พอรถวิ่งมาถึงด้านหน้าประตูบ้าน ผู้ใหญ่สนที่เป็นคนขับรถก็ขับรถให้ชะลอช้าลงพร้อมกับหักพวงมาลัยเลี้ยวซ้ายเข้าไปจอดหยุดตรงประตูหน้า
ที่เป็นซุ้มหลังคาทรงหน้าจั่วมุงด้วยกระเบื้องสีแดงตั้งวางอยู่บนเสาไม้สักทองต้นใหญ่สองต้น พอรถจอดสนิท เสียงแตรจากรถของผู้ใหญ่สนก็ดังขึ้น เพื่อเรียกให้คนที่อยู่ในบ้านให้มาเปิดประตูให้
ด้านในบ้าน เจิดลูกน้องคนสนิทผู้ใหญ่สนซึ่งกำลังยืนรดน้ำต้นไม้อยู่ตรงสวนหย่อมหน้าบ้าน ก็โยนสายยางที่ถือรดน้ำต้นไม้อยู่ในมือทิ้งไว้กับพื้นแล้ววิ่งไปปิดก๊อกน้ำ
แล้วรีบวิ่งออกไปเปิดประตูบ้านให้รถของผู้ใหญ่สนนายจ้างของตนเองที่จอดรออยู่หน้าประตูบ้านให้เข้ามา
พอประตูรั้วบ้านเปิดออก พอที่รถจะขับเข้ามาได้ ผู้ใหญ่สนก็ขับรถกระบะของตนเองเลี้ยวเข้ามาด้านในบ้านทันที
ทางด้านเจิดที่ยืนดูรถของผู้ใหญ่สนจนรถขับพ้นเขตประตูรั้วบ้านเข้ามาแล้ว เจิดก็หันกลับไปเอามือดึงประตูรั้วบ้านให้เลื่อนมาปิดไว้ตามเดิมทันที
ที่หน้าตัวบ้านรถของผู้ใหญ่สนขับวิ่งผ่านด้านหน้าบันไดทางขึ้นบ้านเข้าไปยังหน้าโรงจอดข้างบ้านแล้วขับเลี้ยวไปจอดด้านโรงจอดรถอย่างช้าๆ ทันที
พอรถหยุดจอดสนิททั้ง ผู้ใหญ่สน ล้านนา ผู้ช่วยบิน ก็พากันเปิดประตูรถออกมาทั้งสองฝั่งแล้วเดินออกมาจากโรงจอดรถข้างบ้านแล้วพากันเดินมายังบันไดทางขึ้นบ้าน
พอมาถึงด้านหน้าบันไดทางขึ้นบ้านผู้ใหญ่สนที่เดินนำมาก็เดินไปหยุดด้านหน้าบันไดแล้วหันกลับมามองล้านนากับผู้ช่วยบินแล้วพูดเอยเชิญ ล้านนากับผู้ช่วยบินออกมาด้วยคำพูดที่สุภาพเป็นกันเอง
“ไป ไอ้นา ผู้ช่วยขึ้นไปนั่งพักดื่มน้ำดื่มท่าเย็นๆบนบ้านก่อน”
พอจบคำพูดของตนเองที่เอยเชิญ ล้านนากับผู้ช่วยบินเรียบร้อยแล้ว ผู้ใหญ่สนก็หันหน้ากลับแล้วก้าวเท้าเดินนำล้านนากับผู้ช่วยบินขึ้นบันไดบ้านไปทันที
พอผู้ใหญ่สนเดินนำขึ้นไปแล้วล้านนากับผู้ช่วยบินที่ยืนอยู่ด้วยกันด้านหน้าบันไดก็พากันก้าวเดินตามหลังผู้ใหญ่สนขึ้นบันไดบ้านไปพร้อมๆกันทันที
ที่ชานระเบียงหน้าบ้าน วิลัย พนาไพร น้องสาวคนเดียวของล้านนา พนาไพร นักข่าวสายอาชยากรรมของสำนักพิมพ์แห่งหนึ่งในกรุงเทพ
เธอวิลัยเป็นสาวเจ้าอารมณ์ใจร้อนไม่ค่อยยอมใครโกธรง่ายหาเร็ว เป็นคนชอบถ่ายภาพเป็นงานอดิเรกและรักงานถ่ายภาพเป็นชีวิตจิตใจ เธอเป็นนักข่าวที่ขาวสวยสุดเซ็กซี่
มีฝีมือในการต่อสู้ที่ไม่ธรรมดา ซึ่งได้รับการฝึกสอนมาจาก ล้านนา พนาไพร ผู้เป็นพี่ชายของเธอ ซึ่งฝีไม้ลายมือในการต่อสู้ของเธอนั้นไม่ด้อยไปกว่าผู้ชายอกสามซอก
เธอได้ลางานกลับมาเที่ยวหาผู้ใหญ่สน ป้าพันผู้เป็นลุงและป้าของตนเอง เธอนั่งพูดคุยสนทนากับแพรวา พนารัฐ แพทย์หญิงประจำโรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพบ้านริมวัง ลูกสาวหัวแก้วหัวแหวนคนเดียวของผู้ใหญ่สนกับพันธ์ผู้เป็นเมีย แพรวา พนารัฐ
เธอได้ทำเรื่องขอย้ายจากโรงพยาบาลในตัวจังหวัดมาทำหน้าที่เป็นหมอประจำอยู่ที่โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพของหมู่บ้านริมวังเพื่อดูแลรักษาอาการป่วยของชาวบ้านริมวัง
แพรวา พนารัฐ เธอเป็นคนนิสัยดีเรียบร้อย ไม่ชอบให้ใครมายุแหย่กลั่นแกล้งรังแก ซึ่งเธอจะไม่ชอบมาก เธอเป็นคนมีจิตใจเมตาไม่ชอบการต่อสู้
แต่ก็ได้เรียนวิชาป้องกันตัวจากล้านนา พนาไพรพี่ชายลูกพี่ลูกน้องของเธอ ซึ่งเธอนั้นนับถือเขาเป็นพี่ชายไว้ใช่ป้องกันตัวจากผู้ไม่หวังดีอยู่บ้าง เธอเป็นคนขี้เล่นและชอบการเดินผจญภัยท้าทายในป่าเป็นชีวิตจิตใจอย่างมาก
ซึ่งตอนนี้เธอก็กำลังนั่งพูดคุยสนทนากับวิลัย พนาไพร ที่เธอนับถือเป็นเพื่อนรักของเธออยู่ตรงเก้าอี้รับแขกด้านข้างระเบียงตรงมุมทิศตะวันตกเฉียงเหนืออย่างสนุกสนานตามภาษาหญิงสาวไวรุ่น
ทั้งสองนั่งพูดคุยสนทนากันอยู่อย่างสนุกสนานและในขณะที่ทั้งสองสาวกำลังนั่งพูดคุยสนทนากันอยู่นั้น ด้วยการสัมผัสรับรู้ของหูอันไวของทั้งสองสาวที่ได้รับการฝึกมาจากล้านนา พนาไพรพี่ชายของเธอมาเป็นอย่างดี
จึงได้ยินเสียงฝีเท้าของคนหลายคนกำลังพากันเดินย่างขึ้นบันไดมาจากด้านล่าง ทั้งสองสาวที่ได้ยินเสียงฝีเท้าที่ก้าวเดินขึ้นมา
ทั้งสองจึงพากันหันใบหน้าอันกลมหลีรูปไข่ผมยาวสลวยของเธอทั้งสองไปมองยังประตูบันไดที่อยู่ทางทิศใต้ของชานระเบียงบ้านด้วยสายตาอันอ่อนหวานพร้อมกัน
ทั้งสองสาว พอมองเห็นผู้ใหญ่สนที่เดินนำขึ้นมากับชายหนุ่มที่เดินก้าวขึ้นบันไดตามหลังมา ทั้งสองสาวก็ถึงกับมีรอยยิ้มแห่งความดีใจออกมาหลังได้เห็น ล้านนา พนาไพรผู้เป็นพี่ชายอันรักยิ่งของเธอทั้งสองคนเดินตามหลังผู้ใหญ่สนผู้เป็นลุงและพ่อขึ้นมาพร้อมกับผู้ช่วยบิน
ทั้งสองสาวพอเห็นล้านนา พนาไพร ผู้เป็นพี่ชายแล้วก็รีบพากันลุกขึ้นยืนจากเก้าอี้รับแขกที่นั่งอยู่แล้วรีบก้าวเดินออกจากเก้าอี้ แล้วเดินตรงเข้าไปสวมกอดล้านนาผู้เป็นพี่ชายของเธอทั้งสองด้วยความดีใจสุดขีดเพราะทั้งสามคนไม่ได้เจอกันมาสองปี
ล้านนาที่ถูกวิลัยกับแพรวาน้องสาวทั้งสองคนของตนเองเดินเข้ามาสวมกอดก็หยุดเดินยืนเกลงตัวต้านแรงปะทะของทั้งสองน้องสาวเอาไว้พร้อมกับอุทานพูดออกมาด้วยความเจ็บปวดบาดแผลถลอกจ้าการต่อสู้กับกลุ่มของของก้านออกมา
“โอย วิลัย แพรวกอดพี่เบาๆหน่อยก็ได้พี่เจ็บแผล”
วิลัยกับแพรวาที่ยืนกอดล้านนาพี่ของเธอทั้งสองคนอยู่ก็ปล่อยแขนที่กอดอยู่ให้คายออกจากตัวของล้านนาอย่างรวดเร็วแล้วเดินถอยออกมาพร้อมกับเงยหน้าขึ้นมองใบหน้าล้านนาพี่ชายของเธอ
แล้ววิลัยกับแพรวาก็สอดส่ายสายตามองไล่ไปตามร่างกายของล้านนาผู้เป็นพี่ชายเพื่อสำรวจดูร่างกายของล้านนา ซึ่งตอนนี้สะบักสะบอมเหมือนกับไปนอนคุกฝุ่นมาอย่างไงอย่างไงอย่างงั้น
โดยเฉพาะที่แขนทั้งสองข้างของล้านนานั้นมีบาทแผลถลอกอยู่สองสามจุด พอวิลัยกับแพรวากวาดสายตามองสำรวจร่างกายล้านนาพี่ชายเรียบร้อยแล้วทั้งสองก็เงยหน้าขึ้นมามองใบหน้าล้านนาพี่ชายของเธออีกครั้ง พร้อมกับคำพูดของวิลัยเอยถามล้านนาพี่ชายของเธอด้วยน้ำเสียงที่สงสัยออกมาทันที
“นี้พี่นา พี่ไปฟัดกับหมาที่ไหนมาละค่ะพี่ ถึงได้มีสภาพร่างกายสะบักสะบอมมอมแมมขนาดนี้”
พอสิ้นเสียงของวิลัย ล้านนาที่ยืนอยู่ตรงหน้าวิลัยกับแพรวา ก็กำลังจะเอยตอบคำถามของวิลัยที่เอยถาม แต่ผู้ใหญ่สนที่เดินไปนั่งอยู่ตรงโซฟาไม้หวายรับแขกก็ชิงเอยตอบคำถามของวิลัยหลานสาวตัดหน้าล้านนาออกมาก่อนทันที
“ไม่มีไรมากหรอกหลานวิ ไอ้นาพี่ชายของเองมันก็แค่ไปมีเรื่องชกต่อยกับพวกไอ้ก้าน ไอ้เชิด ไอ้ดำ ไอ้สิงห์ คู่อริเก่าของมันก็เท่านั้นแหละ”
“พี่นาแล้วนี้ พี่หายหน้าหายตาไปตั้งสองปีเลยนะไม่ยอมติดต่อกลับมาหาพวกเราบ้างเลยนะพี่”
แพรวาที่ยืนอยู่ด้านหลังวิลัยเอยถามล้านนาพี่ชายลูกพี่ลูกน้องของตนเองออกด้วยความสงสัย ล้านนาที่ได้ยินคำถามของแพรวาก็ก้าวเดินตรงไปนั่งที่เก้าอี้รับแขกเดียวที่ตั้งหันหลังไปทางระเบียงบ้านทางทิศเหนือ
พอนั่งเสร็จก็หันหน้ามามองแพรวาที่เดินตามหลังมาแล้วเอยตอบคำถามของแพรวาน้องสาวของตนเองออกมา
“ก็พี่ไปเป็นทหารพรานนะแพรวไม่ใช่ไปเป็นหมอเหมือนน้องนิ ที่จะได้มีเวลาวางกลับบ้านได้ทุกวันนะน้องพี่”
สิ้นคำพูดตอบของล้านนาแล้วแพรวาที่เดินตามหลังล้านนาพี่ชายของเธอมา พอได้รับคำตอบจากล้านนาพี่ชายของเธอแล้ว
เธอก็เดินมาตรงด้านข้างแล้วนั่งคุกเข่าลงด้านข้างเก้าอี้โซฟาที่ล้านนาพี่ชายของเธอนั่งอยู่ แล้วเงยหน้าขึ้นมามองใบหน้าล้านนาพี่ชายของเธอด้วยสายตาที่เป็นห่วง
ที่ด้านหลังแพรวา วิลัยที่เดินตามหลังมาก็เอยถามอาการของล้านนาพี่ชายของเธอออกมา
“แล้วเป็นไงบ้าง พี่เจ็บตรงไหนมากไหมพี่ เดียวจะได้ให้แพรวทำแผลให้”
วิลัยที่เอยถามอาการของล้านนาพี่ชายของเธอออกมากเสร็จก็เดินมานั่งขุกเข่าลงกับพื้นทางด้านฝั่งขวามือของล้านนาพร้อมกับเงยหน้าจองสายตามองไปที่ใบหน้าล้านนาพี่ชายของเธออย่างเป็นห่วง
พอสิ้นเสียงเอยถามของล้านนาแพรวาที่นั่งขุกเข่าอยู่ด้านฝั่งซ้ายมือของล้านนาก็เงยใบหน้าอันขาวนวนชมพูของเธอขึ้นมาล้านนาพี่ชายของเธออีกครั้งแล้วเอยถามอาการของล้านนาพี่ชายของเธอด้วยความเป็นห่วงไปใยออกมาด้วยคำพูดสั้นๆ
“แล้วตรงนี้เจ็ดมากไหมพี่”
“ไม่เจ็บเท่าไรหรอกแพรวน้องพี่ ลูกผู้ชายสะบักสะบอมแค่นี้ไม่เจ็บหรอพี่เฉยๆ เหนอะลุง”
ล้านนาเอยตอบแพรวาลูกสาวน้องสาวลูกพี่ลูกน้องของตนเองออกมา พร้อมกับหันหน้าไปมองผู้ใหญ่สนที่นั่งอยู่ตรงโซฟาไม้หวายที่หันหลังติดกับระเบียงบ้านทางทิศตะวันตกเพื่อหาแนวรวมจากผู้เป็นลุงของตนเอง
แพรวาที่นั่งดูบาดแผลและรอยช้ำให้ล้านนาพี่ชายลูกพี่ลูกน้องของตนเองอยู่ก็เงยหน้าขึ้นมามองใบหน้าของล้านนาพี่ชายของเธอหลังได้ยินคำพูดของล้านนา
แล้วเอยตอบคำพูดของล้านนาพี่ชายของเธอออกมาด้วยอารมณ์น้ำเสียงที่ประชดประชันมั่นไส้ล้านนาพี่ชายลูกพี่ลูกน้องของเธอออกมา
“แม้ๆๆเจ็บขนาดนี้ยังมีหน้ามาทำปากดีอวดเก่งอีกนะพี่ พ่อก็ไม่หน้าเข้าไปห้ามพวก ไอ้ก้าน ไอ้เชิด ไอ้ดำ ไอ้สิงห์ มันเลย หน้าจะปล่อยให้พวก ไอ้ก้าน ไอ้เชิด ไอ้ดำ ไอ้สิงห์ มันเอาเท้ารุมกระทืบเสียให้เข็ดจำ จะได้นอนหยอดน้ำข้าวต้มไปเลย ซ่าดีนัก”
“เฮย ไอ้แพรวพ่อเป็นผู้ใหญ่บ้านนะวะเฮยไม่ใช่พวกชาวบ้านจะได้ยืนมองคนทะละกันแล้วไม่ทำอะไรเลย พวกลูกบ้านมีเรื่องทะเลาะวิวาทกันพ่อก็ต้องเข้าไปห้ามปรามสิวะ จะอยู่นิ่งๆยืนดูได้อย่างไง การห้ามปรามมันเป็นหน้าที่ผู้ใหญ่บ้านอย่างพ่อ”
ผู้ใหญ่สนที่ได้ยินคำพูดของแพรวาก็หันหน้าไปมองแพรวาลูกสาวของตนเองที่นั่งอยู่ข้างๆล้านนาแล้วพูดอธิบายแก้ต่างให้กับตนเองออกมาเพราะถูกแพรวาลูกสาวของตนเองพาดพิงถึง
พอสิ้นเสียงผู้ใหญ่สนแล้ว วิลัยที่นั่งคุกเข่าอยู่ด้านข้างฝั่งซ้ายของล้านนาก็หันหน้าอันขาวสวยของเธอไปมองยังผู้ใหญ่สนผู้เป็นลุงของเธอแล้วเอยพูดตอบผู้ใหญ่สนลุงของเธอออกมา
“ลุงนะ ชอบพูดอะไรเข้าข้างพี่นาอยู่ตลอดเลย พูดเข้าข้างแก้ต่างให้กันเป็นปี่เป็นขลุ่ยเลยนะ ลุง พี่นา.ฉันว่าเราหน้าจะปล่อยให้เจ็บอยู่อย่างนี้เลยดีไหมแพรวจะได้ไม่เปรียงน้ำยาล้างแผล”
พอพูดจบวิลัยก็หันหน้าไปส่งซิกให้กับแพรวาที่นั่งอยู่อีกฝั่งเพื่อหาแนวรวม ล้านนาที่นั่งให้แพรวาน้องสาวลูกพี่ลูกน้องของตนเองทำแผลให้อยู่ก็หันหน้าไปมอง
วิลัยกับแพรวา ที่นั่งชันเข่าอยู่คนระฝั่งสลับกันไปมาแล้วเอยพูดประชดประชันวิลัยกับแพรวาน้องสาวทั้งสองคนของตนเองด้วยน้ำเสียงคำพูดที่สุภาพด้วยสีหน้าหน้ายิ้มๆเสียงอย่างมีเล่ห์ในออกมา
“ใจร้ายจังเลยนะวิ แพรวน้องพี่ นี้คิดจะให้พวกไอ้ก้าน ไอ้เชิด ไอ้ดำ ไอ้สิงห์รุมกระทืบทำร้ายพี่เลยหรอ นี้พี่จะบอกอะไรให้นะ วิลัย แพรวน้องพี่ พวกไอ้ก้าน ไอ้เชิด ไอ้ดำ ไอ้สิงห์ นะพวกมันไม่คะนามือคะนาเท้าพี่หรอกจะบอกให้”
“นี้ขนาดไม่คะนามือคะนาเท้าพี่นะ พี่ยังเจ็บตัวมาขนานนี้ ถ้าคะนามือคะนาเท้าพี่มันจะขนาดไหนไม่หามพี่ส่งโรงพยาบาลเลยหรอค่ะ คุณพี่ชาย”
วิลัยที่นั่งอยู่ฝั่งขวามือของล้านนาเงยหน้าขึ้นมามองล้านนาพร้อมกับเอยพูดประชดประชันเสียงสูงใส่ล้านนาพี่ชายทันที
พอวิลัยพูดจบ ผู้ช่วยบินที่นั่งอยู่ตรงเก้าอี้รับแขกเดียวฝั่งทางทิศใต้ที่หันหลังให้ระเบียงบันไดก็ใช่มือดันตัวลุกยืนขึ้นพร้อมกับหันหน้าไปหาผู้ใหญ่สนที่นั่งอยู่ตรงโซฟาด้านข้างตนเองแล้วเอยบอกลาผู้ใหญ่สนกับล้านนา วิลัย แพรวา ที่นั่งสนทนากันอยู่ออกมา
“ผู้ใหญ่เดียวฉันขอตัวกลับก่อนนะพอดีมีธุระที่จะต้องไปทำ นา วิลัย หมอแพรว ลุงขอตัวกลับก่อนนะแล้ววันหลังจะแวะมาเที่ยวหาใหม่”
พอจบคำพูดของผู้ช่วยบิน ล้านนาที่นั่งก้มมองแพรวาที่กำลังทำแผลให้อยู่ตรงเก้าอี้รับแขกก็เงยหน้าขึ้นแล้วหันไปมองผู้ช่วยบินที่ลุกยืนขึ้นเอยพูดขอบคุณผู้ช่วยบินที่มาช่วยตนเองออกมาว่า
“ผมขอขอบคุณผู้ช่วยมากนะครับที่ไปช่วยผม ผมขอบคุณลุงจากใจจริงมากๆครับ”
ล้านนาเอยพูดออกมาด้วยคำพูดอันสุภาพพร้อมกับยกมือทั้งสองข้างขึ้นมาพนมไหว้ขอบคุณผู้ช่วยบินที่ยืนอยู่ตรงหน้าเก้าอี้โซฟา พอจบคำพูดขอบคุณของล้านนา
ขุมทรัพย์แม่น้ำวัง บทที่ 2 ตอนที่ 1
ที่เป็นซุ้มหลังคาทรงหน้าจั่วมุงด้วยกระเบื้องสีแดงตั้งวางอยู่บนเสาไม้สักทองต้นใหญ่สองต้น พอรถจอดสนิท เสียงแตรจากรถของผู้ใหญ่สนก็ดังขึ้น เพื่อเรียกให้คนที่อยู่ในบ้านให้มาเปิดประตูให้
ด้านในบ้าน เจิดลูกน้องคนสนิทผู้ใหญ่สนซึ่งกำลังยืนรดน้ำต้นไม้อยู่ตรงสวนหย่อมหน้าบ้าน ก็โยนสายยางที่ถือรดน้ำต้นไม้อยู่ในมือทิ้งไว้กับพื้นแล้ววิ่งไปปิดก๊อกน้ำ
แล้วรีบวิ่งออกไปเปิดประตูบ้านให้รถของผู้ใหญ่สนนายจ้างของตนเองที่จอดรออยู่หน้าประตูบ้านให้เข้ามา
พอประตูรั้วบ้านเปิดออก พอที่รถจะขับเข้ามาได้ ผู้ใหญ่สนก็ขับรถกระบะของตนเองเลี้ยวเข้ามาด้านในบ้านทันที
ทางด้านเจิดที่ยืนดูรถของผู้ใหญ่สนจนรถขับพ้นเขตประตูรั้วบ้านเข้ามาแล้ว เจิดก็หันกลับไปเอามือดึงประตูรั้วบ้านให้เลื่อนมาปิดไว้ตามเดิมทันที
ที่หน้าตัวบ้านรถของผู้ใหญ่สนขับวิ่งผ่านด้านหน้าบันไดทางขึ้นบ้านเข้าไปยังหน้าโรงจอดข้างบ้านแล้วขับเลี้ยวไปจอดด้านโรงจอดรถอย่างช้าๆ ทันที
พอรถหยุดจอดสนิททั้ง ผู้ใหญ่สน ล้านนา ผู้ช่วยบิน ก็พากันเปิดประตูรถออกมาทั้งสองฝั่งแล้วเดินออกมาจากโรงจอดรถข้างบ้านแล้วพากันเดินมายังบันไดทางขึ้นบ้าน
พอมาถึงด้านหน้าบันไดทางขึ้นบ้านผู้ใหญ่สนที่เดินนำมาก็เดินไปหยุดด้านหน้าบันไดแล้วหันกลับมามองล้านนากับผู้ช่วยบินแล้วพูดเอยเชิญ ล้านนากับผู้ช่วยบินออกมาด้วยคำพูดที่สุภาพเป็นกันเอง
“ไป ไอ้นา ผู้ช่วยขึ้นไปนั่งพักดื่มน้ำดื่มท่าเย็นๆบนบ้านก่อน”
พอจบคำพูดของตนเองที่เอยเชิญ ล้านนากับผู้ช่วยบินเรียบร้อยแล้ว ผู้ใหญ่สนก็หันหน้ากลับแล้วก้าวเท้าเดินนำล้านนากับผู้ช่วยบินขึ้นบันไดบ้านไปทันที
พอผู้ใหญ่สนเดินนำขึ้นไปแล้วล้านนากับผู้ช่วยบินที่ยืนอยู่ด้วยกันด้านหน้าบันไดก็พากันก้าวเดินตามหลังผู้ใหญ่สนขึ้นบันไดบ้านไปพร้อมๆกันทันที
ที่ชานระเบียงหน้าบ้าน วิลัย พนาไพร น้องสาวคนเดียวของล้านนา พนาไพร นักข่าวสายอาชยากรรมของสำนักพิมพ์แห่งหนึ่งในกรุงเทพ
เธอวิลัยเป็นสาวเจ้าอารมณ์ใจร้อนไม่ค่อยยอมใครโกธรง่ายหาเร็ว เป็นคนชอบถ่ายภาพเป็นงานอดิเรกและรักงานถ่ายภาพเป็นชีวิตจิตใจ เธอเป็นนักข่าวที่ขาวสวยสุดเซ็กซี่
มีฝีมือในการต่อสู้ที่ไม่ธรรมดา ซึ่งได้รับการฝึกสอนมาจาก ล้านนา พนาไพร ผู้เป็นพี่ชายของเธอ ซึ่งฝีไม้ลายมือในการต่อสู้ของเธอนั้นไม่ด้อยไปกว่าผู้ชายอกสามซอก
เธอได้ลางานกลับมาเที่ยวหาผู้ใหญ่สน ป้าพันผู้เป็นลุงและป้าของตนเอง เธอนั่งพูดคุยสนทนากับแพรวา พนารัฐ แพทย์หญิงประจำโรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพบ้านริมวัง ลูกสาวหัวแก้วหัวแหวนคนเดียวของผู้ใหญ่สนกับพันธ์ผู้เป็นเมีย แพรวา พนารัฐ
เธอได้ทำเรื่องขอย้ายจากโรงพยาบาลในตัวจังหวัดมาทำหน้าที่เป็นหมอประจำอยู่ที่โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพของหมู่บ้านริมวังเพื่อดูแลรักษาอาการป่วยของชาวบ้านริมวัง
แพรวา พนารัฐ เธอเป็นคนนิสัยดีเรียบร้อย ไม่ชอบให้ใครมายุแหย่กลั่นแกล้งรังแก ซึ่งเธอจะไม่ชอบมาก เธอเป็นคนมีจิตใจเมตาไม่ชอบการต่อสู้
แต่ก็ได้เรียนวิชาป้องกันตัวจากล้านนา พนาไพรพี่ชายลูกพี่ลูกน้องของเธอ ซึ่งเธอนั้นนับถือเขาเป็นพี่ชายไว้ใช่ป้องกันตัวจากผู้ไม่หวังดีอยู่บ้าง เธอเป็นคนขี้เล่นและชอบการเดินผจญภัยท้าทายในป่าเป็นชีวิตจิตใจอย่างมาก
ซึ่งตอนนี้เธอก็กำลังนั่งพูดคุยสนทนากับวิลัย พนาไพร ที่เธอนับถือเป็นเพื่อนรักของเธออยู่ตรงเก้าอี้รับแขกด้านข้างระเบียงตรงมุมทิศตะวันตกเฉียงเหนืออย่างสนุกสนานตามภาษาหญิงสาวไวรุ่น
ทั้งสองนั่งพูดคุยสนทนากันอยู่อย่างสนุกสนานและในขณะที่ทั้งสองสาวกำลังนั่งพูดคุยสนทนากันอยู่นั้น ด้วยการสัมผัสรับรู้ของหูอันไวของทั้งสองสาวที่ได้รับการฝึกมาจากล้านนา พนาไพรพี่ชายของเธอมาเป็นอย่างดี
จึงได้ยินเสียงฝีเท้าของคนหลายคนกำลังพากันเดินย่างขึ้นบันไดมาจากด้านล่าง ทั้งสองสาวที่ได้ยินเสียงฝีเท้าที่ก้าวเดินขึ้นมา
ทั้งสองจึงพากันหันใบหน้าอันกลมหลีรูปไข่ผมยาวสลวยของเธอทั้งสองไปมองยังประตูบันไดที่อยู่ทางทิศใต้ของชานระเบียงบ้านด้วยสายตาอันอ่อนหวานพร้อมกัน
ทั้งสองสาว พอมองเห็นผู้ใหญ่สนที่เดินนำขึ้นมากับชายหนุ่มที่เดินก้าวขึ้นบันไดตามหลังมา ทั้งสองสาวก็ถึงกับมีรอยยิ้มแห่งความดีใจออกมาหลังได้เห็น ล้านนา พนาไพรผู้เป็นพี่ชายอันรักยิ่งของเธอทั้งสองคนเดินตามหลังผู้ใหญ่สนผู้เป็นลุงและพ่อขึ้นมาพร้อมกับผู้ช่วยบิน
ทั้งสองสาวพอเห็นล้านนา พนาไพร ผู้เป็นพี่ชายแล้วก็รีบพากันลุกขึ้นยืนจากเก้าอี้รับแขกที่นั่งอยู่แล้วรีบก้าวเดินออกจากเก้าอี้ แล้วเดินตรงเข้าไปสวมกอดล้านนาผู้เป็นพี่ชายของเธอทั้งสองด้วยความดีใจสุดขีดเพราะทั้งสามคนไม่ได้เจอกันมาสองปี
ล้านนาที่ถูกวิลัยกับแพรวาน้องสาวทั้งสองคนของตนเองเดินเข้ามาสวมกอดก็หยุดเดินยืนเกลงตัวต้านแรงปะทะของทั้งสองน้องสาวเอาไว้พร้อมกับอุทานพูดออกมาด้วยความเจ็บปวดบาดแผลถลอกจ้าการต่อสู้กับกลุ่มของของก้านออกมา
“โอย วิลัย แพรวกอดพี่เบาๆหน่อยก็ได้พี่เจ็บแผล”
วิลัยกับแพรวาที่ยืนกอดล้านนาพี่ของเธอทั้งสองคนอยู่ก็ปล่อยแขนที่กอดอยู่ให้คายออกจากตัวของล้านนาอย่างรวดเร็วแล้วเดินถอยออกมาพร้อมกับเงยหน้าขึ้นมองใบหน้าล้านนาพี่ชายของเธอ
แล้ววิลัยกับแพรวาก็สอดส่ายสายตามองไล่ไปตามร่างกายของล้านนาผู้เป็นพี่ชายเพื่อสำรวจดูร่างกายของล้านนา ซึ่งตอนนี้สะบักสะบอมเหมือนกับไปนอนคุกฝุ่นมาอย่างไงอย่างไงอย่างงั้น
โดยเฉพาะที่แขนทั้งสองข้างของล้านนานั้นมีบาทแผลถลอกอยู่สองสามจุด พอวิลัยกับแพรวากวาดสายตามองสำรวจร่างกายล้านนาพี่ชายเรียบร้อยแล้วทั้งสองก็เงยหน้าขึ้นมามองใบหน้าล้านนาพี่ชายของเธออีกครั้ง พร้อมกับคำพูดของวิลัยเอยถามล้านนาพี่ชายของเธอด้วยน้ำเสียงที่สงสัยออกมาทันที
“นี้พี่นา พี่ไปฟัดกับหมาที่ไหนมาละค่ะพี่ ถึงได้มีสภาพร่างกายสะบักสะบอมมอมแมมขนาดนี้”
พอสิ้นเสียงของวิลัย ล้านนาที่ยืนอยู่ตรงหน้าวิลัยกับแพรวา ก็กำลังจะเอยตอบคำถามของวิลัยที่เอยถาม แต่ผู้ใหญ่สนที่เดินไปนั่งอยู่ตรงโซฟาไม้หวายรับแขกก็ชิงเอยตอบคำถามของวิลัยหลานสาวตัดหน้าล้านนาออกมาก่อนทันที
“ไม่มีไรมากหรอกหลานวิ ไอ้นาพี่ชายของเองมันก็แค่ไปมีเรื่องชกต่อยกับพวกไอ้ก้าน ไอ้เชิด ไอ้ดำ ไอ้สิงห์ คู่อริเก่าของมันก็เท่านั้นแหละ”
“พี่นาแล้วนี้ พี่หายหน้าหายตาไปตั้งสองปีเลยนะไม่ยอมติดต่อกลับมาหาพวกเราบ้างเลยนะพี่”
แพรวาที่ยืนอยู่ด้านหลังวิลัยเอยถามล้านนาพี่ชายลูกพี่ลูกน้องของตนเองออกด้วยความสงสัย ล้านนาที่ได้ยินคำถามของแพรวาก็ก้าวเดินตรงไปนั่งที่เก้าอี้รับแขกเดียวที่ตั้งหันหลังไปทางระเบียงบ้านทางทิศเหนือ
พอนั่งเสร็จก็หันหน้ามามองแพรวาที่เดินตามหลังมาแล้วเอยตอบคำถามของแพรวาน้องสาวของตนเองออกมา
“ก็พี่ไปเป็นทหารพรานนะแพรวไม่ใช่ไปเป็นหมอเหมือนน้องนิ ที่จะได้มีเวลาวางกลับบ้านได้ทุกวันนะน้องพี่”
สิ้นคำพูดตอบของล้านนาแล้วแพรวาที่เดินตามหลังล้านนาพี่ชายของเธอมา พอได้รับคำตอบจากล้านนาพี่ชายของเธอแล้ว
เธอก็เดินมาตรงด้านข้างแล้วนั่งคุกเข่าลงด้านข้างเก้าอี้โซฟาที่ล้านนาพี่ชายของเธอนั่งอยู่ แล้วเงยหน้าขึ้นมามองใบหน้าล้านนาพี่ชายของเธอด้วยสายตาที่เป็นห่วง
ที่ด้านหลังแพรวา วิลัยที่เดินตามหลังมาก็เอยถามอาการของล้านนาพี่ชายของเธอออกมา
“แล้วเป็นไงบ้าง พี่เจ็บตรงไหนมากไหมพี่ เดียวจะได้ให้แพรวทำแผลให้”
วิลัยที่เอยถามอาการของล้านนาพี่ชายของเธอออกมากเสร็จก็เดินมานั่งขุกเข่าลงกับพื้นทางด้านฝั่งขวามือของล้านนาพร้อมกับเงยหน้าจองสายตามองไปที่ใบหน้าล้านนาพี่ชายของเธออย่างเป็นห่วง
พอสิ้นเสียงเอยถามของล้านนาแพรวาที่นั่งขุกเข่าอยู่ด้านฝั่งซ้ายมือของล้านนาก็เงยใบหน้าอันขาวนวนชมพูของเธอขึ้นมาล้านนาพี่ชายของเธออีกครั้งแล้วเอยถามอาการของล้านนาพี่ชายของเธอด้วยความเป็นห่วงไปใยออกมาด้วยคำพูดสั้นๆ
“แล้วตรงนี้เจ็ดมากไหมพี่”
“ไม่เจ็บเท่าไรหรอกแพรวน้องพี่ ลูกผู้ชายสะบักสะบอมแค่นี้ไม่เจ็บหรอพี่เฉยๆ เหนอะลุง”
ล้านนาเอยตอบแพรวาลูกสาวน้องสาวลูกพี่ลูกน้องของตนเองออกมา พร้อมกับหันหน้าไปมองผู้ใหญ่สนที่นั่งอยู่ตรงโซฟาไม้หวายที่หันหลังติดกับระเบียงบ้านทางทิศตะวันตกเพื่อหาแนวรวมจากผู้เป็นลุงของตนเอง
แพรวาที่นั่งดูบาดแผลและรอยช้ำให้ล้านนาพี่ชายลูกพี่ลูกน้องของตนเองอยู่ก็เงยหน้าขึ้นมามองใบหน้าของล้านนาพี่ชายของเธอหลังได้ยินคำพูดของล้านนา
แล้วเอยตอบคำพูดของล้านนาพี่ชายของเธอออกมาด้วยอารมณ์น้ำเสียงที่ประชดประชันมั่นไส้ล้านนาพี่ชายลูกพี่ลูกน้องของเธอออกมา
“แม้ๆๆเจ็บขนาดนี้ยังมีหน้ามาทำปากดีอวดเก่งอีกนะพี่ พ่อก็ไม่หน้าเข้าไปห้ามพวก ไอ้ก้าน ไอ้เชิด ไอ้ดำ ไอ้สิงห์ มันเลย หน้าจะปล่อยให้พวก ไอ้ก้าน ไอ้เชิด ไอ้ดำ ไอ้สิงห์ มันเอาเท้ารุมกระทืบเสียให้เข็ดจำ จะได้นอนหยอดน้ำข้าวต้มไปเลย ซ่าดีนัก”
“เฮย ไอ้แพรวพ่อเป็นผู้ใหญ่บ้านนะวะเฮยไม่ใช่พวกชาวบ้านจะได้ยืนมองคนทะละกันแล้วไม่ทำอะไรเลย พวกลูกบ้านมีเรื่องทะเลาะวิวาทกันพ่อก็ต้องเข้าไปห้ามปรามสิวะ จะอยู่นิ่งๆยืนดูได้อย่างไง การห้ามปรามมันเป็นหน้าที่ผู้ใหญ่บ้านอย่างพ่อ”
ผู้ใหญ่สนที่ได้ยินคำพูดของแพรวาก็หันหน้าไปมองแพรวาลูกสาวของตนเองที่นั่งอยู่ข้างๆล้านนาแล้วพูดอธิบายแก้ต่างให้กับตนเองออกมาเพราะถูกแพรวาลูกสาวของตนเองพาดพิงถึง
พอสิ้นเสียงผู้ใหญ่สนแล้ว วิลัยที่นั่งคุกเข่าอยู่ด้านข้างฝั่งซ้ายของล้านนาก็หันหน้าอันขาวสวยของเธอไปมองยังผู้ใหญ่สนผู้เป็นลุงของเธอแล้วเอยพูดตอบผู้ใหญ่สนลุงของเธอออกมา
“ลุงนะ ชอบพูดอะไรเข้าข้างพี่นาอยู่ตลอดเลย พูดเข้าข้างแก้ต่างให้กันเป็นปี่เป็นขลุ่ยเลยนะ ลุง พี่นา.ฉันว่าเราหน้าจะปล่อยให้เจ็บอยู่อย่างนี้เลยดีไหมแพรวจะได้ไม่เปรียงน้ำยาล้างแผล”
พอพูดจบวิลัยก็หันหน้าไปส่งซิกให้กับแพรวาที่นั่งอยู่อีกฝั่งเพื่อหาแนวรวม ล้านนาที่นั่งให้แพรวาน้องสาวลูกพี่ลูกน้องของตนเองทำแผลให้อยู่ก็หันหน้าไปมอง
วิลัยกับแพรวา ที่นั่งชันเข่าอยู่คนระฝั่งสลับกันไปมาแล้วเอยพูดประชดประชันวิลัยกับแพรวาน้องสาวทั้งสองคนของตนเองด้วยน้ำเสียงคำพูดที่สุภาพด้วยสีหน้าหน้ายิ้มๆเสียงอย่างมีเล่ห์ในออกมา
“ใจร้ายจังเลยนะวิ แพรวน้องพี่ นี้คิดจะให้พวกไอ้ก้าน ไอ้เชิด ไอ้ดำ ไอ้สิงห์รุมกระทืบทำร้ายพี่เลยหรอ นี้พี่จะบอกอะไรให้นะ วิลัย แพรวน้องพี่ พวกไอ้ก้าน ไอ้เชิด ไอ้ดำ ไอ้สิงห์ นะพวกมันไม่คะนามือคะนาเท้าพี่หรอกจะบอกให้”
“นี้ขนาดไม่คะนามือคะนาเท้าพี่นะ พี่ยังเจ็บตัวมาขนานนี้ ถ้าคะนามือคะนาเท้าพี่มันจะขนาดไหนไม่หามพี่ส่งโรงพยาบาลเลยหรอค่ะ คุณพี่ชาย”
วิลัยที่นั่งอยู่ฝั่งขวามือของล้านนาเงยหน้าขึ้นมามองล้านนาพร้อมกับเอยพูดประชดประชันเสียงสูงใส่ล้านนาพี่ชายทันที
พอวิลัยพูดจบ ผู้ช่วยบินที่นั่งอยู่ตรงเก้าอี้รับแขกเดียวฝั่งทางทิศใต้ที่หันหลังให้ระเบียงบันไดก็ใช่มือดันตัวลุกยืนขึ้นพร้อมกับหันหน้าไปหาผู้ใหญ่สนที่นั่งอยู่ตรงโซฟาด้านข้างตนเองแล้วเอยบอกลาผู้ใหญ่สนกับล้านนา วิลัย แพรวา ที่นั่งสนทนากันอยู่ออกมา
“ผู้ใหญ่เดียวฉันขอตัวกลับก่อนนะพอดีมีธุระที่จะต้องไปทำ นา วิลัย หมอแพรว ลุงขอตัวกลับก่อนนะแล้ววันหลังจะแวะมาเที่ยวหาใหม่”
พอจบคำพูดของผู้ช่วยบิน ล้านนาที่นั่งก้มมองแพรวาที่กำลังทำแผลให้อยู่ตรงเก้าอี้รับแขกก็เงยหน้าขึ้นแล้วหันไปมองผู้ช่วยบินที่ลุกยืนขึ้นเอยพูดขอบคุณผู้ช่วยบินที่มาช่วยตนเองออกมาว่า
“ผมขอขอบคุณผู้ช่วยมากนะครับที่ไปช่วยผม ผมขอบคุณลุงจากใจจริงมากๆครับ”
ล้านนาเอยพูดออกมาด้วยคำพูดอันสุภาพพร้อมกับยกมือทั้งสองข้างขึ้นมาพนมไหว้ขอบคุณผู้ช่วยบินที่ยืนอยู่ตรงหน้าเก้าอี้โซฟา พอจบคำพูดขอบคุณของล้านนา