่านยี่ห้อดังก็คือ "ถ่านไฟฉายตรากบ" ที่มีเพลงโฆษณาติดหู

เนื้อเพลง
"ต้นตระกูลผมแต่บางบรรพ์ หลังย่ำสายัณห์ดวงตะวันเลี่ยงหลบ
จะเดินทางเยื้องย่างไปไหน จำเป็นต้องใช้จุดไต้จุดคบ
ปัจจุบันเห็นจะไม่ดี ขืนจุดไต้ซี ถ้ามีใครมาพบ
ก็อาจต้องอายขายหน้าอักโข เขาต้องฮาต้องโห่ ว่าผมโง่บัดซบ
* ยุคนี้มันต้องทันสมัย เพื่อนผมทั่วไปใช้ถ่านไฟตรากบ
ทั้งวิทยุและกระบอกไฟฉาย คุณภาพมากมายสะดวกสบายครันคบ
ก็ถ่านก็มีหลายอย่างวางกอง เขากลับรับรองว่าต้องแพ้ตรากบ
เหตุผลเขาน่าฟังครับ ขอท่านจงสดับเหอะท่านที่เคารพ
ลองมะ ลองมะ บอกได้เลยว่าดี ไม่ได้ธรรมดาสักหน่อย
เอามะ เอามะ คงต้องลองสักที ดีนะ ดีนะ ดีนะเออ"


รายการวิทยุที่เข้าถึงประชาชนที่เราจำได้ มีเด่นๆคือ
รายการข่าวของ คุณดุ่ย ณ บางน้อย นักเล่าข่าวในตำนานที่จัดรายการชื่อ  "คุยโขมง หกโมงเช้า" ที่ป้าเราเปิดฟังตลอด จัดเป็นสิ่งเสพติดอย่างหนึ่ง
และอีกอย่างคือ "ละครวิทยุ"  ที่ดังๆก็มีคณะเกศทิพย์ (ผู้ใหญ่ที่บ้านฟังเจ้านี้ เลยจำได้)


อีกอย่างที่รุ่งเรืองเฟื่องฟูมาก คือ"ลูกเสือชาวบ้าน" จำได้ว่าคุณยายเราท่านก็เป็นลูกเสือชาวบ้าน ได้รับพระราชทานผ้าพันคอลูกเสือชาวบ้าน ที่ยายเราเก็บรักษาไว้อย่างดี จำได้ว่าผู้หลักผู้ใหญ่มีความสุขกับการร่วมกิจกรรมมากค่ะ


ขอบคุณกระทู้นี้ ที่ทำให้นึกถึงวันดีๆสมัยเด็กค่ะ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่