'เผ่าภูมิ' กาง '4 ทางตัน' งบฯ 65 ชนเพดานทุกมิติ เข้าสู่ภาวะชักหน้าไม่ถึงหลัง
https://www.matichon.co.th/politics/news_2724813
เมื่อวันที่ 15 พฤษภาคม นาย
เผ่าภูมิ โรจนสกุล รองเลขาธิการพรรคเพื่อไทย (พท.) ในฐานะผู้อำนวยการศูนย์นโยบายพรรคพท. ให้สัมภาษณ์ถึงการจัดทำงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ 65 ซึ่งมีข้อจำกัด ชนเพดานในทุกมิติ จนจะนำไปสู่ทางตันทางการคลัง คือ
ทางตันที่ 1 ขาดดุลเต็มพิกัด ต้องกู้ชดเชยเต็มเพดาน มาตรา 21 พ.ร.บ.หนี้สาธารณะ กู้เพื่อชดเชยการขาดดุลได้ไม่เกิน 20% ของงบประมาณรายจ่ายประจำปี (3.1 ล้านล้านบาท) บวกกับ 80% ที่ตั้งไว้สำหรับชำระคืนเงินต้น ซึ่งรวมเท่ากับ 700,000 ล้านบาท เท่ากับยอดขาดดุล 700,000 ล้านบาท ของงบฯปี 65 พอดี เต็มเพดานแล้ว
หมายความว่า ถ้าเก็บภาษีไม่เข้าเป้าที่ 2.4 ล้านล้านบาท (ซึ่งเป็นไปได้สูงมาก) เราก็จะเข้าสู่ภาวะทางตันทางงบประมาณทันที
ทางตันที่ 2 ขาดดุลของงบประมาณ (700,000 ล้านบาท) แซงหน้างบประมาณรายจ่ายลงทุน (624,399.9 ล้านบาท) ขัดต่อ พ.ร.บ.วินัยการเงินการคลัง มาตรา 20(1) ไปเรียบร้อย แต่รัฐบาลแก้ตัวว่าจะเพิ่มรายจ่ายลงทุนช่องทางอื่นๆ แทน เช่น PPP Thailand Future Fund และกู้ตาม มาตรา 22 พ.ร.บ.หนี้สาธารณะฯ ซึ่งฟังไม่ขึ้น เป็นการจับแพะชนแกะ เอานู่นมาโปะนี่ นับรวมแบบข้างๆคูๆ เป็นคนละส่วนกัน
นาย
เผ่าภูมิ กล่าวอีกว่า
ทางตันที่ 3 หนี้สาธารณะต่อ GDP จะทะลุ 60% ในปี 65” หนี้สาธารณะถูกประเมินว่าจะอยู่ที่ 56-57% ณ ก.ย. 64 รวมผลกระทบจากโควิดระลอก 2 แล้ว แต่ยังไม่รวมผลกระทบจากระลอกที่ 3 ประมาณ -1.5% ของ GDP หรือความเสียหาย 240,000 ล้านบาท หากรวมก้อนนี้และที่ต้องกู้เพื่อชดเชยขาดดุลปี 65 แล้ว หนี้สาธารณะต่อ GDP จะทะลุ 60% ในปี 65 นั่นคือทางตันของการกู้เงิน
และ
ทางตันที่ 4 เงินที่กู้มาเยียวยา ฟื้นฟู 1 ล้านล้านบาท จะหมดแล้ว โอนจากงบฟื้นฟูมาโปะงบเยียวยาอยู่เรื่อยๆ ทำให้แทบไม่ได้ลงทุนฟื้นฟูอะไรเท่าไหร่ ชุดมาตรการเยียวยาล่าสุด 2.4 แสนล้านบาท ก้อนสุดท้ายก็ไปกินในส่วนงบฟื้นฟูแทบหมด นั่นหมายความว่าหากไม่นับรวมงบกลาง เราไม่มีเงินเผื่อเหลือเผื่อขาดไปพยุงเศรษฐกิจและเยียวยาประชาชนจากโควิดต่อจากนี้แล้ว งบฯ 65 ใน 6 ยุทธศาสตร์ก็ไม่ได้มีเผื่อเหลือเผื่อขาดไว้สำหรับการเยียวยา สรุปแล้ว งบฯ 65 อยู่ในภาวะมืดแปดด้าน ชักหน้าไม่ถึงหลัง เดินไปทางไหนก็เจอแต่ทางตัน
เหยื่อแฉพฤติการณ์ แก๊งประสิทธิ์ เจียวก๊ก ตุ๋น 'เที่ยวเพื่อชาติ' จูงใจลงทุนแสนกำไร 1.5 หมื่น
https://www.matichon.co.th/local/news_2724729
จากกรณี ที่กองบังคับการปรามบปราม พล.ต.ต.สุวัฒน์ แสงนุ่ม ผบก.ป. แถลงผลปฏิบัติการตรวจค้นพื้นที่เป้าหมาย 9 จุด ทั้งใน กทม.และปริมณฑล เพื่อจับกุมผู้ต้องหาเครือข่ายบริษัทชื่อดังที่หลอกลวงนักลงทุน สามารถจับกุมผู้ต้องหาได้ 4 ราย คือ
พ.ท.พญ.อมราภรณ์ วิเศษสุข ประธานโครงการ “
เที่ยวเพื่อชาติ” น.ส.
ณัฐวรรณ อุตตมะปรากรม อายุ 33 ปี น.ส.
สิริมา เนาวรัตน์ อายุ 37 ปี และ นาย
กิตติวัฒน์ อ่วมอารีย์ อายุ 40 ปี ทั้งหมดเป็นผู้ต้องหาตามหมายจับศาลอาญา ข้อหา “
ฉ้อโกงประชาชน และร่วมกันกู้ยืมเงินที่เป็นการฉ้อโกงประชาชน”
พล.ต.ต.
สุวัฒน์ เปิดเผยว่า ผู้ต้องหากลุ่มนี้ได้ร่วมกันตั้งบริษัทขึ้นมาหลายแห่งในลักษณะเครือข่ายใหญ่ เพื่อชักชวนให้ผู้เสียหายนำเงินมาร่วมลงทุนหลายรูปแบบ อ้างว่าจะได้รับผลตอบแทนสูง ช่วงแรกๆ ก็จะจ่ายเงินค่าตอบแทนจริง เพื่อให้ผู้เสียหายตายใจ และนำเงินมาลงทุนเพิ่มอีก
แต่หลังจากนั้นก็จะเริ่มบ่ายเบี่ยง ไม่ยอมจ่ายเงินผลตอบแทน หรือคืนเงินลงทุนให้กับผู้เสียหาย ตามที่ตกลงกันไว้ ก่อนจะขาดหายการติดต่อไปในที่สุด ที่ผ่านมามีผู้ตกเป็นเหยื่อนับพันราย มูลค่าความเสียหายกว่าพันล้านบาท ผู้เสียหายจึงมีการรวมตัวเข้าแจ้งความไว้ที่ บก.ปอศ.
“เหลือผู้ต้องหาอีกเพียง 2 รายที่อยู่ระหว่างหลบหนี คือ นายประสิทธิ์ เจียวก๊ก ประธานโครงการ “คืนคุณแผ่นดิน” ทำหน้าเปรียบเหมือนตัวการใหญ่ หรือ หัวหน้าขบวนการ และ นายกิตติศักดิ์ เย็นนานนทน์ รองประธานกรรมการบริหารบริษัทในเครือ ซึ่งขณะนี้เจ้าหน้าที่ยังคงกระจายกำลังลงพื้นที่หาเบาะแสของผู้ต้องหาทั้ง 2 รายนี้อย่างต่อเนื่อง เชื่อว่ายังคงอยู่ภายในประเทศ จึงอยากฝากบอกด้วยว่า หากมั่นใจว่าไม่ผิดก็ขอให้เข้ามามอบตัว และยินดีให้ความเป็นกับทุกฝ่าย เพราะต้องว่ากันไปตามพยานหลักฐาน”
จนกลายเป็นกระแสฮือฮาในโลกออนไลน์
ล่าสุด ผู้เสียหายกรณีดังกล่าว ออกมาแฉพฤติการณ์ ของแก๊งหลอกเที่ยว ในรายการ “
ถกไม่เถียง” ดำเนินรายการโดย
ทิน โชคกมลกิจ พร้อมผู้เสียหาย
เอ (นามสมมติ) , บอล (นามสมมติ) , สุ (นามสมมติ) เหยื่อถูกหลอกลงทุน เเละ
รณณรงค์ แก้วเพ็ชร์ ประธานเครือข่ายรณรงค์ทวงคืนความยุติธรรมในสังคม มาพูดคุยกันเพื่อเป็นอุทาหรณ์และเตือนภัยให้คนในสังคมได้รับรู้
เปิดวิธีการ จูงใจให้ลงทุน
เอ (นามสมมติ) เปิดเผยว่า มีคนแนะนำแพ็คเกจทัวร์ให้เรา เสนอสิทธิพิเศษน่าสนใจมากมาย มีโปรโมชั่นมาชวนเชื่อให้เราลงทุนต่อไปเรื่อย ๆ ครั้งแรกลงทุนไป 5 หมื่นบาท ผ่านไป 3 วันได้โบนัสคืนมา 5% ได้มาตั้งแต่พฤษภาคมจนถึงธันวาคม จึงเริ่มตะกุกตะกักมีปัญหา หากเซลล์ต้องการยอดคอมมิชชั่นเขาก็จะมีวิธีการแนะนำให้เราลงทุนเพิ่ม ถ้าไม่มีเงินสด ให้เอาวงเงินในบัตรเครดิตมาใช้ได้ เราเชื่อถือเพราะเขามีบริษัทหลายบริษัท เขามีบริษัทเยอะมาก เขาไม่น่าจะโกง หรือล้มบริษัทตัวเอง เคยเจอประธานตอนที่โดนโกงแล้ว วิ่งไปขอเงินคืนจากเขาเเต่เขาไม่คืน
“เขาจะมีโปรโมชั่นมาจูงใจตลอด เช่น ลงทุน 100,000 บาท กำไร 15,000 บาท เราก็คิดว่าน่าสนใจ เพราะแค่ 3 วันก็ได้เงินคืนแล้ว เเต่สุดท้ายหลังโดนโกงเขามีการข่มขู่ด้วยว่า ถ้าใครไปฟ้อง ก็จะถูกระงับบัญชี ไม่ให้เงินคืน และขู่ว่าจะฟ้องพรบ.คอมพิวเตอร์ด้วย”
ขณะที่
บอล (นามสมมติ) เผยว่า หมดเงินไปประมาณ 1 ล้าน เขามีเทคนิคว่าเที่ยวฟรีมีที่เดียวในโลก และแจกหนังสือดูน่าเชื่อถือ บางครั้งก็มีแจกตั๋ว ใช้เทคนิคหลอกล่อให้เข้ามา สุดท้ายเขาตั้งสมาคมรวบรวมคนเข้ามา โดยมีสินค้าเป็นแพ็คเกจทัวร์มาขาย ในสมาคมมีการจัดงานใหญ่โต มีเลี้ยงอาหาร คนมาร่วมงานเยอะมาก อ้างว่าเป็นสมาคมที่ทำเพื่อสังคม ทำให้ดูน่าเชื่อถือ
สูญเงิน 300 กว่าล้าน
ฝั่ง
สุ (นามสมมติ) เผยหมดเงินไป 3.9 ล้าน เเละไม่ได้เงินคืนเลย จุดเริ่มต้นมาจากทำงานฟรีแลนซ์เป็นหน้าม้าที่เขาจ้างไปร่วมชิงโชคเพื่อจับรางวัล จนตอนหลังก็เข้าไปร่วมซื้อแพ็คเกจทัวร์กับเขาด้วย ตอนหลังก็โง่ไปซื้อกับเขาอีก จ่าย 1.5 หมื่น อยากได้ไปญี่ปุ่นฟรี แต่ลูกสาวทักว่าจ่ายตรงนี้ก็ได้ไปอยู่แล้ว แล้วมันฟรีตรงไหน เลยไปขอเงินคืน
เขาจะมีคูปองแลกเงิน 100 ใบ ใบละ 1,000 บาท ป้าลงทุนไป 1.9 ล้าน ทยอยซื้อทุกคืน ทีละเล่ม ๆ ซื้อเงินสดทั้งนั้น มีโปรออกมาเรื่อย ๆ ใช้ผลตอบแทนที่รวดเร็วมาล่อ เเต่เพราะเราอายุเยอะทำงานไม่ไหวเเล้วก็หวังว่าจะได้เงินปันผลจากอันนี้แต่ก็ไม่ได้คืน
“หลายคนมองกว่ากรณีนี้เกิดจากความโลภ เเต่ผู้เสียหายต่างบอกว่าเป็นเพราะความหลงเชื่อใจมากกว่า เพราะเขาสร้างความน่าเชื่อถือไว้สูง เขาสร้างภาพออกมาดีมาก ช่วยเหลือสังคม ไปบริจาคที่นั่นที่นี่ ส่วนเรื่องที่หาว่าโลภมันไม่ใช่ความโลภหรอก แต่คิดว่าเป็นเพราะเราศรัทธาเขา เราเชื่อที่เขา
มีกลุ่มเล็ก ๆ 30 กว่าคน มูลค่าความเสียหาย 300 กว่าล้าน มากที่สุดเท่าที่รู้จักประมาณ 34 ล้านบาท คนที่ไม่อยากฟ้อง เขาคิดว่าจะมีการจ่ายเงินคืน เพราะทางนั้นประชาสัมพันธ์ตลอดว่าจะมีการจ่ายเงินคืนแน่นอน อ้างว่ากำลังหาพาร์ทเนอร์ในการลงทุนอยู่”
อ้าง ติดคุกก็ไม่เกิน 20 ปี
“เขาเคยพูดว่า ถ้าใครจะไปแจ้งความ ให้บอกเขา เขาจะไปด้วย แต่ตอนนี้ไม่รู้ว่าเขาหายไปไหนแล้ว เขาเคยนัดพวกเรามาคุยกัน เมื่อปลายเดือนมีนาฯ กับต้นเดือนเมษาฯ อ้างว่างถ้าติดคุกก็จะไม่เกิน 20 ปี ซึ่งตอนนี้คิดว่าอาจจะไม่ได้เงินคืน เพราะสืบลงไปแล้ว มันเห็นความเชื่อมโยงมากมาย ไปถึงผู้มีชื่อเสียงในสังคมซึ่งไม่น่าจะได้คืน พนักงานเขาก็ดูดี แต่งกายใส่สูท พูดจาดี หว่านล้อมให้เราซื้อตามโปรโมชั่นที่เขากำหนดมา แต่ความจริงก็คือพนักงานก็ตกเป็นเหยื่อในเรื่องนี้ด้วยเหมือนกัน”
ทนายชี้ แชร์ลูกโซ่ชัดเจน
ด้านทนาย
รณณรงค์ แก้วเพ็ชร์ ได้พูดถึงกรณีนี้ว่า ธุรกิจอะไรก็ตามที่ไม่ได้ทำธุรกิจอย่างจริงจัง และไม่มีผลกำไรชัดเจน นั่นก็คือแชร์ลูกโซ่ เรื่องพวกนี้ใครชิงลงมือก่อนได้เปรียบ ทางนู้นเขารู้อยู่แล้วว่าเราจะมาช่องไหน เขาเป็นมืออาชีพ ทางผู้เสียหายก็ต้องรีบรวมตัวกันเพื่อเข้าไปดำเนินการ จะได้ตัดตอนคนที่จะตกเป็นเหยื่อหลังจากเราอย่าไปแจ้งความเลย
“อันนี้เป็นวิธีการของแชร์ลูกโซ่อย่างชัดเจน ผู้เสียหายต้องรวมตัวกัน เพื่อให้อายัดทรัพย์สินเข้ามา เมื่อผลการชี้ขาดของศาลสิ้นสุดลงแล้ว ก็จะได้มีการจัดสรรไปตามความเสียหายที่เกิดขึ้น เรื่องนี้ไปถึงดีเอสไอแล้ว แต่ยังไม่ได้รับเป็นคดีพิเศษ ก็ต้องไปวิงวอนเขาให้รับเป็นคดีพิเศษ คือดีเอสไอเนี่ยเก่งเรื่องการยึดทรัพย์มาก ทาง DSI มีความชำนาญเฉพาะด้าน โดยเฉพาะในคดีแชร์ลูกโซ่ เขาจะสามารถสืบหาความไม่ชอบมาพากลได้”
“ถ้าส่งเรื่องไปที่ ปปง. เขาก็จะยึดทรัพย์สิน แม้จะโยกย้ายทรัพย์สินแล้วก็ยังตามได้ แต่ต้องรีบแจ้งความดำเนินคดี ซึ่งในคดีนี้คนร้ายไม่ได้กลัวการออกหมายจับ แต่เขากลัวโดนยึดเงิน มีบางเคสได้เงินคืนครบ อย่างคดี FOREX3D เพราะมีคนมาแจ้งความน้อย เวลาเขายึดทรัพย์คืน คนที่มาแจ้งความก็ได้เงินคืน ปัญหาคดีแบบนี้คือพนง.สอบสวนไม่กล้ายึดอายัดทรัพย์ เพราะกลัวผู้ต้องหาฟ้องร้อง คดีนี้จำเป็นต้องใช้เวลา เพราะเมื่อมีผู้เสียหายเยอะ ก็ต้องมีการสอบสวนเยอะ ถ้า 30 คน เกิน 200 ล้าน แค่นี้ก็แจ้งความดีเอสไอรับเป็นคดีพิเศษได้แล้ว คนที่รับฝากทรัพย์จากผู้ต้องหา ก็อย่าสบายใจ เพราะถ้าสามารถสืบไปถึงได้ ทรัพย์เหล่านั้นก็จะโดนยึดทั้งหมด คดีนี้จับไม่ยากครับ แต่การยึดทรัพย์ต้องมาก่อน”
JJNY : 'เผ่าภูมิ'กาง'4 ทางตัน'งบฯ65│เหยื่อแฉพฤติการณ์แก๊งประสิทธิ์│"หมอธีระ"แนะวางแผนอนาคต│จี้ปลดรมว.ยุติธรรม-อธิบดีคุก
https://www.matichon.co.th/politics/news_2724813
ทางตันที่ 1 ขาดดุลเต็มพิกัด ต้องกู้ชดเชยเต็มเพดาน มาตรา 21 พ.ร.บ.หนี้สาธารณะ กู้เพื่อชดเชยการขาดดุลได้ไม่เกิน 20% ของงบประมาณรายจ่ายประจำปี (3.1 ล้านล้านบาท) บวกกับ 80% ที่ตั้งไว้สำหรับชำระคืนเงินต้น ซึ่งรวมเท่ากับ 700,000 ล้านบาท เท่ากับยอดขาดดุล 700,000 ล้านบาท ของงบฯปี 65 พอดี เต็มเพดานแล้ว
หมายความว่า ถ้าเก็บภาษีไม่เข้าเป้าที่ 2.4 ล้านล้านบาท (ซึ่งเป็นไปได้สูงมาก) เราก็จะเข้าสู่ภาวะทางตันทางงบประมาณทันที
ทางตันที่ 2 ขาดดุลของงบประมาณ (700,000 ล้านบาท) แซงหน้างบประมาณรายจ่ายลงทุน (624,399.9 ล้านบาท) ขัดต่อ พ.ร.บ.วินัยการเงินการคลัง มาตรา 20(1) ไปเรียบร้อย แต่รัฐบาลแก้ตัวว่าจะเพิ่มรายจ่ายลงทุนช่องทางอื่นๆ แทน เช่น PPP Thailand Future Fund และกู้ตาม มาตรา 22 พ.ร.บ.หนี้สาธารณะฯ ซึ่งฟังไม่ขึ้น เป็นการจับแพะชนแกะ เอานู่นมาโปะนี่ นับรวมแบบข้างๆคูๆ เป็นคนละส่วนกัน
นายเผ่าภูมิ กล่าวอีกว่า ทางตันที่ 3 หนี้สาธารณะต่อ GDP จะทะลุ 60% ในปี 65” หนี้สาธารณะถูกประเมินว่าจะอยู่ที่ 56-57% ณ ก.ย. 64 รวมผลกระทบจากโควิดระลอก 2 แล้ว แต่ยังไม่รวมผลกระทบจากระลอกที่ 3 ประมาณ -1.5% ของ GDP หรือความเสียหาย 240,000 ล้านบาท หากรวมก้อนนี้และที่ต้องกู้เพื่อชดเชยขาดดุลปี 65 แล้ว หนี้สาธารณะต่อ GDP จะทะลุ 60% ในปี 65 นั่นคือทางตันของการกู้เงิน
และทางตันที่ 4 เงินที่กู้มาเยียวยา ฟื้นฟู 1 ล้านล้านบาท จะหมดแล้ว โอนจากงบฟื้นฟูมาโปะงบเยียวยาอยู่เรื่อยๆ ทำให้แทบไม่ได้ลงทุนฟื้นฟูอะไรเท่าไหร่ ชุดมาตรการเยียวยาล่าสุด 2.4 แสนล้านบาท ก้อนสุดท้ายก็ไปกินในส่วนงบฟื้นฟูแทบหมด นั่นหมายความว่าหากไม่นับรวมงบกลาง เราไม่มีเงินเผื่อเหลือเผื่อขาดไปพยุงเศรษฐกิจและเยียวยาประชาชนจากโควิดต่อจากนี้แล้ว งบฯ 65 ใน 6 ยุทธศาสตร์ก็ไม่ได้มีเผื่อเหลือเผื่อขาดไว้สำหรับการเยียวยา สรุปแล้ว งบฯ 65 อยู่ในภาวะมืดแปดด้าน ชักหน้าไม่ถึงหลัง เดินไปทางไหนก็เจอแต่ทางตัน
เหยื่อแฉพฤติการณ์ แก๊งประสิทธิ์ เจียวก๊ก ตุ๋น 'เที่ยวเพื่อชาติ' จูงใจลงทุนแสนกำไร 1.5 หมื่น
https://www.matichon.co.th/local/news_2724729
จากกรณี ที่กองบังคับการปรามบปราม พล.ต.ต.สุวัฒน์ แสงนุ่ม ผบก.ป. แถลงผลปฏิบัติการตรวจค้นพื้นที่เป้าหมาย 9 จุด ทั้งใน กทม.และปริมณฑล เพื่อจับกุมผู้ต้องหาเครือข่ายบริษัทชื่อดังที่หลอกลวงนักลงทุน สามารถจับกุมผู้ต้องหาได้ 4 ราย คือ พ.ท.พญ.อมราภรณ์ วิเศษสุข ประธานโครงการ “เที่ยวเพื่อชาติ” น.ส.ณัฐวรรณ อุตตมะปรากรม อายุ 33 ปี น.ส.สิริมา เนาวรัตน์ อายุ 37 ปี และ นายกิตติวัฒน์ อ่วมอารีย์ อายุ 40 ปี ทั้งหมดเป็นผู้ต้องหาตามหมายจับศาลอาญา ข้อหา “ฉ้อโกงประชาชน และร่วมกันกู้ยืมเงินที่เป็นการฉ้อโกงประชาชน”
พล.ต.ต.สุวัฒน์ เปิดเผยว่า ผู้ต้องหากลุ่มนี้ได้ร่วมกันตั้งบริษัทขึ้นมาหลายแห่งในลักษณะเครือข่ายใหญ่ เพื่อชักชวนให้ผู้เสียหายนำเงินมาร่วมลงทุนหลายรูปแบบ อ้างว่าจะได้รับผลตอบแทนสูง ช่วงแรกๆ ก็จะจ่ายเงินค่าตอบแทนจริง เพื่อให้ผู้เสียหายตายใจ และนำเงินมาลงทุนเพิ่มอีก
แต่หลังจากนั้นก็จะเริ่มบ่ายเบี่ยง ไม่ยอมจ่ายเงินผลตอบแทน หรือคืนเงินลงทุนให้กับผู้เสียหาย ตามที่ตกลงกันไว้ ก่อนจะขาดหายการติดต่อไปในที่สุด ที่ผ่านมามีผู้ตกเป็นเหยื่อนับพันราย มูลค่าความเสียหายกว่าพันล้านบาท ผู้เสียหายจึงมีการรวมตัวเข้าแจ้งความไว้ที่ บก.ปอศ.
“เหลือผู้ต้องหาอีกเพียง 2 รายที่อยู่ระหว่างหลบหนี คือ นายประสิทธิ์ เจียวก๊ก ประธานโครงการ “คืนคุณแผ่นดิน” ทำหน้าเปรียบเหมือนตัวการใหญ่ หรือ หัวหน้าขบวนการ และ นายกิตติศักดิ์ เย็นนานนทน์ รองประธานกรรมการบริหารบริษัทในเครือ ซึ่งขณะนี้เจ้าหน้าที่ยังคงกระจายกำลังลงพื้นที่หาเบาะแสของผู้ต้องหาทั้ง 2 รายนี้อย่างต่อเนื่อง เชื่อว่ายังคงอยู่ภายในประเทศ จึงอยากฝากบอกด้วยว่า หากมั่นใจว่าไม่ผิดก็ขอให้เข้ามามอบตัว และยินดีให้ความเป็นกับทุกฝ่าย เพราะต้องว่ากันไปตามพยานหลักฐาน”
จนกลายเป็นกระแสฮือฮาในโลกออนไลน์
ล่าสุด ผู้เสียหายกรณีดังกล่าว ออกมาแฉพฤติการณ์ ของแก๊งหลอกเที่ยว ในรายการ “ถกไม่เถียง” ดำเนินรายการโดย ทิน โชคกมลกิจ พร้อมผู้เสียหาย เอ (นามสมมติ) , บอล (นามสมมติ) , สุ (นามสมมติ) เหยื่อถูกหลอกลงทุน เเละ รณณรงค์ แก้วเพ็ชร์ ประธานเครือข่ายรณรงค์ทวงคืนความยุติธรรมในสังคม มาพูดคุยกันเพื่อเป็นอุทาหรณ์และเตือนภัยให้คนในสังคมได้รับรู้
เปิดวิธีการ จูงใจให้ลงทุน
เอ (นามสมมติ) เปิดเผยว่า มีคนแนะนำแพ็คเกจทัวร์ให้เรา เสนอสิทธิพิเศษน่าสนใจมากมาย มีโปรโมชั่นมาชวนเชื่อให้เราลงทุนต่อไปเรื่อย ๆ ครั้งแรกลงทุนไป 5 หมื่นบาท ผ่านไป 3 วันได้โบนัสคืนมา 5% ได้มาตั้งแต่พฤษภาคมจนถึงธันวาคม จึงเริ่มตะกุกตะกักมีปัญหา หากเซลล์ต้องการยอดคอมมิชชั่นเขาก็จะมีวิธีการแนะนำให้เราลงทุนเพิ่ม ถ้าไม่มีเงินสด ให้เอาวงเงินในบัตรเครดิตมาใช้ได้ เราเชื่อถือเพราะเขามีบริษัทหลายบริษัท เขามีบริษัทเยอะมาก เขาไม่น่าจะโกง หรือล้มบริษัทตัวเอง เคยเจอประธานตอนที่โดนโกงแล้ว วิ่งไปขอเงินคืนจากเขาเเต่เขาไม่คืน
“เขาจะมีโปรโมชั่นมาจูงใจตลอด เช่น ลงทุน 100,000 บาท กำไร 15,000 บาท เราก็คิดว่าน่าสนใจ เพราะแค่ 3 วันก็ได้เงินคืนแล้ว เเต่สุดท้ายหลังโดนโกงเขามีการข่มขู่ด้วยว่า ถ้าใครไปฟ้อง ก็จะถูกระงับบัญชี ไม่ให้เงินคืน และขู่ว่าจะฟ้องพรบ.คอมพิวเตอร์ด้วย”
ขณะที่ บอล (นามสมมติ) เผยว่า หมดเงินไปประมาณ 1 ล้าน เขามีเทคนิคว่าเที่ยวฟรีมีที่เดียวในโลก และแจกหนังสือดูน่าเชื่อถือ บางครั้งก็มีแจกตั๋ว ใช้เทคนิคหลอกล่อให้เข้ามา สุดท้ายเขาตั้งสมาคมรวบรวมคนเข้ามา โดยมีสินค้าเป็นแพ็คเกจทัวร์มาขาย ในสมาคมมีการจัดงานใหญ่โต มีเลี้ยงอาหาร คนมาร่วมงานเยอะมาก อ้างว่าเป็นสมาคมที่ทำเพื่อสังคม ทำให้ดูน่าเชื่อถือ
สูญเงิน 300 กว่าล้าน
ฝั่งสุ (นามสมมติ) เผยหมดเงินไป 3.9 ล้าน เเละไม่ได้เงินคืนเลย จุดเริ่มต้นมาจากทำงานฟรีแลนซ์เป็นหน้าม้าที่เขาจ้างไปร่วมชิงโชคเพื่อจับรางวัล จนตอนหลังก็เข้าไปร่วมซื้อแพ็คเกจทัวร์กับเขาด้วย ตอนหลังก็โง่ไปซื้อกับเขาอีก จ่าย 1.5 หมื่น อยากได้ไปญี่ปุ่นฟรี แต่ลูกสาวทักว่าจ่ายตรงนี้ก็ได้ไปอยู่แล้ว แล้วมันฟรีตรงไหน เลยไปขอเงินคืน
เขาจะมีคูปองแลกเงิน 100 ใบ ใบละ 1,000 บาท ป้าลงทุนไป 1.9 ล้าน ทยอยซื้อทุกคืน ทีละเล่ม ๆ ซื้อเงินสดทั้งนั้น มีโปรออกมาเรื่อย ๆ ใช้ผลตอบแทนที่รวดเร็วมาล่อ เเต่เพราะเราอายุเยอะทำงานไม่ไหวเเล้วก็หวังว่าจะได้เงินปันผลจากอันนี้แต่ก็ไม่ได้คืน
“หลายคนมองกว่ากรณีนี้เกิดจากความโลภ เเต่ผู้เสียหายต่างบอกว่าเป็นเพราะความหลงเชื่อใจมากกว่า เพราะเขาสร้างความน่าเชื่อถือไว้สูง เขาสร้างภาพออกมาดีมาก ช่วยเหลือสังคม ไปบริจาคที่นั่นที่นี่ ส่วนเรื่องที่หาว่าโลภมันไม่ใช่ความโลภหรอก แต่คิดว่าเป็นเพราะเราศรัทธาเขา เราเชื่อที่เขา
มีกลุ่มเล็ก ๆ 30 กว่าคน มูลค่าความเสียหาย 300 กว่าล้าน มากที่สุดเท่าที่รู้จักประมาณ 34 ล้านบาท คนที่ไม่อยากฟ้อง เขาคิดว่าจะมีการจ่ายเงินคืน เพราะทางนั้นประชาสัมพันธ์ตลอดว่าจะมีการจ่ายเงินคืนแน่นอน อ้างว่ากำลังหาพาร์ทเนอร์ในการลงทุนอยู่”
อ้าง ติดคุกก็ไม่เกิน 20 ปี
“เขาเคยพูดว่า ถ้าใครจะไปแจ้งความ ให้บอกเขา เขาจะไปด้วย แต่ตอนนี้ไม่รู้ว่าเขาหายไปไหนแล้ว เขาเคยนัดพวกเรามาคุยกัน เมื่อปลายเดือนมีนาฯ กับต้นเดือนเมษาฯ อ้างว่างถ้าติดคุกก็จะไม่เกิน 20 ปี ซึ่งตอนนี้คิดว่าอาจจะไม่ได้เงินคืน เพราะสืบลงไปแล้ว มันเห็นความเชื่อมโยงมากมาย ไปถึงผู้มีชื่อเสียงในสังคมซึ่งไม่น่าจะได้คืน พนักงานเขาก็ดูดี แต่งกายใส่สูท พูดจาดี หว่านล้อมให้เราซื้อตามโปรโมชั่นที่เขากำหนดมา แต่ความจริงก็คือพนักงานก็ตกเป็นเหยื่อในเรื่องนี้ด้วยเหมือนกัน”
ทนายชี้ แชร์ลูกโซ่ชัดเจน
ด้านทนาย รณณรงค์ แก้วเพ็ชร์ ได้พูดถึงกรณีนี้ว่า ธุรกิจอะไรก็ตามที่ไม่ได้ทำธุรกิจอย่างจริงจัง และไม่มีผลกำไรชัดเจน นั่นก็คือแชร์ลูกโซ่ เรื่องพวกนี้ใครชิงลงมือก่อนได้เปรียบ ทางนู้นเขารู้อยู่แล้วว่าเราจะมาช่องไหน เขาเป็นมืออาชีพ ทางผู้เสียหายก็ต้องรีบรวมตัวกันเพื่อเข้าไปดำเนินการ จะได้ตัดตอนคนที่จะตกเป็นเหยื่อหลังจากเราอย่าไปแจ้งความเลย
“อันนี้เป็นวิธีการของแชร์ลูกโซ่อย่างชัดเจน ผู้เสียหายต้องรวมตัวกัน เพื่อให้อายัดทรัพย์สินเข้ามา เมื่อผลการชี้ขาดของศาลสิ้นสุดลงแล้ว ก็จะได้มีการจัดสรรไปตามความเสียหายที่เกิดขึ้น เรื่องนี้ไปถึงดีเอสไอแล้ว แต่ยังไม่ได้รับเป็นคดีพิเศษ ก็ต้องไปวิงวอนเขาให้รับเป็นคดีพิเศษ คือดีเอสไอเนี่ยเก่งเรื่องการยึดทรัพย์มาก ทาง DSI มีความชำนาญเฉพาะด้าน โดยเฉพาะในคดีแชร์ลูกโซ่ เขาจะสามารถสืบหาความไม่ชอบมาพากลได้”
“ถ้าส่งเรื่องไปที่ ปปง. เขาก็จะยึดทรัพย์สิน แม้จะโยกย้ายทรัพย์สินแล้วก็ยังตามได้ แต่ต้องรีบแจ้งความดำเนินคดี ซึ่งในคดีนี้คนร้ายไม่ได้กลัวการออกหมายจับ แต่เขากลัวโดนยึดเงิน มีบางเคสได้เงินคืนครบ อย่างคดี FOREX3D เพราะมีคนมาแจ้งความน้อย เวลาเขายึดทรัพย์คืน คนที่มาแจ้งความก็ได้เงินคืน ปัญหาคดีแบบนี้คือพนง.สอบสวนไม่กล้ายึดอายัดทรัพย์ เพราะกลัวผู้ต้องหาฟ้องร้อง คดีนี้จำเป็นต้องใช้เวลา เพราะเมื่อมีผู้เสียหายเยอะ ก็ต้องมีการสอบสวนเยอะ ถ้า 30 คน เกิน 200 ล้าน แค่นี้ก็แจ้งความดีเอสไอรับเป็นคดีพิเศษได้แล้ว คนที่รับฝากทรัพย์จากผู้ต้องหา ก็อย่าสบายใจ เพราะถ้าสามารถสืบไปถึงได้ ทรัพย์เหล่านั้นก็จะโดนยึดทั้งหมด คดีนี้จับไม่ยากครับ แต่การยึดทรัพย์ต้องมาก่อน”