คือ ตอนนี้เรากำลังมีปัญหากับเพื่อนบ้านชาวต่างชาติที่อยู่ตรงข้ามบ้านของเรา (บ้านเรากับบ้านเค้าเป็นบ้านเช่านะค่ะ) เค้าอยู่กัน 2 คน เป็นผู้ชายทั้งคู่คะ ส่วนบ้านเราก็อยู่กัน 4 คน มี ช 2 ญ 2 แล้วเค้าก็เป็นคนที่รักความสงบมาก(เกินไป) ชนิดที่ห้ามมีเสียงอะไรเลยแหละค่ะ อ้อ บ้านเรากับบ้านเค้าอยู่คนละรั้วนะคะ ไม่ได้ติดกัน ห่างกันประมาณ 20 เมตร คะ ยกตัวอย่างเหตุการณ์นะคะ อย่างตอนปีใหม่ที่ผ่านมา เราและครอบครัวก็มานั่งกินข้าวอยู่หน้าบ้าน คนมีประมาณ 7 คน ค่ะ พวกเราก็นั่งกินกันตามปกติ พูดคุยงุ้งงิ้งๆ แซวกันธรรมดา ก็ไม่ได้ทำเสียงดังอะไรเลยแม้แต่น้อย สาบานได้ค่ะ แล้วอยู่ๆเค้าก็กระชากประตูบ้านออกมายืนด่าเราปาวๆ ประมาณว่า "หุบปากซะที", "อย่าแ ห ก ป ากได้ไหม" อย่างนี้ค่ะ เรากับครอบครัวก็อารมณ์แบบงง กูทำไรผิดว้า ? ยังมีอีกนะคะ แบบเวลามาคนแปลกหน้าเข้ามาในหมู่บ้าน หมามันก็จะเห่าอะคะ แบบไม่คุ้นหน้า ก็เป็นเรื่องปกติของหมาใช่ไหมคะ ? เเล้วทีนี้เค้าก็ออกมายืนด่าอีกแล้ว แล้วก็มีในบริเวณหมู่บ้านของเราก็จะมีเด็กน้อยอยู่อะคะ เด็กก็จะมีการส่งเสียงร้องบ้างเป็นครั้งคราว เค้าก็ออกมาด่า ด่า ด่า แล้วก็ด่า เราก็เริ่มที่จะอดทนกับเค้าไม่ไหวแล้วเหมือนกัน ขนาดเจ้าของบ้านทำกับข้าว (ที่ทำกับข้าวอยู่แถวๆข้างบ้านฝรั่งค่ะ) อยู่มันก็มีเสียง ก้องแก๊งๆ เค้าก็ออกมายืนบ้านนอก เหลือบมองหน้า ส่งสายตา ทุกเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเป็นช่วงเวลาไม่เกิน 19.00 ค่ะ แล้วเราก็เพิ่งย้ายเข้ามาเช่าบ้านใหม่ด้วย ได้แค่เดือนเดียวเอง ไม่อยากจะมีปัญหาอะไรมากค่ะ เคยมีกรณีที่ผู้เช่าบ้านคนเก่าต้องย้ายออกไปเพราะคนฝรั่งไม่ไหวเหมือนกัน เราก็เลยคิดว่าเราจะลองเขียนจดหมายไปหาเค้าดู เนื้อหาจดหมายอยู่ด้านล่างนะค่ะ เพื่อนๆมีความคิดเห็นยังไง ช่วยแสดงความเห็นทีค่ะ
ขอบคุณที่รับฟัง
ถึง เพื่อนบ้านผู้รักความสงบ
นี่เป็นจดหมายแสดงความจริงใจของฉันและครอบครัว ไม่ได้มีเจตนาข่มขู่ หรือเจตนาใดๆแอบแฝง เราต้องการปรับความเข้าใจของพวกเราและพวกคุณ...
ฉันไม่เข้าใจว่าการที่ฉันและครอบครัวพูดคุยกันภายในบ้านของตัวเอง มันจะส่งเสียงดังสักเท่าไหรกัน พวกเราพูดคุยกันอยู่ในบริเวณบ้านของตัวเอง แน่ใจด้วยว่าเสียงที่พูดคุยกันอยู่ในระดับปกติ ไม่ได้ดังอะไรเลย แต่คุณกลับกล่าวหาว่าเราพูดเสียงดังกัน หลายต่อหลายครั้ง บางทีพวกเราก็เริ่มอดทนกับคุณไม่ไหวแล้ว และเราก็พยายามที่จะไม่ทำเสียงดังด้วย ขอให้คุณโปรดเข้าใจว่า ที่นี่เป็นเมืองของคนไทย ทุกคนมีมิตรไมตรีพูดคุยกันอยู่ปกติ บางทีมีหมาเห่าคนที่เข้ามา มันเป็นเรื่องธรรมชาติที่คุณน่าจะเข้าใจได้ ถ้าคุณมีความคิดสักหน่อย หรือว่าคุณอยากให้ขโมยขึ้นบ้านคุณก่อนละ ? บางทีก็มีเสียงเด็กร้อง มันก็เป็นเรื่องธรรมดา ตอนเด็กๆคุณไม่ปริปากร้องเลยหรือไง ฉันอยากให้คุณลองคิดถึงความรู้สึกของคนอื่นบ้าง คุณก็โตแล้ว ถ้าอยากให้คนอื่นเกรงใจคุณ คุณไม่ลองเกรงใจเขาก่อนดูละ ? ถ้าอยากให้คนอื่นเข้าใจคุณ คุณต้องพยายามเข้าใจคนอื่นด้วยละ แล้วก็นะกฎหมายในประเทศของเราถ้าไม่ใช่เป็นการไปพูดคุยในบ้านของคุณเอง เปิดเครื่องเสียงดังกระหึ่ม ภายในเวลา 6.00-22.00 นั่นไม่ถือว่าเป็นการรบกวน ถ้าคุณต้องการความเงียบสงบขนาดนั้น ฉันแนะนำว่าคุณควรไปอยู่ป่าช้า ไม่ก็ใต้ดินที่ฝังศพของคุณเองเถอะ
คุณคงคิดว่าตัวเองเป็นพระเจ้า มีอำนาจที่ใครต่อใครต้องเกรงกลัวหรือไง ? ขอทีเถอะ ทีพวกคุณ 2 คน ส่งเสียงดัง ทะเลาะกันดังลั่นบ้าน ไหนจะเสียงเครื่องซักผ้าคุณที่ส่งเสียงดังอีกละ ปิดประตูเสียงดังโครมคราม พวกเราไม่เคยปริปาก ตะโกน ว่าคุณเลยสักครั้ง เพราะพวกเราเข้าใจดีว่าคนเราก็ต้องมีอารมณ์นี้บ้าง พวกเราเป็นมนุษย์แตกต่างจากสัตว์ตรงที่มีการสื่อสาร วันๆคุณจะให้พวกเราไม่พูดอะไรกันเลยหรือไง พวกเราไม่ใช่คนใบ้ นะ จะได้เงียบทั้งวี่ทั้งวัน อ้ออีกอย่างก็มีแต่คุณที่ทำนิสัย กิริยามารยาททรามๆกับเรา ฉันคิดว่าสมองคุณคงมีปัญหาอะไรสักอย่างหรือบางทีอาจจะเป็นช่องหูของคุณที่มีปัญหา เพราะบางทีก็แทบไม่มีเสียงดังใดๆ แต่คุณเองกลับตะโกนโหวกเหวกด่ากลับมาราวกับคนไม่มีวัฒนธรรม ว่า อย่างส่งเสียงดัง ขอพูดด้วยความหวังดีลองไปโรงพยาบาลเช็คสมองดูบ้างนะ บางทีคุณควรได้รับการรักษาในเร็วๆนี้
วิถีชีวิตของเมืองไทยเป็นแบบนี้ ในเมื่อคุณมาอยู่ที่นี่คุณก็ต้องปฏิบัติตามกฎระเบียบของบ้านเรา ได้ข่าวว่าคุณมาอยู่ที่เมืองไทยหลายปีแล้ว คุณก็น่าจะรู้นี่ว่าควรทำตัวยังไง
ขอบคุณที่อ่านมาจนจบ ถ้ายังมีเรื่องข้องใจสงสัยมาพูดคุยกับเราได้ เรายินดีรับฟังเสมอหากพูดกันด้วยเหตุผลไม่ใช่อารมณ์อย่างที่คุณได้กระทำอยู่
เพื่อนบ้านรักความสงบเกินไป ทำไงดีคะ ?
ขอบคุณที่รับฟัง
ถึง เพื่อนบ้านผู้รักความสงบ
นี่เป็นจดหมายแสดงความจริงใจของฉันและครอบครัว ไม่ได้มีเจตนาข่มขู่ หรือเจตนาใดๆแอบแฝง เราต้องการปรับความเข้าใจของพวกเราและพวกคุณ...
ฉันไม่เข้าใจว่าการที่ฉันและครอบครัวพูดคุยกันภายในบ้านของตัวเอง มันจะส่งเสียงดังสักเท่าไหรกัน พวกเราพูดคุยกันอยู่ในบริเวณบ้านของตัวเอง แน่ใจด้วยว่าเสียงที่พูดคุยกันอยู่ในระดับปกติ ไม่ได้ดังอะไรเลย แต่คุณกลับกล่าวหาว่าเราพูดเสียงดังกัน หลายต่อหลายครั้ง บางทีพวกเราก็เริ่มอดทนกับคุณไม่ไหวแล้ว และเราก็พยายามที่จะไม่ทำเสียงดังด้วย ขอให้คุณโปรดเข้าใจว่า ที่นี่เป็นเมืองของคนไทย ทุกคนมีมิตรไมตรีพูดคุยกันอยู่ปกติ บางทีมีหมาเห่าคนที่เข้ามา มันเป็นเรื่องธรรมชาติที่คุณน่าจะเข้าใจได้ ถ้าคุณมีความคิดสักหน่อย หรือว่าคุณอยากให้ขโมยขึ้นบ้านคุณก่อนละ ? บางทีก็มีเสียงเด็กร้อง มันก็เป็นเรื่องธรรมดา ตอนเด็กๆคุณไม่ปริปากร้องเลยหรือไง ฉันอยากให้คุณลองคิดถึงความรู้สึกของคนอื่นบ้าง คุณก็โตแล้ว ถ้าอยากให้คนอื่นเกรงใจคุณ คุณไม่ลองเกรงใจเขาก่อนดูละ ? ถ้าอยากให้คนอื่นเข้าใจคุณ คุณต้องพยายามเข้าใจคนอื่นด้วยละ แล้วก็นะกฎหมายในประเทศของเราถ้าไม่ใช่เป็นการไปพูดคุยในบ้านของคุณเอง เปิดเครื่องเสียงดังกระหึ่ม ภายในเวลา 6.00-22.00 นั่นไม่ถือว่าเป็นการรบกวน ถ้าคุณต้องการความเงียบสงบขนาดนั้น ฉันแนะนำว่าคุณควรไปอยู่ป่าช้า ไม่ก็ใต้ดินที่ฝังศพของคุณเองเถอะ
คุณคงคิดว่าตัวเองเป็นพระเจ้า มีอำนาจที่ใครต่อใครต้องเกรงกลัวหรือไง ? ขอทีเถอะ ทีพวกคุณ 2 คน ส่งเสียงดัง ทะเลาะกันดังลั่นบ้าน ไหนจะเสียงเครื่องซักผ้าคุณที่ส่งเสียงดังอีกละ ปิดประตูเสียงดังโครมคราม พวกเราไม่เคยปริปาก ตะโกน ว่าคุณเลยสักครั้ง เพราะพวกเราเข้าใจดีว่าคนเราก็ต้องมีอารมณ์นี้บ้าง พวกเราเป็นมนุษย์แตกต่างจากสัตว์ตรงที่มีการสื่อสาร วันๆคุณจะให้พวกเราไม่พูดอะไรกันเลยหรือไง พวกเราไม่ใช่คนใบ้ นะ จะได้เงียบทั้งวี่ทั้งวัน อ้ออีกอย่างก็มีแต่คุณที่ทำนิสัย กิริยามารยาททรามๆกับเรา ฉันคิดว่าสมองคุณคงมีปัญหาอะไรสักอย่างหรือบางทีอาจจะเป็นช่องหูของคุณที่มีปัญหา เพราะบางทีก็แทบไม่มีเสียงดังใดๆ แต่คุณเองกลับตะโกนโหวกเหวกด่ากลับมาราวกับคนไม่มีวัฒนธรรม ว่า อย่างส่งเสียงดัง ขอพูดด้วยความหวังดีลองไปโรงพยาบาลเช็คสมองดูบ้างนะ บางทีคุณควรได้รับการรักษาในเร็วๆนี้
วิถีชีวิตของเมืองไทยเป็นแบบนี้ ในเมื่อคุณมาอยู่ที่นี่คุณก็ต้องปฏิบัติตามกฎระเบียบของบ้านเรา ได้ข่าวว่าคุณมาอยู่ที่เมืองไทยหลายปีแล้ว คุณก็น่าจะรู้นี่ว่าควรทำตัวยังไง
ขอบคุณที่อ่านมาจนจบ ถ้ายังมีเรื่องข้องใจสงสัยมาพูดคุยกับเราได้ เรายินดีรับฟังเสมอหากพูดกันด้วยเหตุผลไม่ใช่อารมณ์อย่างที่คุณได้กระทำอยู่