ไปดูในพระสูตรทั้งหลาย ที่เกี่ยวกับการทำสมาธิจะเริ่มด้วยกายสังขารระงับ จิตตสังขารระงับ ไม่มีวจีสังขารเลย
แต่ถ้าพยายามเข้าสมาธิ ด้วยการท่องพุทโธ ยุบหนอพองหนอ ฯลฯ
วจีสังขารจะยังทำงานอยู่
รอจนกระทั่ง คำบริกรรมจางหายไป จิตจึงเริ่มเป็นสมาธิ เพราะวจีสังขารระงับ แล้วจะบริกรรมไปทำไมครับ
ในพระสูตรต่างพระพุทธเจ้าก็ไม่มีการสอนในการท่องคำบริกรรมด้วย
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้ดูกรภิกษุทั้งหลาย ผู้ได้ฌาน ๔ จำพวกนี้. ๔ จำพวกเป็นไฉน?
คือ
ผู้ได้ฌานบางคนในโลกนี้ เป็นผู้ฉลาดในการตั้งจิตมั่นในสมาธิ แต่ไม่ฉลาดในการเข้าสมาธิ ๑.
บางคนฉลาดในการเข้าสมาธิ แต่ไม่ฉลาดในการตั้งจิตมั่นในสมาธิ ๑.
บางคนไม่ฉลาดในการตั้งจิตมั่นในสมาธิ และไม่ฉลาดในการเข้าสมาธิ ๑.
บางคนฉลาดในการตั้งจิตมั่นในสมาธิ และฉลาดในการเข้าในสมาธิ ๑.
ใน ๔ จำพวกนั้น ผู้ได้ฌานที่ฉลาดในการตั้งจิตมั่นในสมาธิ และฉลาดในการเข้าในสมาธิ. นับว่าเป็นผู้เลิศ ประเสริฐที่สุด เป็นประธานสูงสุดและดีกว่า.
ถ้าท่องพุทโธ ยุบหนอพองหนอ ฯลฯ วจีสังขารจะยังทำงานอยู่ไหม
แต่ถ้าพยายามเข้าสมาธิ ด้วยการท่องพุทโธ ยุบหนอพองหนอ ฯลฯ
วจีสังขารจะยังทำงานอยู่
รอจนกระทั่ง คำบริกรรมจางหายไป จิตจึงเริ่มเป็นสมาธิ เพราะวจีสังขารระงับ แล้วจะบริกรรมไปทำไมครับ
ในพระสูตรต่างพระพุทธเจ้าก็ไม่มีการสอนในการท่องคำบริกรรมด้วย
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้