ถุงมือเรื่องสั้น เรื่องที่ 2 (วีคนี้ประเดิมด้วย 2 เรื่องครับ มีแค่นี้ ยังรอเรื่องจากท่านอื่นอยู่ครับ)
เรื่องนี้เกี่ยวกับความรักของคู่สามีภรรยา...ซึ่งพออยู่ด้วยกันไปนานๆ เข้า ก็เหมือนลิ้นกับฟัน เป็นธรรมดาที่จะกระทบกระทั่งกัน เมื่อเกิดความขัดแย้งกันมากเข้า ฝ่ายภรรยาอดรนทนไม่ได้ ตัดสินใจหอบลูกสาวตัวน้อยหนีออกจากบ้านไปซะยังงั้น
ฝ่ายสามี พอภรรยาจากไป ก็เริ่มเกิดความเงียบเหงา เวลาว่างเมื่อไม่รู้จะไปไหน จึงไปนั่งดื่มกาแฟ ที่ร้านขาประจำ มีเรื่องราวอะไรก็ระบายกับเจ้าของร้านซึ่งก็เป็นผู้ฟังที่ดี...และดีกว่านั้นเสียอีก...
ดีกว่านั้น อย่างไร ?? ตามไปหาคำตอบกันครับ ^^
“ร้านกาแฟ ดูแลหัวใจ” เป็นชื่อร้านกาแฟมีคลาส ข้างถนน ปากซอย มีลูกค้าไม่มาก แต่ก็ไม่น้อย ส่วนใหญ่เป็นขาประจำ เหตุการณ์วันเวลาผ่านไป ร้านกาแฟยังคงอยู่
เจ้าของร้านเป็นสาวสวย วางตัวดี มรรยาทเรียบร้อย เป็นส่วนหนึ่งทำให้ร้านยีนหยัดมาได้นับสิบกว่าปี ทั้งที่กระแสโควิด 19 กำลังส่งผลอย่างหนักแต่ร้านก็ยังอยู่ได้
สองเดือนที่ผ่านมา
ธนธีร์ มักจะมานั่งร้านกาแฟหลังเลิกงานเสมอ
ไม่ใช่เพราะหิวกาแฟ เขาเพียงสั่งมาประดับโต๊ะเท่านั้น
เขาไม่ได้มาร้านกาแฟแห่งนี้มานาน ห่างหายไปนาน ทั้งที่ก่อนหน้านั้นมานั่งดื่มกาแฟแทบทุกวันหลังจากเลิกงาน เป็นเวลาหลายปี เจ้าของร้านกาแฟก็ยังจดจำเขาได้ ให้การต้อนรับลูกค้าเก่าอย่างคุ้นเคย
เจ็ดปีกว่า กับหายไปจากร้านกาแฟที่มักมานั่งประจำมา จากก่อนแต่งงาน จนเขาแต่งงาน มีครอบครัว สาเหตุของการห่างหายไปจากร้านกาแฟ เพราะคำว่า
แต่งงาน ที่เปลี่ยนพฤติกรรมตามประสาคนเห่อครอบครัว
กี่ปีนะ
ก็ประมาณเจ็ดปี
เวลาเจ็ดปี สำหรับอะไรหลายอย่างเปลี่ยนไป สามสี่ปีแรกความรักหวานชื่น แต่หลังจากนั้น รอยแห่งความร้าวฉานเริ่มปรากฏ ธนธีร์เริ่มกลับบ้านมืดค่ำ เที่ยวเตร่ไปกับเพื่อนฝูง
ส่วน
วจีผู้เป็นภรรยา จากที่เคยหุ่นนางแบบก็เริ่มสมบูรณ์ขึ้น พอแต่งงานได้สามปี ก็มีสมาชิกคนใหม่ ลูกสาวที่น่ารักคนหนึ่ง ทำให้วจีต้องลาออกจากงานประจำ ทำหน้าที่แม่บ้านเต็มตัว
จุดเริ่มต้นของปัญหา
ตำแหน่ง
“แม่บ้าน” ทำให้หลายอย่างเปลี่ยนไป ไม่ว่าจะเป็นเขาหรือเธอ แต่อะไรก็ไม่ร้ายเท่า วาจาของวจี ใครกันนะตั้งชื่อให้ว่า วจี หล่อนจึงพูดเก่งเป็นต่อยหอย เริ่มตั้งแต่ที่สามีย่างเท้าเข้าบ้าน วจีก็จะเริ่มบ่นทุกเรื่อง
แรกๆ ธนธีร์ก็ฝืนทน เพราะรู้ว่าการดูแลลูกตามลำพังทั้งวัน ไม่ใช่เรื่องง่าย ยิ่งมือใหม่อย่างเธอ แม้จะมีคุณแม่ของวจีมาช่วยดูแลบ้างในบางครั้ง ก็ส่วนใหญ่งานหนักเธอยังต้องแบกรับ แต่พอนานวันเข้า ชายหนุ่มเริ่มประสาทเสีย เพราะเสียงเคยออดอ้อนระรื่นหู กลายเป็นเสียงกัดกร่อนความรู้สึก
มันจำเป็นต้องบ่นต้องว่าไปทุกเรื่องเลยเหรอ เขายกประเด็นนี้มาปรึกษาเพื่อนในวงสนทนานับครั้งไม่ถ้วน เพื่อนก็ได้แต่รับฟังปลอบใจ ให้กำลังใจกันไป ไม่มีใครอยากเห็นความแตกแยก
เขาจึงแก้ปัญหาด้วยการเที่ยวนอกบ้าน กลับมาก็หลับเป็นตาย ดื่มเพื่อลืมความขุ่นมัว แต่รุ่งเช้าก็ต้องตื่นขึ้นมารับรู้สภาพอยู่ดี ความหงุดหงิดทำให้เขากับลูกตัวน้อย ไม่ค่อยได้ใกล้ชิดกัน ตามประสาพ่อลูกเท่าที่ควร
ปัญหาครอบครัว หลายคู่ไม่ได้เกิดจากเรื่องใหญ่โต แต่เกิดจากเรื่องเพียงเล็กน้อย ที่เพาะบ่มจนขยายใหญ่ งอกงามปิดบังความสุขของครอบครัว ให้อยู่ในความหม่นมัว
การใช้ชีวิตคู่ไม่ได้ง่ายดายอย่างที่คิด เขาเพียงแปลกใจว่าทำไมเพื่อนของเขาหลายคน ที่เวลาสังสรรค์ มักบ่นเรื่องเมีย ระบายให้ฟังทุกครั้งทุกงาน แต่กลับอยู่ด้วยกันยืดยาวได้จนบัดนี้
เจ้าของร้านกาแฟ เป็นหญิงสาวอายุน่าจะประมาณสี่สิบปีขึ้น แต่ยังดูสวย หุ่นดีกว่าภรรยาของเขาเสียอีก เห็นว่านานๆ ทีสามีของหล่อนจะโผล่มาที่ร้าน ท่าทางรักใคร่กันดี ทำให้ธนธีร์แอบอิจฉาไม่ได้ ทำไมอยู่กันแบบไม่มีปัญหา
ด้วยความที่คุ้นหน้ากันมานาน ระหว่างเจ้าของร้านกับลูกค้า ทำให้เจ้าของสาวร้าน แวะมาทักทาย นั่งพูดคุยกับชายหนุ่ม ตามประสาคนคุ้นเคย ถามว่าหายไปไหนนานมาก เธอแสดงความแปลกใจ เมื่อเขาเผลอเล่าปัญหาครอบครัวให้เธอฟังหลายครั้ง
โดยเฉพาะปัญหาใหญ่ ที่ทำให้เขาต้องกลับมา เป็นขาประจำ นั่งดื่มกาแฟที่ร้านนี้ทุกวัน อีกครั้ง
สองเดือนที่แล้ว วจีกับลูกพากันหนีหายไปจากบ้าน
หายไปแบบไม่มีการเตือนล่วงหน้า เขากลับบ้านตอนมืด ก็พบว่าสิ่งของเครื่องใช้จำเป็นของเธอและลูกหายไปเสียแล้ว พร้อมรถเก๋งของเธอ
ธนธีร์ยืนงงกับเหตุการณ์ ไม่นึกว่า วจีจะกล้าทำเพียงนี้ ใจหายเมื่อนึกถึงลูกสาววัยสามขวบกว่า กำลังน่ารัก นั่นเป็นแรงจูงใจสิ่งเดียวที่ดึงดูดเขากลับบ้าน
เขานึกโกรธวจีขึ้นมาทันที เธอไม่มีสิทธิ์จะพาลูกสาวหนีไปจากผู้เป็นพ่อ อย่างน้อยก็ควรบอกกันก่อน แต่นี่ไม่มีแม้ข้อความบอกเหตุผลการลาจาก
คืนนั้นชายหนุ่มเข้านอนด้วยความรู้สึกโมโห จนอยากฆ่าใครบางคน
แต่ในที่สุด วจีไม่มีสิทธิ์พาลูกหนีไปที่อื่น
เขาหลับไปได้ในที่สุด ไม่มีเสียงอะไรมารบกวนโสตประสาท ความสุขสงบน่าจะกลับคืนมาได้แล้ว
ธนธีร์ประกาศความเป็นโสด เปิดโต๊ะเลี้ยงฉลองที่ร้านอาหารประจำ แต่บรรดาเพื่อนที่ได้รับรู้ข่าว กลับไม่มีใครมีสีหน้าท่าทางสบายใจเลยสักคน ทำให้ชายหนุ่มรู้สึกผิดหวังพอสมควร
“แล้วแกไม่คิดถึงลูกบ้างเหรอวะ” จำได้ว่าเพื่อนคนหนึ่งถามประโยคสำคัญ ทำให้เขารู้สึกเจ็บจุกขึ้นมาทันที จำไม่ได้ว่าตอบเพื่อนไปอย่างไรบ้าง ถ้าวจีจากไปคนเดียว เขาคงไม่รู้สึกอะไรมาก ก็แค่คนที่เคยรักเคยอยู่ด้วยกัน เท่านั้น
“ผมไม่ได้ผิดใช่ไหม ผมไม่ได้ไล่เธอออกจากบ้าน เธอไปของเธอเอง”
ธนธีร์ถามความเห็นของสาวเจ้าของร้าน หลังจากเล่าเรื่องราวของครอบครัวให้เธอฟัง หญิงสาวยิ้มอย่างเห็นใจ ไม่ได้ตอบคำถามของธนธีร์ แต่ถามอย่างอื่นแทน
“ทำไมคุณถึงกลับมาดื่มกาแฟที่นี่อีกล่ะคะ”
น่าแปลกที่ว่า เป็นคำถามทำให้ชายหนุ่มยิ้มออกมาได้เล็กน้อย แม้จะดูฝืนๆ ก็ตาม
“ก็อย่างที่คุณรู้นั่นละครับ” เขาพูดพลางทำหน้าครุ่นคิด มือเขี่ยแก้วกาแฟเย็นชืดเล่นไปมา “ผมกับวจีเจอกันครั้งแรก ที่ร้านกาแฟนี่ละ จำได้ว่าวันนั้นเธอน่ารักมาก”
“แสดงว่าที่คุณมาที่นี่ เพื่อระลึกถึงความหลัง เหรอคะ”
“มันก็ไม่เชิงหรอกครับ บางทีผมอาจไม่รู้ว่าจะไปไหน”
เจ้าของร้านสาวพยักหน้าอย่างเข้าใจ การดูแลร้านกาแฟของเธอมายาวนานนับสิบกว่าปี ทำให้เธอรู้จักอีกมุมมองหนึ่งของเสี้ยวชีวิต ลูกค้าที่ผ่านมาผ่านไป มีความหมายและจุดหมายของแต่ละคน บางคนมาเพื่อจมอยู่กับอดีต บางคนมาเพื่ออยู่กับตัวเอง บางคนก็มาเพื่อใครบางคน แต่ละคน แต่ละวัน แตกต่างไม่จำเจเหมือนงานประจำ
ลูกค้าคือคนสำคัญ นี่เองทำให้เธอคอยพูดคุยซักถามลูกค้า ด้วยความจริงใจ เสมอมา
“ค่ะ ฉันพอรู้ ฉันเองหลายครั้งก็ท้อถอยกับกิจการของร้านกาแฟ ไม่ได้สวยหรูดูดีทุกเวลาหรอกค่ะ ยิ่งพักนี้เศรษฐกิจแย่ลง แต่ฉันก็ค่อยแก้ปัญหาไป เพราะใจรักร้านกาแฟ คงไม่ปล่อยมันทิ้งไปง่ายๆ หรอกนะคะ รักและดูแลร้านที่เรารัก เหมือนดูแลหัวใจตัวเองและหัวใจสิ่งที่เรารัก ตรงไหนพอเปลี่ยนได้ก็เปลี่ยน ตรงไหนแก้ได้ก็แก้ แก้ไม่ไหวก็ปิดร้านสักระยะ การห่างหายทำให้รู้จักหัวใจของตัวเอง เรื่อยๆมาแบบนี้ ก็พออยู่ต่อได้ค่ะ”
“แล้วถ้าตรงไหนมันแก้ไม่ได้จริง ๆ ล่ะครับ” เขาถามกึ่งเล่นกึ่งจริง
“ก็ ปล่อยไว้อย่างนั้น เราก็
แค่เปลี่ยนมุมมอง แล้วอยู่กับมันให้ได้ค่ะ นึกว่าเป็นงานศิลปะของชีวิตไปก็แล้วกัน”
แล้วทั้งลูกค้าและเจ้าของร้านก็หัวเราะออกมาพร้อมกัน โดยไม่ได้นัดหมาย ก่อนหญิงสาวจะขอตัวไปต้อนรับลูกค้า ซึ่งต้องดูแลมาตรการป้องกันไวรัสโควิด 19 ทั้งวัดอุณหภูมิ ทั้งเจลแอลกอฮอล์ เต็มรูปแบบ เพราะที่นี่คือร้านของเธอ ชีวิตของเธอ ไม่ว่ายังไงก็คงไม่ปล่อยมือไปโดยง่าย
เปลี่ยนมุมมองเหรอ ธนธีร์ คิดในใจ ไม่รู้หรอกว่าหมายถึงอะไร แต่ที่แน่ๆ หลังจากการหนีหายของวจีกับลูก เขาเริ่มคิดถึงบางอย่างที่ขาดหาย บางอย่างที่กลับมา
อิสรภาพที่กลับมา ไม่ต้องมีเสียงพร่ำบ่นให้รำคาญ
สิ่งที่ขาดหายไป ก็คือเสียงพร่ำบ่นน่ารำคาญอีกนั่นละ
เริ่มจากการรู้สึกเหงาอย่างพิกล เมื่อความเงียบเข้ามาในบ้าน ทำให้มีเวลาคิดอะไรมากขึ้น วจี ผู้หญิงที่แสนน่ารำคาญคนนั้น ลูกสาวกำลังน่ารัก ไม่รู้ว่าเป็นตายร้ายดียังไง สอบถามไปทางบ้านแม่ยายพ่อตา ก็บอกว่า วจีไม่ได้กลับบ้าน
จะจริงหรือไม่จริง ไม่รู้ แต่เขาก็ไม่กล้าบุกไปพิสูจน์ เพราะน้ำเสียงที่ตอบมา เย็นชาห่างเหิน ราวคนไม่เคยรู้จักกัน
เขาเริ่มเป็นห่วง กังวล
วจีผู้พร่ำบ่น แต่หลังจากบ่น เธอก็มักมีรอยยิ้มให้เขาเสมอ อาหารการกินเตรียมพร้อมให้ไม่เคยขาด แม้ในวันที่เขาเมากลับบ้านและไม่ได้แตะต้องอาหารเลยก็ตาม ข้าวของในบ้านเรียบร้อยสะอาดเป็นระเบียบเสมอมา นับวันสิ่งที่ขาดหายไปยิ่งชัดเจนตอกย้ำมากขึ้น
นี่คือสาเหตุที่ธนธีร์กลับมา ดื่มกาแฟที่ร้านนี้อีกครั้ง
คิดถึงสมัยแรกรัก เขาจะมาร้านกาแฟก่อนเธอ เลือกโต๊ะที่มองประตูร้านชัดเจนที่สุด เพื่อที่จะจับภาพของวจี สาวน้อยผู้เดินเข้าร้านมาพร้อมด้วยรอยยิ้มสดใส
วันนี้เขากลับมาทำอย่างเดิมอีกครั้ง นั่งโต๊ะเดิม ตำแหน่งเดิม สายตาเฝ้ามอง
เพียงวันนี้ และวันที่ผ่านมา ไม่มีแม้เงาของวจี
ทั้งที่เป็นความหวัง ความฝัน ที่เลือนราง เหตุการณ์ผ่านมาแล้วผ่านไปไม่หวนคืน ความรักก็คงเช่นกัน พัดผ่านมาแล้วผ่านไป
ระยะห่าง ทำให้รู้ระยะหัวใจของความรัก ชายหนุ่มแน่ใจยิ่งกว่าก่อนแต่งงานเสียอีก แต่ก็สายเกินไป เธอจากไป ทั้งที่เขาพร้อมแล้วกับการปรับปรุงตัวเองให้เป็นคนใหม่ที่ดีขึ้น
ชายหนุ่มจมอยู่กับอดีต จนร้านปิด เวลากลับบ้านมาถึงเสียที หญิงสาวเจ้าของร้านพาพนักงานทำความสะอาดตามปกติ แต่วันนี้เธอหันมายิ้มให้เขา คงจะเป็นการให้กำลังใจกับลูกค้าผู้มีสีหน้าท่าทางเบื่อโลกเต็มที
บ้านที่มีแต่ความเงียบอ้างว้างรอคอย รอยยิ้ม เสียงหัวเราะ เสียงพร่ำบ่นหายไปนาน ธนธีร์กลับบ้านด้วยหัวใจเหี่ยวแห้งสิ้นหวัง อยากให้ภาพเก่า ๆ กลับมาเป็นจริงเหลือเกิน
วจี... คุณกลับมาหาผมเถอะ มาบ่นให้ผมฟัง พาลูกของเรากลับมาด้วย
บ้านเปิดไฟสว่าง ธนธีร์นึกตำหนิตัวเองที่เปิดไฟทิ้งเอาไว้ แต่พอเดินเข้าบ้านต้องชะงัก
อาหารวางบนโต๊ะพร้อมกิน ข้าวของที่กระจัดกระจายเป็นระเบียบเรียบร้อยอย่างไม่น่าเป็นไปได้
ขณะที่กำลังยืนตะลึงด้วยความไม่เข้าใจ ใครบางคนก็เดินมาจากห้องครัว พร้อมรอยยิ้ม เรือนร่างผอมบางลงอย่างเห็นได้ชัด
“วจี...” ธนธีร์อุทานเสียงหลง แทบไม่เชื่อสายตาตัวเอง
“นี่คุณ คุณมาได้ไง”
“อ้าว ทำไมจะมาไม่ได้ นี่บ้านของเราไม่ใช่เหรอคะ ไม่ต้องบอกก็รู้ว่าคุณยังไม่ได้ทานข้าว ดึกแล้ว ลูกของเราเข้านอนเรียบร้อย มาเลยค่ะ อาหารพร้อมค่ะ”
ธนธีร์พูดอะไรไม่ออก แต่เริ่มมีน้ำตารื้น ซึ่งอาการนี้ก็ไม่ต่างจากผู้เป็นภรรยาเลยสักนิด ก่อนที่ทั้งสองจะเดินตรงเข้าหากัน โอบกอดกันและกันไว้ ราวกับว่าชีวิตนี้ จะไม่มีวันปล่อยกันไปให้หลุดลอยไปอีกแล้ว
“คุณไม่ต้องอธิบายอะไรทั้งนั้น” เขากระซิบข้างหู
“งั้นก็ไม่ต้องบอกว่าคิดถึงแค่ไหนนะคะ”
จากนั้น ไม่มีใครพูดอะไร ปล่อยให้หัวใจสื่อสารกัน สายลมพัดผ่านไป แต่บางครั้งสายลมก็พัดหวน
สิ่งทที่ธนธีร์ไม่เคยรู้ คือ ในร้านกาแฟ ภรรยาของเขาก็มักมานั่งหลบมุมอยู่เช่นกัน ตำแหน่งที่สังเกตเห็นธนธีร์ถนัดตาที่สุด โดยที่เขาไม่รู้ตัว เฝ้าสังเกตความเป็นไปของสามีตัวดีอย่างอดทน
ใช่..... ไม่แปลกหรอก...ในกรณีที่สาวเจ้าของร้านและวจี จะมีเบอร์โทรศัพท์ มีไลน์ ติดต่อกันเสมอ ในฐานะลูกค้าขาประจำ
ใช่...... มันเป็นหน้าที่ของ ร้านกาแฟ ดูแลหัวใจ
-------------/// จบ ///-------------
💚💜🏡 ถุงมือเรื่องสั้น สมัยสุดท้าย Week#1/2 "ร้านกาแฟ ดูแลหัวใจ" - ถุงมือ ดาหลา 🏡💙💚
เรื่องนี้เกี่ยวกับความรักของคู่สามีภรรยา...ซึ่งพออยู่ด้วยกันไปนานๆ เข้า ก็เหมือนลิ้นกับฟัน เป็นธรรมดาที่จะกระทบกระทั่งกัน เมื่อเกิดความขัดแย้งกันมากเข้า ฝ่ายภรรยาอดรนทนไม่ได้ ตัดสินใจหอบลูกสาวตัวน้อยหนีออกจากบ้านไปซะยังงั้น
ฝ่ายสามี พอภรรยาจากไป ก็เริ่มเกิดความเงียบเหงา เวลาว่างเมื่อไม่รู้จะไปไหน จึงไปนั่งดื่มกาแฟ ที่ร้านขาประจำ มีเรื่องราวอะไรก็ระบายกับเจ้าของร้านซึ่งก็เป็นผู้ฟังที่ดี...และดีกว่านั้นเสียอีก...
ดีกว่านั้น อย่างไร ?? ตามไปหาคำตอบกันครับ ^^
“ร้านกาแฟ ดูแลหัวใจ” เป็นชื่อร้านกาแฟมีคลาส ข้างถนน ปากซอย มีลูกค้าไม่มาก แต่ก็ไม่น้อย ส่วนใหญ่เป็นขาประจำ เหตุการณ์วันเวลาผ่านไป ร้านกาแฟยังคงอยู่
เจ้าของร้านเป็นสาวสวย วางตัวดี มรรยาทเรียบร้อย เป็นส่วนหนึ่งทำให้ร้านยีนหยัดมาได้นับสิบกว่าปี ทั้งที่กระแสโควิด 19 กำลังส่งผลอย่างหนักแต่ร้านก็ยังอยู่ได้
สองเดือนที่ผ่านมา ธนธีร์ มักจะมานั่งร้านกาแฟหลังเลิกงานเสมอ
ไม่ใช่เพราะหิวกาแฟ เขาเพียงสั่งมาประดับโต๊ะเท่านั้น
เขาไม่ได้มาร้านกาแฟแห่งนี้มานาน ห่างหายไปนาน ทั้งที่ก่อนหน้านั้นมานั่งดื่มกาแฟแทบทุกวันหลังจากเลิกงาน เป็นเวลาหลายปี เจ้าของร้านกาแฟก็ยังจดจำเขาได้ ให้การต้อนรับลูกค้าเก่าอย่างคุ้นเคย
เจ็ดปีกว่า กับหายไปจากร้านกาแฟที่มักมานั่งประจำมา จากก่อนแต่งงาน จนเขาแต่งงาน มีครอบครัว สาเหตุของการห่างหายไปจากร้านกาแฟ เพราะคำว่า แต่งงาน ที่เปลี่ยนพฤติกรรมตามประสาคนเห่อครอบครัว
กี่ปีนะ
ก็ประมาณเจ็ดปี
เวลาเจ็ดปี สำหรับอะไรหลายอย่างเปลี่ยนไป สามสี่ปีแรกความรักหวานชื่น แต่หลังจากนั้น รอยแห่งความร้าวฉานเริ่มปรากฏ ธนธีร์เริ่มกลับบ้านมืดค่ำ เที่ยวเตร่ไปกับเพื่อนฝูง
ส่วนวจีผู้เป็นภรรยา จากที่เคยหุ่นนางแบบก็เริ่มสมบูรณ์ขึ้น พอแต่งงานได้สามปี ก็มีสมาชิกคนใหม่ ลูกสาวที่น่ารักคนหนึ่ง ทำให้วจีต้องลาออกจากงานประจำ ทำหน้าที่แม่บ้านเต็มตัว
จุดเริ่มต้นของปัญหา
ตำแหน่ง “แม่บ้าน” ทำให้หลายอย่างเปลี่ยนไป ไม่ว่าจะเป็นเขาหรือเธอ แต่อะไรก็ไม่ร้ายเท่า วาจาของวจี ใครกันนะตั้งชื่อให้ว่า วจี หล่อนจึงพูดเก่งเป็นต่อยหอย เริ่มตั้งแต่ที่สามีย่างเท้าเข้าบ้าน วจีก็จะเริ่มบ่นทุกเรื่อง
แรกๆ ธนธีร์ก็ฝืนทน เพราะรู้ว่าการดูแลลูกตามลำพังทั้งวัน ไม่ใช่เรื่องง่าย ยิ่งมือใหม่อย่างเธอ แม้จะมีคุณแม่ของวจีมาช่วยดูแลบ้างในบางครั้ง ก็ส่วนใหญ่งานหนักเธอยังต้องแบกรับ แต่พอนานวันเข้า ชายหนุ่มเริ่มประสาทเสีย เพราะเสียงเคยออดอ้อนระรื่นหู กลายเป็นเสียงกัดกร่อนความรู้สึก
มันจำเป็นต้องบ่นต้องว่าไปทุกเรื่องเลยเหรอ เขายกประเด็นนี้มาปรึกษาเพื่อนในวงสนทนานับครั้งไม่ถ้วน เพื่อนก็ได้แต่รับฟังปลอบใจ ให้กำลังใจกันไป ไม่มีใครอยากเห็นความแตกแยก
เขาจึงแก้ปัญหาด้วยการเที่ยวนอกบ้าน กลับมาก็หลับเป็นตาย ดื่มเพื่อลืมความขุ่นมัว แต่รุ่งเช้าก็ต้องตื่นขึ้นมารับรู้สภาพอยู่ดี ความหงุดหงิดทำให้เขากับลูกตัวน้อย ไม่ค่อยได้ใกล้ชิดกัน ตามประสาพ่อลูกเท่าที่ควร
ปัญหาครอบครัว หลายคู่ไม่ได้เกิดจากเรื่องใหญ่โต แต่เกิดจากเรื่องเพียงเล็กน้อย ที่เพาะบ่มจนขยายใหญ่ งอกงามปิดบังความสุขของครอบครัว ให้อยู่ในความหม่นมัว
การใช้ชีวิตคู่ไม่ได้ง่ายดายอย่างที่คิด เขาเพียงแปลกใจว่าทำไมเพื่อนของเขาหลายคน ที่เวลาสังสรรค์ มักบ่นเรื่องเมีย ระบายให้ฟังทุกครั้งทุกงาน แต่กลับอยู่ด้วยกันยืดยาวได้จนบัดนี้
เจ้าของร้านกาแฟ เป็นหญิงสาวอายุน่าจะประมาณสี่สิบปีขึ้น แต่ยังดูสวย หุ่นดีกว่าภรรยาของเขาเสียอีก เห็นว่านานๆ ทีสามีของหล่อนจะโผล่มาที่ร้าน ท่าทางรักใคร่กันดี ทำให้ธนธีร์แอบอิจฉาไม่ได้ ทำไมอยู่กันแบบไม่มีปัญหา
ด้วยความที่คุ้นหน้ากันมานาน ระหว่างเจ้าของร้านกับลูกค้า ทำให้เจ้าของสาวร้าน แวะมาทักทาย นั่งพูดคุยกับชายหนุ่ม ตามประสาคนคุ้นเคย ถามว่าหายไปไหนนานมาก เธอแสดงความแปลกใจ เมื่อเขาเผลอเล่าปัญหาครอบครัวให้เธอฟังหลายครั้ง
โดยเฉพาะปัญหาใหญ่ ที่ทำให้เขาต้องกลับมา เป็นขาประจำ นั่งดื่มกาแฟที่ร้านนี้ทุกวัน อีกครั้ง
สองเดือนที่แล้ว วจีกับลูกพากันหนีหายไปจากบ้าน
หายไปแบบไม่มีการเตือนล่วงหน้า เขากลับบ้านตอนมืด ก็พบว่าสิ่งของเครื่องใช้จำเป็นของเธอและลูกหายไปเสียแล้ว พร้อมรถเก๋งของเธอ
ธนธีร์ยืนงงกับเหตุการณ์ ไม่นึกว่า วจีจะกล้าทำเพียงนี้ ใจหายเมื่อนึกถึงลูกสาววัยสามขวบกว่า กำลังน่ารัก นั่นเป็นแรงจูงใจสิ่งเดียวที่ดึงดูดเขากลับบ้าน
เขานึกโกรธวจีขึ้นมาทันที เธอไม่มีสิทธิ์จะพาลูกสาวหนีไปจากผู้เป็นพ่อ อย่างน้อยก็ควรบอกกันก่อน แต่นี่ไม่มีแม้ข้อความบอกเหตุผลการลาจาก
คืนนั้นชายหนุ่มเข้านอนด้วยความรู้สึกโมโห จนอยากฆ่าใครบางคน
แต่ในที่สุด วจีไม่มีสิทธิ์พาลูกหนีไปที่อื่น
เขาหลับไปได้ในที่สุด ไม่มีเสียงอะไรมารบกวนโสตประสาท ความสุขสงบน่าจะกลับคืนมาได้แล้ว
ธนธีร์ประกาศความเป็นโสด เปิดโต๊ะเลี้ยงฉลองที่ร้านอาหารประจำ แต่บรรดาเพื่อนที่ได้รับรู้ข่าว กลับไม่มีใครมีสีหน้าท่าทางสบายใจเลยสักคน ทำให้ชายหนุ่มรู้สึกผิดหวังพอสมควร
“แล้วแกไม่คิดถึงลูกบ้างเหรอวะ” จำได้ว่าเพื่อนคนหนึ่งถามประโยคสำคัญ ทำให้เขารู้สึกเจ็บจุกขึ้นมาทันที จำไม่ได้ว่าตอบเพื่อนไปอย่างไรบ้าง ถ้าวจีจากไปคนเดียว เขาคงไม่รู้สึกอะไรมาก ก็แค่คนที่เคยรักเคยอยู่ด้วยกัน เท่านั้น
“ผมไม่ได้ผิดใช่ไหม ผมไม่ได้ไล่เธอออกจากบ้าน เธอไปของเธอเอง”
ธนธีร์ถามความเห็นของสาวเจ้าของร้าน หลังจากเล่าเรื่องราวของครอบครัวให้เธอฟัง หญิงสาวยิ้มอย่างเห็นใจ ไม่ได้ตอบคำถามของธนธีร์ แต่ถามอย่างอื่นแทน
“ทำไมคุณถึงกลับมาดื่มกาแฟที่นี่อีกล่ะคะ”
น่าแปลกที่ว่า เป็นคำถามทำให้ชายหนุ่มยิ้มออกมาได้เล็กน้อย แม้จะดูฝืนๆ ก็ตาม
“ก็อย่างที่คุณรู้นั่นละครับ” เขาพูดพลางทำหน้าครุ่นคิด มือเขี่ยแก้วกาแฟเย็นชืดเล่นไปมา “ผมกับวจีเจอกันครั้งแรก ที่ร้านกาแฟนี่ละ จำได้ว่าวันนั้นเธอน่ารักมาก”
“แสดงว่าที่คุณมาที่นี่ เพื่อระลึกถึงความหลัง เหรอคะ”
“มันก็ไม่เชิงหรอกครับ บางทีผมอาจไม่รู้ว่าจะไปไหน”
เจ้าของร้านสาวพยักหน้าอย่างเข้าใจ การดูแลร้านกาแฟของเธอมายาวนานนับสิบกว่าปี ทำให้เธอรู้จักอีกมุมมองหนึ่งของเสี้ยวชีวิต ลูกค้าที่ผ่านมาผ่านไป มีความหมายและจุดหมายของแต่ละคน บางคนมาเพื่อจมอยู่กับอดีต บางคนมาเพื่ออยู่กับตัวเอง บางคนก็มาเพื่อใครบางคน แต่ละคน แต่ละวัน แตกต่างไม่จำเจเหมือนงานประจำ
ลูกค้าคือคนสำคัญ นี่เองทำให้เธอคอยพูดคุยซักถามลูกค้า ด้วยความจริงใจ เสมอมา
“ค่ะ ฉันพอรู้ ฉันเองหลายครั้งก็ท้อถอยกับกิจการของร้านกาแฟ ไม่ได้สวยหรูดูดีทุกเวลาหรอกค่ะ ยิ่งพักนี้เศรษฐกิจแย่ลง แต่ฉันก็ค่อยแก้ปัญหาไป เพราะใจรักร้านกาแฟ คงไม่ปล่อยมันทิ้งไปง่ายๆ หรอกนะคะ รักและดูแลร้านที่เรารัก เหมือนดูแลหัวใจตัวเองและหัวใจสิ่งที่เรารัก ตรงไหนพอเปลี่ยนได้ก็เปลี่ยน ตรงไหนแก้ได้ก็แก้ แก้ไม่ไหวก็ปิดร้านสักระยะ การห่างหายทำให้รู้จักหัวใจของตัวเอง เรื่อยๆมาแบบนี้ ก็พออยู่ต่อได้ค่ะ”
“แล้วถ้าตรงไหนมันแก้ไม่ได้จริง ๆ ล่ะครับ” เขาถามกึ่งเล่นกึ่งจริง
“ก็ ปล่อยไว้อย่างนั้น เราก็แค่เปลี่ยนมุมมอง แล้วอยู่กับมันให้ได้ค่ะ นึกว่าเป็นงานศิลปะของชีวิตไปก็แล้วกัน”
แล้วทั้งลูกค้าและเจ้าของร้านก็หัวเราะออกมาพร้อมกัน โดยไม่ได้นัดหมาย ก่อนหญิงสาวจะขอตัวไปต้อนรับลูกค้า ซึ่งต้องดูแลมาตรการป้องกันไวรัสโควิด 19 ทั้งวัดอุณหภูมิ ทั้งเจลแอลกอฮอล์ เต็มรูปแบบ เพราะที่นี่คือร้านของเธอ ชีวิตของเธอ ไม่ว่ายังไงก็คงไม่ปล่อยมือไปโดยง่าย
เปลี่ยนมุมมองเหรอ ธนธีร์ คิดในใจ ไม่รู้หรอกว่าหมายถึงอะไร แต่ที่แน่ๆ หลังจากการหนีหายของวจีกับลูก เขาเริ่มคิดถึงบางอย่างที่ขาดหาย บางอย่างที่กลับมา
อิสรภาพที่กลับมา ไม่ต้องมีเสียงพร่ำบ่นให้รำคาญ
สิ่งที่ขาดหายไป ก็คือเสียงพร่ำบ่นน่ารำคาญอีกนั่นละ
เริ่มจากการรู้สึกเหงาอย่างพิกล เมื่อความเงียบเข้ามาในบ้าน ทำให้มีเวลาคิดอะไรมากขึ้น วจี ผู้หญิงที่แสนน่ารำคาญคนนั้น ลูกสาวกำลังน่ารัก ไม่รู้ว่าเป็นตายร้ายดียังไง สอบถามไปทางบ้านแม่ยายพ่อตา ก็บอกว่า วจีไม่ได้กลับบ้าน
จะจริงหรือไม่จริง ไม่รู้ แต่เขาก็ไม่กล้าบุกไปพิสูจน์ เพราะน้ำเสียงที่ตอบมา เย็นชาห่างเหิน ราวคนไม่เคยรู้จักกัน
เขาเริ่มเป็นห่วง กังวล
วจีผู้พร่ำบ่น แต่หลังจากบ่น เธอก็มักมีรอยยิ้มให้เขาเสมอ อาหารการกินเตรียมพร้อมให้ไม่เคยขาด แม้ในวันที่เขาเมากลับบ้านและไม่ได้แตะต้องอาหารเลยก็ตาม ข้าวของในบ้านเรียบร้อยสะอาดเป็นระเบียบเสมอมา นับวันสิ่งที่ขาดหายไปยิ่งชัดเจนตอกย้ำมากขึ้น
นี่คือสาเหตุที่ธนธีร์กลับมา ดื่มกาแฟที่ร้านนี้อีกครั้ง
คิดถึงสมัยแรกรัก เขาจะมาร้านกาแฟก่อนเธอ เลือกโต๊ะที่มองประตูร้านชัดเจนที่สุด เพื่อที่จะจับภาพของวจี สาวน้อยผู้เดินเข้าร้านมาพร้อมด้วยรอยยิ้มสดใส
วันนี้เขากลับมาทำอย่างเดิมอีกครั้ง นั่งโต๊ะเดิม ตำแหน่งเดิม สายตาเฝ้ามอง
เพียงวันนี้ และวันที่ผ่านมา ไม่มีแม้เงาของวจี
ทั้งที่เป็นความหวัง ความฝัน ที่เลือนราง เหตุการณ์ผ่านมาแล้วผ่านไปไม่หวนคืน ความรักก็คงเช่นกัน พัดผ่านมาแล้วผ่านไป
ระยะห่าง ทำให้รู้ระยะหัวใจของความรัก ชายหนุ่มแน่ใจยิ่งกว่าก่อนแต่งงานเสียอีก แต่ก็สายเกินไป เธอจากไป ทั้งที่เขาพร้อมแล้วกับการปรับปรุงตัวเองให้เป็นคนใหม่ที่ดีขึ้น
ชายหนุ่มจมอยู่กับอดีต จนร้านปิด เวลากลับบ้านมาถึงเสียที หญิงสาวเจ้าของร้านพาพนักงานทำความสะอาดตามปกติ แต่วันนี้เธอหันมายิ้มให้เขา คงจะเป็นการให้กำลังใจกับลูกค้าผู้มีสีหน้าท่าทางเบื่อโลกเต็มที
บ้านที่มีแต่ความเงียบอ้างว้างรอคอย รอยยิ้ม เสียงหัวเราะ เสียงพร่ำบ่นหายไปนาน ธนธีร์กลับบ้านด้วยหัวใจเหี่ยวแห้งสิ้นหวัง อยากให้ภาพเก่า ๆ กลับมาเป็นจริงเหลือเกิน วจี... คุณกลับมาหาผมเถอะ มาบ่นให้ผมฟัง พาลูกของเรากลับมาด้วย
บ้านเปิดไฟสว่าง ธนธีร์นึกตำหนิตัวเองที่เปิดไฟทิ้งเอาไว้ แต่พอเดินเข้าบ้านต้องชะงัก
อาหารวางบนโต๊ะพร้อมกิน ข้าวของที่กระจัดกระจายเป็นระเบียบเรียบร้อยอย่างไม่น่าเป็นไปได้
ขณะที่กำลังยืนตะลึงด้วยความไม่เข้าใจ ใครบางคนก็เดินมาจากห้องครัว พร้อมรอยยิ้ม เรือนร่างผอมบางลงอย่างเห็นได้ชัด
“วจี...” ธนธีร์อุทานเสียงหลง แทบไม่เชื่อสายตาตัวเอง “นี่คุณ คุณมาได้ไง”
“อ้าว ทำไมจะมาไม่ได้ นี่บ้านของเราไม่ใช่เหรอคะ ไม่ต้องบอกก็รู้ว่าคุณยังไม่ได้ทานข้าว ดึกแล้ว ลูกของเราเข้านอนเรียบร้อย มาเลยค่ะ อาหารพร้อมค่ะ”
ธนธีร์พูดอะไรไม่ออก แต่เริ่มมีน้ำตารื้น ซึ่งอาการนี้ก็ไม่ต่างจากผู้เป็นภรรยาเลยสักนิด ก่อนที่ทั้งสองจะเดินตรงเข้าหากัน โอบกอดกันและกันไว้ ราวกับว่าชีวิตนี้ จะไม่มีวันปล่อยกันไปให้หลุดลอยไปอีกแล้ว
“คุณไม่ต้องอธิบายอะไรทั้งนั้น” เขากระซิบข้างหู
“งั้นก็ไม่ต้องบอกว่าคิดถึงแค่ไหนนะคะ”
จากนั้น ไม่มีใครพูดอะไร ปล่อยให้หัวใจสื่อสารกัน สายลมพัดผ่านไป แต่บางครั้งสายลมก็พัดหวน
สิ่งทที่ธนธีร์ไม่เคยรู้ คือ ในร้านกาแฟ ภรรยาของเขาก็มักมานั่งหลบมุมอยู่เช่นกัน ตำแหน่งที่สังเกตเห็นธนธีร์ถนัดตาที่สุด โดยที่เขาไม่รู้ตัว เฝ้าสังเกตความเป็นไปของสามีตัวดีอย่างอดทน
ใช่..... ไม่แปลกหรอก...ในกรณีที่สาวเจ้าของร้านและวจี จะมีเบอร์โทรศัพท์ มีไลน์ ติดต่อกันเสมอ ในฐานะลูกค้าขาประจำ
ใช่...... มันเป็นหน้าที่ของ ร้านกาแฟ ดูแลหัวใจ