ตอนที่ 9.
ที่โรงพยาบาล...
ฝ้ายถูกส่งตัวเข้าห้องฉุกเฉินทันทีเพราะเธอมีอาการเสียเลือดมากและไม่ได้สติ ชีพจรก็เต้นอย่างอ่อนแรงราวกับว่าอีกไม่กี่นาทีเธอจะทิ้งทุกอย่างไว้เบื้องหลังแล้วจากไปอย่างไม่มีวันกลับ
ท่ามกลางความมืดมิดที่เย็นเยียบฝ้ายยืนหันซ้ายแลขวาสงสัยว่าบัดนี้ตนอยู่แห่งหนตำบลใด เหตุไฉนรอบกายจึงไร้วี่แววผู้คนมีแต่เพียงความมืดมิด
เธอก้มมองดูตัวเองก็ต้องแปลกใจหนักเข้าไปอีก เพราะความทรงจำล่าสุดเธอไม่ได้อยู่ในเสื้อผ้าอาภรณ์แบบนี้ เธอใส่เสื้อยืดสีชมพูเธอจำได้ แต่บัดนี้ร่างกายผอมเพรียวบอบบางกลับอยู่ในชุดผ้าฝ้ายสีขาว มันเป็นเสื้อคลุมผืนเดียวยาวจรดหัวเข่า
ในระหว่าที่ฝ้ายกำลังสับสนกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น จู่ๆก็มีใครคนหนึ่งปรากฏตัวขึ้นข้างหลังอย่างปัจจุบันทันด่วน
"พลอย!" ฝ้ายโพล่งขึ้นเมื่อเห็นว่าคนๆนั้นคือใคร ใช่แล้วบุคคลปริศนาคือพลอย คนรักที่เสียชีวิตไปแล้วของพระไม้นั่นเอง
"
มืงยังจำกูได้อยู่เหรอ อี่เพื่อนทรยศ!"
พลอยตวาดเสียงดังแล้วคว้าหมับเข้าที่ลำคอของฝ้ายทันที เธอเค้นบีบมันอย่างแรงดั่งหมายว่าจะให้หักหรือแหลกคามือ
"อึ่ก! อึ่ก! คร่อก!" ฝ้ายดิ้นรนต่อสู้สุดกำลัง พยายามแกะมือของพลอยออกแต่ไม่เป็นผล ทั้งที่รูปร่างของทั้งคู่ไม่ได้หนีกันนักแต่ฝ้ายกลับสู้แรงพลอยไม่ไหว มือนั้นบีบแน่นราวประแจเลื่อนที่ถูกเชื่อมไว้จนตายสนิทมิอาจขยับเข้าหรือคลายออก
"
มืงคงมีความสุขสินะ ที่จะได้ไม้ไปครอง" พลอยพล่ามต่อไปมือก็บีบเน้นแน่นเข้าทีละน้อย
จู่ๆ ร่างของฝ้ายก็กระตุกวูบอย่างแรงจนหลุดจากเงื้อมมือของพลอยออกมาได้ เธอกระเด็นถอยห่างจากจุดที่พลอยยืนอยู่เหมือนโดนอะไรสักอย่างลากไปอย่างแรง
"
ชีพจรล่ะ? เลือดได้รึยัง?"
เสียงปริศนาดังก้องกังวานสะท้อนกลับไปกลับมา พลอยมีสีหน้าตื่นตระหนกระคนขัดใจ
"
ไม่นะ มืงต้องไม่รอด กูจะเอาร่างของมืง กูจะกลับไปหาไม้" พลอยโพล่งขึ้นพลางพุ่งตัวเข้าหาฝ้ายอย่างรวดเร็ว
"
หนึ่ง! สอง! เคลียร์!!"
สิ้นเสียงร่างของฝ้ายก็กระตุกอย่างแรงอีกครั้ง ครั้งนี้มันรุนแรงมาก ฝ้ายลอยหายไปในความมืดออกห่างจากพลอยที่กำลังพุ่งตามเธอมา
"
ไม่นะ! กลับมาอี่ฝ้าย เอาร่างมืงมาให้กู อี่ฝ้าย ไม่! ม่ายยยยย!!" พลอยหวีดร้องอย่างสุดเสียงด้วยความเดือดดาล
กรี๊ดดดดดดดด!!.... ติ๊ด.. ติ๊ด.. ติ๊ด..
"ชีพจรกลับมาแล้วค่ะหมอ ความดันเลือดเริ่มคงที่ค่ะ" เสียงหนึ่งดังขึ้นข้างๆฝ้าย เธอรับรู้ได้ถึงความเจ็บปวดที่เอ่อล้นขึ้นมาทั่วสรรพางค์กาย รับรู้ถึงความเย็นยะเยือกของอากาศโดยรอบ แล้วความรู้สึกนั้นก็ค่อยๆเลือนหายไปทีละนิด
ติ๊ด..ติ๊ด..ตี๊ด..........................
บนผืนหญ้าอันอ่อนนุ่มที่สัมผัสได้จากฝ่าเท้าอันเปล่าเปลือย ลมเอื่อยๆที่พัดผ่านมากระทบผิวกาย แสงแดดอ่อนๆ ที่ส่องสว่างผ่านปุยเมฆสีขาว ฝ้ายพบว่าตนเองยืนอยู่กลางทุ่งกว้างไร้ขอบเขต
ห่างออกไปไม่ไกลนักมีลำธารเล็กๆตัดผ่าน ลำธารสายนั้นดูราวกับเขตแดนที่แบ่งทุ่งหญ้าออกเป็นสองฝั่ง ทุ่งหญ้าฝั่งที่ฝ้ายยืนอยู่เขียวชอุ่มมีแต่ต้นหญ้ามองไกลสุดลูกหูลูกตา แต่อีกฝั่งของลำธารกลับมีดอกไม้หลากสีบานสะพรั่ง มันช่างงดงามยิ่งนัก
ฝ้ายเดินไปที่ลำธารนั้นอย่างสนใจใคร่รู้ น้ำในลำธารไหลเอื่อยๆ มันใสจนมองเห็นข้างใต้ ฝ้ายทำท่าจะก้าวลงไปในลำธารหมายใจว่าถ้าน้ำไม่ลึกจนเกินไปเธอจะเดินข้ามไปดูทุ่งดอกไม้ฝั่งตรงข้ามนั้น
"อย่านะ! กลับมาเดี๋ยวนี้" เสียงทุ้มๆดังขึ้นด้านหลัง ฝ้ายตกใจหันกลับไปดูทันที
"ไม้!!" ชายผู้หนึ่งยืนจ้องมาที่เธอด้วยสายตาเป็นห่วง เขาส่ายหน้าน้อยๆแล้วเอ่ยขึ้น
"อย่าลงไปหนูฝ้าย มาหาลุงนี่"
"ลุง? หรือว่า" ฝ้ายยืนครุ่นคิดสักครู่ก็เอ่ยขึ้น
"ลุงเสา! ลุงเสาใช่มั๊ยคะ ถึงว่าทำไมไม้มีผมแล้วก็ดูแก่ลงนิดหน่อย แหะๆ" ฝ้ายเอ่ยขึ้นอย่างดีใจ ลุงเสายื่นมือมาทางฝ้ายเป็นเชิงให้จับ ฝ้ายก้าวเข้าไปหาแล้วจับมือนั้นไว้
ฉับพลัน รอบกายเธอก็หมุนคว้างอย่างรวดเร็ว ภาพทุกอย่างมันพร่าเบลอ แล้วก็หยุดกึก
เมื่อทุกอย่างนิ่งสนิทฝ้ายพบว่าตัวเธอและลุงเสายืนอยู่ใต้ต้นไม้ต้นใหญ่ที่มีใบหนาทึบ บริเวณกลางลำต้นเรื่อยลงมาจนถึงรากที่หยั่งลงในพื้นดินมีประตูขนาดใหญ่อยู่หนึ่งบาน
ข้างต้นไม้มีเก้าอี้ขนาดใหญ่ตั้งอยู่ ฝ้ายคิดว่าคนที่จะนั่งได้พอดีก็คงเป็นยักษ์วัดแจ้งนั่นแหละ เก้าอี้ตัวนั้นมีสีแดงแต่ก็ถูกประดับด้วยลายกนกสีทองสวยงาม บริเวณนั้นถูกรายล้อมไปด้วยต้นไม้น้อยใหญ่ดูร่มรื่นเย็นสบาย แม้กระนั้นกลับมีเพียงต้นไม้ที่อยู่ตรงหน้าเธอเท่านั้นที่มีประตู
"นี่ลุงเสามีกุญแจนำทางของแฮรี่ด้วยเหรอคะ แล้วนี่มันประตูอะไร เก้าอี้ก็ด้วยใหญ๊ใหญ่" ฝ้ายถามขึ้น ลุงเสาหันมามองเธอทำสีหน้าสงสัย ฝ้ายเมื่อเห็นดังนั้นก็พยายามอธิบายเต็มที่
"อะ เอ่อ แฮรี่อ่ะค่ะ แบบ..พ่อมด ยิงคาถาปิ้วๆจากไม้กายสิทธิ์ เอ่อ..สตูเปฟาย เอ่อ..ลอร์ดโวลเดอมอร์ เอ่อ...เฮ่อ! ช่างเถอะค่ะ"
ฝ้ายเอามือกุมขมับอย่างไร้หนทางที่จะอธิบายให้ลุงเสาเข้าใจ
"ลุงเสาไม่รู้จักหรอกค่ะ ก็ลุงเสาตะ.." ฝ้ายหยุดกึกทันทีเมื่อคิดอะไรขึ้นมาได้
"ผี! ลุงเสาตายแล้วนี่!" ฝ้ายร้องดังลั่นถอยห่างจากลุงเสานั้นทันที เมื่อเห็นอากัปกิริยาของสาวน้อยเขาก็หัวเราะออกมาด้วยความขบขัน
"ฮ่ะๆ ใช่ลุงตายแล้ว และถ้าหนูฝ้ายข้ามลำธารนั้นไป หนูเองก็จะตายเหมือนกัน" เขาบอกและยังคงหัวเราะขบขันกับท่าทีของฝ้าย
"ห๊ะ! เดี๋ยวนะคะ ก็ลุงเสาตายแล้ว แต่ตอนนี้หนูยืนคุยกับลุงอยู่ นี่ฝันเหรอคะ งั้นหนูขอสามตัวค่ะลุง หนูจะเอาตังค์ไปศัลยกรรม" ฝ้ายพูดเป็นชุด ลุงเสาเมื่อได้ยินดังนั้นก็หัวเราะส่ายหน้าน้อยๆเป็นเชิงปฏิเสธ
"ง่า....ลุงเสาอ่ะขี้งก!" ฝ้ายบ่นอุบพลางค้อนใส่
"ที่ลุงส่ายหน้าเนี่ย เพราะนี่ไม่ใช่ความฝัน" ลุงเสาบอกยิ้มๆ
"มะ ไม่ใช่ความฝัน! งั้นหนูก็ตายแล้วน่ะสิ โฮ....หนูยังไม่อยากตายหนูอยากไปเกาหลี หนูอยากไปเจอโอปป้ากงยู...." ฝ้ายร้องไห้งอแงราวกับเด็กๆ ลุงเสายิ้มน้อยๆแล้วเดิมเข้ามาเอามือวางลงบนศรีษะฝ้าย ลูบอย่างเอ็นดู
"แต่ถ้าหนูเดินข้ามลำธารนั้น" ลุงเสาชี้มือข้ามไหล่ฝ้ายไป เธอหันกลับไปมองก็เห็นลำธารเล็กๆที่ตัดแบ่งทุ่งหญ้าออกเป็นสองฝั่งอยู่ไกลๆ
"หนูจะไม่ได้กลับไปสู่โลกมนุษย์อีกเลย" จู่เสียงลุงเสาก็เปลี่ยนไป เขาพูดด้วยเสียงที่ฟังดูเย็นชา
"ลุงจะส่งหนูกลับไปเพราะยังไม่ถึงเวลาที่หนูจะมาที่นี่" ลุงเสากล่าวต่อ
"แล้วเอ่อ....ลุงทำได้ด้วยเหรอคะ" ฝ้ายถามกลับอย่างสงสัย
"ได้สิ" ลุงเสาตอบเพียงสั้นๆ
ฉับพลันร่างของลุงเสาก็มีไฟลุกท่วม เปลวไฟนั้นสีแดงชาดร้อนแรง ฝ้ายถอยหลังกรูดเพราะความตกใจ เธอหลี่ตามองเนื่องจากไอความร้อนที่แผ่ออกมา เพียงครู่เดียวเปลวไฟนั้นก็ค่อยๆลดความร้อนลงทีละน้อย แล้วก็จางหายไป
เมื่อฝ้ายได้เห็นสิ่งที่อยู่ตรงหน้าแบบเต็มตา เธอก็ต้องตกตะลึงตัวแข็ง
ร่างของลุงเสาที่เมื่อครู่ยังมีขนาดเท่าคนธรรมดา บัดนี้กลับขยายใหญ่จนตัวสูงเกือบเท่าต้นไม้ต้นนั้น ทั่วร่างของลุงเสาถูกอาบไปด้วยสีแดงเข้ม มีรอยเป็นเส้นๆลักษณะคล้ายรอยร้าวของแก้วที่ตกพื้นปรากฏให้เห็นทั่วทั้งร่างกายนั้น รอยร้าวที่ว่าจะมีประกายไฟแลบออกมาเป็นระยะ
ใบหน้าของลุงเสาเปลี่ยนไป จากชายหน้าตาใจดีกลับกลายเป็นยักษ์ที่ดูน่ากลัว ดวงตาคู่นั้นไม่มีตาดำมันเป็นสีแดงเรื่อดุจโลหิตสดๆ ร่างของลุงเสานั่งลงบนเก้าอี้ตัวยักษ์ยืดตัวตรงท่าทางน่าเกรงขาม
"
ลุงมีหน้าที่เฝ้าประตูนี้ เมื่อหนูเดินผ่านเข้าไปก็จะกลับสู่โลกมนุษย์ได้ แต่ก่อนไปลุงจะให้ของบางอย่างติดตัวหนูไว้" เสียงนั้นก้องกังวานสะท้อนไปตามแนวแมกไม้
เมื่อสิ้นคำพูดของลุงเสา ฝ้ายรู้สึกเจ็บแปลบคล้ายถูกไฟลวกที่บริเวณข้อมือข้างขวา เธอยกแขนขึ้นดูก็เห็นว่ามีรอยสีแดงจางๆปรากฏขึ้น รอยนั้นมีรูปร่างเหมือนเครื่องหมายสวัสดิกะ สักพักเครื่องหมายนั้นก็ค่อยๆจางหายไป
"
มันจะช่วยคุ้มครองหนูเมื่อเกิดอันตรายขึ้นจากน้ำมือวิญญาณบาปตนนั้น" ลุงเสากล่าว
(มีต่อครับ)
ผมจะบวช 9. วิญญาณบาป
ที่โรงพยาบาล...
ฝ้ายถูกส่งตัวเข้าห้องฉุกเฉินทันทีเพราะเธอมีอาการเสียเลือดมากและไม่ได้สติ ชีพจรก็เต้นอย่างอ่อนแรงราวกับว่าอีกไม่กี่นาทีเธอจะทิ้งทุกอย่างไว้เบื้องหลังแล้วจากไปอย่างไม่มีวันกลับ
ท่ามกลางความมืดมิดที่เย็นเยียบฝ้ายยืนหันซ้ายแลขวาสงสัยว่าบัดนี้ตนอยู่แห่งหนตำบลใด เหตุไฉนรอบกายจึงไร้วี่แววผู้คนมีแต่เพียงความมืดมิด
เธอก้มมองดูตัวเองก็ต้องแปลกใจหนักเข้าไปอีก เพราะความทรงจำล่าสุดเธอไม่ได้อยู่ในเสื้อผ้าอาภรณ์แบบนี้ เธอใส่เสื้อยืดสีชมพูเธอจำได้ แต่บัดนี้ร่างกายผอมเพรียวบอบบางกลับอยู่ในชุดผ้าฝ้ายสีขาว มันเป็นเสื้อคลุมผืนเดียวยาวจรดหัวเข่า
ในระหว่าที่ฝ้ายกำลังสับสนกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น จู่ๆก็มีใครคนหนึ่งปรากฏตัวขึ้นข้างหลังอย่างปัจจุบันทันด่วน
"พลอย!" ฝ้ายโพล่งขึ้นเมื่อเห็นว่าคนๆนั้นคือใคร ใช่แล้วบุคคลปริศนาคือพลอย คนรักที่เสียชีวิตไปแล้วของพระไม้นั่นเอง
"มืงยังจำกูได้อยู่เหรอ อี่เพื่อนทรยศ!"
พลอยตวาดเสียงดังแล้วคว้าหมับเข้าที่ลำคอของฝ้ายทันที เธอเค้นบีบมันอย่างแรงดั่งหมายว่าจะให้หักหรือแหลกคามือ
"อึ่ก! อึ่ก! คร่อก!" ฝ้ายดิ้นรนต่อสู้สุดกำลัง พยายามแกะมือของพลอยออกแต่ไม่เป็นผล ทั้งที่รูปร่างของทั้งคู่ไม่ได้หนีกันนักแต่ฝ้ายกลับสู้แรงพลอยไม่ไหว มือนั้นบีบแน่นราวประแจเลื่อนที่ถูกเชื่อมไว้จนตายสนิทมิอาจขยับเข้าหรือคลายออก
"มืงคงมีความสุขสินะ ที่จะได้ไม้ไปครอง" พลอยพล่ามต่อไปมือก็บีบเน้นแน่นเข้าทีละน้อย
จู่ๆ ร่างของฝ้ายก็กระตุกวูบอย่างแรงจนหลุดจากเงื้อมมือของพลอยออกมาได้ เธอกระเด็นถอยห่างจากจุดที่พลอยยืนอยู่เหมือนโดนอะไรสักอย่างลากไปอย่างแรง
"ชีพจรล่ะ? เลือดได้รึยัง?"
เสียงปริศนาดังก้องกังวานสะท้อนกลับไปกลับมา พลอยมีสีหน้าตื่นตระหนกระคนขัดใจ
"ไม่นะ มืงต้องไม่รอด กูจะเอาร่างของมืง กูจะกลับไปหาไม้" พลอยโพล่งขึ้นพลางพุ่งตัวเข้าหาฝ้ายอย่างรวดเร็ว
" หนึ่ง! สอง! เคลียร์!!"
สิ้นเสียงร่างของฝ้ายก็กระตุกอย่างแรงอีกครั้ง ครั้งนี้มันรุนแรงมาก ฝ้ายลอยหายไปในความมืดออกห่างจากพลอยที่กำลังพุ่งตามเธอมา
"ไม่นะ! กลับมาอี่ฝ้าย เอาร่างมืงมาให้กู อี่ฝ้าย ไม่! ม่ายยยยย!!" พลอยหวีดร้องอย่างสุดเสียงด้วยความเดือดดาล
กรี๊ดดดดดดดด!!.... ติ๊ด.. ติ๊ด.. ติ๊ด..
"ชีพจรกลับมาแล้วค่ะหมอ ความดันเลือดเริ่มคงที่ค่ะ" เสียงหนึ่งดังขึ้นข้างๆฝ้าย เธอรับรู้ได้ถึงความเจ็บปวดที่เอ่อล้นขึ้นมาทั่วสรรพางค์กาย รับรู้ถึงความเย็นยะเยือกของอากาศโดยรอบ แล้วความรู้สึกนั้นก็ค่อยๆเลือนหายไปทีละนิด
ติ๊ด..ติ๊ด..ตี๊ด..........................
บนผืนหญ้าอันอ่อนนุ่มที่สัมผัสได้จากฝ่าเท้าอันเปล่าเปลือย ลมเอื่อยๆที่พัดผ่านมากระทบผิวกาย แสงแดดอ่อนๆ ที่ส่องสว่างผ่านปุยเมฆสีขาว ฝ้ายพบว่าตนเองยืนอยู่กลางทุ่งกว้างไร้ขอบเขต
ห่างออกไปไม่ไกลนักมีลำธารเล็กๆตัดผ่าน ลำธารสายนั้นดูราวกับเขตแดนที่แบ่งทุ่งหญ้าออกเป็นสองฝั่ง ทุ่งหญ้าฝั่งที่ฝ้ายยืนอยู่เขียวชอุ่มมีแต่ต้นหญ้ามองไกลสุดลูกหูลูกตา แต่อีกฝั่งของลำธารกลับมีดอกไม้หลากสีบานสะพรั่ง มันช่างงดงามยิ่งนัก
ฝ้ายเดินไปที่ลำธารนั้นอย่างสนใจใคร่รู้ น้ำในลำธารไหลเอื่อยๆ มันใสจนมองเห็นข้างใต้ ฝ้ายทำท่าจะก้าวลงไปในลำธารหมายใจว่าถ้าน้ำไม่ลึกจนเกินไปเธอจะเดินข้ามไปดูทุ่งดอกไม้ฝั่งตรงข้ามนั้น
"อย่านะ! กลับมาเดี๋ยวนี้" เสียงทุ้มๆดังขึ้นด้านหลัง ฝ้ายตกใจหันกลับไปดูทันที
"ไม้!!" ชายผู้หนึ่งยืนจ้องมาที่เธอด้วยสายตาเป็นห่วง เขาส่ายหน้าน้อยๆแล้วเอ่ยขึ้น
"อย่าลงไปหนูฝ้าย มาหาลุงนี่"
"ลุง? หรือว่า" ฝ้ายยืนครุ่นคิดสักครู่ก็เอ่ยขึ้น
"ลุงเสา! ลุงเสาใช่มั๊ยคะ ถึงว่าทำไมไม้มีผมแล้วก็ดูแก่ลงนิดหน่อย แหะๆ" ฝ้ายเอ่ยขึ้นอย่างดีใจ ลุงเสายื่นมือมาทางฝ้ายเป็นเชิงให้จับ ฝ้ายก้าวเข้าไปหาแล้วจับมือนั้นไว้
ฉับพลัน รอบกายเธอก็หมุนคว้างอย่างรวดเร็ว ภาพทุกอย่างมันพร่าเบลอ แล้วก็หยุดกึก
เมื่อทุกอย่างนิ่งสนิทฝ้ายพบว่าตัวเธอและลุงเสายืนอยู่ใต้ต้นไม้ต้นใหญ่ที่มีใบหนาทึบ บริเวณกลางลำต้นเรื่อยลงมาจนถึงรากที่หยั่งลงในพื้นดินมีประตูขนาดใหญ่อยู่หนึ่งบาน
ข้างต้นไม้มีเก้าอี้ขนาดใหญ่ตั้งอยู่ ฝ้ายคิดว่าคนที่จะนั่งได้พอดีก็คงเป็นยักษ์วัดแจ้งนั่นแหละ เก้าอี้ตัวนั้นมีสีแดงแต่ก็ถูกประดับด้วยลายกนกสีทองสวยงาม บริเวณนั้นถูกรายล้อมไปด้วยต้นไม้น้อยใหญ่ดูร่มรื่นเย็นสบาย แม้กระนั้นกลับมีเพียงต้นไม้ที่อยู่ตรงหน้าเธอเท่านั้นที่มีประตู
"นี่ลุงเสามีกุญแจนำทางของแฮรี่ด้วยเหรอคะ แล้วนี่มันประตูอะไร เก้าอี้ก็ด้วยใหญ๊ใหญ่" ฝ้ายถามขึ้น ลุงเสาหันมามองเธอทำสีหน้าสงสัย ฝ้ายเมื่อเห็นดังนั้นก็พยายามอธิบายเต็มที่
"อะ เอ่อ แฮรี่อ่ะค่ะ แบบ..พ่อมด ยิงคาถาปิ้วๆจากไม้กายสิทธิ์ เอ่อ..สตูเปฟาย เอ่อ..ลอร์ดโวลเดอมอร์ เอ่อ...เฮ่อ! ช่างเถอะค่ะ"
ฝ้ายเอามือกุมขมับอย่างไร้หนทางที่จะอธิบายให้ลุงเสาเข้าใจ
"ลุงเสาไม่รู้จักหรอกค่ะ ก็ลุงเสาตะ.." ฝ้ายหยุดกึกทันทีเมื่อคิดอะไรขึ้นมาได้
"ผี! ลุงเสาตายแล้วนี่!" ฝ้ายร้องดังลั่นถอยห่างจากลุงเสานั้นทันที เมื่อเห็นอากัปกิริยาของสาวน้อยเขาก็หัวเราะออกมาด้วยความขบขัน
"ฮ่ะๆ ใช่ลุงตายแล้ว และถ้าหนูฝ้ายข้ามลำธารนั้นไป หนูเองก็จะตายเหมือนกัน" เขาบอกและยังคงหัวเราะขบขันกับท่าทีของฝ้าย
"ห๊ะ! เดี๋ยวนะคะ ก็ลุงเสาตายแล้ว แต่ตอนนี้หนูยืนคุยกับลุงอยู่ นี่ฝันเหรอคะ งั้นหนูขอสามตัวค่ะลุง หนูจะเอาตังค์ไปศัลยกรรม" ฝ้ายพูดเป็นชุด ลุงเสาเมื่อได้ยินดังนั้นก็หัวเราะส่ายหน้าน้อยๆเป็นเชิงปฏิเสธ
"ง่า....ลุงเสาอ่ะขี้งก!" ฝ้ายบ่นอุบพลางค้อนใส่
"ที่ลุงส่ายหน้าเนี่ย เพราะนี่ไม่ใช่ความฝัน" ลุงเสาบอกยิ้มๆ
"มะ ไม่ใช่ความฝัน! งั้นหนูก็ตายแล้วน่ะสิ โฮ....หนูยังไม่อยากตายหนูอยากไปเกาหลี หนูอยากไปเจอโอปป้ากงยู...." ฝ้ายร้องไห้งอแงราวกับเด็กๆ ลุงเสายิ้มน้อยๆแล้วเดิมเข้ามาเอามือวางลงบนศรีษะฝ้าย ลูบอย่างเอ็นดู
"แต่ถ้าหนูเดินข้ามลำธารนั้น" ลุงเสาชี้มือข้ามไหล่ฝ้ายไป เธอหันกลับไปมองก็เห็นลำธารเล็กๆที่ตัดแบ่งทุ่งหญ้าออกเป็นสองฝั่งอยู่ไกลๆ
"หนูจะไม่ได้กลับไปสู่โลกมนุษย์อีกเลย" จู่เสียงลุงเสาก็เปลี่ยนไป เขาพูดด้วยเสียงที่ฟังดูเย็นชา
"ลุงจะส่งหนูกลับไปเพราะยังไม่ถึงเวลาที่หนูจะมาที่นี่" ลุงเสากล่าวต่อ
"แล้วเอ่อ....ลุงทำได้ด้วยเหรอคะ" ฝ้ายถามกลับอย่างสงสัย
"ได้สิ" ลุงเสาตอบเพียงสั้นๆ
ฉับพลันร่างของลุงเสาก็มีไฟลุกท่วม เปลวไฟนั้นสีแดงชาดร้อนแรง ฝ้ายถอยหลังกรูดเพราะความตกใจ เธอหลี่ตามองเนื่องจากไอความร้อนที่แผ่ออกมา เพียงครู่เดียวเปลวไฟนั้นก็ค่อยๆลดความร้อนลงทีละน้อย แล้วก็จางหายไป
เมื่อฝ้ายได้เห็นสิ่งที่อยู่ตรงหน้าแบบเต็มตา เธอก็ต้องตกตะลึงตัวแข็ง
ร่างของลุงเสาที่เมื่อครู่ยังมีขนาดเท่าคนธรรมดา บัดนี้กลับขยายใหญ่จนตัวสูงเกือบเท่าต้นไม้ต้นนั้น ทั่วร่างของลุงเสาถูกอาบไปด้วยสีแดงเข้ม มีรอยเป็นเส้นๆลักษณะคล้ายรอยร้าวของแก้วที่ตกพื้นปรากฏให้เห็นทั่วทั้งร่างกายนั้น รอยร้าวที่ว่าจะมีประกายไฟแลบออกมาเป็นระยะ
ใบหน้าของลุงเสาเปลี่ยนไป จากชายหน้าตาใจดีกลับกลายเป็นยักษ์ที่ดูน่ากลัว ดวงตาคู่นั้นไม่มีตาดำมันเป็นสีแดงเรื่อดุจโลหิตสดๆ ร่างของลุงเสานั่งลงบนเก้าอี้ตัวยักษ์ยืดตัวตรงท่าทางน่าเกรงขาม
"ลุงมีหน้าที่เฝ้าประตูนี้ เมื่อหนูเดินผ่านเข้าไปก็จะกลับสู่โลกมนุษย์ได้ แต่ก่อนไปลุงจะให้ของบางอย่างติดตัวหนูไว้" เสียงนั้นก้องกังวานสะท้อนไปตามแนวแมกไม้
เมื่อสิ้นคำพูดของลุงเสา ฝ้ายรู้สึกเจ็บแปลบคล้ายถูกไฟลวกที่บริเวณข้อมือข้างขวา เธอยกแขนขึ้นดูก็เห็นว่ามีรอยสีแดงจางๆปรากฏขึ้น รอยนั้นมีรูปร่างเหมือนเครื่องหมายสวัสดิกะ สักพักเครื่องหมายนั้นก็ค่อยๆจางหายไป
"มันจะช่วยคุ้มครองหนูเมื่อเกิดอันตรายขึ้นจากน้ำมือวิญญาณบาปตนนั้น" ลุงเสากล่าว
(มีต่อครับ)