ท้องผูกคือมีการถ่ายอุจจาระน้อยกว่า 3 ครั้งต่อสัปดาห์ทำให้ต้องเบ่งถ่ายนานและมีอุจจาระแข็ง
สาเหตุที่พบบ่อย
1.นิสัยไม่ชอบถ่ายหรือชอบกลั้นอุจจาระบ่อยๆ
2.ดื่มน้ำน้อย ทำให้มีการดูดซึมน้ำจากอุจจาระที่ปลายลำไส้ใหญ่ อุจจาระจะแข็ง
ทำให้ถ่ายยาก เมื่อผู้ป่วยแบ่งออกยากเลยไม่อยากถ่าย
3.กินผักผลไม้หรืออาหารที่มีกากน้อย
โดยธรรมชาติและกินอาหารเข้าไปอยู่ในกระเพาะประมาณครึ่งถึง 2 ชั่วโมงยกเว้นอาหารไขมันจะอยู่ได้นาน 3 ถึง 5 ชั่วโมงนักกีฬานักมวยซึ่งจำเป็นต้องการพลังงานมากต้องกินอาหารมันร่วมด้วย
และอาหารที่ย่อยบางส่วนจากกระเพาะอาหารจะผ่านเข้าไปในลำไส้เล็กมีการย่อยและดูดซึมสารอาหารเกือบทั้งหมดที่นี่แล้วเหลือกากอาหารผ่านไปในลำไส้ใหญ่ภายใน 4 ถึง 15 ชั่วโมง
กากอาหารจะถูกบีบดันไปที่ลำไส้ใหญ่ส่วนล่าง และค้างอยู่ที่นั่นรอการถ่าย
ตรงลำไส้ส่วนล่างจะมีเยื่อบุที่คอยดูดซึมน้ำออกจากกากอาหารทำให้กากอาหารแข็งขึ้นเรื่อยๆ
ถ้ายังไม่ถ่ายอุจจาระเกิน1วันอุจจาระจะแข็งเป็นท่อนยาวทำให้การถ่ายอุจจาระยากขึ้ นต้องมีการเบ่งอย่างมาก
บางครั้งเมื่อเบ่งก็ยังถ่ายไม่ออก ทำให้ท้อและเลิกถ่ายต้องไปใช้ยาระบายแทน
ท้องผูกบ่อยๆจะทำให้เกิดโรคแทรกซ้อนเป็น
1.ริดสีดวงทวาร
2.ผายลมบ่อย
3.ปวดท้องจากเยื่อบุมดลูกอยู่ผิดที่
และ4.มะเร็งลำไส้
1.ริดสีดวงทวารเกิดจากมีการเบ่งเพิ่มความดันช่องท้อง
ทำให้เส้นเลือดดำที่บริเวณปลายลำไส้ใหญ่และรอบๆทวารหนักเกิดการพองตัว
เมื่อมีการเพิ่มความดันนานๆจะเกิดเป็นเส้นเลือดดำโป่งพอง เป็นริดสีดวงทวารเกิดขึ้น
2.การผายลมบ่อยๆ
ถ้าเราไม่ค่อยถ่ายออกไป
เชื้อโรคในช่องท้องจะย่อยสลายกากอาหารให้เกิดกาซไฮโดรเจนซัลไฟด์ เมื่อไม่มีการถ่ายจะมีกาซมากขึ้น
ลำไส้ใหญ่จะบีบขับกาซเสียออกทางทวารหนัก ทำให้ผายลมบ่อยๆได้
3.อาจทำให้เกิดเยื่อบุมดลูกอยู่ผิดที่
ขณะที่มีประจำเดือนจะมีเลือดและเยื่อบุมดลูกที่ลอกตัวออกอยู่ในโพรงมดลูก
เมื่อมีการเบ่งถ่ายบ่อยๆ
แรงดันในช่องท้องจะดันให้เลือดออกทางปากมดลูกมากขึ้นแต่ถ้าเลือดมีมาก
แรงเบ่งถ่าย จะเกิดแรงดันมดลูกให้เลือดและเยื่อบุมดลูกย้อนกลับไปทางท่อนำไข่ตกในช่องท้อง กลายเป็นเป็นเยื่อบุมดลูกอยู่ผิดที่ และเกิดพังผืดในช่องท้องได้
ทำให้มีปัญหาเรื่องปวดประจำเดือนและมีบุตรยาก
4.มะเร็งลำไส้
เป็นสมมติฐานที่พูดถึงกันบ่อย
กาก อาหารจะมีสารพิษบางสิ่งบางอย่างที่จะเน่าเสียไปเรื่อยๆทำให้เกิดการระคายเคืองต่อเยื่อบุลำไส้เรื้อรัง
อาจเป็นต้นเหตุให้เกิดแผลและอักเสบกลายเป็นมะเร็งลำไส้ในอนาคตข้างหน้าได้
การรักษาท้องผูก
1.ต้องพยายามถ่ายให้ได้วันละ 1 ครั้ง
2 ดื่มน้ำวันละ 3 ลิตรต่อวัน
3.ทานผักหรือผลไม้ หรือหรืออาหารที่มีเส้นใยจะได้มีกากอาหารมากๆ
4.ยาระบาย หรือยาเพิ่มมวลในกากอาหาร
1.เมื่อตื่นเช้าทานน้ำสัก 1- 2 แก้ว จะกระตุ้นให้กระเพาะอาหารและลำไส้บีบตัวทำให้อยากถ่าย
ให้ไปถ่ายในช่วงเวลานั้นจะเหมาะสมที่สุด
แต่ถ้าไม่สะดวกเมื่อทานอาหารทุกครั้งเมื่อกระเพาะอาหารบีบตัวลำไส้เล็กและลำไส้ใหญ่จะบีบตัวตามไปด้วย
จะทำให้เกิดความอยากถ่ายให้ไปถ่ายในช่วงเวลานั้นก็ได้
จะไม่มีการอาหารค้างในลำไส้ใหญ่ ซึ่งถ้าค้างจะมีการการดูดซึมน้ำออกไป ทำให้อุจจาระแข็ง เกิดท้องผูกได้ง่าย
2.การดื่มน้ำวันละ 12 แก้วหรือ 3 ลิตรจะช่วยให้น้ำในร่างกายสูงขึ้น ร่างกายดูดซึมน้ำจากลำไส้ใหญ่น้อยลง
กากอาหารจะไม่แข็งมาก
3.การกินอาหารที่มีเส้นใยอาหารมากหรือผักและผลไม้ซึ่งร่างกายย่อยไม่ได้จะทำให้กากอาหารมีมากขึ้นทำให้อยากถ่ายได้ง่ายขึ้น
4.ถ้าท้องผูกเกิดขึ้นหลายวันแล้วแนะนำให้กินยาระบายพวกแมกนีเซี่ยมซัลเฟต หรือMilk of magnesia
จะทำให้สามารถขับกากอาหารและอุจจาระที่แข็งออกไปได้หมดก่อน
หลังจากนั้นก็พยายามทานน้ำผักผลไม้และถ่ายให้ได้ทุกวันก็จะปรับร่างกายไม่ให้ท้องผูกได้
ยาเพิ่มมวลกากอาหารอาจได้ผลในคนที่ท้องผูกไม่มาก
ยาเพิ่มการบีบตัวของลำไส้จะได้ผลในผู้ป่วยที่อุจจาระไม่แข็งมาก
นพ.สุทธิศักดิ์ วุฒิพันธ์เรืองชัย 6พค.2564
ข้อเสียของท้องผูก และการรักษา
สาเหตุที่พบบ่อย
1.นิสัยไม่ชอบถ่ายหรือชอบกลั้นอุจจาระบ่อยๆ
2.ดื่มน้ำน้อย ทำให้มีการดูดซึมน้ำจากอุจจาระที่ปลายลำไส้ใหญ่ อุจจาระจะแข็ง
ทำให้ถ่ายยาก เมื่อผู้ป่วยแบ่งออกยากเลยไม่อยากถ่าย
3.กินผักผลไม้หรืออาหารที่มีกากน้อย
โดยธรรมชาติและกินอาหารเข้าไปอยู่ในกระเพาะประมาณครึ่งถึง 2 ชั่วโมงยกเว้นอาหารไขมันจะอยู่ได้นาน 3 ถึง 5 ชั่วโมงนักกีฬานักมวยซึ่งจำเป็นต้องการพลังงานมากต้องกินอาหารมันร่วมด้วย
และอาหารที่ย่อยบางส่วนจากกระเพาะอาหารจะผ่านเข้าไปในลำไส้เล็กมีการย่อยและดูดซึมสารอาหารเกือบทั้งหมดที่นี่แล้วเหลือกากอาหารผ่านไปในลำไส้ใหญ่ภายใน 4 ถึง 15 ชั่วโมง
กากอาหารจะถูกบีบดันไปที่ลำไส้ใหญ่ส่วนล่าง และค้างอยู่ที่นั่นรอการถ่าย
ตรงลำไส้ส่วนล่างจะมีเยื่อบุที่คอยดูดซึมน้ำออกจากกากอาหารทำให้กากอาหารแข็งขึ้นเรื่อยๆ
ถ้ายังไม่ถ่ายอุจจาระเกิน1วันอุจจาระจะแข็งเป็นท่อนยาวทำให้การถ่ายอุจจาระยากขึ้ นต้องมีการเบ่งอย่างมาก
บางครั้งเมื่อเบ่งก็ยังถ่ายไม่ออก ทำให้ท้อและเลิกถ่ายต้องไปใช้ยาระบายแทน
ท้องผูกบ่อยๆจะทำให้เกิดโรคแทรกซ้อนเป็น
1.ริดสีดวงทวาร
2.ผายลมบ่อย
3.ปวดท้องจากเยื่อบุมดลูกอยู่ผิดที่
และ4.มะเร็งลำไส้
1.ริดสีดวงทวารเกิดจากมีการเบ่งเพิ่มความดันช่องท้อง
ทำให้เส้นเลือดดำที่บริเวณปลายลำไส้ใหญ่และรอบๆทวารหนักเกิดการพองตัว
เมื่อมีการเพิ่มความดันนานๆจะเกิดเป็นเส้นเลือดดำโป่งพอง เป็นริดสีดวงทวารเกิดขึ้น
2.การผายลมบ่อยๆ
ถ้าเราไม่ค่อยถ่ายออกไป
เชื้อโรคในช่องท้องจะย่อยสลายกากอาหารให้เกิดกาซไฮโดรเจนซัลไฟด์ เมื่อไม่มีการถ่ายจะมีกาซมากขึ้น
ลำไส้ใหญ่จะบีบขับกาซเสียออกทางทวารหนัก ทำให้ผายลมบ่อยๆได้
3.อาจทำให้เกิดเยื่อบุมดลูกอยู่ผิดที่
ขณะที่มีประจำเดือนจะมีเลือดและเยื่อบุมดลูกที่ลอกตัวออกอยู่ในโพรงมดลูก
เมื่อมีการเบ่งถ่ายบ่อยๆ
แรงดันในช่องท้องจะดันให้เลือดออกทางปากมดลูกมากขึ้นแต่ถ้าเลือดมีมาก
แรงเบ่งถ่าย จะเกิดแรงดันมดลูกให้เลือดและเยื่อบุมดลูกย้อนกลับไปทางท่อนำไข่ตกในช่องท้อง กลายเป็นเป็นเยื่อบุมดลูกอยู่ผิดที่ และเกิดพังผืดในช่องท้องได้
ทำให้มีปัญหาเรื่องปวดประจำเดือนและมีบุตรยาก
4.มะเร็งลำไส้
เป็นสมมติฐานที่พูดถึงกันบ่อย
กาก อาหารจะมีสารพิษบางสิ่งบางอย่างที่จะเน่าเสียไปเรื่อยๆทำให้เกิดการระคายเคืองต่อเยื่อบุลำไส้เรื้อรัง
อาจเป็นต้นเหตุให้เกิดแผลและอักเสบกลายเป็นมะเร็งลำไส้ในอนาคตข้างหน้าได้
การรักษาท้องผูก
1.ต้องพยายามถ่ายให้ได้วันละ 1 ครั้ง
2 ดื่มน้ำวันละ 3 ลิตรต่อวัน
3.ทานผักหรือผลไม้ หรือหรืออาหารที่มีเส้นใยจะได้มีกากอาหารมากๆ
4.ยาระบาย หรือยาเพิ่มมวลในกากอาหาร
1.เมื่อตื่นเช้าทานน้ำสัก 1- 2 แก้ว จะกระตุ้นให้กระเพาะอาหารและลำไส้บีบตัวทำให้อยากถ่าย
ให้ไปถ่ายในช่วงเวลานั้นจะเหมาะสมที่สุด
แต่ถ้าไม่สะดวกเมื่อทานอาหารทุกครั้งเมื่อกระเพาะอาหารบีบตัวลำไส้เล็กและลำไส้ใหญ่จะบีบตัวตามไปด้วย
จะทำให้เกิดความอยากถ่ายให้ไปถ่ายในช่วงเวลานั้นก็ได้
จะไม่มีการอาหารค้างในลำไส้ใหญ่ ซึ่งถ้าค้างจะมีการการดูดซึมน้ำออกไป ทำให้อุจจาระแข็ง เกิดท้องผูกได้ง่าย
2.การดื่มน้ำวันละ 12 แก้วหรือ 3 ลิตรจะช่วยให้น้ำในร่างกายสูงขึ้น ร่างกายดูดซึมน้ำจากลำไส้ใหญ่น้อยลง
กากอาหารจะไม่แข็งมาก
3.การกินอาหารที่มีเส้นใยอาหารมากหรือผักและผลไม้ซึ่งร่างกายย่อยไม่ได้จะทำให้กากอาหารมีมากขึ้นทำให้อยากถ่ายได้ง่ายขึ้น
4.ถ้าท้องผูกเกิดขึ้นหลายวันแล้วแนะนำให้กินยาระบายพวกแมกนีเซี่ยมซัลเฟต หรือMilk of magnesia
จะทำให้สามารถขับกากอาหารและอุจจาระที่แข็งออกไปได้หมดก่อน
หลังจากนั้นก็พยายามทานน้ำผักผลไม้และถ่ายให้ได้ทุกวันก็จะปรับร่างกายไม่ให้ท้องผูกได้
ยาเพิ่มมวลกากอาหารอาจได้ผลในคนที่ท้องผูกไม่มาก
ยาเพิ่มการบีบตัวของลำไส้จะได้ผลในผู้ป่วยที่อุจจาระไม่แข็งมาก
นพ.สุทธิศักดิ์ วุฒิพันธ์เรืองชัย 6พค.2564