เคยเป็นโรคซึมเศร้ากันไหมคะ?

สวัสดีค่ะ ขอเริ่มเลยละกัน... ไม่รู้ว่าเริ่มเป็นซึมเศร้าตั้งแต่เมื่อไหร่ อาจจะเริ่มเป็นตั้งแต่เด็กเลยมั้ง ไม่รู้ว่าการที่มีอะไรมากระทบจิตใจซ้ำๆร้องไห้ซ้ำๆ เสียใจกับเรื่องเดิมๆมันจะเป็นซึมเศร้ารึเปล่า พอเวลาผ่านไป อาการที่ชอบนอนร้องไห้ก็เริ่มหายไป เราใช้ชีวิตได้ปกติมาก จนกระทั่งเมื่อ2ปีที่แล้ว อาการมันเหมือนจะเริ่มกลับมา แต่ที่หนักๆเลยก็เมื่อปีที่แล้ว เรามีกลุ่มเพื่อนที่เล่นด้วยกันไปไหนก็ไปด้วยกันแต่จะมีเพื่อนที่คิดตัวเองสนิทที่สุด1คน แล้ววันนึงเพื่อนสนิทคนนี้เริ่มเปลี่ยนไป จากที่เราตัวติดกันไปไหนก็ไปด้วยกัน มีอะไรก็เล่าบ้าง เขาก็เริ่มทำตัวออกห่างจากเรา อาจจะเป็นเรื่องงานกลุ่มด้วยมั้ง เขาก็ไปสนิทกับเพื่อนอีกกลุ่มนึง จนเรารู้สึกว่าเขาไม่อยากมีเราเป็นเพื่อน เมื่อตอนจะแยกกันไปฝึกงาน ก็มีการจัดงานเลี้ยง เขาก็ไม่เอ่ยผากชวนเราสักคำเลย แต่เพื่อนในกลุ่มอีกคนก็ชวน นั่นนี่ คุยกันเป็นสัปดาห์ เราก็อยากจะไปแต่มันไม่มีใครพูดด้วยเลยรู้สึกว่า อยู่คนเดียวดีกว่า แล้วพอก่อนวันงานเริ่ม1วัน เพื่อนที่เราสนิททักแชทมาถามว่า มีชุดรึยัง จะไปไหม เราบอกไม่มีชุด เพื่อนบอกงั้นยืมรถขับไปดูที่ร้านไหม เราก็เลยพูดไปว่า ไม่มีรถไป ไปด้วยได้ไหม เพื่อนบอกมีเพื่อนไปด้วยแล้ว เราเลยตอบไปว่า ไม่ไปหรอกไม่มีชุด วันนั้นเรานอนร้องไห้ทั้งวันเลย แล้ววันงาน ตอนเย็นเพื่อนๆนัดกันไปเลี้ยงฉลองต่อ เราก็อยากจะไป แต่ด้วยความไม่มีรถ ทักหาเพื่อนก็ไม่มีใครอยากจะมารับ เราก็ได้แต่เลื่อนเฟซแล้วดูสตอรี่เพื่อน นอนร้องไห้วนไป จนมาถึงตอนนี้เราก็ยังไม่กล้าที่จะถามเพื่อนคนนั้นว่าเขาโกรธเขาเกลียดอะไรเรารึเปล่า พอเวลาผ่านไปเราก็แยกย้ายกันไปฝึกงาน หน่วยกิตสุดท้ายก่อนจบ เราก็ไม่ได้คุยกับใครเลย เพื่อนสักคนไม่ได้คุยกับใครเลย แล้วตอนที่เริ่มฝึกงานก็เริ่มมีอาการท้อแท้กับชีวิต เหมือนไม่มีใคร ร้องไห้ทุกวัน จนตอนนี้ก็ยังรู้สึกแบบนั้น แล้วทุกคนคะ คำถามที่อยากจะถามในตอนนี้คือ อยากจะถามว่า เวลาท้อแท้ทุกข์ใจหรือเสียใจอะไร เคยสร้างบุคคลสมมติขึ้นมารึเปล่า เหมือนเราสร้างอีกคนนึงขึ้นมาแล้วเราก็เล่าเรื่องราวที่เราไม่สบายใจออกไป คล้ายๆว่าคุยกับตัวเอง เราเคยสร้างบุคคลสมมติขึ้นมาตั้งแต่ ปี1 ก็รู้สึกดีนะเหมือนได้ระบายให้ใครสักคนฟัง แต่ความจริงก็มีแค่ตัวเองเท่านั้นที่รู้ เอ่อ อีกเรื่องนะคะ เคยอยากจะไปพบแพทย์อยู่แต่ก็แบบ เรารู้สึกเหนื่อยมากๆเราก็นอนร้องไห้สร้างบุคคลสมมติขึ้นมา พอเช้ามาอาการเศร้านั้นก็หาย จนไม่รหุ้จะไปพบแพทย์ทำไม หลายครั้งที่นอนคิด ถ้าตายไปอะไรๆจะเปผ้นยังไง ก็เอาแต่คิดๆๆ จมปลักอยู่แบบนั่น หลายคนบอก ถ้าคิดแล้วเครียดปล้วจะคิดทำไม เอาจริงๆไม่ได้อยากจะคิดหรอก แต่ห้ามความคิดตัวเองไม่ได้ พ่อเสียแล้วนะคะ ส่วนแม่ก็แยกทางกับพ่อตั้งแต่ยังเด็ก มีลุงกับป้าคอยส่งเสีย
คำตอบที่ได้รับเลือกจากเจ้าของกระทู้
ความคิดเห็นที่ 1
อยู่อย่างไรคะ กับแม่หรือเปล่า หรืออยู่เอง หรืออยู่กับลุงและป้า จขกท โชคดีนะคะ ที่มีลุงกับป้าช่วยส่งเสียให้เรียน จากที่เล่า คนสามคนนี้ นับเป็นคนสามคนที่มีค่ากับ จขกท มากที่สุด ในอีกสิบปีข้างหน้า ท่านจะแก่ตัวลง เพราะฉะนั้น ในเวลานี้ เพื่อนและสังคม ไม่ใช่สิ่งที่ จขกท ต้องเอาใจใส่ ถอยตัวออกจากตัวเอง แล้วมองดูตัวเองค่ะ ว่ากำลังคิดและทำอะไรอยู่ มันสร้างสรรค์ หรือเป้นเหตุที่จะทำให้เกิดผลดีต่อตนเองหรือไม่ ว่าด้วยเรื่องใจและการกระทำของคนอื่น มันเป็นของคนอื่น เขาหรือเธอเป็นอย่างไร คิดอะไร เรื่องของเขา นี้รวมถึงในส่วนที่เขาหรือเธอคิดกับเรา ไม่ใช่เรื่องสำคัญที่จะต้องพยายามหาว่าทำไม เพราะอะไร เอาแค่ว่า หากมาดี ก็ดี หากมาไม่ดี ก็แค่รู้ แล้วปล่อยไป มั่นใจในตนเองให้มาก ๆ อย่าให้คนที่เขามั่นใจตนเอง เอาความมั่นใจของเขา มาทำให้ตนเองมีปัญหาสุขภาพจิต

อีกสักพักก็แยกย้ายกันไปทำงาน เพื่อนยังมีอีกมากให้พิจารณาเลือกคบ ไม่ต้องมีมาก แต่มีดี

ในกรณีของ จขกท อาจมีเรื่องอดีตเข้ามาเกี่ยวข้อง ไม่น้อยและไม่เสียใจที่ไม่ได้อยู่กับครอบครัว คนเราเลือกเกิดไม่ได้ ชีวิตเป็นอย่างที่เป็น สำคัญกว่าคือจะอยู่และจะทำอย่างไรดีกับชีวิตที่มีอยู่ คนแทบทุกคนมีความเดียวดายในใจทั้งนั้น ลึกบ้างตื้นบ้าง มันคือธรรมชาติของชีวิตที่เกี่ยวข้องกับวิบากกรรมของแต่ละคน เกิดคนเดียว อยู่คนเดียว และจากโลกนี้ไปคนเดียว นี้คือความจริงที่ต้องเข้าใจและยอมรับ

ตั้งสติและตั้งหลักขึ้นมาค่ะ เป็นโรคหรือไม่จิตแพทย์เท่านั้นที่จะวินิจฉัยได้ แต่หมอและยาก็ช่วยได้เพียงส่วนหนึ่ง คนเรานี้เอง ที่จะต้องพึ่งตนเองและรักษาตนเองให้มาก

เป็นทัศนะหนึ่งเท่านั้นค่ะ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่