๑๑
“มีอะไรหรือเปล่าน้องแป้ง พี่เห็นหยิบโทรศัพท์ออกมาดูตั้งหลายรอบแล้ว” เกตุกนกอดถามไม่ได้ เมื่อเห็นอาการหยิบโทรศัพท์ขึ้นมากดดูแทบจะทุกนาทีของปาณฑรา ขนาดว่าตอนนี้กำลังนั่งกินข้าวกันอยู่ก็ไม่วายเทียวหยิบออกมาดูตลอด ราวกับกำลังรอสายจากใครอยู่
“เปล่าค่ะพี่เกด สงสัยโทรศัพท์แป้งจะเริ่มรวน รู้สึกเหมือนมันสั่นๆ เลยหยิบออกมาดูน่ะค่ะ นึกว่ามีสายเข้า”
ปาณฑราอ้าง ทั้งที่ความจริงแล้วกำลังลังรอสาย รอแชตจากคนที่หายเงียบไปอีกแล้ว เมื่อคืนหลังหายมึนงงจากเหตุการณ์ที่ร้านอาหาร เธอก็กลับมาทบทวนเรื่องระหว่างเธอกับเขา ว่าจริงๆ แล้วปัญหามันอยู่ที่ตรงไหนกันแน่
หลังจากย้อนกลับไปอ่านข้อความเก่าๆ ที่เคยคุยกับเขา และลองสลับกันให้เธอไปเป็นเขา ปาณฑราก็เข้าใจความรู้สึกของเขามากขึ้น หากเธอถูกเขาหยอดถูกเขาอ่อย ถูกเขาพูดให้โอกาสมาตลอดอย่างที่เธอทำ เธอก็คงคิดไปเองไม่ต่างจากเขา เผลอๆ คนที่ไม่เคยมีแฟนมาก่อนอย่างเธอ อาจจะอาการหนักยิ่งกว่าเขาเสียอีก เพราะเธอนั้นพูดให้ความหวังเขาไว้เสียเยอะเลย
เมื่อได้ข้อสรุปว่าเรื่องทั้งหมดมันเกิดจากความเข้าใจผิดของเธอเอง เธอก็ควรรับผิดชอบกับสิ่งที่เกิดขึ้น จึงตัดสินใจโทร. ไปหาเขา เพื่อจะได้ตกลงกันให้เข้าใจ แต่กลับไม่สามารถติดต่อเขาได้ เธอจึงทิ้งข้อความไว้ในไลน์ แต่จนป่านนี้เขาก็ยังไม่อ่านข้อความของเธอ
และสิ่งนี้เองที่เป็นต้นเหตุให้เธอเทียวหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาเปิดดูไลน์แทบจะทุกนาที เพื่อจะเช็กว่าเขาอ่านข้อความของเธอหรือยัง แต่ผลก็คือยังไม่อ่านเหมือนเดิม
“ถ้าจำไม่ผิด เครื่องนี้เพิ่งถอยมาได้ไม่กี่เดือนเองไม่ใช่เหรอแป้ง อะไรจะรวนไวขนาดนั้น ไม่สมกับราคาหลายหมื่นเลย” มนฤดีตั้งข้อสังเกต
ส่วนคนถูกสงสัยนั้นได้แต่แอบกลอกตามองบน พร้อมแอบค่อนขอดอยู่ในใจ
‘อะไรจะความจำดีขนาดนั้นจ๊ะแม่คุณ’
“สงสัยเครื่องนี้จะหลุดคิวซีน่ะ” ปาณฑราตอบพลางเก็บเครื่องมือสื่อสารเจ้าปัญหาเข้ากระเป๋า พลันนึกเคืองไปถึงตัวต้นเหตุที่ทำให้เธอว้าวุ่นจนไม่เป็นอันทำอะไรอยู่แบบนี้ คอยดูเถอะถ้าภายในวันนี้เขายังไม่ติดต่อกลับมา จากที่ตั้งใจจะลองเปิดใจคุยกับเขาต่อ เธอก็จะบล็อกทุกช่องทางการติดต่อเลยคอยดู
“พี่เกือบลืมไปเลย”
เกตุกนกโพล่งขึ้นเมื่อนึกอะไรขึ้นมาได้ “เรื่องปาร์ตี้วันนี้วันเกิดยายนุชคืนนี้ เราสองคนว่าไง ตกลงจะไปด้วยกันไหม ถ้าตกลงพี่จะได้คอนเฟิร์มกับนาง”
“ที่ไหนนะคะพี่เกด” ปาณฑราถาม
“ร้านXXX แถวเลียบด่วนรามอินทรา”
“หนูไปค่ะพี่เกด” มนฤดีรีบตอบตกลงโดยไม่เสียเวลาคิด
ปาณฑรานิ่งคิดอยู่พักหนึ่งก่อนตอบตกลง เมื่อคิดได้ว่าไปผ่อนคลายสักหน่อยก็ดี เผื่อสมองจะได้เลิกคิดฟุ้งซ่านเรื่องไม่เป็นเรื่องสักที
“โอเคค่ะพี่เกด”
“จะให้พี่ไปรับไหม หรือว่าจะมากันเอง”
“เดี๋ยวแป้งขับรถไปเองดีกว่าค่ะ คอนโด.แป้งกับบ้านพี่เกดคนละทางเลย เดี๋ยวจะเสียเวลาวนไปวนมาเปล่าๆ แล้ววันนี้วันศุกร์แห่งชาติด้วย รถคงติดน่าดู” ปาณฑราบอกอย่างเกรงใจ
“เราล่ะยายมิ้ม” เกตุกนกหันไปถามรุ่นน้องอีกคนที่กำลังครุ่นคิดจนหน้ายุ่ง
“เดี๋ยวหนูไปเองดีกว่าค่ะ”
“โอเค งั้นเจอกันที่ร้านตอนสองทุ่มนะจ๊ะเด็กๆ” รุ่นพี่นัดแนะเวลากับน้องๆ ก่อนจะทิ้งทาย “อย่าลืมแต่งตัวเริ่ดๆ ด้วยละ เผื่อตกหนุ่มได้สักคนสองคน ได้ยินเขาลือกันว่าเจ้าของร้านนี้งานดีๆ ทั้งนั้นเลย” สาวใหญ่บอกพลางทำหน้าเพ้อฝัน
ปาณฑรามาถึงที่ร้านก่อนเวลานัดหมายราวสิบห้านาที หญิงสาวกวาดตามองสำรวจบรรยากาศรอบๆ ร้าน ริมฝีปากบางที่เคลือบลิปสติกสีชมพูอ่อนคลี่ยิ้มอย่างพึงพอใจ กับการตกแต่งร้านที่ดูเรียบง่าย ภายในร้านนั้นตกแต่งด้วยโทนสีอ่อนดูสบายตา ซึ่งแบ่งออกเป็นโซนห้องแอร์และโซนกลางแจ้ง ตรงกลางร้านระหว่างสองโซนมีสระน้ำเล็กๆ จัดไว้ให้ลูกค้าได้ถ่ายภาพสวยๆ
“สวัสดีครับ ไม่ทราบว่ามากี่ท่านครับ” พนักงานต้อนรับเอ่ยถามเสียงสุภาพ เมื่อเห็นลูกค้าสาวเดินเข้ามา
“เพื่อนจองโต๊ะไว้แล้วค่ะ” หญิงสาวแจ้ง
“ขอทราบชื่อผู้จองด้วยครับ”
“นุชนาถค่ะ”
พนักงานต้อนรับหันไปดูรายชื่อลูกค้าที่จองโต๊ะประจำวัน ซึ่งจดไว้บนกระดานข้างๆ ทางเข้า ก่อนกวักมือเรียกพนักงานเสิร์ฟที่เดินผ่านมาพอดี
“คุณลูกค้าเดินตามน้องเขาเข้าไปเลยนะครับ”
“เชิญทางนี้ค่ะ” พนักงานเสิร์ฟผายมือก่อนเดินนำลูกค้าเข้าไปด้านในร้าน
“ขอบคุณค่ะ” ปาณฑรากล่าวขอบคุณและเดินตามพนักงานเข้าไปยังโซนในห้องแอร์
“ดูสาวๆ โต๊ะนั้นดิวะ แจ่มๆ ทั้งนั้นเลย”
ศาตนันท์สะกิดพิชญ์พงศ์ที่กำลังทดสอบเสียงกีตาร์อยู่บนเวที ให้ดูลูกค้ากลุ่มหนึ่งที่โต๊ะเยื้องกับเวที
ชายหนุ่มละสายตาจากเครื่องดนตรีในมือ และมองไปยังทิศทางที่เพื่อนว่าแว่บหนึ่ง ก่อนจะหันกลับมาสนใจกับกีตาร์ในมือเหมือนเดิม เมื่อเห็นว่าไม่มีอะไรน่าสนใจเท่าไร
“เฮ้ย นั่นมันเพื่อนน้องน้ำ คนที่ไปเดตด้วยนี่หว่า”
สิ้นคำพูดของมือกลอง พิชญ์พงศ์ก็รีบหันกลับไปมองยังโต๊ะนั้นอีกรอบหนึ่ง แล้วก็สะดุดเข้ากับหญิงสาวในชุดเสื้อครอปสีขาวเหลืองเปิดไหล่ข้างเดียว มีโบว์ประดับที่ชายเสื้อข้างหนึ่ง กับกางเกงขาบานสีขาวเอวสูง ที่กำลังเดินยิ้มเข้ามาสมทบกับสาวๆ ในโต๊ะที่เพื่อนชี้ชวนให้เขาดู
“หนุ่มๆ โต๊ะอื่นมองกันตาเป็นมันเลยเอ๊ย” มือกลองว่า
พิชญ์พงศ์กวาดตามองไปไปรอบๆ ร้านก็เห็นจริงดังที่อีกฝ่ายว่า เพราะตอนนี้หนุ่มๆ ในร้านต่างก็เมียงมองมายังโต๊ะของหกสาวอย่างให้สนใจ
“เสร็จแล้วเหรอวะ” ศาตนันท์ถาม เมื่อเห็นชายหนุ่มวางกีตาร์ในมือลงและกำลังจะเดินลงจากเวที
“อือ” มือกีตาร์ตอบสั้นๆ ก่อนเดินไปหาดรัลพรที่หลังเวที และพูดคุยอะไรกันสักอย่าง ก่อนที่นักร้องสาวจะทำมือเป็นสัญลักษณ์ตกลง
หัวใจพลิกล็อค...บทที่ 11
“มีอะไรหรือเปล่าน้องแป้ง พี่เห็นหยิบโทรศัพท์ออกมาดูตั้งหลายรอบแล้ว” เกตุกนกอดถามไม่ได้ เมื่อเห็นอาการหยิบโทรศัพท์ขึ้นมากดดูแทบจะทุกนาทีของปาณฑรา ขนาดว่าตอนนี้กำลังนั่งกินข้าวกันอยู่ก็ไม่วายเทียวหยิบออกมาดูตลอด ราวกับกำลังรอสายจากใครอยู่
“เปล่าค่ะพี่เกด สงสัยโทรศัพท์แป้งจะเริ่มรวน รู้สึกเหมือนมันสั่นๆ เลยหยิบออกมาดูน่ะค่ะ นึกว่ามีสายเข้า”
ปาณฑราอ้าง ทั้งที่ความจริงแล้วกำลังลังรอสาย รอแชตจากคนที่หายเงียบไปอีกแล้ว เมื่อคืนหลังหายมึนงงจากเหตุการณ์ที่ร้านอาหาร เธอก็กลับมาทบทวนเรื่องระหว่างเธอกับเขา ว่าจริงๆ แล้วปัญหามันอยู่ที่ตรงไหนกันแน่
หลังจากย้อนกลับไปอ่านข้อความเก่าๆ ที่เคยคุยกับเขา และลองสลับกันให้เธอไปเป็นเขา ปาณฑราก็เข้าใจความรู้สึกของเขามากขึ้น หากเธอถูกเขาหยอดถูกเขาอ่อย ถูกเขาพูดให้โอกาสมาตลอดอย่างที่เธอทำ เธอก็คงคิดไปเองไม่ต่างจากเขา เผลอๆ คนที่ไม่เคยมีแฟนมาก่อนอย่างเธอ อาจจะอาการหนักยิ่งกว่าเขาเสียอีก เพราะเธอนั้นพูดให้ความหวังเขาไว้เสียเยอะเลย
เมื่อได้ข้อสรุปว่าเรื่องทั้งหมดมันเกิดจากความเข้าใจผิดของเธอเอง เธอก็ควรรับผิดชอบกับสิ่งที่เกิดขึ้น จึงตัดสินใจโทร. ไปหาเขา เพื่อจะได้ตกลงกันให้เข้าใจ แต่กลับไม่สามารถติดต่อเขาได้ เธอจึงทิ้งข้อความไว้ในไลน์ แต่จนป่านนี้เขาก็ยังไม่อ่านข้อความของเธอ
และสิ่งนี้เองที่เป็นต้นเหตุให้เธอเทียวหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาเปิดดูไลน์แทบจะทุกนาที เพื่อจะเช็กว่าเขาอ่านข้อความของเธอหรือยัง แต่ผลก็คือยังไม่อ่านเหมือนเดิม
“ถ้าจำไม่ผิด เครื่องนี้เพิ่งถอยมาได้ไม่กี่เดือนเองไม่ใช่เหรอแป้ง อะไรจะรวนไวขนาดนั้น ไม่สมกับราคาหลายหมื่นเลย” มนฤดีตั้งข้อสังเกต
ส่วนคนถูกสงสัยนั้นได้แต่แอบกลอกตามองบน พร้อมแอบค่อนขอดอยู่ในใจ ‘อะไรจะความจำดีขนาดนั้นจ๊ะแม่คุณ’
“สงสัยเครื่องนี้จะหลุดคิวซีน่ะ” ปาณฑราตอบพลางเก็บเครื่องมือสื่อสารเจ้าปัญหาเข้ากระเป๋า พลันนึกเคืองไปถึงตัวต้นเหตุที่ทำให้เธอว้าวุ่นจนไม่เป็นอันทำอะไรอยู่แบบนี้ คอยดูเถอะถ้าภายในวันนี้เขายังไม่ติดต่อกลับมา จากที่ตั้งใจจะลองเปิดใจคุยกับเขาต่อ เธอก็จะบล็อกทุกช่องทางการติดต่อเลยคอยดู
“พี่เกือบลืมไปเลย”
เกตุกนกโพล่งขึ้นเมื่อนึกอะไรขึ้นมาได้ “เรื่องปาร์ตี้วันนี้วันเกิดยายนุชคืนนี้ เราสองคนว่าไง ตกลงจะไปด้วยกันไหม ถ้าตกลงพี่จะได้คอนเฟิร์มกับนาง”
“ที่ไหนนะคะพี่เกด” ปาณฑราถาม
“ร้านXXX แถวเลียบด่วนรามอินทรา”
“หนูไปค่ะพี่เกด” มนฤดีรีบตอบตกลงโดยไม่เสียเวลาคิด
ปาณฑรานิ่งคิดอยู่พักหนึ่งก่อนตอบตกลง เมื่อคิดได้ว่าไปผ่อนคลายสักหน่อยก็ดี เผื่อสมองจะได้เลิกคิดฟุ้งซ่านเรื่องไม่เป็นเรื่องสักที
“โอเคค่ะพี่เกด”
“จะให้พี่ไปรับไหม หรือว่าจะมากันเอง”
“เดี๋ยวแป้งขับรถไปเองดีกว่าค่ะ คอนโด.แป้งกับบ้านพี่เกดคนละทางเลย เดี๋ยวจะเสียเวลาวนไปวนมาเปล่าๆ แล้ววันนี้วันศุกร์แห่งชาติด้วย รถคงติดน่าดู” ปาณฑราบอกอย่างเกรงใจ
“เราล่ะยายมิ้ม” เกตุกนกหันไปถามรุ่นน้องอีกคนที่กำลังครุ่นคิดจนหน้ายุ่ง
“เดี๋ยวหนูไปเองดีกว่าค่ะ”
“โอเค งั้นเจอกันที่ร้านตอนสองทุ่มนะจ๊ะเด็กๆ” รุ่นพี่นัดแนะเวลากับน้องๆ ก่อนจะทิ้งทาย “อย่าลืมแต่งตัวเริ่ดๆ ด้วยละ เผื่อตกหนุ่มได้สักคนสองคน ได้ยินเขาลือกันว่าเจ้าของร้านนี้งานดีๆ ทั้งนั้นเลย” สาวใหญ่บอกพลางทำหน้าเพ้อฝัน
ปาณฑรามาถึงที่ร้านก่อนเวลานัดหมายราวสิบห้านาที หญิงสาวกวาดตามองสำรวจบรรยากาศรอบๆ ร้าน ริมฝีปากบางที่เคลือบลิปสติกสีชมพูอ่อนคลี่ยิ้มอย่างพึงพอใจ กับการตกแต่งร้านที่ดูเรียบง่าย ภายในร้านนั้นตกแต่งด้วยโทนสีอ่อนดูสบายตา ซึ่งแบ่งออกเป็นโซนห้องแอร์และโซนกลางแจ้ง ตรงกลางร้านระหว่างสองโซนมีสระน้ำเล็กๆ จัดไว้ให้ลูกค้าได้ถ่ายภาพสวยๆ
“สวัสดีครับ ไม่ทราบว่ามากี่ท่านครับ” พนักงานต้อนรับเอ่ยถามเสียงสุภาพ เมื่อเห็นลูกค้าสาวเดินเข้ามา
“เพื่อนจองโต๊ะไว้แล้วค่ะ” หญิงสาวแจ้ง
“ขอทราบชื่อผู้จองด้วยครับ”
“นุชนาถค่ะ”
พนักงานต้อนรับหันไปดูรายชื่อลูกค้าที่จองโต๊ะประจำวัน ซึ่งจดไว้บนกระดานข้างๆ ทางเข้า ก่อนกวักมือเรียกพนักงานเสิร์ฟที่เดินผ่านมาพอดี
“คุณลูกค้าเดินตามน้องเขาเข้าไปเลยนะครับ”
“เชิญทางนี้ค่ะ” พนักงานเสิร์ฟผายมือก่อนเดินนำลูกค้าเข้าไปด้านในร้าน
“ขอบคุณค่ะ” ปาณฑรากล่าวขอบคุณและเดินตามพนักงานเข้าไปยังโซนในห้องแอร์
“ดูสาวๆ โต๊ะนั้นดิวะ แจ่มๆ ทั้งนั้นเลย”
ศาตนันท์สะกิดพิชญ์พงศ์ที่กำลังทดสอบเสียงกีตาร์อยู่บนเวที ให้ดูลูกค้ากลุ่มหนึ่งที่โต๊ะเยื้องกับเวที
ชายหนุ่มละสายตาจากเครื่องดนตรีในมือ และมองไปยังทิศทางที่เพื่อนว่าแว่บหนึ่ง ก่อนจะหันกลับมาสนใจกับกีตาร์ในมือเหมือนเดิม เมื่อเห็นว่าไม่มีอะไรน่าสนใจเท่าไร
“เฮ้ย นั่นมันเพื่อนน้องน้ำ คนที่ไปเดตด้วยนี่หว่า”
สิ้นคำพูดของมือกลอง พิชญ์พงศ์ก็รีบหันกลับไปมองยังโต๊ะนั้นอีกรอบหนึ่ง แล้วก็สะดุดเข้ากับหญิงสาวในชุดเสื้อครอปสีขาวเหลืองเปิดไหล่ข้างเดียว มีโบว์ประดับที่ชายเสื้อข้างหนึ่ง กับกางเกงขาบานสีขาวเอวสูง ที่กำลังเดินยิ้มเข้ามาสมทบกับสาวๆ ในโต๊ะที่เพื่อนชี้ชวนให้เขาดู
“หนุ่มๆ โต๊ะอื่นมองกันตาเป็นมันเลยเอ๊ย” มือกลองว่า
พิชญ์พงศ์กวาดตามองไปไปรอบๆ ร้านก็เห็นจริงดังที่อีกฝ่ายว่า เพราะตอนนี้หนุ่มๆ ในร้านต่างก็เมียงมองมายังโต๊ะของหกสาวอย่างให้สนใจ
“เสร็จแล้วเหรอวะ” ศาตนันท์ถาม เมื่อเห็นชายหนุ่มวางกีตาร์ในมือลงและกำลังจะเดินลงจากเวที
“อือ” มือกีตาร์ตอบสั้นๆ ก่อนเดินไปหาดรัลพรที่หลังเวที และพูดคุยอะไรกันสักอย่าง ก่อนที่นักร้องสาวจะทำมือเป็นสัญลักษณ์ตกลง