ถุงมือเรื่องสั้น สัปดาห์ที่ 2 เรื่องที่ 2 ครับ (และอาจเป็นถุงมือสุดท้าย กระทู้สุดท้ายสำหรับเกมถุงมือซีซั่นสุดท้ายนี้ด้วยครับ)....
เรื่องนี้แนว HORROR คือ สยองขวัญ สั่นประสาท
คนขี้กลัว ขวัญอ่อน ไม่ควรอ่านคนเดียว โดยเฉพาะตอนกลางคืน
หรือ ถ้าอยากจะอ่าน ต้องไปอาบน้ำเสียก่อน !!
สำหรับผู้นิยมเสพความหลอนอยู่แล้ว น่าจะสนุกกับการอ่านครับ
สมศักดิ์ เป็นคนหัวรั้นขั้นสุด ไม่เชื่ออะไรง่าย ๆ
เหตุผลเท่านั้น ที่เขาจะยึดถือไว้เป็นสรณะ
และ มันต้องเป็นเหตุเป็นผล ทางวิทยาศาสตร์ ที่สามารถอธิบายได้ เท่านั้น
ดังนั้น เรื่องแปลก ประหลาด เหนือธรรมชาติ น้อยนัก ที่เขาจะยอมเชื่อ
เคยมีคนถามเขาว่า ระหว่าง เอเลี่ยน กับ ผี คิดว่า อันไหน น่าเชื่อว่ามีจริง
สมศักดิ์ตอบ "มันก้อ ฟังดูเหลวไหล พอกันนะ
แต่ว่า เอเลี่ยน ฟังแล้ว เข้าใกล้คำว่า วิทยาศาสตร์ มากกว่า
เพราะตรรกะ ที่ว่า ในเอกภพ มีจำนวนดาว นับไม่ถ้วน
จึงเป็นไปได้ ว่า จะมีสิ่งมีชีวิต บนดาวอื่นบ้าง
เคยมีคนเปรียบเรื่องนี้ว่า เหมือนชาวนา กำเมล็ดข้าวไว้ในมือ กำหนึ่ง
แล้ว หว่านกระจายไป ในทุ่งนา
มันเป็นไปไม่ได้ ที่จะมีต้นข้าว เกิดขึ้นเพียงต้นเดียว
เพราะงั้น ข้าเลือกข้างเอเลี่ยนว่ะ ว่าอาจจะมีจริง
ส่วนผี มันหาตรรกะ ที่น่าเชื่อถือ ไม่ได้ ไม่มีหร็อก เหลวไหล"
นั่นคือ คำตอบ และเหตุผลชี้แจงของสมศักดิ์
"แสดงว่า เอ็งไม่กลัวผี งั้นดิ" สมเกียรติ เพื่อนสมศักดิ์ ลองถาม
"แอบ โซ ลู้ท ลี่" สมศักดิ์ โชว์สกิลภาษาฝรั่งขั้นเทพ ตอบสมเกียรติ
บังเอิญ ในวงสนทนา มีเพื่อนอีกคน ชื่อ อัลบารี
อัลบารี มาจากซาอุ อยู่เมืองไทยมานานจนพูดไทยได้คล่อง
เพื่อนๆ โดยมากไม่เรียกชื่อเขา เพราะออกเสียงยาก เลยเรียกกันว่า "ไอ้บัง"
อัลบารี พูดแย้งสมศักดิ์ หลังจากสมศักดิ์ตอบคำถามของสมเกียรติ
"เดี๋ยวก่อน สมศักดิ์ นายอ่ะ อย่าเพิ่งมั่นใจเกินไปนัก"
"ทำไมวะ ไอ้บัง คิดว่าผีมีจริงเหรอ" สมศักดิ์ หันขวับมาถามทันที
"โอ มีแน่นอน" อัลบารีตอบทันทีเหมือนกัน
"แขกอย่างนาย กลัวผีด้วยหรือวะ"
"อีนี่อย่าพูดอย่างนั้น" อัลบารีพูดแล้วหน้าบึ้ง
"คำว่า แขก ถือว่าเป็นคำ
บูลลี่ น่ะ ชาวอาหรับหลายคนไม่ชอบใจสิ่งนี้"
สมศักดิ์หัวเราะก๊ากกับสีหน้าท่าทางปั้นปึ่งของอัลบารี
"โทษทีว่ะ งั้นถามใหม่ คนอาหรับ เชื่อเรื่องผีด้วยเหรอ"
"มีคนเชื่อมากหลายอยู่ แต่เขาไม่เรียกว่า โกสต์ หรือผี อย่างคนไทย"
"อ้าวแล้วเรียกว่าไร ถ้าไม่เรียกว่าผี"
"เขาเรียกกันว่า
ญิน มีสองแบบด้วยน่ะ คือ ญินขาว กับญินดำ"
"เหรอออออ" สมศักดิ์ถาม ลากเสียงยาว "ชื่อยังกับเหล้าฝรั่ง"
"อีนี่ไม่เชื่ออย่าลบหลู่โว้ย" อัลบารีเริ่มฉุน "นาย อยากเจอมั้ยล่ะ เราจะพานายไป"
"อยากเซ่" สมศักดิ์รับคำท้า "แต่ว่า ไปไหนวะ"
"มีบ้านร้างหลังนึง แถวชานเมือง เจ้าของบ้านเป็นมุสลิม ตายไปหลายปีแล้ว"
"อ๊ะ งั้นก็ต้องมีรายการ ล่าท้าผี กันหน่อยละงานนี้" สมศักดิ์พูดอย่างไม่กริ่งเกรง
"เขาเป็นอะไรตาย ไอ้บัง" สมเกียรติถาม
"ยิงตัวตายว่ะ" อัลบารีตอบแล้วพูดคำภาษาอาหรับงึมงำๆ
"ยังไม่ทันไปเลย เริ่มสวดมนต์หาพระเจ้าแล้ว" สมศักดิ์แซว
อัลบารีหน้าบึ้ง ยื่นนิ้วกลางให้ แล้วถาม "นายกล้าไปใช่มั้ย"
"เออสิวะ ไมจะไม่กล้า ไปคืนนี้เลยยังได้"
"ได้ อีนี่เดี๋ยวจัดให้"
"เฮ้ยๆ เอาจริงดิ" สมเกียรติถาม หน้าตาดูเหวอๆ เพราะเขาเชื่ออยู่เหมือนกัน
"จริงสิวะไอ้เกียด รึว่าเอ็งป๊อด" สมศักดิ์ถาม "ถ้าเอ็งป๊อด ข้ากับไอ้บังไปกันสองคนก็ได้"
"เฮ้ย มันต้องสาม คำโบราณว่า คนเดียว หัวหาย สองคน เพื่อนตาย แต่สามคน กลับบ้านได้นะโว้ย"
"คนไทยก็เชื่ออะไรแปลกๆ เหมือนกันนา" อัลบารีวิจารณ์
"ตกลง ไปด้วยกันสามคน คืนนี้ เวลาเที่ยงคืน"
"ได้เลย ตกลง ข้าจะขับรถไปรับไอ้บังเองแล้วค่อยไปหาเอ็งอีกที" สมศักดิ์นัดแนะ
"ต้องตรงเวลานะโว้ย ห้ามทำแบบ นัดไทย เสียนิสัย
ถ้าเลยเที่ยงคืนไปแม้นาทีเดียว พวกนายยังไปไม่ถึงบ้าน เราจะเข้านอนเลยนะ ห้ามเคาะประตู หรือโทรเรียก"
"เออน่า แล้วเจอกัน เที่ยงคืน"
.............................................
เที่ยงคืนเศษๆ สามสหายเดินทางมาถึงหน้าบ้านร้างย่านชานเมืองแห่งหนึ่งตามที่นัดหมาย
สมศักดิ์เป็นคนขับรถญี่ปุ่นยี่ห้อดัง สีแดงแจ๊ด
พอมาถึง ก็จอดรถหน้าบ้านซึ่งรกครึ้มด้วยพืชพันธุ์ต่างๆ
บรรยากาศก็วังเวง และเป็นคืนพระจันทร์เต็มดวงแบบ "ซูเปอร์มูน" เสียด้วย
สามหนุ่มสามมุม ออกมาจากรถ
อัลบารีมองตัวบ้านซึ่งเก่าทรุดโทรมดูน่าระแวง แล้วทำปากขมุบขมิบ สวดมนต์เบาๆ
"บิสมิลลาห์ เฮียรรัคมานีราฮีมม....อัล...ฯลฯ"
สมศักดิ์มองอัลบารีแล้วส่ายหัว แอบขำ
เมื่อสวมมนต์จบ อัลบารีบอกกับเพื่อนคนไทยสองคน
"นายสองคน เข้าไปก่อน เราจะรออยู่ข้างนอกนี่
ถ้ามีอะไรผิดปกติเกิดขึ้น วิทยุเรียกเรา เราจะเข้าไปหาทันที เอ้านี่ วิทยุสื่อสาร"
อัลบารีแจกวิทยุแบบวอลกี้ทอลกี้ให้สมศักดิ์และสมเกียรติ
ขณะที่สมเกียรติจะเดินไปด้วยกัน สมศักดิ์กลับห้าม
"เฮ้ย เอ็งไม่ต้องไปกับข้าก็ด้าย ขอข้า ลุยเดี่ยวดู
มันจะมีอะไรว้า นอกจากบ้า่นเก่าๆ ผุๆ เอ็งรออยู่ข้างนอกกับไอ้บังนี่แหละ"
"เฮ้ย มันจะดีเร้อ" สมเกียรติทำหน้าแหยงๆ ผวาแทนเพื่อน
"เอาน่า ปอดแหกไปได้ อะไรนักหนาวะ คอยดู ข้าจะสำรวจให้ทั่วเลย
จะถ่ายคลิปมาให้พวกเอ็งดูด้วย คอยดูสิมันไม่มีอะไรหรอก"
"เอางั้นจริงเรอะ" สมเกียรติถามย้ำ
"เอาจริงดิวะ ไปๆ เอ็งไปอยู่กับไอ้บังเลย ข้าจะเข้าไปละ" สมศักดิ์ยืนยัน
"ก็ได้วะ แต่มีอะไรเกิดขึ้น อย่าลืมวิทยุเรียกทันทีนา"
"ได้ๆ ไม่ลืมแน่ แต่มันไม่มีอะไร้ เชื่อซี่"
"เอา ตามใจเอ็งก่อนละกัน"
สมเกียรติจึงเดินกลับมาอยู่เป็นเพื่อนอัลบารี ปล่อยให้สมศักดิ์เดินผ่านประตูรั้วบ้านเข้าไปข้างใน
"โฮ่ง โฮ่ง บรู๋..."
สมเกียรติสะดุ้งเฮือกกับเสียงหมาหอน อัลบารีส่งสายตาล่อกแล่กมองไปทั่ว
แต่สมศักดิ์ไม่สะทกสะท้าน เดินตรงไปยังประตูบ้านซึ่งปิดอยู่
ลองบิดลูกบิดดู มันติด ล็อกไว้ ต้องใช้กุญแจ
"สงสัย ต้องใช้กุญแจผีเสียแล้ว" เขาพูดกับตัวเอง
แต่พอพูดจบ เขาได้ยินเสียงดัง
กริ๊ก!
แล้วบานประตู ก็ค่อยแง้ม เปิดเข้าไปข้างในเอง!
.......
แอ๋ดดด.......
ด้านนอก สมเกียรติยืนเกาะแขนอัลบารีด้วยความหวาดผวา
อัลบารีมองไปที่หน้าต่างชั้นสองของบ้าน
เขาเห็นผ้าม่านภายใน เลื่อนเปิด อย่างช้าๆ จนสุดทั้งสองข้าง มองเห็นกระจกหน้าต่าง
และ เงาใครคนหนึ่งยืนอยู่ตรงนั้น !
"ฮ๊ะ ! บิสมิลล้าห์ บิสมิลลาห์เฮียร์รัคมานีราฮี่มม" อัลบารีสวดถ้อยคำสรรเสริญพระเจ้าในอัลกุรอานดังลั่น
เงาใครคนนั้นหลบวูบ
ทางด้านสมศักดิ์ ไม่ใส่ใจว่าประตูเปิดเองได้อย่างไร เขาเดาว่ามันชำรุดทรุดโทรมมากแล้ว
โอกาสที่ล็อกประตูจะหลุดเองเกิดขึ้นได้
และเขาก็ได้ลองใช้แรงจากมือบิดลูกบิดเขย่าดูแล้วทีแรก มันก็อาจจะหลุดทีหลังก็เป็นได้
แค่นี้ จะให้เขาเชื่อว่าเป็นเพราะอิทธฤทธิ์ภูติผีวิญญาณ ไม่มีวันเสียละ!
มือส่องไฟฉายขนาดเล็ก เดินต่อไปในบ้าน ข้าวของต่างๆ มากมาย ยังเหลืออยู่
น่าแปลกที่ของหลายอย่างไม่ถูกขโมย ไม่ว่าจะเป็น ทีวี ตู้เย็น
ในห้องครัวก็มีเครื่องครัวอยู่ เตาแก๊สก็มี ถังแก๊สก็ยังเหลือ
เพียงแต่ฝุ่นจับหนาเตอะ และมีใยแมงมุมโยงใยเต็มไปหมด
ในห้องนั่งเล่น หรือไม่ก็ห้องรับแขก มีตู้บาร์ขนาดใหญ่ตั้งอยู่ที่มุมห้องมุมหนึ่ง
มันทำด้วยไม้สักทอง แกะสลักลายดอกไม้ต้นไม้และสัตว์ป่า อย่างสวยงาม
สมศักดิ์เอาปากคาบไฟฉายไว้ ลองเปิดตู้บาร์ดู ยังมีขวดเหล้าฝรั่งหลายยี่ห้อใส่ไว้อยู่
เขาลองหยิบคอนญักขวดหนึ่งออกมาดู ยังเหลือมากกว่าครึ่งขวด
เปิดจุกดมดู ยังหอมหวนชวนดื่มอยู่เลย
เขาหยิบแก้วไวน์ออกมาจากด้านข้างตู้บาร์ รินคอนญักประมาณครึ่งแก้วแล้วชูแก้วขึ้นกลางอากาศ พูดออกไปแบบลองดี
"เชียส์"
แล้วลองดื่มดู ถึงกับสำลักและรีบคายทิ้งพรวด! เพราะรสชาตย่ำแย่มาก ทั้งจืดและออกเปรี้ยว เหม็นหืน
"แหวะ ไม่น่าลองเลยกู" บ่นแล้วเก็บทั้งขวดคอนญักและแก้วไวน์เข้าที่เดิม ปิดประตูตู้บาร์
สาดไฟฉายไปรอบๆ แล้วสะดุดกับอะไรบางอย่างข้างฝาใกล้ๆ นาฬิกาแขวนผนัง
ลองเข้าไปใกล้ๆ ส่องไฟฉายดูมันชัดๆ
ตุ๊กแก! ตัวใหญ่มาก ยาวน่าจะสักหนึ่งศอกกำ
ถ้าเป็นคนอื่นคงร้องจ๊ากและเผ่นแน่บ
แต่นี่คือสมศักดิ์ เขาเห็นเป็นสัตว์ธรรมดาๆ
มันอาจจะอยู่ได้ทุกบ้าน ไม่เห็นจะแปลกอะไร
จึงเดินผ่านไป
ไม่นานหลังจากนั้น เขาได้ยินมันกลั้วคอ ส่งเสียงร้อง
"กรั่กๆๆๆ กรั่กๆๆๆ ตั๊กแก้! ตั๊กแก้! ตั๊กแก้! ตั๊กแก้! แก้..แก้..แก..แก "
เสียงร้องท้ายๆ ของมัน คล้ายคำว่า "แก แก" มาก
ถ้าเป็นคนอื่นก็อาจขวัญกระเจิง แต่ไม่ใช่สมศักดิ์แน่นอน!
แล้วก็ฉุกคิด...
"เฮ้ย! ไอ้ตัวใหญ่ยาวขนาดนี้นี่ น่าจะขายได้ราคางาม
เคยได้ยินว่ามีคนบอกรับซื้อราคาเป็นแสนถ้าตัวใหญ่มากๆ
ไอ้ตัวนี้น่าจะได้ราคาเยอะแน่!"
พอคิดได้อย่างนั้น สมศักดิ์จึงส่องไฟฉาย หาถุงหรือกระเป๋าอะไรก็ได้สักใบหนึ่ง
เพื่อจะจับตุ๊กแกยักษ์ตัวนั้นใส่ไว้เพื่อเอาไปขาย
แล้วก็เจอกระเป๋าแบบของนักกีฬายี่ห้อดังรูปโลโก้เสือเผ่นใบหนึ่งเข้า
รู้สึกว่าขนาดพอเหมาะพอดีทีเดียว
เปิดซิปดู พบว่าเป็นกระเป๋าเปล่า
จึงหยิบมันขึ้นมาถือไว้ด้วยมือข้างหนึ่ง มืออีกข้างส่งไฟฉายไปให้ปากตัวเองคาบไว้
แล้วกลับไปหาตุ๊กแกตัวนั้นที่ข้างนาฬิกาแขวนอีกครั้ง
มันยังเกาะอยู่ที่เดิม!
สมศักดิ์ใช้มือข้างที่ว่างคว้าจับหมับเข้าให้เหมือนคนจับงูผู้ชำนาญ
มันส่งเสียงร้องดังแอ้คำหนึ่ง ดิ้นรนในมือ
เขาก้มลงวางกระเป๋าใบนั้นซึ่งเปิดซิปอ้าอยู่แล้วลงกับพื้น
ปล่อยตุ๊กแกยักษ์ลงไปในกระเป๋าแล้วรีบรูดซิปปิดสนิททันที
ตุ๊กแกวิ่งพล่าน หาทางออกชนกับผนังด้านในกระเป๋าทางโน้นทีทางนี้ที
สมศักดิ์ยิ้ม คิดในใจ หวานคอแร้งละตูงานนี้
แล้วหิ้วกระเป๋า เดินสำรวจบ้านต่อ
อยู่ดีดี ได้ยินเสียงดัง
แป๊ก! เหมือนมีใครกดเปิดสวิทช์ไฟ!
สิ่งที่ตามมาคือ
ไฟสว่างทั้งบ้าน!
"เฮ้ย ใครวะ ไอ้เกียด ไอ้บัง พวกเอ็งเข้ามากันเหรอ"
สมศักดิ์ตะโกนถามออกไป
เงียบ...ไม่มีเสียงตอบ
แล้วไฟก็ดับหมดทั้งบ้านอีกครั้ง!
"อะไรวะ" สมศักดิ์เริ่มฉงน
เดินส่องไฟฉายหาสะพานไฟจนเจอ แล้วยิ่งงหนักขึ้นไปอีก
เพราะสายไฟซึ่งเคยต่อไฟฟ้าจากภายนอก มันถูกตัดขาดไปแล้ว...
หมายความว่า ไม่มีกระแสไฟฟ้าจ่ายเข้าบ้านนี้แล้ว !
แล้วไฟที่สว่างโร่เมื่อสักครู่นี้ มาได้ไง ?
สมศักดิ์ยืนงงในดงความมืด พยายามหาเหตุผลอธิบาย
คิดไม่ออก ส่องไฟฉายไปทั่วอีก แล้วก็สะดุ้งเฮือกกับเสียง...
ซ่าาาา........ซ่าาาา..........ซ่าาาา.............
หันไปมองตามเสียงที่ได้ยิน เจอกับ ทีวี ...
เป็นโทรทัศน์ ขาวดำ รุ่นเก๋ากึ้ก แบบใช้ลูกบิดหมุนเปลี่ยนช่อง
มันถูกติดตั้งไว้ในตู้ไม้มีขาสูง
เปิดเครื่องขึ้นมาเอง!
และ...มันไม่ได้เสียบปลั๊กด้วยซ้ำ !
"เฮ้ย อะไรกันวะเนี่ย " สมศักดิ์เริ่มโวยวาย ทำอะไรไม่ถูก
แล้วทีวีสมัยพระเจ้าเหาเครื่องนั้นก็ปิดเครื่องไปเองเฉยเลย!
"เป็นไปได้ไงวะ" สมศักดิ์บ่นดังๆ
เขารู้สึกงง สงสัย ไม่เข้าใจ มากกว่าคำว่ากลัว
เพราะเขาไม่เคยรู้สึกกลัว!
"มันต้องมีเหตุผลอะไรซักอย่าง เพียงแต่ตอนนี้ ยังอธิบายไม่ได้"
สมศักดิ์สรุปให้ตัวเอง ส่ายหัวดิก ด้วยความไม่เข้าใจ
กำลังจะเดินขึ้นบันไดไปชั้นสอง ต้องหยุดกึก
สะดุ้งเฮือกอีกกับอีกหนึ่งเสียงซึ่งดังลั่นขึ้นมา
กริ๊งงงงงงงงงงงงงง
กริ๊งงงงงงงงงงงงงง
กริ๊งงงงงงงงงงงงงงง
สมศักดิ์หันไปดูตามทิศทางของเสียงที่มา..
มันดังมาจาก โทรศัพท์บ้าน! แบบเก่า
คือแบบ ต้องยกหู เอานิ้วจิ้มช่องหมายเลขแล้วหมุน ที่ฝรั่งเรียกว่า DIAL !
สมศักดิ์วิ่งเข้าไปยกหูรับสายทันทีอย่างตื่นเต้น
"ฮัลโหล ฮัลโหล สวัสดีครับ ฮัลโหล"
(มีต่อครับ)
👻😱🏡 ถุงมือเรื่องสั้น สมัยสุดท้าย Week#2 เรื่องที่ 4 "คนหัวดื้อ ยื้อกับผี" - ถุงมือ adventurer 🏡😱👻
เรื่องนี้แนว HORROR คือ สยองขวัญ สั่นประสาท
คนขี้กลัว ขวัญอ่อน ไม่ควรอ่านคนเดียว โดยเฉพาะตอนกลางคืน
หรือ ถ้าอยากจะอ่าน ต้องไปอาบน้ำเสียก่อน !!
สำหรับผู้นิยมเสพความหลอนอยู่แล้ว น่าจะสนุกกับการอ่านครับ
สมศักดิ์ เป็นคนหัวรั้นขั้นสุด ไม่เชื่ออะไรง่าย ๆ
เหตุผลเท่านั้น ที่เขาจะยึดถือไว้เป็นสรณะ
และ มันต้องเป็นเหตุเป็นผล ทางวิทยาศาสตร์ ที่สามารถอธิบายได้ เท่านั้น
ดังนั้น เรื่องแปลก ประหลาด เหนือธรรมชาติ น้อยนัก ที่เขาจะยอมเชื่อ
เคยมีคนถามเขาว่า ระหว่าง เอเลี่ยน กับ ผี คิดว่า อันไหน น่าเชื่อว่ามีจริง
สมศักดิ์ตอบ "มันก้อ ฟังดูเหลวไหล พอกันนะ
แต่ว่า เอเลี่ยน ฟังแล้ว เข้าใกล้คำว่า วิทยาศาสตร์ มากกว่า
เพราะตรรกะ ที่ว่า ในเอกภพ มีจำนวนดาว นับไม่ถ้วน
จึงเป็นไปได้ ว่า จะมีสิ่งมีชีวิต บนดาวอื่นบ้าง
เคยมีคนเปรียบเรื่องนี้ว่า เหมือนชาวนา กำเมล็ดข้าวไว้ในมือ กำหนึ่ง
แล้ว หว่านกระจายไป ในทุ่งนา
มันเป็นไปไม่ได้ ที่จะมีต้นข้าว เกิดขึ้นเพียงต้นเดียว
เพราะงั้น ข้าเลือกข้างเอเลี่ยนว่ะ ว่าอาจจะมีจริง
ส่วนผี มันหาตรรกะ ที่น่าเชื่อถือ ไม่ได้ ไม่มีหร็อก เหลวไหล"
นั่นคือ คำตอบ และเหตุผลชี้แจงของสมศักดิ์
"แสดงว่า เอ็งไม่กลัวผี งั้นดิ" สมเกียรติ เพื่อนสมศักดิ์ ลองถาม
"แอบ โซ ลู้ท ลี่" สมศักดิ์ โชว์สกิลภาษาฝรั่งขั้นเทพ ตอบสมเกียรติ
บังเอิญ ในวงสนทนา มีเพื่อนอีกคน ชื่อ อัลบารี
อัลบารี มาจากซาอุ อยู่เมืองไทยมานานจนพูดไทยได้คล่อง
เพื่อนๆ โดยมากไม่เรียกชื่อเขา เพราะออกเสียงยาก เลยเรียกกันว่า "ไอ้บัง"
อัลบารี พูดแย้งสมศักดิ์ หลังจากสมศักดิ์ตอบคำถามของสมเกียรติ
"เดี๋ยวก่อน สมศักดิ์ นายอ่ะ อย่าเพิ่งมั่นใจเกินไปนัก"
"ทำไมวะ ไอ้บัง คิดว่าผีมีจริงเหรอ" สมศักดิ์ หันขวับมาถามทันที
"โอ มีแน่นอน" อัลบารีตอบทันทีเหมือนกัน
"แขกอย่างนาย กลัวผีด้วยหรือวะ"
"อีนี่อย่าพูดอย่างนั้น" อัลบารีพูดแล้วหน้าบึ้ง
"คำว่า แขก ถือว่าเป็นคำ บูลลี่ น่ะ ชาวอาหรับหลายคนไม่ชอบใจสิ่งนี้"
สมศักดิ์หัวเราะก๊ากกับสีหน้าท่าทางปั้นปึ่งของอัลบารี
"โทษทีว่ะ งั้นถามใหม่ คนอาหรับ เชื่อเรื่องผีด้วยเหรอ"
"มีคนเชื่อมากหลายอยู่ แต่เขาไม่เรียกว่า โกสต์ หรือผี อย่างคนไทย"
"อ้าวแล้วเรียกว่าไร ถ้าไม่เรียกว่าผี"
"เขาเรียกกันว่า ญิน มีสองแบบด้วยน่ะ คือ ญินขาว กับญินดำ"
"เหรอออออ" สมศักดิ์ถาม ลากเสียงยาว "ชื่อยังกับเหล้าฝรั่ง"
"อีนี่ไม่เชื่ออย่าลบหลู่โว้ย" อัลบารีเริ่มฉุน "นาย อยากเจอมั้ยล่ะ เราจะพานายไป"
"อยากเซ่" สมศักดิ์รับคำท้า "แต่ว่า ไปไหนวะ"
"มีบ้านร้างหลังนึง แถวชานเมือง เจ้าของบ้านเป็นมุสลิม ตายไปหลายปีแล้ว"
"อ๊ะ งั้นก็ต้องมีรายการ ล่าท้าผี กันหน่อยละงานนี้" สมศักดิ์พูดอย่างไม่กริ่งเกรง
"เขาเป็นอะไรตาย ไอ้บัง" สมเกียรติถาม
"ยิงตัวตายว่ะ" อัลบารีตอบแล้วพูดคำภาษาอาหรับงึมงำๆ
"ยังไม่ทันไปเลย เริ่มสวดมนต์หาพระเจ้าแล้ว" สมศักดิ์แซว
อัลบารีหน้าบึ้ง ยื่นนิ้วกลางให้ แล้วถาม "นายกล้าไปใช่มั้ย"
"เออสิวะ ไมจะไม่กล้า ไปคืนนี้เลยยังได้"
"ได้ อีนี่เดี๋ยวจัดให้"
"เฮ้ยๆ เอาจริงดิ" สมเกียรติถาม หน้าตาดูเหวอๆ เพราะเขาเชื่ออยู่เหมือนกัน
"จริงสิวะไอ้เกียด รึว่าเอ็งป๊อด" สมศักดิ์ถาม "ถ้าเอ็งป๊อด ข้ากับไอ้บังไปกันสองคนก็ได้"
"เฮ้ย มันต้องสาม คำโบราณว่า คนเดียว หัวหาย สองคน เพื่อนตาย แต่สามคน กลับบ้านได้นะโว้ย"
"คนไทยก็เชื่ออะไรแปลกๆ เหมือนกันนา" อัลบารีวิจารณ์
"ตกลง ไปด้วยกันสามคน คืนนี้ เวลาเที่ยงคืน"
"ได้เลย ตกลง ข้าจะขับรถไปรับไอ้บังเองแล้วค่อยไปหาเอ็งอีกที" สมศักดิ์นัดแนะ
"ต้องตรงเวลานะโว้ย ห้ามทำแบบ นัดไทย เสียนิสัย
ถ้าเลยเที่ยงคืนไปแม้นาทีเดียว พวกนายยังไปไม่ถึงบ้าน เราจะเข้านอนเลยนะ ห้ามเคาะประตู หรือโทรเรียก"
"เออน่า แล้วเจอกัน เที่ยงคืน"
.............................................
เที่ยงคืนเศษๆ สามสหายเดินทางมาถึงหน้าบ้านร้างย่านชานเมืองแห่งหนึ่งตามที่นัดหมาย
สมศักดิ์เป็นคนขับรถญี่ปุ่นยี่ห้อดัง สีแดงแจ๊ด
พอมาถึง ก็จอดรถหน้าบ้านซึ่งรกครึ้มด้วยพืชพันธุ์ต่างๆ
บรรยากาศก็วังเวง และเป็นคืนพระจันทร์เต็มดวงแบบ "ซูเปอร์มูน" เสียด้วย
สามหนุ่มสามมุม ออกมาจากรถ
อัลบารีมองตัวบ้านซึ่งเก่าทรุดโทรมดูน่าระแวง แล้วทำปากขมุบขมิบ สวดมนต์เบาๆ
"บิสมิลลาห์ เฮียรรัคมานีราฮีมม....อัล...ฯลฯ"
สมศักดิ์มองอัลบารีแล้วส่ายหัว แอบขำ
เมื่อสวมมนต์จบ อัลบารีบอกกับเพื่อนคนไทยสองคน
"นายสองคน เข้าไปก่อน เราจะรออยู่ข้างนอกนี่
ถ้ามีอะไรผิดปกติเกิดขึ้น วิทยุเรียกเรา เราจะเข้าไปหาทันที เอ้านี่ วิทยุสื่อสาร"
อัลบารีแจกวิทยุแบบวอลกี้ทอลกี้ให้สมศักดิ์และสมเกียรติ
ขณะที่สมเกียรติจะเดินไปด้วยกัน สมศักดิ์กลับห้าม
"เฮ้ย เอ็งไม่ต้องไปกับข้าก็ด้าย ขอข้า ลุยเดี่ยวดู
มันจะมีอะไรว้า นอกจากบ้า่นเก่าๆ ผุๆ เอ็งรออยู่ข้างนอกกับไอ้บังนี่แหละ"
"เฮ้ย มันจะดีเร้อ" สมเกียรติทำหน้าแหยงๆ ผวาแทนเพื่อน
"เอาน่า ปอดแหกไปได้ อะไรนักหนาวะ คอยดู ข้าจะสำรวจให้ทั่วเลย
จะถ่ายคลิปมาให้พวกเอ็งดูด้วย คอยดูสิมันไม่มีอะไรหรอก"
"เอางั้นจริงเรอะ" สมเกียรติถามย้ำ
"เอาจริงดิวะ ไปๆ เอ็งไปอยู่กับไอ้บังเลย ข้าจะเข้าไปละ" สมศักดิ์ยืนยัน
"ก็ได้วะ แต่มีอะไรเกิดขึ้น อย่าลืมวิทยุเรียกทันทีนา"
"ได้ๆ ไม่ลืมแน่ แต่มันไม่มีอะไร้ เชื่อซี่"
"เอา ตามใจเอ็งก่อนละกัน"
สมเกียรติจึงเดินกลับมาอยู่เป็นเพื่อนอัลบารี ปล่อยให้สมศักดิ์เดินผ่านประตูรั้วบ้านเข้าไปข้างใน
"โฮ่ง โฮ่ง บรู๋..."
สมเกียรติสะดุ้งเฮือกกับเสียงหมาหอน อัลบารีส่งสายตาล่อกแล่กมองไปทั่ว
แต่สมศักดิ์ไม่สะทกสะท้าน เดินตรงไปยังประตูบ้านซึ่งปิดอยู่
ลองบิดลูกบิดดู มันติด ล็อกไว้ ต้องใช้กุญแจ
"สงสัย ต้องใช้กุญแจผีเสียแล้ว" เขาพูดกับตัวเอง
แต่พอพูดจบ เขาได้ยินเสียงดัง กริ๊ก!
แล้วบานประตู ก็ค่อยแง้ม เปิดเข้าไปข้างในเอง!
....... แอ๋ดดด.......
ด้านนอก สมเกียรติยืนเกาะแขนอัลบารีด้วยความหวาดผวา
อัลบารีมองไปที่หน้าต่างชั้นสองของบ้าน
เขาเห็นผ้าม่านภายใน เลื่อนเปิด อย่างช้าๆ จนสุดทั้งสองข้าง มองเห็นกระจกหน้าต่าง
และ เงาใครคนหนึ่งยืนอยู่ตรงนั้น !
"ฮ๊ะ ! บิสมิลล้าห์ บิสมิลลาห์เฮียร์รัคมานีราฮี่มม" อัลบารีสวดถ้อยคำสรรเสริญพระเจ้าในอัลกุรอานดังลั่น
เงาใครคนนั้นหลบวูบ
ทางด้านสมศักดิ์ ไม่ใส่ใจว่าประตูเปิดเองได้อย่างไร เขาเดาว่ามันชำรุดทรุดโทรมมากแล้ว
โอกาสที่ล็อกประตูจะหลุดเองเกิดขึ้นได้
และเขาก็ได้ลองใช้แรงจากมือบิดลูกบิดเขย่าดูแล้วทีแรก มันก็อาจจะหลุดทีหลังก็เป็นได้
แค่นี้ จะให้เขาเชื่อว่าเป็นเพราะอิทธฤทธิ์ภูติผีวิญญาณ ไม่มีวันเสียละ!
มือส่องไฟฉายขนาดเล็ก เดินต่อไปในบ้าน ข้าวของต่างๆ มากมาย ยังเหลืออยู่
น่าแปลกที่ของหลายอย่างไม่ถูกขโมย ไม่ว่าจะเป็น ทีวี ตู้เย็น
ในห้องครัวก็มีเครื่องครัวอยู่ เตาแก๊สก็มี ถังแก๊สก็ยังเหลือ
เพียงแต่ฝุ่นจับหนาเตอะ และมีใยแมงมุมโยงใยเต็มไปหมด
ในห้องนั่งเล่น หรือไม่ก็ห้องรับแขก มีตู้บาร์ขนาดใหญ่ตั้งอยู่ที่มุมห้องมุมหนึ่ง
มันทำด้วยไม้สักทอง แกะสลักลายดอกไม้ต้นไม้และสัตว์ป่า อย่างสวยงาม
สมศักดิ์เอาปากคาบไฟฉายไว้ ลองเปิดตู้บาร์ดู ยังมีขวดเหล้าฝรั่งหลายยี่ห้อใส่ไว้อยู่
เขาลองหยิบคอนญักขวดหนึ่งออกมาดู ยังเหลือมากกว่าครึ่งขวด
เปิดจุกดมดู ยังหอมหวนชวนดื่มอยู่เลย
เขาหยิบแก้วไวน์ออกมาจากด้านข้างตู้บาร์ รินคอนญักประมาณครึ่งแก้วแล้วชูแก้วขึ้นกลางอากาศ พูดออกไปแบบลองดี
"เชียส์"
แล้วลองดื่มดู ถึงกับสำลักและรีบคายทิ้งพรวด! เพราะรสชาตย่ำแย่มาก ทั้งจืดและออกเปรี้ยว เหม็นหืน
"แหวะ ไม่น่าลองเลยกู" บ่นแล้วเก็บทั้งขวดคอนญักและแก้วไวน์เข้าที่เดิม ปิดประตูตู้บาร์
สาดไฟฉายไปรอบๆ แล้วสะดุดกับอะไรบางอย่างข้างฝาใกล้ๆ นาฬิกาแขวนผนัง
ลองเข้าไปใกล้ๆ ส่องไฟฉายดูมันชัดๆ
ตุ๊กแก! ตัวใหญ่มาก ยาวน่าจะสักหนึ่งศอกกำ
ถ้าเป็นคนอื่นคงร้องจ๊ากและเผ่นแน่บ
แต่นี่คือสมศักดิ์ เขาเห็นเป็นสัตว์ธรรมดาๆ
มันอาจจะอยู่ได้ทุกบ้าน ไม่เห็นจะแปลกอะไร
จึงเดินผ่านไป
ไม่นานหลังจากนั้น เขาได้ยินมันกลั้วคอ ส่งเสียงร้อง
"กรั่กๆๆๆ กรั่กๆๆๆ ตั๊กแก้! ตั๊กแก้! ตั๊กแก้! ตั๊กแก้! แก้..แก้..แก..แก "
เสียงร้องท้ายๆ ของมัน คล้ายคำว่า "แก แก" มาก
ถ้าเป็นคนอื่นก็อาจขวัญกระเจิง แต่ไม่ใช่สมศักดิ์แน่นอน!
แล้วก็ฉุกคิด...
"เฮ้ย! ไอ้ตัวใหญ่ยาวขนาดนี้นี่ น่าจะขายได้ราคางาม
เคยได้ยินว่ามีคนบอกรับซื้อราคาเป็นแสนถ้าตัวใหญ่มากๆ
ไอ้ตัวนี้น่าจะได้ราคาเยอะแน่!"
พอคิดได้อย่างนั้น สมศักดิ์จึงส่องไฟฉาย หาถุงหรือกระเป๋าอะไรก็ได้สักใบหนึ่ง
เพื่อจะจับตุ๊กแกยักษ์ตัวนั้นใส่ไว้เพื่อเอาไปขาย
แล้วก็เจอกระเป๋าแบบของนักกีฬายี่ห้อดังรูปโลโก้เสือเผ่นใบหนึ่งเข้า
รู้สึกว่าขนาดพอเหมาะพอดีทีเดียว
เปิดซิปดู พบว่าเป็นกระเป๋าเปล่า
จึงหยิบมันขึ้นมาถือไว้ด้วยมือข้างหนึ่ง มืออีกข้างส่งไฟฉายไปให้ปากตัวเองคาบไว้
แล้วกลับไปหาตุ๊กแกตัวนั้นที่ข้างนาฬิกาแขวนอีกครั้ง
มันยังเกาะอยู่ที่เดิม!
สมศักดิ์ใช้มือข้างที่ว่างคว้าจับหมับเข้าให้เหมือนคนจับงูผู้ชำนาญ
มันส่งเสียงร้องดังแอ้คำหนึ่ง ดิ้นรนในมือ
เขาก้มลงวางกระเป๋าใบนั้นซึ่งเปิดซิปอ้าอยู่แล้วลงกับพื้น
ปล่อยตุ๊กแกยักษ์ลงไปในกระเป๋าแล้วรีบรูดซิปปิดสนิททันที
ตุ๊กแกวิ่งพล่าน หาทางออกชนกับผนังด้านในกระเป๋าทางโน้นทีทางนี้ที
สมศักดิ์ยิ้ม คิดในใจ หวานคอแร้งละตูงานนี้
แล้วหิ้วกระเป๋า เดินสำรวจบ้านต่อ
อยู่ดีดี ได้ยินเสียงดัง แป๊ก! เหมือนมีใครกดเปิดสวิทช์ไฟ!
สิ่งที่ตามมาคือ ไฟสว่างทั้งบ้าน!
"เฮ้ย ใครวะ ไอ้เกียด ไอ้บัง พวกเอ็งเข้ามากันเหรอ"
สมศักดิ์ตะโกนถามออกไป
เงียบ...ไม่มีเสียงตอบ
แล้วไฟก็ดับหมดทั้งบ้านอีกครั้ง!
"อะไรวะ" สมศักดิ์เริ่มฉงน
เดินส่องไฟฉายหาสะพานไฟจนเจอ แล้วยิ่งงหนักขึ้นไปอีก
เพราะสายไฟซึ่งเคยต่อไฟฟ้าจากภายนอก มันถูกตัดขาดไปแล้ว...
หมายความว่า ไม่มีกระแสไฟฟ้าจ่ายเข้าบ้านนี้แล้ว !
แล้วไฟที่สว่างโร่เมื่อสักครู่นี้ มาได้ไง ?
สมศักดิ์ยืนงงในดงความมืด พยายามหาเหตุผลอธิบาย
คิดไม่ออก ส่องไฟฉายไปทั่วอีก แล้วก็สะดุ้งเฮือกกับเสียง...
ซ่าาาา........ซ่าาาา..........ซ่าาาา.............
หันไปมองตามเสียงที่ได้ยิน เจอกับ ทีวี ...
เป็นโทรทัศน์ ขาวดำ รุ่นเก๋ากึ้ก แบบใช้ลูกบิดหมุนเปลี่ยนช่อง
มันถูกติดตั้งไว้ในตู้ไม้มีขาสูง เปิดเครื่องขึ้นมาเอง!
และ...มันไม่ได้เสียบปลั๊กด้วยซ้ำ !
"เฮ้ย อะไรกันวะเนี่ย " สมศักดิ์เริ่มโวยวาย ทำอะไรไม่ถูก
แล้วทีวีสมัยพระเจ้าเหาเครื่องนั้นก็ปิดเครื่องไปเองเฉยเลย!
"เป็นไปได้ไงวะ" สมศักดิ์บ่นดังๆ
เขารู้สึกงง สงสัย ไม่เข้าใจ มากกว่าคำว่ากลัว
เพราะเขาไม่เคยรู้สึกกลัว!
"มันต้องมีเหตุผลอะไรซักอย่าง เพียงแต่ตอนนี้ ยังอธิบายไม่ได้"
สมศักดิ์สรุปให้ตัวเอง ส่ายหัวดิก ด้วยความไม่เข้าใจ
กำลังจะเดินขึ้นบันไดไปชั้นสอง ต้องหยุดกึก
สะดุ้งเฮือกอีกกับอีกหนึ่งเสียงซึ่งดังลั่นขึ้นมา
กริ๊งงงงงงงงงงงงงง
กริ๊งงงงงงงงงงงงงง
กริ๊งงงงงงงงงงงงงงง
สมศักดิ์หันไปดูตามทิศทางของเสียงที่มา..
มันดังมาจาก โทรศัพท์บ้าน! แบบเก่า
คือแบบ ต้องยกหู เอานิ้วจิ้มช่องหมายเลขแล้วหมุน ที่ฝรั่งเรียกว่า DIAL !
สมศักดิ์วิ่งเข้าไปยกหูรับสายทันทีอย่างตื่นเต้น
"ฮัลโหล ฮัลโหล สวัสดีครับ ฮัลโหล"
(มีต่อครับ)