คำตอบที่ได้รับเลือกจากเจ้าของกระทู้
ความคิดเห็นที่ 1
ตราบที่"อัตรา"ดอกเบี้ยยังปรกติ ก็ไม่ต้องคิดอะไรมาก
ผ่อนต่อเดือนให้เยอะขึ้น จนดอกเบี้ยค้างมันหายไป เงินต้นลดลง ต่อไปดอกเบี้ยมันก็น้อยลงเรื่อย ๆ ตามธรรมชาติ
ถ้าไม่มีความสามารถในการจ่ายเกินกว่าที่ธนาคารคำนวณมาให้ (คือ ไม่มีความสามารถในการโปะ) ควรประกาศขายบ้านตั้งแต่บัดนี้ ก่อนที่ดอกเบี่ยจะปรับขึ้นแล้วยอดผ่อนขึ้นตามจนผ่อนไม่ไหว ถึงตอนนั้นจะไม่ทัน
ผ่อนต่อเดือนให้เยอะขึ้น จนดอกเบี้ยค้างมันหายไป เงินต้นลดลง ต่อไปดอกเบี้ยมันก็น้อยลงเรื่อย ๆ ตามธรรมชาติ
ถ้าไม่มีความสามารถในการจ่ายเกินกว่าที่ธนาคารคำนวณมาให้ (คือ ไม่มีความสามารถในการโปะ) ควรประกาศขายบ้านตั้งแต่บัดนี้ ก่อนที่ดอกเบี่ยจะปรับขึ้นแล้วยอดผ่อนขึ้นตามจนผ่อนไม่ไหว ถึงตอนนั้นจะไม่ทัน
▼ กำลังโหลดข้อมูล... ▼
แสดงความคิดเห็น
คุณสามารถแสดงความคิดเห็นกับกระทู้นี้ได้ด้วยการเข้าสู่ระบบ
กระทู้ที่คุณอาจสนใจ
อ่านกระทู้อื่นที่พูดคุยเกี่ยวกับ
การเงิน
สินเชื่อเพื่อที่อยู่อาศัย
ธนาคาร
การบริหารจัดการ
ธนาคารอาคารสงเคราะห์
มีวิธีไหนบ้างที่จะลดดอกเบี้ยบ้านได้ ?
แต่เมื่อปี 2563 เกิดวิกฤตโควิต 2019 ทำให้ทางบริษัทออกนโยบายลดวันทำงาน และ ลดการจ่ายเงินเดือนลง
ทำให้ได้รับผลกระทบในการจ่ายค่าบ้าน จึงเข้าร่วมมาตรการช่วยเหลือดังนี้
1. ในเดือน มีนาคม เข้าร่วมมาตรการที่ 1 ในการลดเงินงวดลงให้ต่ำกว่าปกติ ในช่วงสิ้นเดือนมีนาคม มีการจ่ายเงินงวดเข้าไปตามกำหนด และ ตามที่ธนาคารแจ้งยอดผ่านทางแอพพลิเคชั่น
2. ในเดือน เมษายน เข้าร่วมมาตรการที่ 2 โดยเป็นมาตรการในการพักชำระหนี้ (และในเดือนเมษายนทำการเช็คยอดจ่ายประจำเดือน แต่ !! ไม่มียอดจ่ายแสดงขึ้นมาทำให้ไม่ได้มีการจ่ายเงินเข้าไป )
โดยมาตรการพักชำระหนี้แบ่งเป็น 2 ช่วงระยะเวลา ดังนี้
ช่วงที่ 1 เดือน พ.ค. - ก.ค.
ช่วงที่ 2 เดือน ส.ค. - ต.ค. และในเดือน ต.ค. ได้มีการติดต่อไปที่ธนาคารว่าจะต้องทำการจ่ายในเดือนไหน เพราะสิ้นสุดมาตรการแล้ว ทางธนาคารแจ้งว่า จ่ายในช่วง สิ้นเดือน พฤศจิกายน 2563 ทางเราก็ได้มีการจ่ายตรงเวลาปกติ ตามเงินงวดที่ทำในสัญญา และมีการจ่ายมาเรื่อยๆตามปกติ ในเดือน ธันวาคม > มกราคม ได้ทำการเช็คยอดผ่านทางแอพพลิเคชั่น ปรากฏว่า ยอดเงินที่จ่ายเข้าไป มีการหักเฉพาะดอกเบี้ย เงินต้นยังคงเดิม และ ดอกเบี้ยในการค้างชำระเพิ่มขึ้นทุกเดือนที่จ่ายนับจากเดือน พฤศจิกายน จึงได้ติดต่อไปทางธนาคาร ทางธนาคารให้ข้อมูลว่า เนื่องจากลูกค้าเข้ามาตรการในการพักชำระหนี้ ระบบของธนาคารอาจจะมีการหักผิดลำดับ ทำให้ระบบไม่ไปหักในยอดเงินต้น จึงแจ้งให้จ่ายค่างวดเป็นปกติเท่าเดิมมาก่อนและจะทำการส่งเรื่องเพื่อตรวจสอบเป็นระยะเวลาประมาณ 45 วัน เราก็ทำการจ่ายตามนัดปกติ และ ใบเสร็จในการจ่ายยังคงเป็นเหมือนเดิม จึงโทรสอบถามทางธนาคาร ทางธนาคารจึงติดต่อกลับมา และแจ้งยอดเงินเป็นยอดค้างชำระทั้งหมด 17,600 บาท เนื่องจากก่อนจะเข้ามาตรการพักชำระ มีการลดเงินงวดลง ส่งผลให้ยอดจ่ายไม่ครบและกลายเป็นดอกเบี้ยในการค้างชำระ และ จ่ายล่าช้า และที่เจ็บปวดสุดคือ จากเดิมดอกเบี้ย 5 ปีแรก 3.0% ปรับขึ้นมาเป็นดอกเบี้ยลอยตัว 6.15% ส่งผลให้เราต้องจ่ายค่างวดเพิ่มขึ้นอีกหลายพันบาท และในส่วนยอด 17,600 ที่ธนาคารแจ้งมาก็ได้มีการทำการชำระเรียบร้อยแล้ว จึงอยากสอบถามว่ามีวิธีการไหนในการดำเนินการปรับดอกเบี้ยลงบ้าง เนื่องจากสอบถามธนาคารแล้วธนาคารแจ้งว่า ไม่มีวิธีในการปรับลดดอกเบี้ยลง นอกจากผู้กู้ผิดนัดชำระ จนถึงขั้นฟ้องร้องดำเนินคดี
รบกวนด้วยนะคะ ใครก็ได้ที่มีคำตอบ ขอความกรุณาแนะนำด้วยค่ะ