สุดยอดความคิดเห็น
ความคิดเห็นที่ 11
เกิดยุคนั้นค่ะ เป็นคนกรุงเทพฯ บ้านมีไฟฟ้า ประปาเข้าถึง
สมัยนั้นบ้านเรามีทีวีขาวดำ ซึ่งถือเป็นของที่ไม่ได้มีกันทุกบ้านนะคะ ยิ่งต่างจังหวัดถือเป็นของที่มีน้อยบ้านมากๆ
เวลาไปเยี่ยมญาติที่ต่างจังหวัด บ้านไหนมีทีวี บ้านนั้นจะคึกคักในตอนเย็นถึงค่ำ เพราะเพื่อนบ้านจะมาร่วมวงดูทีวีด้วย
ข่าวต่างประเทศในยุคนั้น ที่เราจำได้ติดตา เพราะข่าวออกต่อเนื่องยาวนาน คือข่าวการล้มล้างบัลลังก์มยุราของพระเจ้าชาห์แห่งอิหร่าน โดยบุรุษในชุดดำนาม"โคไมนี" (อยาตอลเลาะห์ รูฮอลเลาะห์ โคไมนี) เด็กๆเอาชื่ออิหม่ามโคไมนีมาเล่นกันพักใหญ่ แน่นอนส่วนใหญ่เล่นเป็นตัวร้าย เพราะหน้าท่านดุค่ะ ในขณะที่พระเจ้าชาห์ท่าน"หล่อมาก" ในมุมมองของสาวๆสมัยนั้น
โทรศัพท์เป็นของหายากยิ่งกว่าทีวี ต้องมีเงินซื้อพันธบัตรเป็นประกันราคาหลักหมื่น ในขณะที่ทองคำน่าจะประมาณหนึ่งพันห้าร้อยบาท( บ้านเราน่าจะติดโทรศัพท์ราวๆปี1977 ค่ะ) และถึงมีเงินก็ต้องรอสิ่งที่เรียกว่า "คู่สาย"
เห็นว่าบ้านเรามีทีวีและโทรศัพท์ แต่ที่บ้านไม่ร่ำรวยค่ะ ค่อนไปทางจนหน่อยๆ แต่แม่ลงทุนทีวีให้ลูกคนเดียวจะได้เปิดหูเปิดตา และไม่ต้องซื้อหนังสือพิมพ์ และลงทุนโทรศัพท์เพื่อหารายได้ในการให้เพื่อนบ้านมาใช้ค่ะ จำได้ว่าแม่ติดกระป๋องหยอดเหรียญด้วยค่ะ
ส่วนเราตอนเด็กๆก็มีรายได้จากการวิ่งตามคนมารับโทรศัพท์ จำได้ว่าช่วงที่เรามีรายได้ดีมากคือตอนที่พี่ชายข้างบ้านเรียนวิศวะ จุฬาฯ พี่เขารับสอนพิเศษ โอ้โห นักเรียนโทรมาติดต่อติวเตอร์ถี่มาก และพอพี่เขาเรียนจบเริ่มสมัครงาน ยิ่งวิ่งตามมารับโทรศัพท์ถี่มาก ปกติพี่จะให้ค่าขนมน้องนิดๆหน่อย แต่พอพี่เขาเรียนใกล้จบ ก็ได้งานที่ปูนใหญ่เลย ตอนพี่ได้งาน พี่ทิปน้องตั้ง100บาทแน่ะ มันเยอะมากนะ เพราะเราได้ค่าขนมไปโรงเรียนไม่ถึง 5บาทค่ะ
วัยอลวน คือภาพยนต์ไทยแห่งยุดโดยแท้จริง คุณไพโรจน์ สังวริบุตร และคุณลลนา สุลาวัลย์ คือดาราคู่ขวัญแห่งยุคจริงๆวัยรุ่นสมัยนั้นแต่งตัวและร้องเพลงเลียนแบบในหนัง
ใครอ่านมาถึงตรงนี้ และผ่านยุควัยอลวนมาเหมือนกัน คิดถึงคุณลลนา สามารถแวะไปรำลึกความหลังได้ที่ร้านอาหารของเธอค่ะ อร่อย ไม่แพง
https://ppantip.com/topic/40140242
สิ่งที่ทุกบ้านมีคือวิทยุ ยี่ห้อดังก็ธานินทร์ ที่ต้องใช่ถ่าน
และถ่านยี่ห้อดังก็คือ "ถ่านไฟฉายตรากบ" ที่มีเพลงโฆษณาติดหู
เนื้อเพลง
"ต้นตระกูลผมแต่บางบรรพ์ หลังย่ำสายัณห์ดวงตะวันเลี่ยงหลบ
จะเดินทางเยื้องย่างไปไหน จำเป็นต้องใช้จุดไต้จุดคบ
ปัจจุบันเห็นจะไม่ดี ขืนจุดไต้ซี ถ้ามีใครมาพบ
ก็อาจต้องอายขายหน้าอักโข เขาต้องฮาต้องโห่ ว่าผมโง่บัดซบ
* ยุคนี้มันต้องทันสมัย เพื่อนผมทั่วไปใช้ถ่านไฟตรากบ
ทั้งวิทยุและกระบอกไฟฉาย คุณภาพมากมายสะดวกสบายครันคบ
ก็ถ่านก็มีหลายอย่างวางกอง เขากลับรับรองว่าต้องแพ้ตรากบ
เหตุผลเขาน่าฟังครับ ขอท่านจงสดับเหอะท่านที่เคารพ
ลองมะ ลองมะ บอกได้เลยว่าดี ไม่ได้ธรรมดาสักหน่อย
เอามะ เอามะ คงต้องลองสักที ดีนะ ดีนะ ดีนะเออ"
รายการวิทยุที่เข้าถึงประชาชนที่เราจำได้ มีเด่นๆคือ
รายการข่าวของ คุณดุ่ย ณ บางน้อย นักเล่าข่าวในตำนานที่จัดรายการชื่อ "คุยโขมง หกโมงเช้า" ที่ป้าเราเปิดฟังตลอด จัดเป็นสิ่งเสพติดอย่างหนึ่ง
และอีกอย่างคือ "ละครวิทยุ" ที่ดังๆก็มีคณะเกศทิพย์ (ผู้ใหญ่ที่บ้านฟังเจ้านี้ เลยจำได้)
อีกอย่างที่รุ่งเรืองเฟื่องฟูมาก คือ"ลูกเสือชาวบ้าน" จำได้ว่าคุณยายเราท่านก็เป็นลูกเสือชาวบ้าน ได้รับพระราชทานผ้าพันคอลูกเสือชาวบ้าน ที่ยายเราเก็บรักษาไว้อย่างดี จำได้ว่าผู้หลักผู้ใหญ่มีความสุขกับการร่วมกิจกรรมมากค่ะ
ขอบคุณกระทู้นี้ ที่ทำให้นึกถึงวันดีๆสมัยเด็กค่ะ
สมัยนั้นบ้านเรามีทีวีขาวดำ ซึ่งถือเป็นของที่ไม่ได้มีกันทุกบ้านนะคะ ยิ่งต่างจังหวัดถือเป็นของที่มีน้อยบ้านมากๆ
เวลาไปเยี่ยมญาติที่ต่างจังหวัด บ้านไหนมีทีวี บ้านนั้นจะคึกคักในตอนเย็นถึงค่ำ เพราะเพื่อนบ้านจะมาร่วมวงดูทีวีด้วย
ข่าวต่างประเทศในยุคนั้น ที่เราจำได้ติดตา เพราะข่าวออกต่อเนื่องยาวนาน คือข่าวการล้มล้างบัลลังก์มยุราของพระเจ้าชาห์แห่งอิหร่าน โดยบุรุษในชุดดำนาม"โคไมนี" (อยาตอลเลาะห์ รูฮอลเลาะห์ โคไมนี) เด็กๆเอาชื่ออิหม่ามโคไมนีมาเล่นกันพักใหญ่ แน่นอนส่วนใหญ่เล่นเป็นตัวร้าย เพราะหน้าท่านดุค่ะ ในขณะที่พระเจ้าชาห์ท่าน"หล่อมาก" ในมุมมองของสาวๆสมัยนั้น
โทรศัพท์เป็นของหายากยิ่งกว่าทีวี ต้องมีเงินซื้อพันธบัตรเป็นประกันราคาหลักหมื่น ในขณะที่ทองคำน่าจะประมาณหนึ่งพันห้าร้อยบาท( บ้านเราน่าจะติดโทรศัพท์ราวๆปี1977 ค่ะ) และถึงมีเงินก็ต้องรอสิ่งที่เรียกว่า "คู่สาย"
เห็นว่าบ้านเรามีทีวีและโทรศัพท์ แต่ที่บ้านไม่ร่ำรวยค่ะ ค่อนไปทางจนหน่อยๆ แต่แม่ลงทุนทีวีให้ลูกคนเดียวจะได้เปิดหูเปิดตา และไม่ต้องซื้อหนังสือพิมพ์ และลงทุนโทรศัพท์เพื่อหารายได้ในการให้เพื่อนบ้านมาใช้ค่ะ จำได้ว่าแม่ติดกระป๋องหยอดเหรียญด้วยค่ะ
ส่วนเราตอนเด็กๆก็มีรายได้จากการวิ่งตามคนมารับโทรศัพท์ จำได้ว่าช่วงที่เรามีรายได้ดีมากคือตอนที่พี่ชายข้างบ้านเรียนวิศวะ จุฬาฯ พี่เขารับสอนพิเศษ โอ้โห นักเรียนโทรมาติดต่อติวเตอร์ถี่มาก และพอพี่เขาเรียนจบเริ่มสมัครงาน ยิ่งวิ่งตามมารับโทรศัพท์ถี่มาก ปกติพี่จะให้ค่าขนมน้องนิดๆหน่อย แต่พอพี่เขาเรียนใกล้จบ ก็ได้งานที่ปูนใหญ่เลย ตอนพี่ได้งาน พี่ทิปน้องตั้ง100บาทแน่ะ มันเยอะมากนะ เพราะเราได้ค่าขนมไปโรงเรียนไม่ถึง 5บาทค่ะ
วัยอลวน คือภาพยนต์ไทยแห่งยุดโดยแท้จริง คุณไพโรจน์ สังวริบุตร และคุณลลนา สุลาวัลย์ คือดาราคู่ขวัญแห่งยุคจริงๆวัยรุ่นสมัยนั้นแต่งตัวและร้องเพลงเลียนแบบในหนัง
ใครอ่านมาถึงตรงนี้ และผ่านยุควัยอลวนมาเหมือนกัน คิดถึงคุณลลนา สามารถแวะไปรำลึกความหลังได้ที่ร้านอาหารของเธอค่ะ อร่อย ไม่แพง
https://ppantip.com/topic/40140242
สิ่งที่ทุกบ้านมีคือวิทยุ ยี่ห้อดังก็ธานินทร์ ที่ต้องใช่ถ่าน
และถ่านยี่ห้อดังก็คือ "ถ่านไฟฉายตรากบ" ที่มีเพลงโฆษณาติดหู
เนื้อเพลง
"ต้นตระกูลผมแต่บางบรรพ์ หลังย่ำสายัณห์ดวงตะวันเลี่ยงหลบ
จะเดินทางเยื้องย่างไปไหน จำเป็นต้องใช้จุดไต้จุดคบ
ปัจจุบันเห็นจะไม่ดี ขืนจุดไต้ซี ถ้ามีใครมาพบ
ก็อาจต้องอายขายหน้าอักโข เขาต้องฮาต้องโห่ ว่าผมโง่บัดซบ
* ยุคนี้มันต้องทันสมัย เพื่อนผมทั่วไปใช้ถ่านไฟตรากบ
ทั้งวิทยุและกระบอกไฟฉาย คุณภาพมากมายสะดวกสบายครันคบ
ก็ถ่านก็มีหลายอย่างวางกอง เขากลับรับรองว่าต้องแพ้ตรากบ
เหตุผลเขาน่าฟังครับ ขอท่านจงสดับเหอะท่านที่เคารพ
ลองมะ ลองมะ บอกได้เลยว่าดี ไม่ได้ธรรมดาสักหน่อย
เอามะ เอามะ คงต้องลองสักที ดีนะ ดีนะ ดีนะเออ"
รายการวิทยุที่เข้าถึงประชาชนที่เราจำได้ มีเด่นๆคือ
รายการข่าวของ คุณดุ่ย ณ บางน้อย นักเล่าข่าวในตำนานที่จัดรายการชื่อ "คุยโขมง หกโมงเช้า" ที่ป้าเราเปิดฟังตลอด จัดเป็นสิ่งเสพติดอย่างหนึ่ง
และอีกอย่างคือ "ละครวิทยุ" ที่ดังๆก็มีคณะเกศทิพย์ (ผู้ใหญ่ที่บ้านฟังเจ้านี้ เลยจำได้)
อีกอย่างที่รุ่งเรืองเฟื่องฟูมาก คือ"ลูกเสือชาวบ้าน" จำได้ว่าคุณยายเราท่านก็เป็นลูกเสือชาวบ้าน ได้รับพระราชทานผ้าพันคอลูกเสือชาวบ้าน ที่ยายเราเก็บรักษาไว้อย่างดี จำได้ว่าผู้หลักผู้ใหญ่มีความสุขกับการร่วมกิจกรรมมากค่ะ
ขอบคุณกระทู้นี้ ที่ทำให้นึกถึงวันดีๆสมัยเด็กค่ะ
แสดงความคิดเห็น
ใครจำเมืองไทยยุค1970sได้บ้างครับว่ายุคนั้นเป็นอย่างไรบ้างลองเล่าให้ฟังทีครับ