ไปไฝว้กับเพื่อนบ้านเปิดลำโพงตั้งวงเหล้าส่งเสียงดังหลังเที่ยงคืน
ฉันเป็นผู้หญิงอยู่บ้านคนเดียว เขาอยู่ไกลจากรั้ว ก็กดออดตะโกนเรียกให้มาคุย อีกฝ่ายแห่กันมาทั้งบ้านร่วม 10 ชีวิตทั้งหัวดำหัวหงอก แม้แต่หมาก็ด้วย เจอหน้ากันปุ๊บเจ้าบ้านด่าเหี้*ห่* ใส่ฉันก่อนเลย ตะโกนด่า (เมาแหละ) แช่งชักให้คนในบ้านตาย ตายกันหมดแล้วทั้งบ้าน ชี้หน้า ผลักไหล่ เขาบอกว่าเขามีสิทธิ์ทำอะไรก็ได้เพราะนี่เป็นบ้านของเขา ไม่ใช่คุกที่จะต้องเปิดปิดเสียงเป็นเวลา ตะโกนด่าฉันอยู่ฝ่ายเดียวจนเพื่อนบ้านสักคนโทร.แจ้งตำรวจ
มันว้าวมากที่เขาถามชื่อตำรวจ บอกว่ารู้จักผู้กำกับในท้องที่ ตำรวจก็ไม่กล้าละ ตำรวจขอว่าอย่าเลิกเกินเที่ยงคืน เขาก็บอกว่าเขาจบกฎหมายมา เขาทำได้ เขาจะเปิดเพลงหรือจะเลิกเมื่อไรก็ได้ เขาบอกฉันว่าไม่มีกฎหมายข้อไหนบอกว่าห้ามเปิดเพลงดัง ผิดที่บ้านของฉันมีหน้าต่างกระจกบานลูกฟัก มันกันเสียงไม่ได้เอง ผิดที่ห้องนอนของบ้านฉันมาอยู่ในฝั่งใกล้บ้านเขาเอง ในบ้านเขายังไม่ได้ยินเสียงเลย ฉันประสาทไปเอง เขาไม่เชื่อตอนฉันบอกว่า มันดังมากจนกระจกลั่น เขาบอกว่าฉันมีปัญหาทุกครั้งที่เขา 'กินข้าวกับครอบครัวหลังเที่ยงคืน' ทั้งที่ฉันเพิ่งเคยคุยกับเขาครั้งนี้ครั้งที่ 2 เท่านั้น ครั้งแรกอย่าเรียกว่าคุยเลย ฉันไปบอกเขาตอนตี 2 ว่า 'ลดเสียงให้หน่อยมันรบกวนการนอน' ก็แค่นั้น น้องชายฉันไปบอกเขาให้ลดเสียงอีก 2 ครั้งโดยที่ฉันมารู้ทีหลัง เขาไม่เชื่อว่าน้องมานอนค้างที่บ้านนี้แล้วเจอเสียงดังด้วยตัวเอง เขาเชื่อว่าฉันคนเดียวที่เป็นบ้าและไปเสี้ยมให้น้องไปว่าเขา ขอสาบานต่อหน้าสิ่งศักดิ์สิทธิ์เลยว่ามันคือเรื่องจริง และฉันอยู่นิ่งๆ ให้เขาชี้หน้าด่าหยาบ ผลักไหล่ แช่งยายกับทุกคนให้ตาย โดยไม่ตอบโต้สักครั้งเดียว ก็เขาน่ะแหละที่ตะโกนโหวกเหวกจนเพื่อนบ้านแจ้งตำรวจ มาหาว่าฉันแจ้งอีก พูดว่าฉันไม่ได้แจ้งยังไงก็ไม่เชื่อ
ฉันขอให้เขาลดเสียง เขาบอกว่าลดให้แล้ว ฉันถามว่าวอลลุ่มของเครื่องเสียงเขาต้องมีเกจ์บอกสิว่าตอนนี้เสียงดังเท่าไร มันต้องมีลิมิตสิที่เปิดได้เท่าไร มีมาตรวัดชัดเจน เขาบอกว่าเขาใช้หูของเขาวัดเองว่ามันดังไหม เพลงมันโดนก็ต้องเปิดดังขึ้น ไม่ได้ดังตลอดเวลา และโดยรวมเขายืนยันว่าไม่ได้ดัง ฉันประสาทไปเอง ฉันบอกเขาว่า ปกติไม่มีเรื่องหรอกเพราะคุณเปิดไม่เกินเที่ยงคืน เพิ่งมาเลิกตี 2-4 เมื่อไม่กี่ปีมานี้ มันเกินไป เขาก็ไม่ยอมรับ บอกว่าทำอย่างนี้มาแต่ไหนแต่ไรแล้ว มีเถียงว่าใครมาอยู่ก่อนกัน ฉันอยู่ที่นี่ถาวรมา 7 ปี อีก 5 ปีคืออยู่ระยะยาว คราวละครึ่งปี - 1 ปี (พูดไม่ได้ว่าอยู่ถาวร) รวมแล้วก็เข้าๆ ออกๆ บ่อยมา 12 ปี เขาชี้หน้าด่าว่าอีตอแห* เขาไม่เคยเห็นฉันเลย ฉันไม่ได้อยู่ที่นี่มานานขนาดนั้น (อยากจะบ้าตาย ฉันพูดความจริงนะ อยู่มานานกว่าผัวเขาที่เป็นเจ้าบ้านจริงๆ) ฉันกักตัวมาตั้งแต่โควิดรอบแรก เขาก็ว่าว่าฉันไม่มีสังคม เออสิ เขตแดงเข้มขนาดนี้ ฉันจะกล้าไปไหน ปอดฉันอ่อนแอกว่าคนทั่วไป ไม่กล้าพาคนนอกมานั่งเมาในบ้านแบบเขาหรอก นี่เขาชอบเข้ามาคุยระยะประชิด พ่นน้ำลายใส่หน้า ถอยเท่าไรก็ยิ่งเข้ามาใกล้ น่ากลัวเป็นบ้า เข้าใจเลยที่เขาว่าพ่อแม่ยังไม่เคยว่าเขา ฉันก็ไม่มีสิทธิ์ไปว่าเขาด้วย อืม...พ่อแม่ไม่สั่งสอนมันคืออย่างนี้นี่เอง
ตอนนี้ตี 2.30 แล้ว ฉันบอกเขาแล้วว่าพูดดังระดับที่ได้ยินทุกคำ ก็เลยนั่งนินทาฉัน เรียกจิกหยาบคายมาแล้วเป็นชั่วโมง เร่งเสียงเพลง โหวกเหวก ล้างจานชามดังลั่น บอกว่าฉันขี้ขลาด (ที่ไม่ด่าไม่ทำอะไรเขาตอบ) เฮ้อ...
บ้านนี้มีข้อดีจนขายทิ้งไม่ได้เพราะเป็นมรดกที่มีความทรงจำกับตายายและน้าค่ะ หลานๆ อยู่สมัยเรียนมาแล้ว 3 คน มันอยู่ใกล้โรงพยาบาลชื่อดังที่พ่อของฉันรักษาโรคเรื้อรังอยู่ ถ้าอาการรุนแรง จะถูกส่งตัวจากบ้านนอกมารักษาที่นี่ บ้านนี้จะสะดวกมาก (ฉันไม่คิดว่าเขามีเงินด้วยแหละ เคยมายืมเงินน้าหลายหมื่นและคืนยากเย็น) แต่ใจฉันน่ะไม่อยากอยู่ที่นี่เพราะเพื่อนบ้านหลังนี้จริงๆ เพื่อนบ้านคนอื่นมีแต่คนเรียบร้อย เป็นมิตร มีแต่บ้านนี้หลังเดียวนี่แหละ เคยคุยกับบ้านอื่นยันซอยติดๆ กัน เขาบอกฉันว่าบ้านนี้เป็นทหารเลยกล้าทำ ไม่มีใครอยากยุ่งด้วย แต่บ้านนี้บอกว่าเขาถามคนไปทั่วแล้วว่าเขาเปิดเพลงรบกวนไหม ไม่เคยมีใครบอกว่าดังนอกจากฉันกับน้องชาย ...โอเค เห็นภาพ คือฉันก็ไม่อยากยุ่งกับเขา ทนมาตั้ง 5 ปีเพราะคนอื่นบอกว่าบ้านนี้น่ากลัว
อ้าว ตีสามกว่าแล้วเหรอ ยังด่าฉันว่าอีเย็*แม่ มาบอกให้เลิกตอนเที่ยงคืน กูล่ะขึ้นอีเย็*แม่ ด่าไม่เลิกเลย ทำไมเขาด่าทนจัง
ฉันอยากทราบว่า ไม่กฎหมายข้อไหนห้ามไม่ให้เปิดลำโพงส่งเสียงรบกวนยามวิกาล จริงเหรอคะ จริงเหรอว่าเขาสามารถเปิดดังเท่าไรก็ได้ เลิกเมื่อไรก็ได้ ตำรวจบอกเขาว่าขอความร่วมมือไม่เปิดเพลงดึก บ้านอื่นเขานอนกันหมดแล้ว มีร้องเรียนเข้ามาว่าเมาเหล้าส่งเสียงดัง เขาขึ้นเลยว่าแจ้งเหรอว่าบ้านนี้เมาเหล้าเสียงดัง ตำรวจถึงกับหงอ เขาจึงว่าว่าฉันโทร.แจ้ง (ฉันก็อยู่กับเขาตลอด มือถือก็ไม่มี จะโทร.แจ้งได้ไง) คนอื่น ตำรวจนี่เก็บมือเก็บไม้เรียบร้อยเชียว เขาอ้างว่ารู้จักผู้กำกับ ตำรวจดูไม่กล้ากับเขาจริงน่ะแหละ แม้เขาจะบอกว่าเขาเลิกเมื่อไรก็ได้ ตีห้าก็ได้ ตำรวจก็ไม่เถียง เขาบอกเลยว่าเขาจะกลับไปดื่มและใช้เสียงอย่างนี้ต่อ ฉันเชิญตำรวจไปฟังเสียงในบ้านว่าระดับนี้คนปกตินอนได้ไหม ตำรวจก็ปฏิเสธ โถ่ถัง ชีวิตผู้พิทักษ์สันติราษฎร์ตัวน้อยๆ นี่บ้านนั้นยังพูดดูถูกอยู่เลยว่าตำรวจกระจอก พอกูบอกว่ารู้จักผู้กำกับถึงกับเงียบ อุเหม่ สงสารอยู่เบาๆ
ฉันรู้นะว่าเรื่องนี้มันน่าเบื่อ ฉันก็อยากขายบ้านทิ้ง แต่ทั้งยายทั้งพ่อแม่ฉันไม่ยอมขายเหอะ มันเป็นสถานที่ที่มีคุณค่าทางใจจริงๆ
อยากรู้จริงจังค่ะว่า ไม่มีกฎหมายข้อไหน มาตราไหน ห้ามไม่ให้ส่งเสียงรบกวนยามวิกาลจริงเหรอ เขาอ้างว่าตัวเองจบนิติฯ มา รู้กฎหมายดีทุกอย่าง รู้มากกว่าฉัน เออ อันนี้ฉันก็ยอมรับแหละ ไม่ได้จบกฎหมายมานี่นา เป็นแค่ชาวบ้านตาดำๆ เท่านั้น นอนๆ อยู่จู่ๆ ก็ผวาตื่นเพราะเขาเร่งเสียงบ้าง ตะโกนโหวกเหวกบ้าง ร้องเพลงบ้าง สุขภาพจิตฉันแย่ก็เพราะพวกเขาผู้วัดความดังของเสียงจากหูตัวเองน่ะแหละ
ถามนักกฎหมายหน่อยค่ะ
ฉันเป็นผู้หญิงอยู่บ้านคนเดียว เขาอยู่ไกลจากรั้ว ก็กดออดตะโกนเรียกให้มาคุย อีกฝ่ายแห่กันมาทั้งบ้านร่วม 10 ชีวิตทั้งหัวดำหัวหงอก แม้แต่หมาก็ด้วย เจอหน้ากันปุ๊บเจ้าบ้านด่าเหี้*ห่* ใส่ฉันก่อนเลย ตะโกนด่า (เมาแหละ) แช่งชักให้คนในบ้านตาย ตายกันหมดแล้วทั้งบ้าน ชี้หน้า ผลักไหล่ เขาบอกว่าเขามีสิทธิ์ทำอะไรก็ได้เพราะนี่เป็นบ้านของเขา ไม่ใช่คุกที่จะต้องเปิดปิดเสียงเป็นเวลา ตะโกนด่าฉันอยู่ฝ่ายเดียวจนเพื่อนบ้านสักคนโทร.แจ้งตำรวจ
มันว้าวมากที่เขาถามชื่อตำรวจ บอกว่ารู้จักผู้กำกับในท้องที่ ตำรวจก็ไม่กล้าละ ตำรวจขอว่าอย่าเลิกเกินเที่ยงคืน เขาก็บอกว่าเขาจบกฎหมายมา เขาทำได้ เขาจะเปิดเพลงหรือจะเลิกเมื่อไรก็ได้ เขาบอกฉันว่าไม่มีกฎหมายข้อไหนบอกว่าห้ามเปิดเพลงดัง ผิดที่บ้านของฉันมีหน้าต่างกระจกบานลูกฟัก มันกันเสียงไม่ได้เอง ผิดที่ห้องนอนของบ้านฉันมาอยู่ในฝั่งใกล้บ้านเขาเอง ในบ้านเขายังไม่ได้ยินเสียงเลย ฉันประสาทไปเอง เขาไม่เชื่อตอนฉันบอกว่า มันดังมากจนกระจกลั่น เขาบอกว่าฉันมีปัญหาทุกครั้งที่เขา 'กินข้าวกับครอบครัวหลังเที่ยงคืน' ทั้งที่ฉันเพิ่งเคยคุยกับเขาครั้งนี้ครั้งที่ 2 เท่านั้น ครั้งแรกอย่าเรียกว่าคุยเลย ฉันไปบอกเขาตอนตี 2 ว่า 'ลดเสียงให้หน่อยมันรบกวนการนอน' ก็แค่นั้น น้องชายฉันไปบอกเขาให้ลดเสียงอีก 2 ครั้งโดยที่ฉันมารู้ทีหลัง เขาไม่เชื่อว่าน้องมานอนค้างที่บ้านนี้แล้วเจอเสียงดังด้วยตัวเอง เขาเชื่อว่าฉันคนเดียวที่เป็นบ้าและไปเสี้ยมให้น้องไปว่าเขา ขอสาบานต่อหน้าสิ่งศักดิ์สิทธิ์เลยว่ามันคือเรื่องจริง และฉันอยู่นิ่งๆ ให้เขาชี้หน้าด่าหยาบ ผลักไหล่ แช่งยายกับทุกคนให้ตาย โดยไม่ตอบโต้สักครั้งเดียว ก็เขาน่ะแหละที่ตะโกนโหวกเหวกจนเพื่อนบ้านแจ้งตำรวจ มาหาว่าฉันแจ้งอีก พูดว่าฉันไม่ได้แจ้งยังไงก็ไม่เชื่อ
ฉันขอให้เขาลดเสียง เขาบอกว่าลดให้แล้ว ฉันถามว่าวอลลุ่มของเครื่องเสียงเขาต้องมีเกจ์บอกสิว่าตอนนี้เสียงดังเท่าไร มันต้องมีลิมิตสิที่เปิดได้เท่าไร มีมาตรวัดชัดเจน เขาบอกว่าเขาใช้หูของเขาวัดเองว่ามันดังไหม เพลงมันโดนก็ต้องเปิดดังขึ้น ไม่ได้ดังตลอดเวลา และโดยรวมเขายืนยันว่าไม่ได้ดัง ฉันประสาทไปเอง ฉันบอกเขาว่า ปกติไม่มีเรื่องหรอกเพราะคุณเปิดไม่เกินเที่ยงคืน เพิ่งมาเลิกตี 2-4 เมื่อไม่กี่ปีมานี้ มันเกินไป เขาก็ไม่ยอมรับ บอกว่าทำอย่างนี้มาแต่ไหนแต่ไรแล้ว มีเถียงว่าใครมาอยู่ก่อนกัน ฉันอยู่ที่นี่ถาวรมา 7 ปี อีก 5 ปีคืออยู่ระยะยาว คราวละครึ่งปี - 1 ปี (พูดไม่ได้ว่าอยู่ถาวร) รวมแล้วก็เข้าๆ ออกๆ บ่อยมา 12 ปี เขาชี้หน้าด่าว่าอีตอแห* เขาไม่เคยเห็นฉันเลย ฉันไม่ได้อยู่ที่นี่มานานขนาดนั้น (อยากจะบ้าตาย ฉันพูดความจริงนะ อยู่มานานกว่าผัวเขาที่เป็นเจ้าบ้านจริงๆ) ฉันกักตัวมาตั้งแต่โควิดรอบแรก เขาก็ว่าว่าฉันไม่มีสังคม เออสิ เขตแดงเข้มขนาดนี้ ฉันจะกล้าไปไหน ปอดฉันอ่อนแอกว่าคนทั่วไป ไม่กล้าพาคนนอกมานั่งเมาในบ้านแบบเขาหรอก นี่เขาชอบเข้ามาคุยระยะประชิด พ่นน้ำลายใส่หน้า ถอยเท่าไรก็ยิ่งเข้ามาใกล้ น่ากลัวเป็นบ้า เข้าใจเลยที่เขาว่าพ่อแม่ยังไม่เคยว่าเขา ฉันก็ไม่มีสิทธิ์ไปว่าเขาด้วย อืม...พ่อแม่ไม่สั่งสอนมันคืออย่างนี้นี่เอง
ตอนนี้ตี 2.30 แล้ว ฉันบอกเขาแล้วว่าพูดดังระดับที่ได้ยินทุกคำ ก็เลยนั่งนินทาฉัน เรียกจิกหยาบคายมาแล้วเป็นชั่วโมง เร่งเสียงเพลง โหวกเหวก ล้างจานชามดังลั่น บอกว่าฉันขี้ขลาด (ที่ไม่ด่าไม่ทำอะไรเขาตอบ) เฮ้อ...
บ้านนี้มีข้อดีจนขายทิ้งไม่ได้เพราะเป็นมรดกที่มีความทรงจำกับตายายและน้าค่ะ หลานๆ อยู่สมัยเรียนมาแล้ว 3 คน มันอยู่ใกล้โรงพยาบาลชื่อดังที่พ่อของฉันรักษาโรคเรื้อรังอยู่ ถ้าอาการรุนแรง จะถูกส่งตัวจากบ้านนอกมารักษาที่นี่ บ้านนี้จะสะดวกมาก (ฉันไม่คิดว่าเขามีเงินด้วยแหละ เคยมายืมเงินน้าหลายหมื่นและคืนยากเย็น) แต่ใจฉันน่ะไม่อยากอยู่ที่นี่เพราะเพื่อนบ้านหลังนี้จริงๆ เพื่อนบ้านคนอื่นมีแต่คนเรียบร้อย เป็นมิตร มีแต่บ้านนี้หลังเดียวนี่แหละ เคยคุยกับบ้านอื่นยันซอยติดๆ กัน เขาบอกฉันว่าบ้านนี้เป็นทหารเลยกล้าทำ ไม่มีใครอยากยุ่งด้วย แต่บ้านนี้บอกว่าเขาถามคนไปทั่วแล้วว่าเขาเปิดเพลงรบกวนไหม ไม่เคยมีใครบอกว่าดังนอกจากฉันกับน้องชาย ...โอเค เห็นภาพ คือฉันก็ไม่อยากยุ่งกับเขา ทนมาตั้ง 5 ปีเพราะคนอื่นบอกว่าบ้านนี้น่ากลัว
อ้าว ตีสามกว่าแล้วเหรอ ยังด่าฉันว่าอีเย็*แม่ มาบอกให้เลิกตอนเที่ยงคืน กูล่ะขึ้นอีเย็*แม่ ด่าไม่เลิกเลย ทำไมเขาด่าทนจัง
ฉันอยากทราบว่า ไม่กฎหมายข้อไหนห้ามไม่ให้เปิดลำโพงส่งเสียงรบกวนยามวิกาล จริงเหรอคะ จริงเหรอว่าเขาสามารถเปิดดังเท่าไรก็ได้ เลิกเมื่อไรก็ได้ ตำรวจบอกเขาว่าขอความร่วมมือไม่เปิดเพลงดึก บ้านอื่นเขานอนกันหมดแล้ว มีร้องเรียนเข้ามาว่าเมาเหล้าส่งเสียงดัง เขาขึ้นเลยว่าแจ้งเหรอว่าบ้านนี้เมาเหล้าเสียงดัง ตำรวจถึงกับหงอ เขาจึงว่าว่าฉันโทร.แจ้ง (ฉันก็อยู่กับเขาตลอด มือถือก็ไม่มี จะโทร.แจ้งได้ไง) คนอื่น ตำรวจนี่เก็บมือเก็บไม้เรียบร้อยเชียว เขาอ้างว่ารู้จักผู้กำกับ ตำรวจดูไม่กล้ากับเขาจริงน่ะแหละ แม้เขาจะบอกว่าเขาเลิกเมื่อไรก็ได้ ตีห้าก็ได้ ตำรวจก็ไม่เถียง เขาบอกเลยว่าเขาจะกลับไปดื่มและใช้เสียงอย่างนี้ต่อ ฉันเชิญตำรวจไปฟังเสียงในบ้านว่าระดับนี้คนปกตินอนได้ไหม ตำรวจก็ปฏิเสธ โถ่ถัง ชีวิตผู้พิทักษ์สันติราษฎร์ตัวน้อยๆ นี่บ้านนั้นยังพูดดูถูกอยู่เลยว่าตำรวจกระจอก พอกูบอกว่ารู้จักผู้กำกับถึงกับเงียบ อุเหม่ สงสารอยู่เบาๆ
ฉันรู้นะว่าเรื่องนี้มันน่าเบื่อ ฉันก็อยากขายบ้านทิ้ง แต่ทั้งยายทั้งพ่อแม่ฉันไม่ยอมขายเหอะ มันเป็นสถานที่ที่มีคุณค่าทางใจจริงๆ
อยากรู้จริงจังค่ะว่า ไม่มีกฎหมายข้อไหน มาตราไหน ห้ามไม่ให้ส่งเสียงรบกวนยามวิกาลจริงเหรอ เขาอ้างว่าตัวเองจบนิติฯ มา รู้กฎหมายดีทุกอย่าง รู้มากกว่าฉัน เออ อันนี้ฉันก็ยอมรับแหละ ไม่ได้จบกฎหมายมานี่นา เป็นแค่ชาวบ้านตาดำๆ เท่านั้น นอนๆ อยู่จู่ๆ ก็ผวาตื่นเพราะเขาเร่งเสียงบ้าง ตะโกนโหวกเหวกบ้าง ร้องเพลงบ้าง สุขภาพจิตฉันแย่ก็เพราะพวกเขาผู้วัดความดังของเสียงจากหูตัวเองน่ะแหละ