น่านฤดูควัน 3 วัน 2 คืน 19-21 มีนาคม 2564 ตอน 2

ร้านกาแฟบ้านไทลื้อ


ชาวลื้อหรือไทลื้อเดิมมีถิ่นฐานอยู่ทางภาคใต้ของจีน ต่อมาได้ย้ายถิ่นฐานมาแถวสิบสองปันนาและลุ่มแม่น้ำโขง โดยปัจจุบันชาวลื้อหรือไทลื้อได้กระจายตั้งถิ่นฐานในหลายประเทศ เช่นเชียงตุงของเมียนมา หลวงพระบางของลาว เชียงราย แพร่ น่าน ของประเทศไทย โดยมีศิลปวัฒนธรรมของตนเอง และเลื่อมใสในพระพุทธศาสนาอย่างสูง

(เพิ่มเติมเรื่องไทลื้อจากวิกิพีเดีย https://th.wikipedia.org/wiki/%E0%B8%8A%E0%B8%B2%E0%B8%A7%E0%B8%A5%E0%B8%B7%E0%B9%89%E0%B8%AD )

จากวัดภูเก็ตราว 6 โมงเช้าถึง 7 โมง ไปวัดพระธาตุเบ็งสกัด แล้วแวะกลับเข้าไปทานอาหารเช้าที่โรงแรมพร้อมเช็คเอ้าท์ จุดหมายถัดไปคือบ่อเกลือและระหว่างทางก็คงไม่พลาดร้านกาแฟบ้านไทลื้อ ที่เหมือนวิชาบังคับสำหรับคนที่ไปน่าน 


มีการปรับปรุงร้านขายผ้าด้านหน้าที่ส่วนใหญ่เป็นเสื้อผ้าพื้นเมืองจำพวกหม้อฮ่อม จากเดิมเป็นอาคารกึ่งถาวรชั้นเดียว ช่วงที่เราไปกำลังสร้างใหม่เป็นแบบก่ออิฐถือปูนสองชั้น และร้านขายผ้ายังไม่เปิดบริการ จะเปิดแต่ร้านกาแฟแต่อย่างไรเขาก็ยังยินดีให้เราเข้าไปเดินเล่นและถ่ายรูปครับ (ถึงแม้จะไม่ได้อุดหนุนกาแฟของเขาก็ตาม แต่เขาห้ามเอาเครื่องดื่มจากร้านด้านนอกเข้าไปเท่านั้นเอง) 

บรรยากาศก็จะแห้งๆ แล้งๆ หน่อย ต่างจากคราวก่อนที่เราไปในฤดูฝนและเป็นวันฝนตก ... ฤดูต่าง บรรยากาศก็ต่าง ถึงแม้จะเป็นสถานที่เดิมก็ตาม

ชมพูภูคา

เขาบอกว่า ถ้ามาน่านในช่วงฤดูดอกไม้ คือประมาณกลางเดือนมีนาคมของทุกปี ให้จัดโปรแกรมตามหาดอกชมพูภูคาไว้ด้วย ที่ต้องตามหาเพราะมันไม่ได้หาง่ายแบบที่เราคาดหวังไว้ จริงๆ ทางอุทยานฯ เขามีแนะนำไว้นะครับว่าควรไปจุดไหน แต่เราอาศัยถามเจ้าหน้าที่ป่าไม้ที่สำนักงานอุทยานแห่งชาติดอกภูคาเอา ท่านแนะนำให้ไปที่บริเวณตำหนักเจ้าหลวงภูคาซึ่งอยู่ระหว่างทางที่เรากำลังมุ่งหน้าไปบ่อเกลือ มันอยู่บนเส้นทางที่ผ่าเข้าไปในป่าเขาเขตอุทยานแห่งชาติฯ นั่นแหล่ะ และสามารถค้นหาและปักหมุดได้ใน google map 


แต่จริงๆ จุดนี้ก็นับเป็นจุดฮอตฮิตของนักท่องเที่ยวพอสมควร

มีป้ายบอกชัดเจน แต่ดอกมีไม่มากเพราะเริ่มร่วงไปจนเกือบหมดแล้ว ตอนที่เราขึ้นไปถึงบริเวณตำหนักเจ้าหลวงฯ ก็มีรถตู้นักท่องเที่ยวหลายคณะแวะมาถ่ายรูปกับต้นไม้พิเศษต้นนี้อย่างไม่ขาดสาย ร่มรื่นและจุดนี้สามารถพักรถได้

 
บ่อเกลือ สปัน และดอกไม้ริมทาง

ด้วยที่เป็นทริปสั้นๆ บางจุดเลยกลายเป็นการเช็คอินไป จริงๆ ระหว่างทางหลังจากที่เราแวะร้านกาแฟบ้านไทลื้อแล้ว ได้มีโอกาสแวะฟาร์มเห็ดบ้านหัวน้ำที่เขามีทั้งอาหาร และการเรียนรู้เรื่องการเพาะเห็ดชนิดต่างๆ วิวอยู่บนเนิน สามารถสั่งเครื่องดื่มและนั่งพักผ่อนได้ อากาศไม่ร้อนมาก ต้นไม้เยอะ แวะชมดอกชมพูภูคา หลังจากนั้นจึงมุ่งหน้าสู่บ่อเกลือ


ไปบ่อเกลือฤดูนี้จะได้เห็นกิจกรรมการต้มเกลือของชาวบ้าน และวางขายผลิตภัณฑ์จากเกลือกันเกือบทุกร้าน คราวก่อนที่เราไปช่วงฤดูฝนเดือนสิงหาคม จะไม่เห็นการต้มเกลือเนื่องจากเป็นช่วงพักบ่อ (คุณป้าที่ร้านขายเกลือแกว่าแบบนั้น) คราวก่อนฤดูฝน ที่บ่อเกลือก็ชุ่มฉ่ำฝน คราวนี้ฤดูแล้ง ไม่มีฝนแล้วแต่ก็ร้อนน่าดู

ส่วนที่สปัน น้ำในแม่น้ำลำธารน้อยและใสแล้ว ผิดกับช่วงฤดูฝนที่มาก แรง จนขุ่นน่ากลัว และบางพื้นที่ที่สปันแห่งนี้ เดิมเป็นทุ่งนาเขียวๆ ปัจจุบันก็เริ่มกลายเป็นโครงการก่อสร้างรีสอร์ทและบ้านพักอยู่หลายจุด 


เราขึ้นไปที่วัดสปัน ซึ่งเชิงเขาก่อนขึ้นไปบนวัดจะมีร้านเครื่องดื่มที่ได้ใจตรงวิวดีอยู่ร้านหนึ่ง "หยุดเวลาคาเฟ่" ลองแวะขึ้นไปครับ เครื่องดื่มทั่วๆ ไป ทั้งแบบมีคาเฟอีนและปรอดคาเฟอีน


เส้นทางในจังหวัดน่านที่เชื่อมต่อระหว่างอำเภอ ส่วนใหญ่จะคดเคี้ยวและขึ้นลงเขา อาจไม่ชันมาก และต้องใช้ความระมัดระวังในการขับขี่สูง และด้วยเป็นทางที่ลัดเลาะไปตามสันเขา มันจึงมีหลายจุดที่สามารถแวะถ่ายรูปทิวทัศน์โดยรอบได้อย่างงดงาม และแต่ละจุดก็จะมีลักษณะพิเศษของตัวเองทั้งสิ้น
เราถึงเมืองน่านบ่ายแก่ๆ ของวันนั้น (วันที่ 20 มีนาคม 2564)

จุดชมวิว 1715

ดอกไม้ริมทางและวิวระหว่างทาง

ดอยกว่าง และถนนลอยฟ้า

ดอกไม้ริมทางก่อนเข้าเมืองน่าน

จริงๆ ที่ดอยกว่าง ซึ่งเป็นเนินสูงอยู่ริมถนนสายมุ่งหน้าเข้าเมืองน่าน เราได้คุยกับน้าผู้หญิงซึ่งให้บริการอยู่ ณ เวลานั้น และเราสังเกตุเห็นถ้วยรางวัลหลายใบวางเรียงรายในตู้โชว์ ก็ถามว่าเป็นถ้วยรางวัลเกี่ยวกับอะไร (เผื่อเป็นคอเดียวกัน) แกบอกว่าเป็นถ้วยรางวัลจากการประกวดกว่าง หรือด้วงกว่างนั่นแหล่ะ เราก็เลยถามต่อไปว่ามันเป็นอย่างไร และเขาประกวดกันอย่างไร เพราะถือเป็นเรื่องใหม่ที่เราไม่ค่อยคุ้นเคย และเรารู้สึกว่าด้วงกว่างก็น่าจะเป็นแมลงที่มีอายุไม่ยืนนัก มันก็คงไม่เหมือนการเลี้ยงไก่ หรือนกพิราบสื่อสาร (ซึ่งเพิ่งเคยได้ยินการแข่งขันนกพิราบสื่อสารเมื่อไม่นานมานี่ ที่เขาไปปล่อยที่บุรีรัมย์แล้วให้บินกลับมาสมุทรปราการ) 

แกเล่าว่าจะมีฤดูที่มีด้วงกว่างจำนวนมากที่ออกมาอาศัยในธรรมชาติ ในช่วงนั้นก็จะไปหาจับด้วงกว่างและเลือกตัวที่สวยๆ และจะมีงานประกวดจัดขึ้นเป็นประจำโดยปกติคือทุกปี (อาจเว้นปีโควิดแบบนี้) ด้วงกว่างที่สมบูรณ์ แข็งแรง และลักษณะดีก็จะได้รางวัล หลังจากนั้นตามวงจรชีวิตของเขา เขาก็จะตายไปตามธรรมชาติ เมื่อตายแล้วก็จะนำมาสตาฟท์ไว้ (เรานึกไปถึงผีเสื้อสำหรับคนเล่นผีเสื้อ ที่จะเก็บเป็นคอลเล็กชั่นที่ไม่เหมือนกันเลยในแต่ละตัว)

"ดอยกว่าง และถ้วยรางวัลของเขา"
 
---------------
คุณหมูยอ
เดินทาง 19-21 มีนาคม 2564
บันทึก 28 เมษายน 2564
--------------
อ่านตอนอื่นๆ ของน่านฤดูควัน
ตอน 1 ปัว https://ppantip.com/topic/40674945
ตอน 2 บ่อเกลือและดอกไม้ริมทาง https://ppantip.com/topic/40675104
ตอน 3 เมืองน่าน (1) https://ppantip.com/topic/40677263
ตอน 4 เมืองน่าน (2) https://ppantip.com/topic/40677294
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่