ผมจะบวช 12. จุดจบ เริ่มต้น

กระทู้สนทนา
พระไม้ค่อยๆ เผยอเปลือกตาขึ้น แรกทีเดียวแสงที่สาดเข้ามาทำให้รู้สึกแสบตาเป็นอย่างมาก เมื่อตั้งสติได้ก็รับรู้ถึงกลิ่นธูปหอมที่ตลบอบอวล

       "หลวงน้าครับ หลวงพี่ไม้ฟื้นแล้วครับ" เสียงทุ้มต่ำพูดขึ้นเสียงดัง พระไม้กะพริบตาถี่ ๆ ไล่อาการพร่ามัว

       "ตื่นแล้วหรือท่าน เป็นยังไงบ้าง"

       เสียงที่คุ้นหูแว่วมา แต่ฟังดูแหบแห้งพิกลนัก พระไม้หันหน้าไปทางต้นเสียงช้า ๆ รู้สึกปวดหนึบที่ต้นคอลามไปถึงแผ่นหลัง

       "ท่านหลับไปนานทีเดียว แต่ตอนนี้ตื่นแล้วผมก็วางใจ"

        พระสงฆ์วัยกลางคนเอ่ยขึ้นด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม ถ้าสายตาของพระไม้ไม่ฝ้าฟางจนผิดเพี้ยน นี่คือหลวงพี่สมพร แต่เหตุใดจึงดูแก่ชราลงมาก เส้นผมที่เคยดำขลับทั่วทั้งศรีษะก็กลายเป็นว่ามีสีขาวแซม ตีนผมกว้างขึ้นจากหน้าผากจรดกลางกบาล นี่มันอะไรกัน

        "หลวงพี่สมพร..." พระไม้เปล่งเสียงด้วยความยากลำบาก แล้วก็ให้รู้สึกแปลกใจกับสุ้มเสียงของตนที่ได้ยิน มันแหบแห้งไร้กำลังวังชา

        หลวงพี่สมพรพยักหน้ารับน้อย ๆ ก่อนจะเอ่ยขึ้น

        "ท่านหลับไปนานทีเดียว ตอนนี้ร่างกายคงยังปรับตัวไม่ทัน อีกสักหน่อยก็คงดีขึ้น"

        "หลับไปนาน? นานแค่ไหนกันครับ กี่ชั่วโมง? กี่วัน? " พระไม้เอ่ยถาม

        "เจ็ดปี" หลวงพี่สมพรตอบ

        "เจ็ดปี! " พระไม้ทวนคำ

        "ท่านนอนอยู่แบบนี้เจ็ดปี ระหว่างนั้นมีเรื่องราวเกิดขึ้นมากมาย เอาไว้อาการเป็นปกติผมจะเล่าให้ฟัง ตอนนี้พักก่อนเถอะ" หลวงพี่สมพรพูด

        "ผะ ผม....แล้วแม่ผมล่ะครับ ช่วยให้ใครไปตามท่านให้ได้ไหม ผมอยากพบท่านน่ะครับ" พระไม้พูดขึ้น รู้สึกสับสนอย่างมาก

        หลวงพี่สมพรถอนหายใจยาว ก่อนจะหันไปพยักหน้าให้กับใครคนหนึ่ง เขาเป็นเด็กหนุ่มอายุประมาณ 16-17 ปี พระไม้รู้สึกคลับคล้ายคลับคลาว่ารู้จักแต่ก็นึกไม่ออก

        เด็กหนุ่นคนนั้นเดินออกไปจากห้อง สักพักจึงกลับเข้ามาพร้อมกับโกฐทองเหลืองที่ความเงางามถูกกลืนหายไปกับกาลเวลา เขาตั้งมันลงข้างๆ พระไม้แล้วพูดขึ้นเสียงเศร้า

        "ป้าละไมท่านเสียแล้วครับ"

        เหมือนดั่งถูกตีท้ายทอยด้วยชะแลง จากนั้นก็ทุบซ้ำด้วยค้อน นี่มันอะไรกัน แม่ของเขาตายแล้วงั้นหรือ นี่คงเป็นความฝันสินะ ใช่แล้วนี่ต้องเป็นความฝันอย่างแน่นอน

        "โยมละไมเสียเมื่อสามปีก่อน ส่วนสีกาฝ้ายนั้นหายตัวไปเมื่อเจ็ดปีที่แล้ว ตอนนี้ยังหาตัวไม่พบ ไม่รู้ว่าจะเป็นตายร้ายดียังไง"

       หลวงพี่สมพรบอก พระไม้ได้แต่นิ่งจ้องโกฐบรรจุอัฐิของป้าละไม

       "แม่....ตาย ฝ้าย....หายตัวไปงั้นเหรอครับ" พระไม้พูดออกมาเบา ๆ

        "ใช่...แต่ตอนนี้ผมว่าท่านพักอีกสักหน่อยนะ" หลวงพี่สมพรพูด

        "ผมพักมามากพอแล้วครับ" พระไม้ตอบ พยายามชันกายลุกขึ้นนั่งอย่างยากลำบาก

       "แม่ตายยังไงครับ? " พระไม้หันไปถามหลวงพี่สมพรด้วยสายตาวิงวอน

        "เรื่องนี้เราอย่าเพิ่งพูดถึงมันเลย" หลวงพี่สมพรบ่ายเบี่ยง

        "หึ! งั้นเหรอครับ นั่นแม่ผมนะครับ!! " พระไม้ตะโกนออกมาเสียงดังอย่างเดือดดาล

        "ผมนอนหลับไปเจ็ดปี พอตื่นขึ้นมาคนที่ผมรักสองคนก็ไม่อยู่แล้ว คนนึงตายจากไป อีกคนหายสาปสูญ ผมไม่น่าตื่นขึ้นมาจริง ๆ "

       พระไม้คร่ำครวญ หลวงพี่สมพรเห็นดังนั้นก็ทำได้เพียงนิ่งเงียบ

       ผ่านไปกว่าชั่วโมง อาการเศร้าโศกจึงทุเลาลง เจ้าบาสในวัยหนุ่มแตกพานประคองพระไม้ออกมานั่งด้านนอกกุฏิ ภาพที่พระไม้เห็น บรรยากาศนั้นเปลี่ยนไปมาก เพียงเจ็ดปีเท่านั้นอะไร ๆ ก็เปลี่ยนไปมากมาย วัดมีพระสงฆ์จำพรรษาเยอะขึ้น สิ่งปลูกสร้างทั้งศาลาและกุฏิถูกต่อเติมตกแต่งจนดูดีกว่าเก่ามาก

        พระไม้ขอนั่งรับลมอยู่คนเดียวสักพัก เจ้าบาสก็มิได้ขัดใจเลี่ยงไปนั่งอยู่ห่าง ๆ ด้วยความเป็นห่วง

        สายลมยามบ่ายในฤดูหนาวพัดพาเอาอากาศที่อบอุ่นมากระทบกาย พระไม้นั่งนึกทบทวนเหตุการณ์ที่ผ่านมา ความทรงจำเรื่องของแม่และเพื่อนสาวเฝ้าวนเวียนอยู่ในหัวจนต้องหลั่งน้ำตาอีกครั้ง

        จู่ ๆ บรรยากาศก็เปลี่ยนไป จากอบอุ่นกลายเป็นเย็นยะเยือกสุดขั้ว พระไม้เงยหน้าขึ้นมองก็พบว่าตนเองนั่งอยู่ท่ามกลางผืนหญ้าบนเขาสูง มองไปทางใดเห็นเพียงสายหมอกที่ถูกลมพัดลอยคว้างบดบังทัศนียภาพ

       "พระ.....พระ......พระ....."

        เสียงใครคนหนึ่งแว่วมาแต่ไกล พระไม้มองหาต้นเสียงก็พบตนเองนั่งอยู่ผู้เดียว

       "ใคร! นั่นใครกัน!! " พระไม้ตะโกนถามออกไป

        "พระ.....อย่าเสียใจเลย มันเป็นเวรกรรม" เสียงนั้นตอบกลับมา แต่กลับไม่ปรากฏร่างเจ้าของเสียง

       "ผมถามว่านั่นใคร! ออกมานะ" พระไม้ตะโกน

        "พระ อย่าโกรธแค้น อย่าชิงชัง ปล่อยวางเสีย คิดว่ามันเป็นกรรม" เสียงนั้นยังคงพูดต่อไปเรื่อย ๆ

        "ผมถามว่าคุณเป็นใคร!! " พระไม้ตะโกนถามอีกครั้ง ลุกพรวดขึ้นหมายจะเดินตามหา เมื่อก้าวขาก็พบว่าสิ่งที่เหยียบลงำปเป็นเพียงอากาศธาตุที่ว่างเปล่า ร่างของพระไม้หล่นวูบทันที

        เขาร่วงลงมายืนอยู่ในห้องพักที่เคยเป็นรังรักของเขากับพลอย

        "ถ้าแกรักไม้จริง แกต้องยอมสิพลอย" เสียงใครคนหนึ่งพูดด้วยน้ำเสียงแสดงอารมณ์

        "แต่ชั้นไม่ได้ตั้งใจจะบอกเลิกไม้นะ ตอนนั้นชั้นแค่สับสน"

        พลอยโต้เถียงกลับไปเช่นกัน พระไม้เดินไปดูด้วยควสมสงสัยว่าพลอยกำลังโต้เถียงกับใคร ภาพที่เห็นทำให้เขาถึงกับงุนงง ฝ้ายยืนกอดอกหันหลังให้พลอย เธอทำสีหน้าเครียด ขณะเดียวกันพลอยนั่งร้องไห้อยู่บนโซฟา

        "มันแค่ข้ออ้างรึเปล่าวะ จู่ ๆ มาบอกเลิก พอไม้จะบวชก็จะกลับมาขอคืนดีเนี่ยนะ เห็นแก่ตัวว่ะ" ฝ้ายพูดขึ้น

        "แต่ไม้จะบวชไม่ได้นะ ตอนนี้ชั้น..." พลอยเถียงกลับแต่ฝ้ายตะคอกใส่เธอเสียงดังขึ้นก่อนจะจบประโยค

        "ทำไม!! ทำไมไม้จะบวชไม่ได้ แกอย่ามาไร้สาระหน่อยเลย เลิกกันไปแล้วก็ให้มันจบสิ"

        "แกรักไม้ใช่มั๊ยฝ้าย? " พลอยยืนขึ้นประจันหน้าฝ้ายถามเสียงเรียบ

        ฝ้ายไม่ตอบเพียงแต่มองหน้าพลอยเท่านั้น

        "แกรักไม้ แกเลยจะกีดกันชั้นให้ออกห่างจากไม้ใช่มั๊ย" พลอยถามต่อ

        "เออ! กูรักไม้ กูเจอกับเค้าก่อนมืง กูรักเค้ามาก่อนมืง กูรักเค้ามากกว่ามืงเสียอีก" ฝ้ายตอบเสียงเรียบ

        "ฮึ! กูนึกแล้ว" พลอยแค่นหัวเราะออกมา

        "แต่นั่นไม่ใช่ประเด็น ถึงกูจะรักไม้หรือไม่ มืงก็บอกเลิกเค้าไปแล้ว มืงไม่มีสิทธิ์จะมาห้ามนู่นห้ามนี่" ฝ้ายพูดต่อ

        พลอยก้มลงหยิบอะไรสักอย่างออกจากกระเป๋าสะพายใบเก๋ กำลังที่จะยื่นให้ฝ้ายดูก็ถูกปัดทิ้งอย่างไม่ใยดี

        "ที่กูจะมาบอกกับมืงในวันนี้ก็คือ ให้มืงหายไปจากชีวิตไม้ซะ" ฝ้ายพูดขึ้นจ้องหน้าพลอยเขม็ง

        "แล้วมืงก็จะได้อยู่กับไม้สินะ อีเพื่อนเลว" พลอยพูดขึ้น ฝ้ายสุดจะระงับอารมณ์ เธอฟาดฝ่ามือลงบนใบหน้าขาวเนียนของพลอยสุดแรง ผลคือพลอยหน้าสะบัดลงไปกองกับพื้น

        "นั่นมันเรื่องของอนาคต เรื่องของกูกับไม้ คนนอกอย่างมืงอย่าสอด" ฝ้ายพูด

       พลอยนั่งเอามือปิดบริเวณใบหน้าที่ถูกตบ ร้องไห้สะอื้นออกมา

       "วันนั้น วันที่มืงทิ้งไม้ เค้าเจ็บกว่านี้ร้อยเท่า" ฝ้ายเค้นคำพูดผ่านไรฟันด้วยความโกรธ

       "กูของร้องนะฝ้าย คืนไม้ให้กูเถอะ" พลอยยกมือไหว้ฝ้ายอย่างน่าสงสาร

       "กูจะคืนอะไรให้มืง ไม้ไม่ใช่ของกู มืงเป็นคนปล่อยมือเค้าเองจะมาคร่ำครวญอะไร" ฝ้ายพูด

        "ก็แค่สับสน แต่ตอนนี้กูรู้แล้วว่ากูรักไม้ขนาดไหน" พลอยพูดขึ้นน้ำตาไหลพราก

       "จะรักขนาดไหนก็เรื่องของมืง รักมากก็ตรอมใจตายไปซะ"

       ฝ้ายพูดแค่นั้นก็เดินออกจากห้องไป วันนี้เธอกับไม้จะต้องเดินทางกลับบ้านเกิด ตอนนี้ไม้รออยู่ที่สถานีรถไฟแล่ว ชักช้าจะไม่ทันเวลา

(มีต่อครับ)
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่