มาถึงจุดนี้ก็พออนุมานได้ว่าAR-15 เดินทางมาถึงจุดที่ Army ordnance agencies กองทัพบกสหรัฐฯ ต่อต้านAR-15 แต่กลับเป็นยอมรับสำหรับกองทัพอากาศสหรัฐฯกับกระทรวงอื่น (นั้นคือมีทีมM14และทีมM16นั่นเอง)
ทั้งนี้แม้แต่ประธานาธิบดี Kennedy ก็ยังกังวลใจต่อเรื่องนี้ McNamara จึงสั่งให้ Cyrus Vance(Secretary of the Army เลขาธิการกองทัพบก)ว่าเมื่อมีเริ่มมีการใช้งานAR-15 มากขึ้น ทำไมกองทัพบกสหรัฐฯถึงยังปฏิเสธ AR-15 กันอยู่
มีการทดสอบทั้ง M14,AR-15 และ AK-47 แต่พลการทดสอบกลับให้ M14 เหมาะสมที่สุด มาถึงจุดนี้ Cyrus Vance ก็เริ่มสงสัยในการวิธีการทดสอบของผู้ทำการทดสอบแล้วจึงให้ผู้ตรวจการณ์ทำการตรวจสอบวิธีการและขั้นตอนการทดสอบ ได้ข้อสรุปว่าการทดสอบก่อนหน้านี้มีการใช้สภาพการทดสอบที่เหมาะกับM14และนำ M14 เกรดสนามแข่ง(match grade)มาทดสอบแข่งกับ AR-15 ที่ไม่ได้มีการปรับแต่งอะไร ซึ่งเท่ากับว่าเป็นการทดสอบที่ลำเอียงให้แก่M14
จนกระทั้งช่วงปี1963 รมต.กลาโหม (Secretary of Defense) Robert McNamara ได้สั่งให้ยกเลิกการผลิต M14 และสรุปว่า AR-15 นั้นเหมาะสมกว่าและมีความเอนกประสงค์ใช้งานได้หลากหลาย("universal")
ได้สั่งให้มีการจัดหาเพื่อใช้เป็นปืนเล็กยาวมาตรฐานกองทัพ ซึ่ง McNamara ได้มอบอำนาจในแก่ Army ordnance สามารถปรับปรุงรูปแบบได้เพื่อความเหมาะสม หนึ่งในนั้นคือคันส่งลูกเลื่อนหรือ "manual bolt closure," หรือ Forward assist นั้นเองซึ่งออกแบบโดย F.E. Sturtevent (สิทธิบัตรหมายเลข 3,236,155 อนุมัติ 1966)
ซึ่งขัดกับกองทัพอากาศที่มีข้อท้วงติงว่าตลอดการใช้งานทุกสภาพกาลนั้น ไม่พบปัญหาอะไรที่จำเป็นจะต้องเพิ่มอุปกรณ์ manual bolt closing device นี้เข้าไปที่ปืนเลย และมองว่าเป็นการเพิ่มน้ำหนักให้ปืนโดยไม่จำเป็น (ซึ่งจุดนี้ Stoner ก็เคยบ่น) รวมถึงลดความน่าเชื่อถือในการใช้งานลง
โดยภายหลัง Colonel Howard Yount, ผู้รับผิดชอบต่อการจัดซื้อจัดจ้างก้ได้บอกเหตุพลสำหรับการเพิ่ม manual bolt closure ว่าเป็นคำสั่งจากเบื้องบน อาจจะเป็นเพราะทหารอาจจะรู้สึกสบายใจจากการใช้งาน M1 และ M14 ที่สามารถดันคันรั้งลูกเลื่อนให้เข้าที่ได้ ซึ่งไม่ได้มาจากข้อเสนอจากการใช้ในสนามโดยตรง
หลังการปรับปรุงอีกเช่นเกลียวลำกล้องจาก 1:14 มาเป็น 1:12 กองทัพสหรัฐฯ รับ AR15 เข้าประจำการและใช้รหัสว่า
“Rifle, Caliber 5.56 mm, M16”
หรือ “M16”
ซึ่งรุ่นแรกที่ก็คือ Colt Model 601 ชุดลองลำกล้องและชุดพานท้ายเป็นวัสดุสังเคราะห์ สีเขียวแก่ๆ ไม่มีคันส่งลูกเลื่อนและลำกล้อง และ ในทันทีรูปแบบตามข้อเสนอตาม Army ordnance ที่จะใส่คันส่งลูกเลื่อนและไม่ได้ทำโครมรังเพลิง นี้ก็คือ XM16E1
จึงกลายเป็นว่าในเดือนพฤศจิกายน ปี1963 McNamara ได้อนุมัติคำขอซื้อ XM16E1 ของกองทัพบกจำนวน85,000 กระบอก แต่ นายพล LeMay,กองทัพอากาศสหรัฐฯได้สั่ง M16 เพิ่มอีก 19,000 กระบอก
พอถึงเดือนมีนาคมปี 1964 กองทัพบกได้สั่งผลิตและรับมอบM16 จำนวน 2,129 กระบอกและได้เพิ่มในปีถัดมาคือ 57,240 กระบอก
….
หายนะของนาวิกโยธินสหรัฐ ใน DMC
ในปี1964 เนื่องด้วยปัญหาการผลิตดินปืนแบบ IMR 4475 แบบแท่ง ของ DuPont ไม่สามารถทำการผลิตได้ทันเพียงพอต้อการใช้งานสำหรับ M16 ตามข้อกำหนดของกองทัพ Olin Mathieson Company จึงได้เสนอกดินปืนแบบ Olin WC 846 แบบผง ถึงแม้จะสร้างความเร็วได้ถึง 3,300ฟุตต่อนาทีตามที่ต้องการ แต่เมื่อเจอความชื้นจะเกิดคราบเขม่าเหนียวสะสมในปืนทันที
ในเดือนมีนาคมปี1965 ได้มีการส่งมอบ XM16E1 ให้แก่หน่วยรบแต่ชุดทำความสะอาดปืนนั้นไม่เพียงพอต่อการใช้งานด้วยคำโฆษณาที่เชื่อว่าปืนสามารถทำความสะอาดระบบเองได้(rifle was self-cleaning.) หรือ Colt ยืนยันว่าปืนวัสดุที่ใช้ปืนใช้การบำรุงรักษาไม่มาก
การใช้สารทำความสะอาดและสารหล่อลื่นไม่เมาะสมกับปืนเริ่มทำให้ปืนสึกหร่ออย่างรวดเร็วและเมื่อรวมกับเขม่าดินปืนที่เหนียวติดปืนแล้วด้วย มีรายงานปืนขัดลำกล้องจะไม่สามารถใช้งานได้ในสนามรบ โดยเฉพาะ "failure to extract"หรือปลอกกระสุนติดคารังเพลิงไม่สามารถเอาออกมาได้
โดยหายนะสำคัญที่สุดในประวัติศาสตร์อาวุธประจำกายกองทัพสหรัฐฯคือในปี 1965 เมื่อเวียดนามเหนือรุกข้ามเขตปลอดทหารหรือDMC บรเส้นขนานที่17 ที่ใช้แบ่งเวียดนามเหนือและใต้ออกจากกัน มีนาวิกโยธินสหรัฐฯจำนวนมาดเสียชีวิตจากการรบในช่วงนี้ซึ่งพลจากการสอบสวนของ Congressional investigation. พบว่ามาจากอาวุธประจำกาย
-ปืนต้องมีการทำความสะอาดอย่างสม่ำเสมอ
-ปืนถูกใส่ไปโดยไม่มีชุดทำความสะอาดอย่างถูกต้องและไม่มีคู่มือการบำรุงรักษา
-กระสุน5.56×45mm เกิดคราบเขม่ามากจากดินปืน ทำให้ปืนขัดข้องบ่อยจนทำให้กระสุนติดอยู่ในรังเพลิงแน่น
-ปืนไม่มีอุปกรณ์ช่วยส่งลูกเลื่อนไปข้างหน้าให่เข้าที่เมื่อลูกเลื่อนยังเดินหน้าไม่สุด
-ปืนไม่ได้ทำ chrome-plated ที่รังเพลิงทำให้เกิดการกัดกร่อนอย่างรวดเร็วเป็นเป็นปัญหาที่ต้องแก้ใขเร่งด่วน
บันทึกปากคำ
“เราวางกำลังเอาไว้ 72 นายในหมวดของเราและกลับออกมาเพียง 19 นายคุณเชื่อหรือไม่ คุณรู้ไหมว่าอะไรฆ่าพวกเขาส่วนใหญ่? มันคือปืนของพวกเขาเอง แทบทุกศพจะมีปืน(M16 / XM16E1)ที่ติดขัดที่พวกเขาพยามแก้ใขอยู่ในมือศพพวกเขา”
จนมีการปรับปรุงเป็น M16A1 (Colt model 603) เสร็จสิ้นในปี1967 และมีชื่อเรียกว่า "US. Rifle, 5.56mm, M16A1" ซึ่งทำให้ปืนมีความหน้าเชื่อถือมากขึ้นมีการทำการ์ดบังปุ่มปลดซองกระสุนเพื่อป้องกันการกดปุ่มปลดซองกระสุนโดยไม่ได้ตั้งใจ ปลอกลดแสงแบบกรงนก ในปี1969 M16A1จึงได้ทดแทน M14 ทั้งหมดและอเมริกันใช้M16A1งานมาจนถึงยุค 80
*ดังนั้น Colt ใช้รหัส model 603 กับ XM16E1 (ปี1964) และ M16A1 (ปี1967)ทั้งคู่
โดยในช่วงปี1960 มีการออกแบบรูปแบบอื่นๆอีก
M16 - Colt Model 602 (XM16 บางแหล่งข้อมูล) ก็คือ M16 มีชุดวัสดุสังเคราะห์ ด้ามปืน,พานท้าย และ ประกับรองลำกล้องเป็นเป็นสีดำและออกแบบซองกระสุนใหม่ ต่อมาใช้ปลอกลดแสงแบบสามเหลี่ยม
Marine Corps Rifleman, Vietnam
และมีพูดถึงในสารคดี The Vietnam War: A Film by Ken Burns and Lynn Novick
ในยุทการ Operation Hastings ปี1966 เป็นการพลักดันฝ่ายคอมมิวนิตส์ออกไปจากเขตปลอดทหาร นาวิกโยธินจึงนำปืนแบบ M14 มาใช้งานแทนปืนตระกูลM16อีกครั้ง
M16 - Colt Model 604 เป็นรุ่นที่พัฒนาเล็กน้อยในกองทัพอากาศ สหรัฐ รูปแบบยังคงเหมือนM16อยู่ไม่มีคันส่งลูกเลื่อน แต่ใช้ชุดวัสดุสังเคราะห์สีดำ โครงปืนแบบ Partial Fence (ตัวแรก) Full Fence (รุ่นต่อมา)
การพัฒนาโครงปืนล่าง/Lower ในเฟสนี้ โดยแบ่งเป็น 3แบบ
-โครงปืนแบบเรียบหรือ “Slabside" .ใน 601
-โครงปืนแบบมีสันใต้ชองคัดปลอกกระสุนหรือ "Partial fence"
-โครงปืนแบบมีสันรอบปุ่มปลดซองกระสุนหรือ “Full fence”ใน603
โครงปืนบน/Upperก็มีการพัฒนาคือ
-แบบเรียบไม่มีคันส่งลูกเลื่อน “Standard Slickside Upper”
แบบมีคันส่งลูกเลื่อน “Standard Forward Assist Upper”
และแบบ 605 ที่ไม่มีคันส่งลูกเลื่อนแต่มีฐานคันส่ง “Modified "603" Forward Assist Upper”
ปลอกลดแสงมีการเปลี่ยนสามแบบคือ
ORIGINAL 3 PRONG "DUCKBILL" 3แฉกแบบแรก ใช้ใน Colt Model 601
MPROVED 3 PRONG: 3แฉกแบบสามเหลี่ยม ใช้ใน Colt Model 602 และ 603 / XM16E1.
A1 BIRDCAGE: กรงนก Colt Model 603 / M16
คันรั้งลูกเลื่อนมี 2 แบบคือแบบสามเหลี่ยม และ แบบตัวที
ซึ่งก็มีการพัฒนาเปลี่ยนแปลงยิบๆย่อยๆอีกซึ่งขอล่ะไว้ก่อน
มีเวอร์ชั่น
Colt Model 605 ตัดลำกล้องเป็น Carbine โดยตัดลำกล้องส่วนที่ยื่นพ้นศูนย์หนาออกมา แต่ไม่ได้รับความนิยมใช้งานนัก มีรุ่นเพิ่มเติมคือ 605A มีตำแหน่งการยิงได้3ตำแหน่ง (Safe, Semi, Auto) และ 605B,มีตำแหน่งการยิงได้4ตำแหน่ง (Safe, Semi, Burst, Auto).
Colt Model 606 ลำกล้องหนา ใส่ขาทรายแบบ 2 ขา (Biport)เป็นปืนเล็กยาวยิงกล/ light machine gun มีรุ่นย่อยอีกคือ 606A มีตำแหน่งการยิงได้3ตำแหน่ง (Safe, Semi, Auto) และ 606B,มีตำแหน่งการยิงได้4ตำแหน่ง (Safe, Semi, Burst, Auto).
มีผู้ผลิต M16A1 อื่นที่ผลิตตามสัญญาจ้างของรัฐบาลนอกจาก Colt คือ
- Hydra-Matic Div. G.M. Corp./ Hydra-Matic Division of General Motors มีการผลิต 469,000 กระบอก ระหว่างปี 1968 ถึง 1971.
- H&R Firearms / The Harrington & Richardson Arms Company มีการผลิตจำนวน 246,000 กระบอก ช่วง พฤศจิกายน 1968 ถึง เมษายน 1970
ส่วนของ Colt รวมกันทุกเวอร์ชั่น 8 ล้านกระบอก
ซองกระสุนเริ่มแรกนั้นใช้แบบ Waffle และต่อมาคือแบบ Colt จนปี1967 M16A1 ใช้ซองกระสุนขนาด 20นัด จนมีการออกแบบและผลิตซองกระสุนขนาด30นัดขึ้นมา และ NATO ใช้เป็นซองกระสุนแบบมาตรฐาน หรือ NATO STANAG magazine สังเกตได้จากปืนเล็กยาวในกลุ่มชาติพันธมิตร สหรัฐฯ จะสามารถใช้ซองกระสุนแบบนี้ได้ เช่น howa type 89 ญี่ปุ่น, Daewoo K1 เกาหลีใต้ หรือแม้กระทั้ง TAR21
โปรดติดตามต่อในตอนที่ 2 ครับ
Cr
https://en.wikipedia.org/wiki/M16_rifle
https://en.wikipedia.org/wiki/ArmaLite
https://www.ar15.com/.../250684_Colt_model_655_656...
https://th.wikipedia.org/.../%E0%B9%80%E0%B8%AD%E0%B9%87...
http://modernfirearms.net/.../m16-m16a1-m16a2-m16a3-e.html
https://forum.cartridgecollectors.org/.../project.../15609
https://en.wikipedia.org/wiki/.222_Remington_Magnum
https://th.wikipedia.org/.../5.56%C3%9745_%E0%B8%A1%E0%B8...
https://en.wikipedia.org/wiki/5.56%C3%9745mm_NATO
https://bpullignwolnet.dotster.com/.../RflGde/604.html
#AR15 #M16 #M16A1 #ป_ปืน
สารานุกรมปืนตอนที่ 589 The AR-15 ตอนที่ 1 Armalite - Colt AR-15 Part 2
มาถึงจุดนี้ก็พออนุมานได้ว่าAR-15 เดินทางมาถึงจุดที่ Army ordnance agencies กองทัพบกสหรัฐฯ ต่อต้านAR-15 แต่กลับเป็นยอมรับสำหรับกองทัพอากาศสหรัฐฯกับกระทรวงอื่น (นั้นคือมีทีมM14และทีมM16นั่นเอง)
ทั้งนี้แม้แต่ประธานาธิบดี Kennedy ก็ยังกังวลใจต่อเรื่องนี้ McNamara จึงสั่งให้ Cyrus Vance(Secretary of the Army เลขาธิการกองทัพบก)ว่าเมื่อมีเริ่มมีการใช้งานAR-15 มากขึ้น ทำไมกองทัพบกสหรัฐฯถึงยังปฏิเสธ AR-15 กันอยู่
มีการทดสอบทั้ง M14,AR-15 และ AK-47 แต่พลการทดสอบกลับให้ M14 เหมาะสมที่สุด มาถึงจุดนี้ Cyrus Vance ก็เริ่มสงสัยในการวิธีการทดสอบของผู้ทำการทดสอบแล้วจึงให้ผู้ตรวจการณ์ทำการตรวจสอบวิธีการและขั้นตอนการทดสอบ ได้ข้อสรุปว่าการทดสอบก่อนหน้านี้มีการใช้สภาพการทดสอบที่เหมาะกับM14และนำ M14 เกรดสนามแข่ง(match grade)มาทดสอบแข่งกับ AR-15 ที่ไม่ได้มีการปรับแต่งอะไร ซึ่งเท่ากับว่าเป็นการทดสอบที่ลำเอียงให้แก่M14
จนกระทั้งช่วงปี1963 รมต.กลาโหม (Secretary of Defense) Robert McNamara ได้สั่งให้ยกเลิกการผลิต M14 และสรุปว่า AR-15 นั้นเหมาะสมกว่าและมีความเอนกประสงค์ใช้งานได้หลากหลาย("universal")
ได้สั่งให้มีการจัดหาเพื่อใช้เป็นปืนเล็กยาวมาตรฐานกองทัพ ซึ่ง McNamara ได้มอบอำนาจในแก่ Army ordnance สามารถปรับปรุงรูปแบบได้เพื่อความเหมาะสม หนึ่งในนั้นคือคันส่งลูกเลื่อนหรือ "manual bolt closure," หรือ Forward assist นั้นเองซึ่งออกแบบโดย F.E. Sturtevent (สิทธิบัตรหมายเลข 3,236,155 อนุมัติ 1966)
ซึ่งขัดกับกองทัพอากาศที่มีข้อท้วงติงว่าตลอดการใช้งานทุกสภาพกาลนั้น ไม่พบปัญหาอะไรที่จำเป็นจะต้องเพิ่มอุปกรณ์ manual bolt closing device นี้เข้าไปที่ปืนเลย และมองว่าเป็นการเพิ่มน้ำหนักให้ปืนโดยไม่จำเป็น (ซึ่งจุดนี้ Stoner ก็เคยบ่น) รวมถึงลดความน่าเชื่อถือในการใช้งานลง
โดยภายหลัง Colonel Howard Yount, ผู้รับผิดชอบต่อการจัดซื้อจัดจ้างก้ได้บอกเหตุพลสำหรับการเพิ่ม manual bolt closure ว่าเป็นคำสั่งจากเบื้องบน อาจจะเป็นเพราะทหารอาจจะรู้สึกสบายใจจากการใช้งาน M1 และ M14 ที่สามารถดันคันรั้งลูกเลื่อนให้เข้าที่ได้ ซึ่งไม่ได้มาจากข้อเสนอจากการใช้ในสนามโดยตรง
หลังการปรับปรุงอีกเช่นเกลียวลำกล้องจาก 1:14 มาเป็น 1:12 กองทัพสหรัฐฯ รับ AR15 เข้าประจำการและใช้รหัสว่า
“Rifle, Caliber 5.56 mm, M16”
หรือ “M16”
ซึ่งรุ่นแรกที่ก็คือ Colt Model 601 ชุดลองลำกล้องและชุดพานท้ายเป็นวัสดุสังเคราะห์ สีเขียวแก่ๆ ไม่มีคันส่งลูกเลื่อนและลำกล้อง และ ในทันทีรูปแบบตามข้อเสนอตาม Army ordnance ที่จะใส่คันส่งลูกเลื่อนและไม่ได้ทำโครมรังเพลิง นี้ก็คือ XM16E1
จึงกลายเป็นว่าในเดือนพฤศจิกายน ปี1963 McNamara ได้อนุมัติคำขอซื้อ XM16E1 ของกองทัพบกจำนวน85,000 กระบอก แต่ นายพล LeMay,กองทัพอากาศสหรัฐฯได้สั่ง M16 เพิ่มอีก 19,000 กระบอก
พอถึงเดือนมีนาคมปี 1964 กองทัพบกได้สั่งผลิตและรับมอบM16 จำนวน 2,129 กระบอกและได้เพิ่มในปีถัดมาคือ 57,240 กระบอก
….
หายนะของนาวิกโยธินสหรัฐ ใน DMC
ในปี1964 เนื่องด้วยปัญหาการผลิตดินปืนแบบ IMR 4475 แบบแท่ง ของ DuPont ไม่สามารถทำการผลิตได้ทันเพียงพอต้อการใช้งานสำหรับ M16 ตามข้อกำหนดของกองทัพ Olin Mathieson Company จึงได้เสนอกดินปืนแบบ Olin WC 846 แบบผง ถึงแม้จะสร้างความเร็วได้ถึง 3,300ฟุตต่อนาทีตามที่ต้องการ แต่เมื่อเจอความชื้นจะเกิดคราบเขม่าเหนียวสะสมในปืนทันที
ในเดือนมีนาคมปี1965 ได้มีการส่งมอบ XM16E1 ให้แก่หน่วยรบแต่ชุดทำความสะอาดปืนนั้นไม่เพียงพอต่อการใช้งานด้วยคำโฆษณาที่เชื่อว่าปืนสามารถทำความสะอาดระบบเองได้(rifle was self-cleaning.) หรือ Colt ยืนยันว่าปืนวัสดุที่ใช้ปืนใช้การบำรุงรักษาไม่มาก
การใช้สารทำความสะอาดและสารหล่อลื่นไม่เมาะสมกับปืนเริ่มทำให้ปืนสึกหร่ออย่างรวดเร็วและเมื่อรวมกับเขม่าดินปืนที่เหนียวติดปืนแล้วด้วย มีรายงานปืนขัดลำกล้องจะไม่สามารถใช้งานได้ในสนามรบ โดยเฉพาะ "failure to extract"หรือปลอกกระสุนติดคารังเพลิงไม่สามารถเอาออกมาได้
โดยหายนะสำคัญที่สุดในประวัติศาสตร์อาวุธประจำกายกองทัพสหรัฐฯคือในปี 1965 เมื่อเวียดนามเหนือรุกข้ามเขตปลอดทหารหรือDMC บรเส้นขนานที่17 ที่ใช้แบ่งเวียดนามเหนือและใต้ออกจากกัน มีนาวิกโยธินสหรัฐฯจำนวนมาดเสียชีวิตจากการรบในช่วงนี้ซึ่งพลจากการสอบสวนของ Congressional investigation. พบว่ามาจากอาวุธประจำกาย
-ปืนต้องมีการทำความสะอาดอย่างสม่ำเสมอ
-ปืนถูกใส่ไปโดยไม่มีชุดทำความสะอาดอย่างถูกต้องและไม่มีคู่มือการบำรุงรักษา
-กระสุน5.56×45mm เกิดคราบเขม่ามากจากดินปืน ทำให้ปืนขัดข้องบ่อยจนทำให้กระสุนติดอยู่ในรังเพลิงแน่น
-ปืนไม่มีอุปกรณ์ช่วยส่งลูกเลื่อนไปข้างหน้าให่เข้าที่เมื่อลูกเลื่อนยังเดินหน้าไม่สุด
-ปืนไม่ได้ทำ chrome-plated ที่รังเพลิงทำให้เกิดการกัดกร่อนอย่างรวดเร็วเป็นเป็นปัญหาที่ต้องแก้ใขเร่งด่วน
บันทึกปากคำ
“เราวางกำลังเอาไว้ 72 นายในหมวดของเราและกลับออกมาเพียง 19 นายคุณเชื่อหรือไม่ คุณรู้ไหมว่าอะไรฆ่าพวกเขาส่วนใหญ่? มันคือปืนของพวกเขาเอง แทบทุกศพจะมีปืน(M16 / XM16E1)ที่ติดขัดที่พวกเขาพยามแก้ใขอยู่ในมือศพพวกเขา”
จนมีการปรับปรุงเป็น M16A1 (Colt model 603) เสร็จสิ้นในปี1967 และมีชื่อเรียกว่า "US. Rifle, 5.56mm, M16A1" ซึ่งทำให้ปืนมีความหน้าเชื่อถือมากขึ้นมีการทำการ์ดบังปุ่มปลดซองกระสุนเพื่อป้องกันการกดปุ่มปลดซองกระสุนโดยไม่ได้ตั้งใจ ปลอกลดแสงแบบกรงนก ในปี1969 M16A1จึงได้ทดแทน M14 ทั้งหมดและอเมริกันใช้M16A1งานมาจนถึงยุค 80
*ดังนั้น Colt ใช้รหัส model 603 กับ XM16E1 (ปี1964) และ M16A1 (ปี1967)ทั้งคู่
โดยในช่วงปี1960 มีการออกแบบรูปแบบอื่นๆอีก
M16 - Colt Model 602 (XM16 บางแหล่งข้อมูล) ก็คือ M16 มีชุดวัสดุสังเคราะห์ ด้ามปืน,พานท้าย และ ประกับรองลำกล้องเป็นเป็นสีดำและออกแบบซองกระสุนใหม่ ต่อมาใช้ปลอกลดแสงแบบสามเหลี่ยม
Marine Corps Rifleman, Vietnam
และมีพูดถึงในสารคดี The Vietnam War: A Film by Ken Burns and Lynn Novick
ในยุทการ Operation Hastings ปี1966 เป็นการพลักดันฝ่ายคอมมิวนิตส์ออกไปจากเขตปลอดทหาร นาวิกโยธินจึงนำปืนแบบ M14 มาใช้งานแทนปืนตระกูลM16อีกครั้ง
M16 - Colt Model 604 เป็นรุ่นที่พัฒนาเล็กน้อยในกองทัพอากาศ สหรัฐ รูปแบบยังคงเหมือนM16อยู่ไม่มีคันส่งลูกเลื่อน แต่ใช้ชุดวัสดุสังเคราะห์สีดำ โครงปืนแบบ Partial Fence (ตัวแรก) Full Fence (รุ่นต่อมา)
การพัฒนาโครงปืนล่าง/Lower ในเฟสนี้ โดยแบ่งเป็น 3แบบ
-โครงปืนแบบเรียบหรือ “Slabside" .ใน 601
-โครงปืนแบบมีสันใต้ชองคัดปลอกกระสุนหรือ "Partial fence"
-โครงปืนแบบมีสันรอบปุ่มปลดซองกระสุนหรือ “Full fence”ใน603
โครงปืนบน/Upperก็มีการพัฒนาคือ
-แบบเรียบไม่มีคันส่งลูกเลื่อน “Standard Slickside Upper”
แบบมีคันส่งลูกเลื่อน “Standard Forward Assist Upper”
และแบบ 605 ที่ไม่มีคันส่งลูกเลื่อนแต่มีฐานคันส่ง “Modified "603" Forward Assist Upper”
ปลอกลดแสงมีการเปลี่ยนสามแบบคือ
ORIGINAL 3 PRONG "DUCKBILL" 3แฉกแบบแรก ใช้ใน Colt Model 601
MPROVED 3 PRONG: 3แฉกแบบสามเหลี่ยม ใช้ใน Colt Model 602 และ 603 / XM16E1.
A1 BIRDCAGE: กรงนก Colt Model 603 / M16
คันรั้งลูกเลื่อนมี 2 แบบคือแบบสามเหลี่ยม และ แบบตัวที
ซึ่งก็มีการพัฒนาเปลี่ยนแปลงยิบๆย่อยๆอีกซึ่งขอล่ะไว้ก่อน
มีเวอร์ชั่น
Colt Model 605 ตัดลำกล้องเป็น Carbine โดยตัดลำกล้องส่วนที่ยื่นพ้นศูนย์หนาออกมา แต่ไม่ได้รับความนิยมใช้งานนัก มีรุ่นเพิ่มเติมคือ 605A มีตำแหน่งการยิงได้3ตำแหน่ง (Safe, Semi, Auto) และ 605B,มีตำแหน่งการยิงได้4ตำแหน่ง (Safe, Semi, Burst, Auto).
Colt Model 606 ลำกล้องหนา ใส่ขาทรายแบบ 2 ขา (Biport)เป็นปืนเล็กยาวยิงกล/ light machine gun มีรุ่นย่อยอีกคือ 606A มีตำแหน่งการยิงได้3ตำแหน่ง (Safe, Semi, Auto) และ 606B,มีตำแหน่งการยิงได้4ตำแหน่ง (Safe, Semi, Burst, Auto).
มีผู้ผลิต M16A1 อื่นที่ผลิตตามสัญญาจ้างของรัฐบาลนอกจาก Colt คือ
- Hydra-Matic Div. G.M. Corp./ Hydra-Matic Division of General Motors มีการผลิต 469,000 กระบอก ระหว่างปี 1968 ถึง 1971.
- H&R Firearms / The Harrington & Richardson Arms Company มีการผลิตจำนวน 246,000 กระบอก ช่วง พฤศจิกายน 1968 ถึง เมษายน 1970
ส่วนของ Colt รวมกันทุกเวอร์ชั่น 8 ล้านกระบอก
ซองกระสุนเริ่มแรกนั้นใช้แบบ Waffle และต่อมาคือแบบ Colt จนปี1967 M16A1 ใช้ซองกระสุนขนาด 20นัด จนมีการออกแบบและผลิตซองกระสุนขนาด30นัดขึ้นมา และ NATO ใช้เป็นซองกระสุนแบบมาตรฐาน หรือ NATO STANAG magazine สังเกตได้จากปืนเล็กยาวในกลุ่มชาติพันธมิตร สหรัฐฯ จะสามารถใช้ซองกระสุนแบบนี้ได้ เช่น howa type 89 ญี่ปุ่น, Daewoo K1 เกาหลีใต้ หรือแม้กระทั้ง TAR21
โปรดติดตามต่อในตอนที่ 2 ครับ
Cr
https://en.wikipedia.org/wiki/M16_rifle
https://en.wikipedia.org/wiki/ArmaLite
https://www.ar15.com/.../250684_Colt_model_655_656...
https://th.wikipedia.org/.../%E0%B9%80%E0%B8%AD%E0%B9%87...
http://modernfirearms.net/.../m16-m16a1-m16a2-m16a3-e.html
https://forum.cartridgecollectors.org/.../project.../15609
https://en.wikipedia.org/wiki/.222_Remington_Magnum
https://th.wikipedia.org/.../5.56%C3%9745_%E0%B8%A1%E0%B8...
https://en.wikipedia.org/wiki/5.56%C3%9745mm_NATO
https://bpullignwolnet.dotster.com/.../RflGde/604.html
#AR15 #M16 #M16A1 #ป_ปืน