ฝันหวาน (Sweet Dream) 41

กระทู้สนทนา


.
               ท่าต่อไปเคอร์ซี่ลั้นจ์สควอท โดยการทำสควอทและไขว้ขามาทางด้านหลังแบบนี้นะครับ เริ่ม !

                    ที่หน้าทีวีขนาด 45 นิ้ว พรนภากำลังออกกำลังกายตามเทรนเนอร์ในยูทูป สวมกางเกงขาสั้นสีชมพูยี่ห้อที่โปรดปรานที่สุด สวมเสื้อสปอร์ตบาร์สีดำ และรองเท้าผ้าใบสีดำยี่ห้อเดียวกันกับกางเกง ที่พื้นก็ปูพรมรองแพลงค์ไว้ เนื่องจากมันจะมีท่านอนด้วย ทุก ๆ วันพรนภาจะต้องออกกำลังกายอย่างน้อยวันละ 10 นาทีเสียก่อน ก่อนที่จะไปทำอย่างอื่น

                วันนี้เมธีสามีรุ่นพ่อยังไม่กลับมาจากทำงาน ทำให้เธอมีสมาธิในการออกกำลังกายมาก ไม่ต้องมีใครมาคอยกวนใจหรือแหย่ให้ขำตัดกำลังในการทำเช่นทุกวัน จึงทำให้เรียกเหงื่อได้มากมายเลยทีเดียว เผาผลาญไปได้เยอะมาก

                      ออกกำลังกายตามเทรนเนอร์ออนไลน์ เคยขอเมธีไปฟิตเนสแล้วทว่าไม่เป็นผล เมธีไม่อนุญาตไม่ยอมให้ไป ถึงต้องมาทำตามยูทูปแบบนี้ทุกวัน

                 ระหว่างออกกำลังกายไปภายในใจก็คิดถึงคำพูดของเขาว่า “วันนี้กลับห้าทุ่มนะ” งานด่วน ทำไมกลับดึกจัง ดึกมาก ! ดึกว่าทุกวันที่มีงานด่วนเข้ามา ภายในหัวก็คิดวนไปวนมา ส่วนร่างกายก็ออกกำลังกายไป จนจบทุกกระบวนท่าจึงไปอาบน้ำชำระร่างกาย นอนรอสามีกลับห้อง

                  ถึงจะคิดเรื่องที่สามีกลับดึกผิดปกติ แต่ก็ไม่ได้อะไร ความไว้ใจมันมีมากมายเกินกว่าจะคิดระแวงอยู่แล้ว แค่อยากรู้ว่างานอะไรมันจะกลับดึกขนาดนั้น มีเรื่องอะไรสำคัญขนาดนั้น

                      ทุกทีก็ไม่เคยจะเกินสามทุ่มถ้ามีงานด่วนเข้ามา ถ้ามีงานเลี้ยงเมธีก็ต้องบอกและชวนเธอไปด้วยเสมอ ถอนหายใจก่อนจะนอนเขี่ยโทรศัพท์เล่น ข้าวก็ไม่หิว หิวแต่รอทานพร้อมกันเหมือนทุกวัน เคยทานข้าวพร้อมกันวันนี้อีกคนไม่อยู่เธอจึงไม่ค่อยรู้สึกหิวมากนัก

                    “น้องนภาซื้อกับข้าวมาทานก่อนเลยนะคะ พี่กลับดึกค่ะ ติดงานด่วนน่าจะได้กลับประมาณห้าทุ่มแหนะ คิดถึงเมียที่สุดเลย”  กดอ่านข้อความที่เมธีส่งมาบอกตอนหัวค่ำ กดอ่านเพราะเหงา ไม่ได้เพราะนึกระแวงสักนิด กดอ่านซ้ำไปซ้ำมาอยู่อย่างนั้น

                   “นภาไม่กิน เค้ารอพี่เมธี เค้ารอกินพร้อมพี่เมธี คิดถึงเหมือนกันนะคะ ฮ่วย... คือนานมาแถะ ! ” ส่งข้อความตอบกลับไปรอบที่สาม เขาไม่ได้ตอบกลับมา ท่าทางจะยุ่งจริง ๆ แล้วเธอก็นอนเล่นโทรศัพท์ต่อ ถึงไม่ระแวงก็จริงแต่ก็อดคิดไปต่าง ๆ นานาไม่ได้ คิดว่าเขาทำอะไรอยู่ ทำอะไรกันอยู่ทั้งบริษัท หรือไปเที่ยว หรือแอบไปไหน ถึงไม่ระแวงก็แอบกระวนกระวายอยู่ไม่น้อย

                      ตั้งแต่อยู่ด้วยกันมาไม่เคยมีเรื่องให้ระแวงหรือคิดมากเลย ไปไหนมาไหนบอกตลอด ครั้งนี้ก็บอกแต่กลับดึกกว่าทุกครั้ง ดึกมากด้วย ! ดึกมากจนไม่อยากเชื่อว่าเป็นงานจริง ห้าทุ่มกันเลยเหรอ ! อดคิดวนไปวนมาไม่ได้จริง ๆ เล่นโทรศัพท์ฆ่าเวลามันก็ไม่สนุกเพราะมันคิดมาก มันคิดไม่หยุด พรนภานอนกลิ้งไปกลิ้งมาบนเตียงอยู่คนเดียว รู้สึกว่าที่นอนมันกว้างมากนัก นี่ก็พึ่งจะสามทุ่มเองอีกตั้งสองชั่วโมงกว่าเมธีจะกลับมา

                    จู่ ๆ เสียงไลน์ดังขึ้น พรนภารีบหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาดูเห็นเป็นชื่อเขา ‘ป่ะป๊าเมธี’  ตื่นเต้นดีใจมาก ดีดตัวลุกขึ้นนั่งและเปิดอ่านแชท “เอ้า ! ไม่หิวเหรอคะ นี่พี่ก็ประชุมใกล้เสร็จแล้ว นึกว่าจะได้กลับห้าทุ่มแฮะ” เขาพิมพ์กลับมา

                       “ไม่หิว ! พี่เมธีประชุมหรือว่าพี่เมธีไปเที่ยวไหนกันแน่ ไปเที่ยวทำไมต้องโกหกเค้าด้วย บอกกันดี ๆ ก็ได้ รู้มั้ยคนรอมันทรมาน” พูดประชดหาเรื่องไปอย่างนั้นเอง ความจริงดีใจและยิ้มแก้มปริที่เห็นข้อความของเขาตอบกลับมาต่างหาก

                     “ประชุมจริง ๆ ค่ะ ถามพี่หนุ่ม พี่ต้นก็ได้”  เมธีส่งข้อความกลับมาอีก พร้อมสติ๊กเกอร์ตกใจ ยิ่งทำให้เธอชอบใจใหญ่และขำออกมา เธอเชื่อใจและไว้ใจเขา รู้ว่าไม่ได้โกหกแน่นอน

                     “ไม่ถามหรอก ! พี่หนุ่มก็เพื่อนตัวเอง พี่ต้นก็เพื่อนตัวเอง นภาจะไปถามทำไม ถามไปก็ไม่ได้คำตอบอยู่ดี กลับตอนไหนเค้าคิดถึง อย่าให้รู้นะว่าโกหกไปเที่ยว หึหึ”

                     “ค๊าบ ! พี่ไม่เที่ยวหรอกพี่แก่แล้ว เอาเวลาที่เหลืออยู่ไปดูแลเมียสุดที่รักดีกว่า อ่ะไม่เชื่อเค้า เดี๋ยวถ่ายรูปให้ดูเลย” พอส่งข้อความมาเสร็จเมธีก็ส่งรูปการประชุมมาให้เธอดู “แค่นี้ก่อนนะคะ น่าจะได้กลับก่อนห้าทุ่มนะ นี่ก็จะเสร็จแล้ว”

                   “ค่า” ส่งสติ๊กเกอร์โอเคกลับไปให้ จากนั้นก็ล้มตัวลงนอนเล่นโทรศัพท์เหมือนเดิม แล้วก็ผล็อยหลับไปตอนไหนไม่รู้ตัว รู้สึกตัวอีกทีก็ตอนมีเสียงเคาะประตูจากด้านนอกพร้อมเสียงโทรศัพท์ดังขึ้น ดูชื่อเป็นเมธีโทรเข้า กดรับสายได้ความว่าเขากลับมาแล้ว เธอจึงลุกไปเปิดประตูให้ ดูนาฬิกาอีกไม่กี่นาทีก็ห้าทุ่ม เขากลับมาห้าทุ่มจริง ๆ

                      พรนภาเปิดประตูห้องขมวดคิ้วหน้าบึ้งตึงมองค้อนเอาเรื่อง ส่วนเมธียืนยิ้มแฉ่งให้ พรนภาปั้นหน้าทำบึ้งตึง ทำท่าทางไปอย่างนั้น ที่จริงดีใจมากที่เขากลับมาสักที พอเมธีก้าวขาเข้ามาในห้อง ปิดประตูเรียบร้อยเธอก็ทำการสำรวจหาพิรุธในตัวเขาเลย

                    “หยุดก่อน ! หยุดเลยพี่เมธี” มองเขาด้วยสายตาเอาเรื่อง มันต้องสำรวจสักหน่อย กลับดึกกว่าทุกวันขนาดนี้เชื่อใจไม่ได้

                     “คะ ! อะไร โถ... ไม่เชื่อใจพี่เหรอคะ” เขายิ้มอวดฟัน พูดกลั้วหัวเราะตอบกลับมา “ดีมาก ! เริ่มเข้าสู่โหมดภรรยาในตำราแล้ว” ได้ทีแซวซะเลย

                     “ไม่เชื่อหรอก ไหนดูซิมีกลิ่นเหล้าหรือกลิ่นน้ำหอมของใครเปล่า “ ไม่พูดเฉยเดินเข้าไปดมเสื้อของเขา ส่วนเจ้าตัวยกมือขึ้นสองข้างให้เธอพิสูจน์ได้ตามสบาย เธอใช้จมูกดมไปตามเสื้อเบา ๆ ไม่มีกลิ่นเหล้าเลย มีเพียงกลิ่นน้ำหอมจาง ๆ ซึ่งเป็นกลิ่นน้ำหอมที่เขาใช้ประจำ

                      “เป็นไง มีกลิ่นอะไรมั้ย” ไม่พูดเฉยใช้มือทั้งสองข้างรวบกอดเธอเอาไว้ ความสูงของเธอเพียงหน้าอกของเขา ผู้ชายที่สูงเกือบ 180 เซ็นติเมตร เมื่อเทียบกับเธอแล้ว เธอตัวเล็กนิดเดียว

                      ตัวของเธอแนบชิดกับแผงหน้าอกของเขา กอดไว้อย่างนั้นด้วยความคิดถึงเหมือนกัน แม้จะอยู่ด้วยกันทุกวันทุกคืนก็ตาม มันก็ยังคิดถึงเสมอ “พี่ประชุมจริง ๆ ค่ะ ไม่ได้โกหกน้องเลย” พูดจบจุมพิตไปที่ศีรษะของเธอเบา ๆ กลิ่นยาสระผมอ่อน ๆ หอมเตะจมูกมาก

                   “ก็ถ้าพี่เมธีเป็นนภา พี่เมธีก็ต้องคิดนั่นแหละ ก็ทุกวันไม่เคยกลับดึกขนาดนี้” พรนภาพูดขึ้น หลังจากที่เมธีคลายวงแขนออกให้เป็นอิสระ มองด้วยอาการคนขี้งอน

                    “เอ๋า พี่ก็ไม่รู้น้อ ทำไมกลัวพี่แอบหนีเที่ยวเหรอคะ ฮึ” หยิบปลายคางของเธอเบา ๆ จุมพิตไปที่ปากของเธอด้วยเช่นกัน ทำเสร็จก็ฉีกยิ้มให้ ชอบเวลาที่เธอโดนจูบทีเผลอตั้งตัวไม่ทันแล้วรีบเช็ดออก ทำหน้ามุ่ยให้ตนเอง ดูแล้วมันน่ารักเขาชอบอาการแบบนี้ของเด็กคนนี้มาก ๆ

                      “อือ ! สมัยก่อนยิ่งชอบเที่ยวอยู่ เลิกงานไม่เคยจะกลับห้องก่อนหรอก ต้องไปนั่งร้านเบียร์ก่อน ไม่รู้ไปนั่งรอใคร” พูดประชดทว่าอมยิ้ม เพราะสิ่งที่เธอพูดออกไปเมื่อครู่สมองกลับนึกไปถึงเรื่องราวของตัวเองซะอย่างนั้น

                    “ก็เที่ยวทุกวันจนได้บางคนมาเป็นเมียนี่ล๊า และรักมากด้วย”

                     “ใคร ! บอกมาเดี๋ยวนี้นะ”

                       “ไม่บอก ! บ่บอกเด้อ อาบน้ำดีกว่า” พูดจบเดินไปหยิบผ้าเช็ดตัวเข้าห้องน้ำไป ปล่อยให้เธอยืนยิ้มอยู่คนเดียว ก่อนจะกลับมานั่งที่โซฟารอเมธีอาบน้ำเสร็จ

                       “พี่เมธีกินข้าวมั้ย เค้าเจียวไข่ให้ก็ได้” ถามด้วยความเป็นห่วง เกรงว่าจะหิวข้าวประชุมดึก ๆ แบบนี้ได้ทานข้าวบ้างหรือเปล่าก็ไม่รู้

                       “อ่อ ไม่ค่ะ ไม่กินอยากนอนมากกว่า อยากนอนกอดคนแล้ว” ทำหน้าทะเล้นให้เธอไปอีก และเธอก็อดที่จะเขินไม่ได้ทุกที

                    “เดี๋ยว ! ยังนอนไม่ได้ ! เสื้ออยู่ไหน กางเกงอยู่ไหน เอาไปไว้ไหนเมื่อกี้ “ อย่าคิดว่าเธอจะจบง่าย ๆ ก็เล่นกลับดึกขนาดนี้ มันต้องสำรวจให้ละเอียดถี่ถ่วนกันหน่อย จะได้ไม่ย่ามใจคิดว่าหลอกเธอได้ง่าย ๆ

                      “อยู่ในตะกร้าไงคะรอปั่น เดี๋ยวนะ ! ถามหาทำไม ! จะหาอะไรอี๊ก! “ พูดเสียงยาว ๆ ให้ดูตลก พูดจบหัวเราะระรื่นให้กับภรรยาคราวลูก ขี้สงสัยนัก ไม่เคยเห็นเธอในอาการแบบนี้เลย ตลกและนึกเอ็นดูอยู่ไม่น้อย “เชิญตามสบายขอรับ กระผมนอนรอนะขอรับ สำรวจเสร็จแล้วก็มาให้นอนกอดซะดี ๆ ง่วงละอยากนอน”

                       “อย่าคิดว่าจะได้นอน ถ้าเห็นรอยอะไรก็ตาม !” ชี้นิ้วขู่แบบตลกให้ ก่อนจะเดินไปหยิบเสื้อของเมธีขึ้นมาจากตะกร้ายกขึ้นดู ทำท่าทางพลิกไปมา
    
                   เมธีนอนหนุนแขนตัวเองมองเธออย่างคนอารมณ์ดี รู้ว่าเธอไม่มีอะไรทำไปอย่างนั้นเอง รู้ว่าเธอไว้ใจและเชื่อใจในตนเองที่สุด ส่วนตนเองก็ไม่มีวันทำลายความไว้ใจและเชื่อใจนั้นของเธอเด็ดขาดแน่นอน

                         “เห็นอะไรป่าว ถ้าไม่เห็นก็มานอนมะ มาม๊ะ ! ป่ะป๊าอยากกอดคุณแม่แล้ว ดึกแล้วนาพรุ่งนี้ค่อยหาก็ได้ ! ” ตบที่นอนเบา ๆ ทำสายตาทะเล้นให้เธอ ฉีกยิ้มให้อย่างมีเลศนัย เห็นรอยยิ้มของเธอแล้วหายเหนื่อยเป็นปลิดทิ้ง

                   “โชคดีไปไม่เจออะไร ถ้าเจอขึ้นมานะ อย่าคิดว่าจะได้นอนวันนี้”

                     “ครับผม ก็พี่สัญญาด้วยเกียรติของคนหล่อไปแล้วไง น้องลืมแล้วเหรอ ว่าพี่จะรักแค่น้อง มีแค่น้องเพียงคนเดียวตลอดไปไง “ ดีดตัวลุกขึ้นนั่งมองมายังภรรยาสาว “ทำงานจริง ๆ ค่ะ พี่มีประชุมจริง ๆ ถามใครก็ได้ ! “ ทีนี้เขาพูดด้วยท่าทางจริงจังและจริงใจ ไม่อยากให้เธอไม่สบายใจ บ่อยครั้งที่เหมือนแกล้งเล่นทว่าไม่สบายใจจริง ๆ ก็ไม่อยากให้เป็นแบบนั้นหรือรู้สึกแบบนั้นเลย เขาไม่เคยคิดนอกใจหรือโกหกเพื่อหาความสุขใส่ตัวสักครั้ง

                    พรนภาวางเสื้อของเมธีลงในตะกร้าเช่นเดิม ทำหน้าออดอ้อนก่อนจะตอบ “นอนไม่ได้ !”

                      “ทำไมคะ ! “

                      “หิวข้าว !” ทำปากจู๋เมื่อพูดคำว่าข้าวจบ เมธีหัวเราะส่ายหัวให้เธอเล็กน้อย “เอ้า พี่เมธีจะเบื่อเค้าทำไม ก็เค้ารอพี่เมธีอ่ะ เค้ารอทานข้าวด้วย ก็ไม่กลับมาสักทีเค้าก็รออ่ะ” พูดด้วยอาการงอน งอแงเหมือนเด็ก ๆ ไปที ถึงเวลาที่ต้องงอแงเอาแต่ใจคืนและ ปล่อยให้เธอรอหิวแทบแย่

                      “ที่ถามเค้าว่าพี่เมธีเอาไข่เจียวมั้ยนี่ ถามตัวเองแอบแฝงใช่มั้ย หืย ! “ พูดพร้อมหัวเราะให้เธอด้วยความรัก ไม่เคยรักเธอคนนี้น้อยลงไปเลยสักวัน “กินก็กินค่ะ ไข่เจียวอย่างเดียวพอน้อ พรุ่งนี้ค่อยจัดหนัก”

                    “ค่ะ “ พูดจบก็เดินไปกอดด้วยความหมั่นไส้ คิดถึงก็คิดถึง อยากกอดเขาเฉย ๆ “กอดหน่อย” สวมกอดร่างหนาของเขาเอาไว้ ส่วนเจ้าตัวก็สวมกอดเธอเอาไว้เช่นกัน เป็นเรื่องปกติที่เวลาอยู่ด้วยกันพวกเธอจะทำอะไรแบบไม่มีปี่มีขลุ่ยแบบนี้ ใช้เวลาอยู่ด้วยกันให้คุ้มค่าและมีความสุขที่สุดเท่าที่คนสองคนจะทำได้ กอดไว้สักพักก็ปล่อยเขาไปทำกับข้าวให้ทาน

                     “มีข้าวมั้ย ต้องหุงใหม่มั้ยคะ”

                    “มี นภาหุงไว้และ”

                    “นั่น หุงข้าวขนาดนั้นทำไมไม่เจียวไข่ทานเลยเล๊า รอพี่ให้ท้องกิ่วทำไมคะ “

                  “เอ้า ก็นภาอยากทานข้าวพร้อมพี่เมธีน้อ ผิดเหรอ ไม่ได้เหรอ”  ต่อปากต่อคำกันไปอยากขบขันอยู่ในครัว เมธีเป็นคนเจียวไข่ให้เธอ ส่วนเธอนั่งเถียงที่โต๊ะทานข้าว หากมีใครผ่านมาเห็นคงส่ายหัวให้พวกเธอสองคน เพราะเถียงกันไร้สาระมาก ๆ แบบไม่เกรงใจอายุของฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งกันเลย
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่