DEFENDER (5) : CALEB & JACOB.

มันเป็นตอนค่ำ ในตอนที่เคเลบหยุดชะงักฝีเท้าตนเองในป่าลึก

ระวัง -- เขาบอกตนเอง -- มีใครอื่นกำลังจ้องมองมาอยู่

ดวงตาสีดำขลับกวาดมองไปรอบตัว สองเท้าหยุดนิ่งอยู่กับที่ ในขณะที่เงี่ยหูฟังความเงียบสงัดในความมืด -- จนในที่สุดเขาก็ได้ยินเสียงกิ่งไม้หักมาจากทางเบื้องหน้าตนเอง

เคเลบยืนนิ่งอยู่เช่นเดิม ในขณะที่เพ่งมองเข้าไปในหมู่แมกไม้อันรกชัฏตรงหน้า ใช้เวลาเล็กน้อย ก่อนที่จะพูดออกมาว่า “เจคอบ”

การเรียกชื่อนั้น ทำให้ชายร่างสูงใหญ่คนหนึ่งเดินออกมาจากเงามืดของต้นไม้  ใบหน้าเหลี่ยมที่มองตรงมานั้นฉายแววเจ้าเล่ห์ และดุร้ายในเวลาเดียวกัน  มือหนาข้างหนึ่งควงกระบอกปืนไปมา ท่าทีดูคุกคามอยู่ในที

หากแต่เคเลบไม่ได้หวาดหวั่นต่อการเผชิญหน้ากับชายคนนี้สักนิด “นายตามฉันมาหรือ” เขาถาม

“นายรู้ตัวนานหรือยัง” อีกฝ่ายถามแทนคำตอบ “นายรู้ได้ยังไงว่าเป็นฉัน”

เคเลบตอบแทบจะในทันทีว่า “กลิ่นตัวนาย”   -- กลิ่นสาบสางมันแรงเกินกว่าที่จะเป็นใครอื่นไปได้

เคเลบมองสำรวจอีกฝ่ายตั้งแต่เรือนผมที่มันเป็นก้อน ไปจนถึงเนื้อตัวที่เปื้อนไปด้วยคราบดินโคลน “นายไปทำอะไรมาหรือ”

คราวนี้เป็นอีกฝ่ายที่ตอบกลับมาแทบจะในทันทีว่า “ล่าสัตว์”

ในตอนกลางดึกอย่างนี้น่ะหรือ -- เคเลบนึก หากแต่ไม่ได้พูดอะไรกลับไป

เจคอบเริ่มเดินขยับไปมาเล็กน้อย รองเท้าหนังเหยียบไปตามก้อนหิน และท่อนไม้อย่างช้าๆ จนเกิดเป็นเสียงดังขึ้นท่ามกลางความเงียบ  ดวงตาเรียวเล็กมองเคเลบอย่างพินิจพิจารณา ก่อนจะถามออกมาเบาๆว่า  “ลูกชายของนายหายไปไหน เคเลบ” เขายักไหล่อย่างแปลกใจ “ไม่มีใครเห็นเขามาหลายวันแล้ว”

“ลูกชายฉันไม่ได้ออกจากบ้าน” เคเลบตอบ ระมัดระวังตัวขึ้นมากกว่าเดิม

“แต่มีคนได้ยินเสียงเขากรีดร้อง” เจคอบเลิกคิ้ว เดินวนไปทางด้านหนึ่ง ในขณะที่จับจ้องมองมาทางเคเลบ “กรีดร้องดังลั่น และโหยหวน -- ราวกับสัตว์ปิศาจก็ไม่ปาน --”

เคเลบนิ่งเงียบไปเล็กน้อย

“เขาไม่ค่อยสบาย” เขาตอบสั้นๆ เริ่มต้นเดินไปทางด้านฝั่งตรงข้าม

ชายทั้งสองเดินวนไปคนละทาง ต่างฝ่ายต่างจ้องมองกันอย่างไม่ละสายตา -- ฝ่ายหนึ่งดูข่มขู่ และคุกคาม ในขณะที่อีกฝ่ายหนึ่งดูระมัดระวังตนเอง และประเมินท่าที

“หมาของนายหายไปไหน” เจคอบถามต่อไป “พรานป่าอย่างนาย ไม่เคยอยู่ห่างจากบ็อบ -- หมาล่าเนื้อของนายเลยนี่”

เคเลบยังคงตอบออกมาสั้นๆว่า “บ็อบไม่ค่อยสบาย” 

“ให้ฉันเดานะ” เจคอบพูดเสียงยานคาง ยกมือขึ้นเสยเรือนผมที่เป็นมันย่องอย่างช้าๆ “ลูกชายของนายมีไข้ -- ตัวซีด และเบื่ออาหารใช่ไหม --”

เคเลบนิ่งชะงักไปกับคำพูดนั้น

เจคอบสังเกตเห็นท่าทีของเขาได้ในทันที “และให้ฉันเดา -- หมาของนายก็เป็นแบบเดียวกันใช่ไหม”

เขารู้ได้อย่างไรกัน -- เคเลบพินิจมองไปยังรอยโคลนที่รองเท้า และคราบเลือดที่เปื้อนไปตามเสื้อคลุมของเจคอบ -- เขาบอกว่าเขาไปล่าสัตว์มางั้นหรือ

“นายไปล่าตัวอะไรมา” เคเลบถามช้าๆ เสียงทุ้มต่ำฟังดูเย็นเฉียบขึ้นมา

เจคอบแสร้งคิด ก่อนจะตอบออกมาว่า “สัตว์ปิศาจ” เขาชี้นิ้วไปทางด้านหลังตนเอง “เราได้ยินเสียงกรีดร้องคำรามมาจากป่าลึก -- สัตว์ป่าต่างบ้าคลั่ง และสัตว์ในคอกของเราต่างถูกกัดทำร้ายจนล้มตายเกือบทั้งหมู่บ้าน” เขาบอก “ผู้คนเริ่มถูกฝูงสัตว์ทำร้าย -- ล้มป่วย และตายไปตามๆกัน”

เจคอบเดินเข้ามาใกล้เคเลบมากขึ้น “เรื่องนี้ต้องจบลง” เขาบอก “หมู่บ้านเราจะเจอเรื่องแบบนี้นานไปกว่านี้อีกไม่ได้ เรื่องหายนะนี้ต้องจบลงเสียที”

เคเลบสบตามองเจคอบนิ่ง ในขณะที่ฟังเขาพูดต่อไปว่า “และเราได้ยินเสียงร้องคำรามนั่นมาจากบ้านของนายเคเลบ -- เราได้ยินเสียงคำรามราวสัตว์ปิศาจนั่นมาจากลูกชายที่อยู่ในบ้านของนาย และหมาที่นายล่ามไว้ในคอกของนาย แบบเดียวกันกับที่เราได้ยินมันจากในป่าลึกเลยทีเดียว --”

เกิดความเงียบขึ้นระหว่างชายทั้งสอง

เคเลบไม่ได้พูดอะไรออกมาอยู่นาน ใบหน้าคมสันนั้นนิ่งเฉย ก่อนที่จะเอ่ยออกมาเบาๆว่า “ที่นี่ไม่มีสัตว์ร้ายที่นายตามล่า” เขาบอก “กลับไปบอกทุกคนในหมู่บ้านตามนั้น และอย่ากล้าดีมาจับตามอง หรือคุกคามครอบครัวฉันอีก”

เจคอบไม่พอใจกับคำตอบที่ได้รับ

“เคเลบ” เขาพูดเสียงดังขึ้น ปลายเท้าเขยิบเข้ามาใกล้ จนห่างจากเคเลบไปเพียงไม่กี่คืบ ดวงตาสีฟ้าเข้มฉายความขุ่นเคืองออกมามากกว่าเดิม “เรื่องนี้จะไม่มีใครต้องเจ็บตัว ถ้านายยอมสารภาพผิดมาเสีย” เขาพยักเพยิดไปทางเงามืดในป่าลึกทางด้านหลังเคเลบ “เมียของนายจะไม่ถูกใครพาตัวไปสอบสวน ลูกชายของนายจะไม่ถูกลงโทษ -- และนายจะไม่ถูกขังคุกไปจนตาย -- สารภาพมาเสีย ว่านี่เป็นความผิดนาย นายคือที่มาของสัตว์ปิศาจที่ไล่ล่าทุกคนอยู่ขณะนี้ แล้วคนในหมู่บ้านจะไม่ขับไล่ครอบครัวนาย -- และฉันจะไม่เผาบ้านนายในคืนนี้”

“นายขู่ฉันหรือ” เคเลบกระซิบถาม ยังคงจ้องมองอีกฝ่ายโดยไม่หลบสายตา

“มันต้องเป็นนาย” เจคอบเค้นเสียงลอดไรฟัน ใบหน้าที่เต็มไปด้วยหนวดเคราดูน่ากลัวมากขึ้นกว่าเดิม “มันต้องเป็นคนเร่ร่อนริมป่า ที่ไม่สุงสิงกับใคร หรือมีเครือญาติที่ไหนแบบนาย ที่กล้าทำเรื่องต่ำช้า และผิดบาปได้มากขนาดนี้! ต้องเป็นนายที่กล้าดีเลี้ยงปิศาจเอาไว้ในบ้านเน่าๆนั่น!”

เคเลบยังคงนิ่งเฉยกับคำสบถอันหยาบคายนั้น

“จะไม่มีใครในครอบครัวฉันต้องโดนโทษอะไรทั้งนั้น” เคเลบสวนกลับด้วยน้ำเสียงที่เย็นเฉียบ “นี่ไม่ใช่ความผิดของพวกเรา  ไม่มีใครรู้ หรือเป็นต้นเหตุของเรื่องร้ายที่เกิดขึ้นทั้งนั้น เจคอบ --” ดวงตาสีดำขลับของเคเลบชำเลืองมองพ้นไหล่ของเจคอบออกไป “บอกคนของนายให้ออกมาจากที่ซ่อนได้แล้ว คืนนี้จะไม่มีการต่อสู้ หรือจับกุมอะไรทั้งนั้น -- พวกนายกลับไปที่หมู่บ้าน และฉันกลับไปที่บ้านของฉันเพียงแค่นั้น -- แล้วจะไม่มีใครต้องเจ็บตัว”

ฉับพลันนั้นชายร่างสูงใหญ่อีกสองคนก็เดินออกมาจากเงามืด

พวกเขาก้าวเดินเข้ามาสู่แสงจันทร์ แล้วหยุดยืนอยู่เบื้องหลังเจคอบอย่างเงียบเชียบ ท่าทีรอรับคำสั่งต่อไปจากนายตนเอง

เจคอบเลิกคิ้วขึ้นสูง ดวงตาสีฟ้าเข้มเป็นประกายขึ้นมาในเงามืด  “เขาว่ากันว่านายเป็นพรานป่าที่เก่ง และเป็นคนที่อ่านใจยาก เคเลบ” เขาบอก “แต่สำหรับฉันแล้ว นายเป็นแค่คนที่โกหกไม่เก่งเอาเสียเลย --”

ตอนนั้นเองที่เจคอบยกมือขึ้นส่งสัญญาณอะไรบางอย่าง แล้วคนติดตามคนหนึ่งก็ส่งถุงใบเล็กใบหนึ่งมาให้เขา

เคเลบมองตามถุงที่ถูกเปิดออกนั่น -- จนกระทั่งเห็นเลือดสีแดงฉานไหลออกมาจากถุงเป็นแนวยาว และส่งกลิ่นเหม็นคลุ้งไปทั่วบริเวณ

“นายโกหก” เจคอบประกาศเสียงกร้าว “นายปิดบังอะไรบางอย่างไว้ในบ้านหลังนั้น”

มือหนาขยับปากถุงออกกว้าง ก่อนที่จะหยิบอะไรบางอย่างออกมา แล้วยื่นมาเบื้องหน้าอย่างรวดเร็ว “นายรู้ว่าเรื่องร้ายนี่เกิดขึ้นได้อย่างไร แต่นายก็ยังเลือกที่จะปกปิดมันเอาไว้! บ้านหลังเล็กเน่าๆนั่นไม่ได้เป็นอะไรมากไปกว่าที่คุมขังปิศาจร้าย! กลอนประตูของนายไม่ได้ลั่นเอาไว้เพื่อป้องกันคนนอกบุกรุกเข้าไป แต่มันมีไว้เพื่อกักขังไม่ให้ปิศาจร้ายออกมาข้างนอก!”

สิ่งที่ปรากฏเบื้องหน้าเคเลบนั้น ทำให้เขาเผลอผงะถอยหลังไปเล็กน้อย มือหนารีบคว้าท่อนไม้ขึ้นมาจากพื้นอย่างรวดเร็ว

“ใช่ เคเลบ!” เจคอบพูดเสียงดังขึ้นอย่างมีชัย จนแทบจะกลายเป็นตะคอก “ฉันรู้แล้วว่านายเลี้ยงปิศาจร้ายนั่นไว้ นายเป็นเจ้าของหมาปิศาจ และเป็นพ่อของลูกปิศาจ! นายคือคนที่ปล่อยหมาปิศาจเข้าไปอาละวาดในหมู่บ้าน! นายคือต้นเหตุของทุกอย่าง!”

“ไม่ใช่ หมาของฉันถูกสัตว์ป่ากัดทำร้ายก่อนหน้านั้น” เคเลบปฏิเสธ กำท่อนไม้ในมือไว้แน่น “และคนติดเชื้อในหมู่บ้านเหล่านั้น ไม่ใช่คนเดิมที่นายรู้จักอีกต่อไปแล้ว -- พวกเขากำลังจะเปลี่ยนไป --”

“อย่ากล้าดีมาโกหกฉัน!!!” เจคอบตะคอกออกมา ไม่สนใจคำปฏิเสธอีกฝ่าย “ฉันเห็นแล้ว ได้ยินไหม! ฉันเห็นหมาปิศาจของนายแล้ว!”

แสงจันทร์สาดส่องผ่านหมู่แมกไม้ลงมา เผยให้เห็นหัวสุนัขที่ขาดรุ่งริ่งอยู่ในมือเจคอบ เลือดสีแดงฉานไหลเปรอะไปทั่วใบหน้าของหมาล่าเนื้อ ไหลลงมาตามท่อนแขนของเจคอบ แล้วเปื้อนไปตามพื้นจนกลายเป็นแอ่งสีแดงฉานอย่างน่าสยดสยอง อุ้งปากที่เต็มไปด้วยคมเขี้ยวยังคงมีเศษชิ้นเนื้อค้างอยู่อย่างน่าขนลุก

“นั่นเป็นเหตุผลที่นายรีบเตรียมเรือหนี!” เจคอบตะคอก “แต่นายหนีฉันไม่ได้หรอก!”

ใบหน้าของเคเลบฉายความตกใจออกมาเป็นครั้งแรก

ชายสามคนนี้ไปล่าสัตว์ปิศาจมา

“ใช่” เจคอบพยักหน้า โยนหัวสุนัขล่าเนื้อไปยังปลายเท้าของเคเลบดังโครม!  “ฉันฆ่าหมาของแกแล้ว! และตอนนี้แกจะกลัวไปก็ไม่มีประโยชน์ ฉันรู้เสมอว่ามันต้องเป็นแกที่เป็นคนร้าย เคเลบ ฉันไม่เคยชอบขี้หน้าแกเลย ฉันรู้อยู่เสมอ ว่าไอ้คนไม่มีหัวนอนปลายเท้าอย่างแก ต้องเป็นต้นเหตุเรื่องนี้แน่ๆ! -- ลูกของแกป่วยด้วยอาการเดียวกันกับคนบาดเจ็บในหมู่บ้าน หมาของแกก็เป็นหมาปิศาจที่ถูกล่ามโซ่ตรวนเอาไว้ในคอก! หมาปิศาจของแกกัดทำร้ายมนุษย์ และกินเนื้อมนุษย์!”  เจคอบชี้หน้าเคเลบ “ฉันเห็นเองกับตาแล้ว มันกัดขาลูกน้องฉันจนเนื้อเหวอะ! มันกินชิ้นเนื้อเข้าไปจนแทบไม่เหลือซาก! และแกรู้ทุกอย่าง เคเลบ!”
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่