เรื่องเล่าจากพื้นดิน(3)

กระทู้สนทนา
เมื่อผมเดินลงพื้นนาในวันต่อมา  ผมเริ่มเดินไกลออกไปอีกสักหน่อย  ความรู้สึกเหนื่อยก็เกิดขึ้นอย่างที่เคยเป็นมา แต่ในทุ่งนานั้นไม่มีใครที่ผมจะเรียกให้ช่วย  ผมต้องฝืนเดินต่อไปอีกสักหน่อย
        
        เรื่องของความเคว้งคว้างในภาวะของความรู้สึกว่าตัวเองจะตายนั้น  ผมเคยมีอยู่หลายครั้งด้วยกัน  ที่เรียกกันว่าเหมือนร่างกายจะช็อคเอาดื้อ ๆ อย่างเช่น ตัวอย่าง  เมื่อครั้งผมขับรถมอเตอร์ไซค์ไปทำธุระในตัวเมือง แล้วรถเกิดเสียกลางทาง  ผมต้องเข็นมอเตอร์ไซค์ไป  แต่ด้วยความไม่รู้ว่า ร่างกายตัวเองไม่ปรกติดังเดิมแล้ว  ทำให้ผมเหนื่อย กับ หายใจหวิว ๆ เหมือนกับจะเป็นลม หรือ หัวใจไม่ทำงานเสียอย่างนั้น  เหงื่อตรงหน้าแข้งออกเม็ดโป้งอย่างเห็นได้ชัด แทบจะนับจำนวนเม็ดเหงื่อได้  ซึ่งธรรมดา เหงื่อจะต้องซึมออกมาเป็นเปียกเสียมากกกว่าจะกลั่นเป็นหยดเม็ด  ๆ เมื่อผมเหลียวมองไปรอบบริเวณนั้น  ไม่มีใครรู้จักเลยสักคน  ไม่มีรถวิ่งผ่าน ถึงจะมีผมก็ไม่กล้าจะกวักมือเรียกอย่างแน่นอน  จึงล้มตัวลงนอนข้างถนนลาดยาง หรือ นั่งพักให้หายเหนื่อย  พยายามควบคุมลมหายใจตัวเองให้เป็นปรกติ  ในตอนนั้น  ผมคิดว่าหากตาย คงเป็นศพนิรนามเป็นอย่างแน่นอน  เพราะไม่มีใครรู้จักผมเลย  โชคดีที่ผมไม่ตาย และเดินไปขอความช่วยเหลือจากใครสักคนได้  จนกระทั่งมีคนที่บ้านมาช่วยเหลือไว้ทัน  อาการอย่างนี้  ผมมีอยู่หลายครั้ง  และต้องพยายามทำอะไรสักอย่าง  โดยเฉพาะอย่างยิ่ง  ต้องเรียกคนให้มาช่วย  จนกลายเป็นสันดานของผม ที่เมื่อเกิดอาการอย่างนี้แล้วต้องเรียกให้คนมาช่วย  อย่างไม่พยายามจะช่วยตัวเองเอาเสียเลย  ต่อมา  ผมจึงเกลียดตัวเอง ในความอ่อนแออย่างที่ว่านี้.

        ในขณะที่ผมเดินเหนื่อยในท้องนา  ผมจึงช่วยตัวเอง  คำสั่งของผมคือ ให้สูดลมหายใจเข้าปอด หรือ เข้าร่างกายให้มาก ๆ จึงจะมีพลัง  ผมจึงสูดลมหายใจเต็มที่อยู่สองสามที  จึงค่อยมีแรง  แต่กระนั้นก็ดี  ผมยังมีสันดานเดิม ๆ ที่แก้ไม่หาย  เมื่อมีเจ้าของวัวที่เลี้ยงตรงนั้นอยู่ และผมก็รู้จักด้วย  ทำให้ผมใจชื้นขึ้นมา  ปัญหาเรื่องต้องการให้คนอื่นมาช่วยอยู่เรื่อย ๆ ยังคงมีอยู่เสมอ  เพียงแต่มันน้อยลงไปตามกาลเวลาเท่านั้น  และผมมีความรู้สึกอยากจะทดลองกับมันอยู่เรื่อย ๆ
* ผมมาเขียนแก้ไขต่อให้ยาวขึ้นอีก  กลัวเพื่อน ๆ รำคาญ ในการโพสต์บ่อย ๆ ครับ

เรื่องความกลัวของผมเริ่มลดน้อยลง เมื่อผมผ่านไปได้ด้วยตัวคนเดียว  อาจเป็นได้ว่า มีสองอย่างช่วยให้ผมลดความกลัวลง คือ เมีย กับ หมา  พอผมเหนื่อย แล้วนึกเห็น ประสบหน้าสองสิ่งนี้ จะเกิดกำลังพลังอะไรสักอย่างขึ้นมาทันที  ต่อมาผมจึงพยายามช่วยตัวเองให้มากขึ้น  บอกกับตัวเองว่า จะตายก็ตายไป  จะได้จบ ๆ กันเสียที  แต่ก็ยังไม่ตายเลยสักที.

อีกอย่างหนึ่งที่ผมต้องลงขลุกกับพื้นดินในา เกือบตลอดวัน คือ ผมต้องหาของกินในนั้น  อาจจะเป็น ปู ปลา หอย กบ เขียด แมลงแมงต่าง ๆ ที่กินได้  ด้วยการใช้เสียม ขุด คุ้ย เขี่ยลงในดินผืนนา  ที่ผมจินตนาการไปต่าง ๆ นานา และเป็นการละลายความคิดเรื่องราวของการรกสมองออกไปด้วย  ทำให้สมองของผมปลอดโปร่งขึ้นมา .
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่