สุดยอดความคิดเห็น
ความคิดเห็นที่ 1
คนต่างชาติคนนี้ห่วยแตก ไม่ควรร่วมงานด้วยเด็ดขาด อีคิวและทัศนคติแย่มากๆ เค้ายังไม่เข้าใจเรื่อง human resources ไม่ต้องสนใจละ อยากได้คนมาทำงานหรืออยากได้ทาส ตั้งแต่โควิดงานหายากเนี่ย ชาวต่างชาติพยายามกดหัวคนไทยให้เป็นทาสแล้วเพราะคิดว่าเราไม่มีทางเลือก อยากจะจ้างถูกๆให้ทำงานหนักๆ ผมเจอมาตลอดเลยข่วงนี้
ความคิดเห็นที่ 15
เรามองว่าเขาคงต้องการคนมาทำงานจริงๆ
พอคุณตอบแบบนั้น มันเหมือนกับว่า
ฉันมีงานทำแล้ว ฉันแวะมาสัมภาษณ์เฉยๆ ไว้ฉันอยากเปลี่ยนงานเมื่อไหร่ฉันจะมานะ
อะไรแบบนี้
คุณอาจจะคิดว่าตอนนี้รู้สึกแบบนี้เลยตอบไปตรงๆ แต่คนฟังเขาได้คำตอบในหลายๆเรื่องไปด้วย
แต่ฝรั่งคนนี้ก็โผงผางไปนิด เขาคงไม่พอใจตั้งแต่จึดนั้นแล้ว พอมีข้อมูลอะไรเพิ่มเติม เขาก็ไบแอสไปหมด
คือถ้าฝั่งบ.ใจเย็นลงและฝั่งจขกท.ฉลาดใช้คำพูดกว่านี้ คำถามเดียวกัน คำตอบเดียวกัน อาจจะทำให้บรรยากาศมันดีกว่านี้ค่ะ
พอคุณตอบแบบนั้น มันเหมือนกับว่า
ฉันมีงานทำแล้ว ฉันแวะมาสัมภาษณ์เฉยๆ ไว้ฉันอยากเปลี่ยนงานเมื่อไหร่ฉันจะมานะ
อะไรแบบนี้
คุณอาจจะคิดว่าตอนนี้รู้สึกแบบนี้เลยตอบไปตรงๆ แต่คนฟังเขาได้คำตอบในหลายๆเรื่องไปด้วย
แต่ฝรั่งคนนี้ก็โผงผางไปนิด เขาคงไม่พอใจตั้งแต่จึดนั้นแล้ว พอมีข้อมูลอะไรเพิ่มเติม เขาก็ไบแอสไปหมด
คือถ้าฝั่งบ.ใจเย็นลงและฝั่งจขกท.ฉลาดใช้คำพูดกว่านี้ คำถามเดียวกัน คำตอบเดียวกัน อาจจะทำให้บรรยากาศมันดีกว่านี้ค่ะ
ความคิดเห็นที่ 7
ถ้าอยากได้งานก็อาจต้องตอบสวย ๆ แบบให้มงฯ ลงครับ
แต่ recruit นี่คงหมายถึง recruitment agency ใช่ไหม ถ้าใช่ ก็ไม่เซอร์ไพร์ซถ้าจะเกิดปัญหาทำนองนี้ เพราะมันแบ่งเป็นสามฝ่าย
บริษัทที่ต้องการคน (ไคลเอ็นท์) / เอเจนซี่หาคน / คนทำงาน (แคนดิเดท)
เอเจนซี่ คือ คนกลาง รายได้ของเขามาจากการหา แคนดิเดท ส่งไปให้ ไคลเอ็นท์ ซึ่งบ่อยครั้ง แคนดิเดท ก็ไม่ได้อยู่ในโหมดหางาน ผมก็เคยได้รับการติดต่อจาก เอเจนซี่ เช่นกันแม้จะไม่ได้อยู่ในโหมดหางาน และ ไคลเอ็นท์ ก็ไม่ได้รู้ว่าคนที่ไปสัมภาษณ์นั้นอยู่ในโหมดไหน นึกว่าคนที่มา คือ อยากร่วมงานกับบริษัทเขาจริง ๆ
เมื่อทราบภายหลังว่า จขกท ไม่ได้มีแผนจะเปลี่ยนงานตอนนี้ เขาจึงรู้สึกว่าทำไมจึงเกิดเหตุการเช่นนี้ ทำไมเอเจนซีส่งคนแบบนี้มาให้ และดูเหมือนเอเจนซี่จะไปสัญญินสัญญาเรตกับแคนดิเดทกันอิท่าไหน ฯลฯ
กล่าวโดยสรุป คือ ปัญหาการสื่อสาร โดยต้นกำเนิดมาจากเอเจนซี ส่วน จขกท ก็ตอบตรงไปหน่อยเท่านั้นครับ
แต่ recruit นี่คงหมายถึง recruitment agency ใช่ไหม ถ้าใช่ ก็ไม่เซอร์ไพร์ซถ้าจะเกิดปัญหาทำนองนี้ เพราะมันแบ่งเป็นสามฝ่าย
บริษัทที่ต้องการคน (ไคลเอ็นท์) / เอเจนซี่หาคน / คนทำงาน (แคนดิเดท)
เอเจนซี่ คือ คนกลาง รายได้ของเขามาจากการหา แคนดิเดท ส่งไปให้ ไคลเอ็นท์ ซึ่งบ่อยครั้ง แคนดิเดท ก็ไม่ได้อยู่ในโหมดหางาน ผมก็เคยได้รับการติดต่อจาก เอเจนซี่ เช่นกันแม้จะไม่ได้อยู่ในโหมดหางาน และ ไคลเอ็นท์ ก็ไม่ได้รู้ว่าคนที่ไปสัมภาษณ์นั้นอยู่ในโหมดไหน นึกว่าคนที่มา คือ อยากร่วมงานกับบริษัทเขาจริง ๆ
เมื่อทราบภายหลังว่า จขกท ไม่ได้มีแผนจะเปลี่ยนงานตอนนี้ เขาจึงรู้สึกว่าทำไมจึงเกิดเหตุการเช่นนี้ ทำไมเอเจนซีส่งคนแบบนี้มาให้ และดูเหมือนเอเจนซี่จะไปสัญญินสัญญาเรตกับแคนดิเดทกันอิท่าไหน ฯลฯ
กล่าวโดยสรุป คือ ปัญหาการสื่อสาร โดยต้นกำเนิดมาจากเอเจนซี ส่วน จขกท ก็ตอบตรงไปหน่อยเท่านั้นครับ
ความคิดเห็นที่ 29
ต้นทุนการรับสมัครงานพนักงานสักคน แพงมาก คุณลองคิดดูว่า 3 คนที่นั่งสัมภาษณ์คุณนั้น เงินเดือนแต่ละคนเท่าไร ฝรั่งบางคน ที่เป็นผู้บริหาร เขาคำนึงถึงเรื่องนี้มาก เขาไม่พอใจเพราะวิเคราะห์ว่าคุณไม่เตรียมพร้อม สำหรับการมาสัมภาษณ์งาน ทำให้เขาเสียเวลา นั่นหมายถึง ธุรกิจ ต้องจ่ายฟรีๆ
ตัวคุณเอง ก็ต้องลางาน เสียเวลาเดินทางไปสัมภาษณ์ ที่ทำงานของคุณก็ขาดพนักงาน ทำงานไป 1 วัน ในเรื่องนี้ มีแต่ ความเสียหาย ทั้ง 2 ฝ่าย
การสัมภาษณ์งาน ที่ไม่ใช่พนักงานชั้นต้น ธุรกิจจะneed คุณภาพคน เป็นลำดับ1 ความเชี่ยวชาญในงาน เป็นอันดับรองๆลงมา เพราะการได้คน มีคุณภาพเข้าองค์กร สอนงานได้ เหตุผล ที่ต้องการคุณภาพเป็นอันดับ1 เพราะ คนกลุ่มนี้ มีความรับผิดชอบสูง
ขอให้เป็นบทเรียนก็แล้วกัน อย่าขึ้นเวที ถ้าคุณไม่ได้เตรียมพร้อม เพราะนอกจากคุณจะพ่ายแพ้แล้ว คุณยังดูถูกสนามนั้นด้วย
คำตอบของคุณนั้น บอกว่า คุณเป็นคนไม่ได้วางแผนชีวิต แต่เป็นนักฉวยโอกาส จึงทำให้ ผู้สัมภาษณ์ไม่พอใจ
ตัวคุณเอง ก็ต้องลางาน เสียเวลาเดินทางไปสัมภาษณ์ ที่ทำงานของคุณก็ขาดพนักงาน ทำงานไป 1 วัน ในเรื่องนี้ มีแต่ ความเสียหาย ทั้ง 2 ฝ่าย
การสัมภาษณ์งาน ที่ไม่ใช่พนักงานชั้นต้น ธุรกิจจะneed คุณภาพคน เป็นลำดับ1 ความเชี่ยวชาญในงาน เป็นอันดับรองๆลงมา เพราะการได้คน มีคุณภาพเข้าองค์กร สอนงานได้ เหตุผล ที่ต้องการคุณภาพเป็นอันดับ1 เพราะ คนกลุ่มนี้ มีความรับผิดชอบสูง
ขอให้เป็นบทเรียนก็แล้วกัน อย่าขึ้นเวที ถ้าคุณไม่ได้เตรียมพร้อม เพราะนอกจากคุณจะพ่ายแพ้แล้ว คุณยังดูถูกสนามนั้นด้วย
คำตอบของคุณนั้น บอกว่า คุณเป็นคนไม่ได้วางแผนชีวิต แต่เป็นนักฉวยโอกาส จึงทำให้ ผู้สัมภาษณ์ไม่พอใจ
แสดงความคิดเห็น
เราตอบคำถาม "ทำไมถึงอยากเปลี่ยนงาน" ไม่โอเคใช่มั้ยคะ ผู้สัมภาษณ์ไม่พอใจมากๆ
มีผู้สัมภาษณ์ 3 คน เป็นต่างชาติ 1 คน คนไทย 2 คน ตลอดการสัมภาษณ์ใช้ภาษาอังกฤษ
เราได้รับงานนี้จาก recruit นะคะ ซึ่งเราสนใจในเนื้องาน เราก็เลยไปค่ะ
แต่พอถึงคำถามนี้ เราก็เลยตอบว่า ตามจริงแล้วเรายังไม่ได้มีแผนจะเปลี่ยนงานตอนนี้ แต่เราได้รับข้อมูลจาก recruit และสนใจเนื้องานนี้เลยมาสัมภาษณ์
กลายเป็นว่า คนต่างชาติไม่พอใจคำตอบเรามากๆค่ะ
เค้าบอกว่าเค้าต้องการคนที่อยู่กับเค้า long term ไม่ใช่ใครเสนออะไรมาให้ก็ไป
เค้าบอกถ้าเค้ารับเรา ถ้ามีคนเสนอเงินให้เยอะกว่า เราก็ไปใช่มั้ย
ตอนนั้นเราก็เงียบไปค่ะ บอกตรงๆว่าไปต่อไม่ถูก
แถมตอนสุดท้ายที่เค้าเห็นเราเรียกเงินเดือน มากกว่าที่ปัจจุบัน 20% เค้าก็ไม่พอใจอีกค่ะ
เค้าบอกว่าเราเรียกเพิ่มเยอะเกินไป เราไม่ควรเรียกเพิ่มเยอะขนาดนี้ มีถามด้วยค่ะว่าที่เราเรียกเพิ่มเนี่ยบวกค่าอะไรเพิ่มบ้าง
เพราะเค้ามองว่า จากบ้านเรามาที่บริษัทเค้า ใกล้กว่าที่ปัจจุบันเราตั้งเยอะ ไม่เห็นต้องเสียอะไรเพิ่ม
ตอนนั้นเรากะว่าไม่เอางานนี้แล้วแน่ๆ เลยตอบไปว่า
ฉันมองว่าเป็นปกติของการย้ายงาน ฉันไม่เคยเรียกเท่าเดิม หรือต่ำกว่าเดิม
คุณอาจจะไม่พอใจ หรือบริษัทอาจจะไม่โอเคกับเงินเดือนนี้ ซึ่งก็เป็นเรื่องปกติเหมือนกัน
คนไทย 2 คน ก็เงียบกริบ ไม่เห็นพูดอะไรเลย
เรากลับออกมาแบบอารมณ์เสียมาก แถมรู้สึกเสียดายวันลาไปอีก
แต่ก็มาคิดเหมือนกันว่า หรือเราเองก็ตอบคำถามไม่โอเค คือเราตอบตามตรงเลยไม่ได้โกหก
ปกติเราเปลี่ยนงานเราก็ตอบตามตรงตลอด เพราะว่าไกลที่พัก, เพราะว่าอยากทำงาน 5 วัน แต่ไม่เคยเจอใครไม่พอใจใส่แบบนี้