ที่บ้านให้เช่าอาคาร เพื่อเปิดร้านอาหาร ซึ่ง เป็นอาคารเรียงๆ กัน 3 อาคารครับ เป็นลักษณะเรียงเข้ามาจากถนนใหญ่ (มีร้านติดถนนใหญ่ร้านเดียวคือร้านที่ 1 ที่เหลือก็ถัดเข้ามาจากถนนใหญ่ตามลำดับ 1 2 3)
ร้านแรก (ติดถนน) ออกแนวร้านอาหารกึ่งร้านเหล้า ห้องแอร์ทั้งหลัง
ร้านด้านใน 2 ขายอาหารทั่วไป ไม่มีแอร์ อากาศถ่ายเทดี
ร้านด้านใน 3 ขายอาหารทั่วไป ไม่มีแอร์ อากาศถ่ายเทดี
อาคารที่เป็นประเด็นในกระทู้นี้คือ อาคารที่ติดถนนใหญ่ครับ
ผู้เช่าปัจจุบัน
กำลังหมดสัญญาเช่าเร็วๆ นี้
ร้านนี้แปลกตรงที่ว่า ตั้งแต่ปี 2562 ก่อนวิกฤติโควิดจะมา ร้านเขาแทบไม่เปิดร้านเลย
พอวิกฤติโควิดมาต้นปี 2563 ก็แทบไม่เปิดร้านเลย
วันที่เปิดร้าน (นับตั้งแต่เขามาเช่าจนถึงวันนี้) ถ้าคิดเป็นเปอร์เซ็นต์คือเปิดร้านไม่ถึง 20%
วันที่เปิดร้านลูกค้าก็ไม่ค่อยได้เข้าร้าน (ผมเห็นจากกล้องวงจรปิด) ดังนั้นไม่น่าจะมีกำไรจากการเปิดร้าน
แต่ผู้เช่าเขาก็มีเงินจ่ายค่าเช่า ไม่รู้เขาเอาเงินมาจากไหนมาจ่ายค่าเช่า จ่ายตรงบ้าง เลทบ้าง แต่เขาก็จ่าย (ผมก็แค่สงสัยในใจ)
ลักษณะร้านเขาเป็นร้านห้องแอร์ และเป็นกึ่งร้านเหล้า ทำให้เป็นอีกสาเหตุหนึ่งที่เปิดร้านไม่ได้ตามนโยบายรัฐ และมีแนวโน้มสูงว่าจะเปิดร้านไม่ได้อีกนาน (ปิดตามนโยบายรัฐ)
มีประวัติค้างค่าไฟบ่อย ที่กังวล คือ ค่าไฟสูงมากครับ สูงพอๆ กับค่าเช่า และเขาเคยค้างค่าเช่า 3 เดือน แต่เนื่องจาก นโยบายของการไฟฟ้า ที่ไม่ตัดไฟช่วงโควิด ซึ่งหมายความว่า เงินประกันที่เก็บมาไม่พอจ่ายค่าไฟฟ้า ถ้าผู้เช่าเขาย้ายหนี (ที่ผมไม่เข้าใจอีกเรื่องนึง คือ ร้านเขาไม่ค่อยได้เปิด แต่ทำไมค่าไฟสูงมาก)
เขาเคยขอลดค่าเช่า ช่วงโควิดระลอกแรก ซึ่งผมก็ลดให้เขาอยู่โดยบอกเขาว่าลดให้ 4 เดือน และผมก็ไม่แน่ใจว่าเร็วๆ นี้เขาจะขอลดค่าเช่าอีกรอบไหม
ผมเคยถามเขาว่า จะต่อสัญญาเช่าไหม เขาตอบว่า เขาจะอยู่ยาว เพราะลงทุนไปหลายแสนแล้ว เขาจะขอคืนทุนให้ได้ก่อน แล้วทำกำไร ดังนั้นเขาทิ้งร้านนี้ไปไม่ได้
ผู้เช่ารายใหม่
เขาเห็นว่าร้านนี้ไม่ค่อยเปิด เขาเลยโทรถามผมว่า เขาขอเช่า แต่ผมก็บอกเขาไปว่า ผู้เช่าเขายังเช่าอยู่ (แต่ไม่เปิดร้าน) ให้เขาโทรมาถามใหม่ช่วงใกล้หมดสัญญาเช่า
ปัญหาอื่นๆ ที่พบ
ช่วงตั้งแต่ปี 63-64 ร้าน 2 ร้านด้านใน เขาบ่นกับผมว่า ร้านด้านนอกปิดก็จะมืด ทำให้ลูกค้าคิดว่าร้านด้านในก็ปิดด้วย ทำให้ลูกค้าไม่เข้า (ผมก็ไม่รู้ว่าเกี่ยวไหม แต่ผู้เช่าร้านด้านในเขาบอกมาแบบนี้) ถึงแม้ว่าเขาจะประดับไฟตรงทางเข้าแล้วแต่ก็สู้ร้านด้านนอกเปิดร้านไม่ได้ เพราะลูกค้าจะเห็นว่าร้านด้านนอกเปิด คนเดินไปเดินมา มีลูกค้าเข้าร้าน มันทำให้ลูกค้าเขาอยากเลี้ยวรถขับเข้ามา
ความเห็นผม คือ
ใจนึงผมก็เห็นใจเขา วิกฤติโควิด อะไรมันก็แย่ไปหมด และเขาก็ยังจ่ายค่าเช่าอยู่ เขาลงทุนไปหลายแสนแล้ว เขายังไม่ทันได้ถอนทุนคืนเลย ดังนั้นถ้าผมไม่ต่อสัญญาเช่าเขาน่าจะเคืองผม
แต่อีกใจนึงผมก็คิดว่า ทำไมเขาไม่เปิดร้าน ทำไมเขาไม่ปรับตัว (ปรับตัวมาขายอาหารทั่วไป) และลึกๆ แล้วผมก็รู้สึกว่าเขาไม่ยอมรับความจริงว่าธุรกิจเขาไปไม่ได้แล้ว มีแต่ขาดทุนไปเรื่อยๆ ถ้าตัดใจจบจะได้ไม่ขาดทุนไปหนักกว่านี้ ซึ่งผมก็ไม่รู้ว่าเขาไปกู้หนี้ยืมสินใครเพื่อมาจ่ายค่าเช่าหรือเปล่า
รบกวนถามความเห็นครับ
ระหว่าง ผู้เช่าใหม่ที่เปิดร้านได้ กับ ผู้เช่าเก่าที่เช่าอยู่แต่ไม่ค่อยเปิดร้าน (แทบจะปิดร้านตลอด 2 ปีที่ผ่านมา) เลือกใครดีครับ
ขอบคุณครับ
ระหว่าง ผู้เช่าใหม่ที่เปิดร้านได้ กับ ผู้เช่าเก่าที่เช่าอยู่แต่ไม่ค่อยเปิดร้าน เลือกใครดีครับ
ร้านแรก (ติดถนน) ออกแนวร้านอาหารกึ่งร้านเหล้า ห้องแอร์ทั้งหลัง
ร้านด้านใน 2 ขายอาหารทั่วไป ไม่มีแอร์ อากาศถ่ายเทดี
ร้านด้านใน 3 ขายอาหารทั่วไป ไม่มีแอร์ อากาศถ่ายเทดี
อาคารที่เป็นประเด็นในกระทู้นี้คือ อาคารที่ติดถนนใหญ่ครับ
ผู้เช่าปัจจุบัน
กำลังหมดสัญญาเช่าเร็วๆ นี้
ร้านนี้แปลกตรงที่ว่า ตั้งแต่ปี 2562 ก่อนวิกฤติโควิดจะมา ร้านเขาแทบไม่เปิดร้านเลย
พอวิกฤติโควิดมาต้นปี 2563 ก็แทบไม่เปิดร้านเลย
วันที่เปิดร้าน (นับตั้งแต่เขามาเช่าจนถึงวันนี้) ถ้าคิดเป็นเปอร์เซ็นต์คือเปิดร้านไม่ถึง 20%
วันที่เปิดร้านลูกค้าก็ไม่ค่อยได้เข้าร้าน (ผมเห็นจากกล้องวงจรปิด) ดังนั้นไม่น่าจะมีกำไรจากการเปิดร้าน
แต่ผู้เช่าเขาก็มีเงินจ่ายค่าเช่า ไม่รู้เขาเอาเงินมาจากไหนมาจ่ายค่าเช่า จ่ายตรงบ้าง เลทบ้าง แต่เขาก็จ่าย (ผมก็แค่สงสัยในใจ)
ลักษณะร้านเขาเป็นร้านห้องแอร์ และเป็นกึ่งร้านเหล้า ทำให้เป็นอีกสาเหตุหนึ่งที่เปิดร้านไม่ได้ตามนโยบายรัฐ และมีแนวโน้มสูงว่าจะเปิดร้านไม่ได้อีกนาน (ปิดตามนโยบายรัฐ)
มีประวัติค้างค่าไฟบ่อย ที่กังวล คือ ค่าไฟสูงมากครับ สูงพอๆ กับค่าเช่า และเขาเคยค้างค่าเช่า 3 เดือน แต่เนื่องจาก นโยบายของการไฟฟ้า ที่ไม่ตัดไฟช่วงโควิด ซึ่งหมายความว่า เงินประกันที่เก็บมาไม่พอจ่ายค่าไฟฟ้า ถ้าผู้เช่าเขาย้ายหนี (ที่ผมไม่เข้าใจอีกเรื่องนึง คือ ร้านเขาไม่ค่อยได้เปิด แต่ทำไมค่าไฟสูงมาก)
เขาเคยขอลดค่าเช่า ช่วงโควิดระลอกแรก ซึ่งผมก็ลดให้เขาอยู่โดยบอกเขาว่าลดให้ 4 เดือน และผมก็ไม่แน่ใจว่าเร็วๆ นี้เขาจะขอลดค่าเช่าอีกรอบไหม
ผมเคยถามเขาว่า จะต่อสัญญาเช่าไหม เขาตอบว่า เขาจะอยู่ยาว เพราะลงทุนไปหลายแสนแล้ว เขาจะขอคืนทุนให้ได้ก่อน แล้วทำกำไร ดังนั้นเขาทิ้งร้านนี้ไปไม่ได้
ผู้เช่ารายใหม่
เขาเห็นว่าร้านนี้ไม่ค่อยเปิด เขาเลยโทรถามผมว่า เขาขอเช่า แต่ผมก็บอกเขาไปว่า ผู้เช่าเขายังเช่าอยู่ (แต่ไม่เปิดร้าน) ให้เขาโทรมาถามใหม่ช่วงใกล้หมดสัญญาเช่า
ปัญหาอื่นๆ ที่พบ
ช่วงตั้งแต่ปี 63-64 ร้าน 2 ร้านด้านใน เขาบ่นกับผมว่า ร้านด้านนอกปิดก็จะมืด ทำให้ลูกค้าคิดว่าร้านด้านในก็ปิดด้วย ทำให้ลูกค้าไม่เข้า (ผมก็ไม่รู้ว่าเกี่ยวไหม แต่ผู้เช่าร้านด้านในเขาบอกมาแบบนี้) ถึงแม้ว่าเขาจะประดับไฟตรงทางเข้าแล้วแต่ก็สู้ร้านด้านนอกเปิดร้านไม่ได้ เพราะลูกค้าจะเห็นว่าร้านด้านนอกเปิด คนเดินไปเดินมา มีลูกค้าเข้าร้าน มันทำให้ลูกค้าเขาอยากเลี้ยวรถขับเข้ามา
ความเห็นผม คือ
ใจนึงผมก็เห็นใจเขา วิกฤติโควิด อะไรมันก็แย่ไปหมด และเขาก็ยังจ่ายค่าเช่าอยู่ เขาลงทุนไปหลายแสนแล้ว เขายังไม่ทันได้ถอนทุนคืนเลย ดังนั้นถ้าผมไม่ต่อสัญญาเช่าเขาน่าจะเคืองผม
แต่อีกใจนึงผมก็คิดว่า ทำไมเขาไม่เปิดร้าน ทำไมเขาไม่ปรับตัว (ปรับตัวมาขายอาหารทั่วไป) และลึกๆ แล้วผมก็รู้สึกว่าเขาไม่ยอมรับความจริงว่าธุรกิจเขาไปไม่ได้แล้ว มีแต่ขาดทุนไปเรื่อยๆ ถ้าตัดใจจบจะได้ไม่ขาดทุนไปหนักกว่านี้ ซึ่งผมก็ไม่รู้ว่าเขาไปกู้หนี้ยืมสินใครเพื่อมาจ่ายค่าเช่าหรือเปล่า
รบกวนถามความเห็นครับ
ระหว่าง ผู้เช่าใหม่ที่เปิดร้านได้ กับ ผู้เช่าเก่าที่เช่าอยู่แต่ไม่ค่อยเปิดร้าน (แทบจะปิดร้านตลอด 2 ปีที่ผ่านมา) เลือกใครดีครับ
ขอบคุณครับ