DEFENDER (7) : CALEB & THE GIRL.

ร่างสูงกำลังยืนพิงลำต้นของต้นไม้ใหญ่ ร่างทั้งร่างนิ่งสนิทไม่ไหวติง ในขณะที่เงี่ยหูฟังเสียงกรีดร้อง และเสียงคำรามที่แผดดังลั่นไปทั่วบริเวณ

เขาได้ยินเสียงหัวใจตนเองเต้นได้อย่างชัดเจน มันเต้นถี่รัวเร็ว และรุนแรง ราวกับว่ากำลังจะทะลุออกมาจากอกก็ไม่ปาน -- แวบนั้นเขาหลับตาลง พยายามปรับลมหายใจของตนเองอย่างช้าๆ ฉุดรั้งสติตนเองไม่ให้แตกกระเจิงไปกับสิ่งที่เกิดขึ้นรอบตัวในขณะนี้

ร่างสูงลืมตาขึ้น แนบตัวเข้ากับต้นไม้ พยายามซ่อนตัวอยู่ในความมืดมากขึ้น

ดวงตาอันคมกริบกวาดมองไปรอบตัวอย่างระมัดระวัง พยายามไม่ส่งเสียงอะไรออกมา เมื่อเห็นบ้านหลายหลังถูกเผาไหม้เป็นเพลิงยักษ์ ส่องสว่างลุกโชนขึ้นท่ามกลางความมืด

“เผาพวกมัน!” เสียงผู้คนตะโกนลั่น “เผาพวกมันทั้งเป็นเสีย!”

เสียงกรีดร้องราวสัตว์ป่าคำราม ประสานเข้ากับเสียงกรีดร้องอย่างตื่นกลัวของผู้คน

“กอบกู้หมู่บ้านของพวกเรากลับมาให้ได้!!!”

เพลิงไฟตรงหน้าใหญ่โตมากขึ้น และลามไปทั่วทุกหลังคาบ้านอย่างรวดเร็ว จนมันกลายเป็นเพลิงยักษ์ที่ส่องสว่างไปทั่วบริเวณ เผยให้เห็นพื้นกรวดหินที่เต็มไปด้วยซากศพ และกองเลือด

บรรดาผู้คนวิ่งหนีไปมาอย่างแตกตื่น และโกลาหล  พวกเขาต่างพากันโอบอุ้มลูกหลาน และครอบครัวตนเองหลบหนีไปตามทางเดินอันมืดสลัวอย่างขวัญผวา  ชายฉกรรจ์หลายคนโบกคบไฟไปมาเพื่อป้องกันตนเองจากร่างที่พุ่งเข้ามาทำร้าย ร่างหลายร่างปะทะกันอย่างรุนแรง แล้วล้มกระแทกลงกับพื้นหิน พวกเขาต่อสู้กับร่างลึกลับเหล่านั้นสุดชีวิต และต่างถูกกัดทำร้ายราวกับถูกสัตว์ป่าเดรัจฉานไล่ล่า ทั้งๆที่อีกฝ่ายนั้นเป็นนุษย์ ไม่ใช่สัตว์ป่า!

“พวกมันไม่ใช่คนอีกแล้ว!!!” ชายฉกรรจ์หลายคนร้องเตือนพรรคพวคตนเอง “ฆ่าพวกมันเสีย!!!”

หากแต่คำสั่งนั้นไม่ได้ง่ายดายอย่างที่คิด หลายคนรั้งอาวุธในมือของตนเองในวินาทีสุดท้ายของการต่อสู้ ต่างไม่กล้าพอที่จะฆ่าอีกฝ่าย ที่ครั้งหนึ่งเคยเป็นมนุษย์มาก่อน

พวกเขายืนร้องไห้ และคร่ำครวญ เมื่อมองเห็นใบหน้าของคนรักกลายเป็นปิศาจร้าย -- ใจที่แตกสลาย ทำให้พวกเขายอมแพ้กับการต่อสู้ ยินยอมตกเป็นเหยื่อ ให้ตนเองถูกกัดกินทั้งเป็น! 

หากแต่เหตุการณ์สยองขวัญที่เกิดขึ้นนั้น ทำให้อีกหลายคนยังคงยืนหยัดต่อสู้เอาชีวิตรอด พวกเขายิงปืนออกไปหลายนัด จนเสียงกระสุนดังสะท้อนก้องกังวานไปทั่วทั้งความมืด

ปัง! ปัง! ปัง!

เสียงนั้นก้องกังวานไปจนถึงป่าลึก

ชายที่ยืนหลบอยู่ในเงามืดเผลอกลั้นลมหายใจ -- นั่นไม่ดีเลย -- เขานึก ก่อนที่จะได้ยินเสียงร้องของสัตว์ป่าคำรามกลับมาจากความมืดของป่าลึกแทบจะในทันที

หากแต่เสียงปืนยังคงดังต่อไปอีกหลายนัดจากตัวหมู่บ้าน ตามมาด้วยเสียงกรีดร้องขอความช่วยเหลือ เสียงร้องไห้ราวคนเสียสติ ไปจนถึงเสียงตะโกนตามคนรักที่ผลัดหายไปในความโกลาหล

ภาพตรงหน้า ทำให้หมู่บ้านแห่งนี้ดูราวกับพิธีบูชายัญบางอย่าง ที่กำลังเซ่นสังเวยเนื้อมนุษย์ให้กับปิศาจร้าย พื้นหินเต็มไปด้วยเลือดที่สาดกระเซ็น และเศษชิ้นเนื้อที่ถูกรุมทึ้งออกเป็นชิ้นๆอย่างน่ากลัว

และบรรดามนุษย์ที่พยายามต่อสู้ กำลังพ่ายแพ้ให้แก่เหล่าปิศาจ

ที่แห่งนี้ไม่ใช่หมู่บ้านเดิมที่เขารู้จักอีกต่อไปแล้ว

ใจเย็นๆ -- เคเลบบอกตนเอง -- ยังคงยืนนิ่งแม้ว่ารอบตัวจะตกอยู่ในกองไฟ และนรกทั้งเป็น -- เขายังออกไปในตอนนี้ไม่ได้

เขาต้องรอดูก่อน ว่าพวกมันมีจำนวนมากเพียงใด

เคเลบรอจนกระทั่งเวลาผ่านไปไม่กี่วินาที จนกระทั่งได้เห็นในสิ่งที่คาดคิดเอาไว้ก่อนหน้า --

ร่างของผู้คนที่ล้มตายจากพิษบาดแผล เริ่มชักกระตุกบนพื้นดิน แล้วลุกกลับขึ้นมาใหม่ในสภาพราวกับซากศพเดินได้ ทั่วทั้งร่างเหม็นเน่า และผิวลอกถลอกราวกับถูกถลกออกด้วยมือที่มองไม่เห็น ใบหน้าของพวกเขาที่ฟื้นคืนชีพกลับมานั้น บัดนี้ปราศจากซึ่งความหวาดกลัว ความเจ็บปวด หรือสติสัมปชัญญะใดๆเช่นก่อนหน้า หากแต่เหลือไว้เพียงความดุร้าย และความบ้าคลั่งเท่านั้น!

พวกเขาลุกขึ้นมาจากพื้น ร่างทั้งร่างกระตุกอย่างรุนแรง ริมฝีปากอ้ากว้าง แผดเสียงร้องออกมาราวกับเสียงสัตว์ป่าคำราม ดวงตาสีขาวโพลนเบิกกว้าง ใบหน้าหันไปตามเสียงฝีเท้าของผู้คนที่กำลังวิ่งหนี และสูดดมกลิ่นกลางอากาศอย่างรวดเร็ว

แล้วพวกมันก็เริ่มต้นไล่ล่ามนุษย์คนอื่นต่อไป ราวกับเป็นวงจรแห่งห้วงนรกที่ไม่มีวันจบสิ้น!

หมู่บ้านแห่งนี้อันตราย -- เคเลบนึก ขณะไล่สายตาไปตามบ้านแต่ละหลังที่ถูกบุกรุก และเต็มไปด้วยเสียงกรีดร้อง

เคเลบยังคงควบคุมอารมณ์ของตนเองไว้มั่น เหนี่ยวรั้งสติตนเองไว้ไม่ให้แตกกระเจิงไปตามภาพสยองขวัญรอบตัว ในขณะที่ชำเลืองมองไปยังบ้านหลังใหญ่ที่อยู่ใจกลางหมู่บ้าน

มันคือบ้านที่ใหญ่ที่สุด และเก่าแก่ที่สุดในหมู่บ้าน

มันคือบ้านประจำตระกูลของหัวหน้าหมู่บ้าน ที่เต็มไปด้วยเครื่องยา อาวุธ และกำลังพลมาโดยตลอด

เขาต้องเข้าไปในบ้านหลังนั้นให้ได้

เคเลบเฝ้ามองบรรดาผู้คนที่ล่าถอยกลับเข้าไปในบ้านหลังนั้น

พวกเขาหายเข้าไปทีละคน -- ทีละคน -- ก่อนที่จะตามมาเสียงกรีดร้องโหยหวนดังลั่นออกมาจากความมืดในตัวบ้าน จนกระทั่งเงียบลงไปในที่สุด

เขาต้องรีบไปจากที่นี่ -- เคเลบบอกตนเอง เมื่อยังคงไม่เห็นใครออกมาจากบ้านหลังนั้น -- จำนวนของพวกมันมีมากกว่าที่เขาคาดคิดเอาไว้

ในตอนนั้นเองที่เขาคว้าถุงบางอย่างออกมาจากใต้เสื้อคลุม รีบเปิดมันออก แล้วเทของเหลวในนั้นไปตามท่อนแขน และแผงอกตนเอง จากนั้นจึงยกสองมือชโลมของเหลวสีแดงเข้มนั่นไปทั่วทั้งลำคอ และใบหน้าอย่างรวดเร็ว

เคเลบกลั้นใจทนกลิ่นคาวเลือดอันเหม็นเน่าที่อาบไปทั่วร่างตนเอง -- เขาพร้อมแล้ว -- เขาบอกตนเอง จากนั้นจึงตัดสินใจเดินออกมาจากเงามืดของต้นไม้ใหญ่ รีบตรงไปยังบ้านที่อยู่ตรงหน้า

ฉับพลันนั้นร่างของหญิงคนหนึ่งก็พุ่งออกมาจากประตู แล้วทรุดล้มลงกับพื้นกรวด ใบหน้าอันขาวซีดเงยหน้าขึ้น กรีดร้องขอความช่วยเหลือ น้ำเสียงและสีหน้าเต็มไปด้วยความหวาดกลัวสุดขีด!

แทบจะในทันทีที่ร่างของเธอถูกลากกลับเข้าไปในตัวบ้านอันมืดมิด เธอคว้าขอบประตูไว้แน่น ยุดยื้อต้านแรงกระชากนั่นสุดชีวิต “ช่วยด้วย” เธอกรีดร้อง “ช่วยด้วย!!”

เคเลบพุ่งตัวเข้าไปคว้ามือเธอไว้แน่น ออกแรงฉุดรั้งร่างเธอจนสุดแรง หากแต่เรี่ยวแรงจากอีกทางด้านหนึ่งที่กำลังฉุดกระชากปลายเท้าเธอไปนั้นกลับทรงพลังมากกว่าที่เขาคาด จนร่างของหญิงสาวกลายเป็นสีแดงจัด ราวกับกำลังจะขาดออกเป็นสองท่อน

ทว่าเธอยังคงไม่ยอมปล่อยมือจากเคเลบ และขอบประตู “ช่วยฉันด้วย!” เธอร้องลั่นทั้งน้ำตา 

พลันเสียงคำรามราวสัตว์ป่าก็ดังมาจากความมืดตรงหน้า และโดยไม่ทันตั้งตัว ร่างลึกลับนั่นก็ลากหญิงสาวกลับเข้าไปในตัวบ้านอย่างรวดเร็วและรุนแรง หญิงสาวแผดเสียงร้อง น้ำตาไหลนองหน้า หวาดกลัวจนแทบสิ้นสติเมื่อรับรู้ได้ถึงชะตากรรมของตนเอง! 

เสียงฉีกกระชาก และเสียงกระแทกอันรุนแรงดังขึ้น ของเหลวสีแดงฉานสาดกระเซ็นเปื้อนไปทั่วทั้งขอบประตู และใบหน้าของเคเลบ!

ฉับพลันนั้นเสียงของหญิงสาวก็เงียบหายไป

เคเลบกลั้นหายใจ จ้องมองเข้าไปในความมืด -- สองหูไม่ได้ยินเสียงอะไรอื่นอีก นอกจากเสียงลมหายใจดังครืดคราดที่ค่อยๆดังมากขึ้นเรื่อยๆ -- และเข้ามาใกล้มากขึ้นเรื่อยๆ --

เคเลบผงะถอยออกจากขอบประตู ในจังหวะเดียวกันกับที่ใบหน้าของชายคนหนึ่งโฉบพุ่งเข้ามาใกล้เขา!

เขาจ้องมองเข้าไปในดวงตาตรงหน้า -- มองดูปิศาจในร่างมนุษย์ที่เปื้อนเลือดสีแดงฉานไปทั่วทั้งตัว และคมเขี้ยวอันแหลมคมที่ยังคงมีเศษชิ้นเนื้อติดอยู่ไปทั่ว

แวบหนึ่งชายปิศาจตนนี้คล้ายจะโฉบกัดเคเลบ -- หากแต่เมื่อปลายจมูกนั้นสูดดมกลิ่นตรงหน้า ชายปิศาจกลับหยุดชะงักลง

เคเลบเพ่งมองท่าทีอีกฝ่ายอย่างระมัดระวัง --

ร่างนั้นดูสับสน และไม่แน่ใจ -- สัมผัสบางอย่างกำลังร้องบอกอยู่แน่นอน ว่าเขาคือเหยื่อ เขาคือมนุษย์ที่มีทั้งเลือดเนื้ออันเป็นอาหารอันโอชะ หากแต่กลิ่นจากเลือดที่อาบไปทั่วทั้งร่างเขานั้นกลับตรงกันข้ามกับสัมผัสนั้นโดยสิ้นเชิง

มันคือกลิ่นเลือดเน่า -- กลิ่นของซากศพที่ฟื้นคืนชีพขึ้นมา --

และนั่นทำให้ชายปิศาจสับสนต่อประสาทสัมผัสของตนเอง

เคเลบไม่ปล่อยให้ช่วงเวลาสั้นๆที่เกิดขึ้นนั้นเสียเปล่า เขารีบแทรกตัวผ่านประตูเข้ามา แล้วมองหาสิ่งที่ตนเองต้องการในทันที
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่