อีก 2 วันก็จะได้กลับเมืองไทยแล้ว รู้สึกไม่อยากกลับบ้านเลย เพราะประสบการณ์ที่เกิดขึ้นที่เมืองปักกิ่ง ได้เรียนรู้หลากหลายวิชา ได้ท่องเที่ยวและได้พบเจอกับสิ่งดีๆมากมาย เมื่อถึงเวลาใกล้จะกลับ ความรู้สึกใจหายเกิดขึ้นในใจ สับสนในความรู้สึก เจ็บลึกที่หัวใจ
“ นักเรียนทุกคนวันนี้เป็นวันจบคอร์ส ระยะเวลา 4 สัปดาห์ ทางโรงเรียนหวังว่าประสบการณ์ที่นี่จะทำให้ทุกคนนำไปใช้ได้ต่อไป
และสามารถใช้ภาษาจีนติดต่อสื่อสารได้เป็นอย่างดี ต้องขอขอบคุณทุกคนที่ตั้งใจศึกษาหาความรู้จากโปรแกรมที่ทางโรงเรียนจัดไว้ให้
หวังว่าทุกคนคงพอใจในกิจกรรมต่างๆที่โรงเรียนมอบให้นะครับ”
หลังจากผู้อำนวยการโรงเรียนกล่าวจบ มีการแจกใบวุฒิบัตร และถ่ายรูปร่วมกัน ทุกคนแลกเปลี่ยนไลน์ซึ่งกันและกัน และ
ของที่ระลึก บรรยากาศก่อนแยกย้ายกันกลับประเทศของตนเอง มันดูหดหู่เศร้าหมองแบบบอกไม่ถูก หายใจไม่ทั่วท้องเลย รู้สึกแน่นในอก
ไม่มีการบอกลากัน เพราะครูซือหวังหายหน้าไปหลายวันแล้ว ก่อนที่จะมีพิธีปิดในวันนี้ ฉันไม่เห็นเขาหลายวันแล้ว
ฉันพยายามมองหาครูซือหวังเผื่อเขาจะกลับมาทัน เพื่อฉันจะได้เห็นหน้าเขาอีกสักครั้ง และตั้งใจจะบอกลาเขาเป็นครั้งสุดท้าย
แต่ก็ไม่มีแม้แต่เงาของเขา หมดหวังที่จะได้บอกลาเขา ฉันเดินก้มหน้ากลับไปที่หอพักอย่างเงียบๆอย่างหมดหวัง
" ดีใจจังเดือน เราจะได้กลับบ้านกันแล้ว คิดถึงบ้านจะแย่แล้ว" เกรียมใจพูดอย่างมีความสุข
...แต่เกรียมใจหารู้ไม่ว่าในใจของฉันมันเจ็บปวดเหลือเกิน
....ที่ครูซือหวังคนที่คอยให้ความช่วยเหลือฉัน และดูแลฉันเป็นอย่างดีตลอดเวลา
4 สัปดาห์ที่ปักกิ่ง เขากลับไม่มีความรู้สึกอาลัยอาวรณ์กับฉันบ้างเลยเหรอไร ไม่มีคำกล่าวลา ไม่มีของที่ระลึก ไม่มีไลน์ให้ และไม่มีที่อยู่ให้
" ฉันคิดไปคนเดียว ข้างเดียวหรือ ครูซือหวัง ทำดีกับฉันเพียงแค่ในหน้าที่แค่นั้นใช่ไหม"
" ครูซือหวังไม่ได้มีใจให้ฉันใช่ไหม..."
คำถามผุดขึ้นในสมองฉันตลอดเวลา น้ำตาไหลอย่างไม่รู้ตัว จนเกรียมใจตกใจที่เห็นเช่นนั้น
" ตะเองร้องไห้ทำไมเดือน เป็นอะไรหรือเปล่า เราจะได้กลับบ้านแล้วนะ ไม่ดีใจเหรอ" เกรียมใจถามด้วยความเป็นห่วง
" ไม่เป็นอะไรหรอกจ้าตะเอง เราแค่รู้สึกคิดถึงที่นี่เพราะอยู่มาตั้ง 4 สัปดาห์" ฉันรีบเฉไฉไป เพื่อไม่ให้เพื่อนเป็นห่วง
" จ้า เราก็คงคิดถึงที่นี่เหมือนกัน กลับไปจะเล่าให้เพื่อนฟังให้สนุกเลยแหละ"
ฉันเก็บกระเป๋าเดินทางพร้อมจะออกเดินทางไปสนามบินปักกิ่ง เพื่อกลับเมืองไทย ก่อนจะขึ้นรถบัสของโรงเรียน
ฉันพยายามมองหาเขาคนนั้นอีกครั้ง มองจนสุดสายตา
" ลาก่อนปักกิ่ง คงไม่ได้มีโอกาสกลับมาอีกแล้ว บ๊าย..บาย"
สามเดือนต่อมา...
" นักเรียนทุกคนฟังทางนี้ค่ะ ทางโรงเรียนสาธิตปักกิ่งที่นักเรียนทั้ง 15 คนไปเรียนภาษาจีนเพิ่มเติมที่นั่น ทางโรงเรียนส่งผล
การเรียนมาให้ทุกคนแล้วค่ะ มาดูผลการเรียนของแต่ละคนเลยนะว่าได้คะแนนเป็นอย่างไรกันบ้าง"
นักเรียนดีใจและตื่นเต้นที่จะรู้ผลคะแนนของตัวเอง รีบเปิดซองที่ใส่ผลคะแนนกันดู คุยกันดังลั่นห้อง
" เดือน..นี่ซองของตะเองนะ ดูซิผลคะแนนดีหรือเปล่า" เกรียมใจหยิบซองคะแนนให้ฉัน
หัวใจของฉัน..มันด้านชาตั้งแต่กลับมาจากปักกิ่งแล้ว ไม่มีวี่แววที่เขาคนนั้นจะติดต่อมา ผ่านไปสามเดือนแล้ว
" คนอะไรใจดำสุดๆ หลอกให้ชอบแล้วก็หนีไป" ฉันบ่นกับตัวเองเบาๆ
ฉันค่อยเปิดซองผลการเรียนดูแบบไม่หวังลุ้นกับคะแนนอะไรเลย
....แต่...เอมีซองสีแดงอีกซองอยู่ในซองผลคะแนน
...เอ...ซองอะไรกันนะ .... ฉันตื่นเต้นระคนแปลกใจ
.... ในซองจดหมายสีแดงนั้นมีรูปถ่ายอยู่รูปหนึ่ง ฉันจ้องมองรูปถ่ายนั้นอย่างสงสัย และพยายามนึกว่าใครเป็นคนถ่ายรูปนี้
.... เป็นรูปภาพที่ฉันกำลังยืนบนกำแพงเมืองจีน...
.... ภาพนั้นแสดงให้เห็นว่าฉันกำลังมีความสุขอย่างมาก...
..... ฉันกำลังหลับตาพริ้มยืนตัวตรง เงยหน้าขึ้นสูดอากาศ...
..... ผมยุ่งเล็กน้อยเมื่อถูกลมพัด...
..... ยืนกางแขนออกเพื่อรับลมที่กำลังพัดมาปะทะกับตัวฉัน...
.... เป็นภาพที่สื่อแสดงออกทางอารมณ์ได้ดีมาก...
ฉันรีบพลิกดูด้านหลังภาพ อย่างตื่นเต้น "ลุ้น" ว่าจะมีข้อความอะไรบ้างหรือเปล่า
.... ด้านหลังเขียนเป็นอักษรจีนด้วยพู่กันจีนว่า..... “ ฉันรักคุณ”
.... มีชื่อเขียนไว้มุมขวาล่างว่า.... “ ซือหวัง”...
.....พร้อมมีเมล์ ไลน์และที่อยู่....
ฉันเอาจดหมายซองสีแดงนั่นมาแนบที่อก หลับตาพริ้ม แล้วภาพวันเก่าๆที่อยู่ปักกิ่งก็ลอยขึ้นมา
...ฉันก้มลงจูบจดหมายซองสีแดงด้วยความรักและทะนุถนอม ...ขอบคุณมากค่ะครูซือหวัง....รักจัง..ปักกิ่ง...
ปักกิ่ง...ที่รัก ตอน 3
“ นักเรียนทุกคนวันนี้เป็นวันจบคอร์ส ระยะเวลา 4 สัปดาห์ ทางโรงเรียนหวังว่าประสบการณ์ที่นี่จะทำให้ทุกคนนำไปใช้ได้ต่อไป
และสามารถใช้ภาษาจีนติดต่อสื่อสารได้เป็นอย่างดี ต้องขอขอบคุณทุกคนที่ตั้งใจศึกษาหาความรู้จากโปรแกรมที่ทางโรงเรียนจัดไว้ให้
หวังว่าทุกคนคงพอใจในกิจกรรมต่างๆที่โรงเรียนมอบให้นะครับ”
หลังจากผู้อำนวยการโรงเรียนกล่าวจบ มีการแจกใบวุฒิบัตร และถ่ายรูปร่วมกัน ทุกคนแลกเปลี่ยนไลน์ซึ่งกันและกัน และ
ของที่ระลึก บรรยากาศก่อนแยกย้ายกันกลับประเทศของตนเอง มันดูหดหู่เศร้าหมองแบบบอกไม่ถูก หายใจไม่ทั่วท้องเลย รู้สึกแน่นในอก
ไม่มีการบอกลากัน เพราะครูซือหวังหายหน้าไปหลายวันแล้ว ก่อนที่จะมีพิธีปิดในวันนี้ ฉันไม่เห็นเขาหลายวันแล้ว
ฉันพยายามมองหาครูซือหวังเผื่อเขาจะกลับมาทัน เพื่อฉันจะได้เห็นหน้าเขาอีกสักครั้ง และตั้งใจจะบอกลาเขาเป็นครั้งสุดท้าย
แต่ก็ไม่มีแม้แต่เงาของเขา หมดหวังที่จะได้บอกลาเขา ฉันเดินก้มหน้ากลับไปที่หอพักอย่างเงียบๆอย่างหมดหวัง
" ดีใจจังเดือน เราจะได้กลับบ้านกันแล้ว คิดถึงบ้านจะแย่แล้ว" เกรียมใจพูดอย่างมีความสุข
...แต่เกรียมใจหารู้ไม่ว่าในใจของฉันมันเจ็บปวดเหลือเกิน
....ที่ครูซือหวังคนที่คอยให้ความช่วยเหลือฉัน และดูแลฉันเป็นอย่างดีตลอดเวลา
4 สัปดาห์ที่ปักกิ่ง เขากลับไม่มีความรู้สึกอาลัยอาวรณ์กับฉันบ้างเลยเหรอไร ไม่มีคำกล่าวลา ไม่มีของที่ระลึก ไม่มีไลน์ให้ และไม่มีที่อยู่ให้
" ฉันคิดไปคนเดียว ข้างเดียวหรือ ครูซือหวัง ทำดีกับฉันเพียงแค่ในหน้าที่แค่นั้นใช่ไหม"
" ครูซือหวังไม่ได้มีใจให้ฉันใช่ไหม..."
คำถามผุดขึ้นในสมองฉันตลอดเวลา น้ำตาไหลอย่างไม่รู้ตัว จนเกรียมใจตกใจที่เห็นเช่นนั้น
" ตะเองร้องไห้ทำไมเดือน เป็นอะไรหรือเปล่า เราจะได้กลับบ้านแล้วนะ ไม่ดีใจเหรอ" เกรียมใจถามด้วยความเป็นห่วง
" ไม่เป็นอะไรหรอกจ้าตะเอง เราแค่รู้สึกคิดถึงที่นี่เพราะอยู่มาตั้ง 4 สัปดาห์" ฉันรีบเฉไฉไป เพื่อไม่ให้เพื่อนเป็นห่วง
" จ้า เราก็คงคิดถึงที่นี่เหมือนกัน กลับไปจะเล่าให้เพื่อนฟังให้สนุกเลยแหละ"
ฉันเก็บกระเป๋าเดินทางพร้อมจะออกเดินทางไปสนามบินปักกิ่ง เพื่อกลับเมืองไทย ก่อนจะขึ้นรถบัสของโรงเรียน
ฉันพยายามมองหาเขาคนนั้นอีกครั้ง มองจนสุดสายตา
" ลาก่อนปักกิ่ง คงไม่ได้มีโอกาสกลับมาอีกแล้ว บ๊าย..บาย"
สามเดือนต่อมา...
" นักเรียนทุกคนฟังทางนี้ค่ะ ทางโรงเรียนสาธิตปักกิ่งที่นักเรียนทั้ง 15 คนไปเรียนภาษาจีนเพิ่มเติมที่นั่น ทางโรงเรียนส่งผล
การเรียนมาให้ทุกคนแล้วค่ะ มาดูผลการเรียนของแต่ละคนเลยนะว่าได้คะแนนเป็นอย่างไรกันบ้าง"
นักเรียนดีใจและตื่นเต้นที่จะรู้ผลคะแนนของตัวเอง รีบเปิดซองที่ใส่ผลคะแนนกันดู คุยกันดังลั่นห้อง
" เดือน..นี่ซองของตะเองนะ ดูซิผลคะแนนดีหรือเปล่า" เกรียมใจหยิบซองคะแนนให้ฉัน
หัวใจของฉัน..มันด้านชาตั้งแต่กลับมาจากปักกิ่งแล้ว ไม่มีวี่แววที่เขาคนนั้นจะติดต่อมา ผ่านไปสามเดือนแล้ว
" คนอะไรใจดำสุดๆ หลอกให้ชอบแล้วก็หนีไป" ฉันบ่นกับตัวเองเบาๆ
ฉันค่อยเปิดซองผลการเรียนดูแบบไม่หวังลุ้นกับคะแนนอะไรเลย
....แต่...เอมีซองสีแดงอีกซองอยู่ในซองผลคะแนน
...เอ...ซองอะไรกันนะ .... ฉันตื่นเต้นระคนแปลกใจ
.... ในซองจดหมายสีแดงนั้นมีรูปถ่ายอยู่รูปหนึ่ง ฉันจ้องมองรูปถ่ายนั้นอย่างสงสัย และพยายามนึกว่าใครเป็นคนถ่ายรูปนี้
.... เป็นรูปภาพที่ฉันกำลังยืนบนกำแพงเมืองจีน...
.... ภาพนั้นแสดงให้เห็นว่าฉันกำลังมีความสุขอย่างมาก...
..... ฉันกำลังหลับตาพริ้มยืนตัวตรง เงยหน้าขึ้นสูดอากาศ...
..... ผมยุ่งเล็กน้อยเมื่อถูกลมพัด...
..... ยืนกางแขนออกเพื่อรับลมที่กำลังพัดมาปะทะกับตัวฉัน...
.... เป็นภาพที่สื่อแสดงออกทางอารมณ์ได้ดีมาก...
ฉันรีบพลิกดูด้านหลังภาพ อย่างตื่นเต้น "ลุ้น" ว่าจะมีข้อความอะไรบ้างหรือเปล่า
.... ด้านหลังเขียนเป็นอักษรจีนด้วยพู่กันจีนว่า..... “ ฉันรักคุณ”
.... มีชื่อเขียนไว้มุมขวาล่างว่า.... “ ซือหวัง”...
.....พร้อมมีเมล์ ไลน์และที่อยู่....
ฉันเอาจดหมายซองสีแดงนั่นมาแนบที่อก หลับตาพริ้ม แล้วภาพวันเก่าๆที่อยู่ปักกิ่งก็ลอยขึ้นมา
...ฉันก้มลงจูบจดหมายซองสีแดงด้วยความรักและทะนุถนอม ...ขอบคุณมากค่ะครูซือหวัง....รักจัง..ปักกิ่ง...