หนามหัวใจ ตอนที่ ๓
ตอนที ๒
http://ppantip.com/topic/32298897
พรีมชอบนั่งอาบแดดยามเช้าหน้าร้านกาแฟ อาจเพราะเธอใช้ชีวิตอยู่ประเทศเมืองหนาวมานาน จึงรู้สึกดีทุกครั้งที่ได้เห็นแสงแดด เธอไม่ชอบฟังเพลงหรือวิทยุที่ต้องใส่หูฟัง ถ้าเปิดลำโพงก็จะรบกวนคนอื่น หญิงสาวจึงนั่งอ่านหนังสือฆ่าเวลารอคนขับรถ
หญิงสาวรู้สึกว่ามีเงาพาดผ่าน จึงเงยหน้าขึ้นมอง รพีพัฒน์ยืนถือถาดกาแฟยิ้มหวาน พรีมกระพริบตาเพราะคิดว่าอาจจะตาฝาด
“ขอนั่งด้วยคนนะครับ” ยังไม่ทันที่เธอจะอนุญาตเขาก็นั่งลงข้างๆ เธอ พรีมมองด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยคำถาม “โต๊ะว่างก็มี มานั่งกับฉันทำไม” เธอคิด
“คุณมาคนเดียว ผมก็มาคนเดียว เราควรนั่งโต๊ะเดียวกัน จะได้ไม่เปลืองโต๊ะ” รพีพัฒน์อธิบาย หวังว่าเธอคงเป็นคนมีเหตุมีผล
พรีมไม่พูดอะไร ก้มหน้าก้มตาอ่านหนังสือต่อ รพีพัฒน์พยายามมองชื่อหนังสือ เขาเห็นว่าเธออ่านนวนิยายสืบสวนสอบสวนฉบับภาษาอังกฤษ
“เรื่องนี้ผมอ่านแล้ว สนุกดีนะครับ แต่เดาตัวฆาตกรง่ายไปหน่อย คนร้ายก็คือ...” ยังไม่ทันที่รพีพัฒน์จะพูดจบ พรีมก็ยกมือมาปิดปากชายหนุ่ม
รพีพัฒน์มองมือเรียวเล็ก เล็บสีชมพูตัดสั้น เขาไม่เคยเห็นผู้หญิงทำงานออฟฟิศไม่ทาเล็บมาก่อน ชายหนุ่มจับมือเธอ พรีมรู้สึกตัวจึงชักมือกลับ
“ผมมีมารยาทพอจะไม่สปอยล์หรอก”
พรีมกลับมาสนใจหนังสือต่อ รพีพัฒน์สังเกตว่าเครื่องดื่มประจำวันของหญิงสาวคือคาปูชิโน่เย็น ด้วยความสงสัยเขาจึงถามว่า
“ดื่มกาแฟเย็นแต่เช้าไม่ปวดท้องหรือครับ”
“ไม่ค่ะ” พรีมเงยหน้ามามองเขาแวบหนึ่ง แล้วกลับไปสนใจหนังสือต่อ ในใจเธอคิดว่า “กรุงเทพฯ อากาศร้อนจะตาย จะให้ดื่มกาแฟร้อนเนี่ยนะ”
“ผมไม่ชอบกาแฟเย็น” รพีพัฒน์ตอบ พลางกัดแซนด์วิชปลาแซลมอนรมควัน
“แล้วมาบอกฉันทำไม” พรีมคิด
รพีพัฒน์ไม่ได้ชวนเธอคุยอีก ไม่นานเสียงแตรรถคุ้นหูก็ดังขึ้น พรีมเก็บหนังสือใส่กระเป๋า
“ไปก่อนนะคะ” พรีมพูดเสียงเบาเสียจนแทบจะหายไปกับสายลม ชายหนุ่มมองตามร่างระหงขึ้นรถแวนคันหรู
พรีมหันไปมองนอกหน้าต่าง เธอเห็นรพีพัฒน์โบกมือให้ หญิงสาวเผลอยกมือโบกตอบ แล้วก็ต้องหน้าแดงเพราะเขาคงไม่เห็นเธอ
ภูวดล ตั้งใจไว้ว่าเขาและพรีมจะหมั้นกัน ๖ เดือนแล้วแต่งงานทันที การแต่งงานเป็นสิ่งที่คนที่อยู่ในฐานะอย่างเขาไม่อาจปฏิเสธได้ ข้อกำหนดในพินัยกรรมระบุเงื่อนไขว่าเขาต้องสมรสกับบุตรสาวของทนายความประจำตระกูล มิเช่นนั้นทรัพย์สมบัติครึ่งหนึ่งซึ่งเป็นส่วนของเขาจะต้องเป็นของสาธารณะ
ชายหนุ่มมีความลับปกปิดไว้ ต้องขอบคุณอำนาจและเงินตรา ที่ช่วยให้มลทินในชีวิตเขาถูกกลบฝังเสียแน่นหนา อย่าว่าแต่คนภายนอก แม้แต่คนในครอบครัวก็ไม่มีใครรู้
ภูวดลผ่านการหมั้นหมายมาแล้วสองครั้ง และทั้งสองครั้งชายหนุ่มต้องกลายเป็นหม่ายขันหมาก ว่าที่เจ้าสาวคนแรกประสบอุบัติเหตุทางรถยนต์ระหว่างนั่งรถไปที่โรงแรมซึ่งใช้เป็นสถานที่จัดงาน ส่วนการแต่งงานครั้งหลังสุดเมื่อห้าปีที่แล้ว เจ้าสาวกระโดดตึกก่อนงานแต่งเริ่มไม่กี่นาที เหตุการณ์ครั้งนั้นทำให้เขาสูญเสียเจ้าสาวและญาติเพียงคนเดียว ชายหนุ่มภาวนาให้การแต่งงานครั้งนี้ผ่านไปด้วยดี พรีมมีคุณสมบัติเหมาะที่จะเป็นภรรยาและแม่ของลูกเขา ชายหนุ่มรู้สึกถูกชะตากับหญิงสาวทันทีที่ได้พบหน้า เขาชอบเธอ แต่ไม่ได้รัก งานแต่งจะมีขึ้นในเดือนหน้า เขาอยากให้พรีมหยุดทำงานเพื่อเตรียมตัวเป็นเจ้าสาว แต่เธอยืนกรานว่าอยากทำงานต่อ
ชายหนุ่มเล่าให้เธอฟังทุกเรื่อง เขาไม่อยากปิดบังเธอหรือให้เธอรู้เรื่องจากคนอื่น พรีมไม่กลัวอาถรรพ์ เขาเองก็หวังเช่นกันว่ามันจะเป็นงานแต่งครั้งสุดท้ายในชีวิต
“เหนื่อยไหมครับ” ภูวดลถามหญิงสาวที่นั่งอยู่ข้างๆ ทั้งคู่เพิ่งกลับจากงานเลี้ยงของคณะรัฐมนตรี
“ไม่ค่ะ” พรีมตอบ
“ผมอยากให้คุณพักผ่อนอยู่บ้านมากกว่า”
“พรีมอยู่บ้านเฉยๆ ไม่เป็นค่ะ” พรีมอธิบายพร้อมยิ้มให้คู่หมั้น
“แต่ว่าวันหยุดคุณก็ไม่ได้ไปไหนนี่ครับ” ภูวดลยิ้มล้อเธอ
“ไม่เหมือนกันนี่คะ ถ้าให้อยู่บ้านทุกวัน พรีมก็เบื่อเหมือนกัน”
“วันอาทิตย์นี้มาทานข้าวที่บ้านผมนะครับ”
“ค่ะ”
“คุณอยากได้ของฝากจากเกาหลีหรือเปล่า”
“ไม่ค่ะ”
เสียงข้อความในโทรศัพท์มือถือของภูวดลดัง ชายหนุ่มหันไปสนใจโทรศัพท์ พรีมกระพริบตาขับไล่ความง่วง เธอนึกภาพตัวเองทำหน้าที่ภรรยาของภูวดลไม่ออก พ่อแม่ของเธอแยกกันอยู่ตั้งแต่เธอยังเด็ก หญิงสาวย้ายตามผู้เป็นแม่ไปสิงคโปร์ เพราะแม่เบื่อที่พ่อทุ่มเทเวลาทั้งหมดของชีวิตให้กับตระกูลศิลาพักตร์ เธอย้ายกลับมาเมืองไทยตอนเรียนมหาวิทยาลัยหลังจากมารดาเสียชีวิต ส่วนความสัมพันธ์ของเธอกับพ่อ ไม่ดีไม่แย่ น่าแปลกที่เธอสนใจกฎหมายเหมือนพ่อ
รถมาจอดที่หน้าคอนโดมิเนียม คนขับรถลงมาเปิดประตูให้เธอ ภูวดลเงยหน้ายิ้มให้เธอ พูดโดยไม่มีเสียงว่า
“กู๊ดไนท์ครับ”
พรีมจับชายกระโปรงที่ยาวคลุมข้อเท้าเพื่อให้ลงจากรถได้ คืนนี้อากาศเย็นจนหญิงสาวนึกเสียใจที่ลืมหยิบผ้าคลุมไหล่ติดมาด้วย เธอยกกระเป๋าถือใบเล็กปิดปากหาว
รพีพัฒน์เพิ่งกลับจากร้านสะดวกซื้อ สายตาเขาปะทะกับหญิงสาวในชุดราตรีสีเทาควันบุหรี่ นึกอยากรู้ว่าเป็นใคร จึงเร่งฝีเท้าเพื่อให้ทันร่างของเธอที่เดินเข้าคอนโดมิเนียม พรีมถอนหายใจ เธอมองดูป้ายติดหน้าลิฟท์ “ลิฟท์ขัดข้อง พรุ่งนี้จะเรียกช่างมาซ่อม” เธออยู่มาหลายเดือน ลิฟท์ไม่เคยเสียเลย ทำไมต้องมาเสียวันนี้ด้วยนะ
“ลิฟท์เสียตั้งแต่ตอนบ่ายแล้วครับ” เสียงคุ้นหูดังขึ้น พรีมหันไปมอง พอเห็นว่าเป็นใครเธอก็ยิ้มให้
รพีพัฒน์ไม่คิดว่าเขาจะได้พบสิ่งมหัศจรรย์ เธอยิ้มให้เขาเป็นครั้งแรก แถมยิ้มสวยซะด้วย น่าจะยิ้มบ่อยๆ วันนี้เธอสวมชุดราตรียาวสีเทาควันบุหรี่ ขับให้ผิวขาวยิ่งขึ้น ผมที่เกล้าหลวมๆ ทำให้เธอดูเซ็กซี่ เขาไม่ได้ใจเต้นแรงแบบนี้มานานแล้ว
“แย่จังเลยนะคะ” พรีมสูดลมหายใจ จับชายกระโปรงด้วยมือทั้งสองข้าง เดินตรงไปที่บันไดซึ่งไม่ค่อยมีใครได้ใช้
“เดินไหวหรือเปล่าครับ” ชายหนุ่มเดินตามหลัง
“ไหวค่ะ” พูดจบหญิงสาวก็สะดุดชายกระโปรงตัวเอง ดีที่รพีพัฒน์ประคองเธอไว้ทัน ชายหนุ่มได้กลิ่นหอมอ่อนๆ จากกายเธอ
“ระวังครับ คุณเกาะแขนผมดีกว่า” รพีพัฒน์ยื่นแขนให้เธอเกาะ พรีมไม่มีทางเลือก เธอไม่อยากล้มคะมำต่อหน้าชายหนุ่ม หญิงสาวเกาะแขนเขาด้วยมือข้างหนึ่ง อีกข้างรวบชายกระโปรงให้สูงขึ้น
“ถึงบ้านซะที” พรีมโล่งใจที่เธอไม่ทำให้ตัวเองและเพื่อนบ้านตกบันได
“ขอบคุณค่ะ” พรีมพูดพลางจับสายเสื้อที่เลื่อนลง แก้มของเธอแดงระเรื่อ รพีพัฒน์อมยิ้ม ผู้หญิงคนนี้ไม่มีจริตจะก้านเลยหรือไงนะ
“ไม่เป็นไรครับ หวังว่าพรุ่งนี้เราคงมีลิฟท์ใช้”
“ค่ะ” พรีมหยิบกุญแจห้องออกมา รพีพัฒน์ยื่นไอศกรีมให้เธอ
“ผมซื้อมาเผื่อ แต่คุณเอาไปแช่ตู้เย็นก่อนทานดีกว่า มันคงละลายแล้วล่ะครับ”
“ขอบคุณค่ะ”
“ก่อนนอนคุณน่าจะเอาน้ำแข็งประคบขาสักหน่อยนะครับ ขาจะได้ไม่ปวด” รพีพัฒน์แนะนำ
พรีมเป่าผมให้แห้ง จู่ๆ เธอก็ตาสว่าง หญิงสาวเปิดช่องแช่แข็งในตู้เย็น หยิบน้ำแข็งใส่ถุงซิปล็อกเพื่อประคบน่อง เธอดึงไอศกรีมออกมา หญิงสาวฉีกซอง รสชาติของไอศกรีมธรรมดา แต่การได้รับน้ำใจจากใครสักคนมันทำให้เธออบอุ่นในหัวใจ
รพีพัฒน์วางหนังสือสองเล่มบนโต๊ะกาแฟ พรีมนั่งอยู่ที่โต๊ะแล้ว หญิงสาวเขยิบเก้าอี้เพื่อให้เขานั่งได้สบายโดยไม่ต้องเบียดกัน
“ไม่รู้ว่าคุณอ่านหรือยัง แต่สองเล่มนี้สนุกมาก” รพีพัฒน์ยื่นนวนิยายแนวรหัสคดีให้เธอ
“ยังไม่ได้อ่านค่ะ ขอบคุณค่ะ” พรีมรับหนังสือมาเก็บใส่กระเป๋า
“เค้กมะพร้าวอ่อนอร่อยหรือเปล่าครับ”
“ลองชิมดูสิคะ” พรีมเลื่อนจานใส่ขนมเค้กให้ชายหนุ่ม
รพีพัฒน์ใช้ส้อมของตัวเองตัดแบ่งขนมเค้ก เขายื่นแซนด์วิชไก่งวงให้เธอชิมบ้าง หญิงสาวส่ายหน้า ชายหนุ่มจึงใช้มีดตัดแซนด์วิชวางในจานของเธอ
“อร่อยนะครับ”
พรีมใช้ส้อมจิ้มแซนด์วิช หญิงสาวเกือบจะกลืนอาหารที่เคี้ยวไม่หมด เมื่อเห็นว่ารพีพัฒน์กำลังมองเธอด้วยสายตาที่เธอไม่เคยได้รับจากชายหนุ่มคนไหนมาก่อน
“อร่อยไหมครับ”
“เอ่อ ค่ะ”
“เช้าๆ ทานแต่ขนมกับกาแฟอิ่มหรือครับ”
“อิ่มค่ะ”
“ปกติคุณกลับถึงบ้านกี่โมงครับ” รพีพัฒน์ถามด้วยน้ำเสียงจริงจัง
“ไม่แน่นอนค่ะ” พรีมตอบ เธอสงสัยว่าเขาจะอยากรู้ไปทำไม “อืม เป็นพวกมิจฉาชีพหรือเปล่านะ ไม่น่าจะใช่ แต่ยังไงเราคงต้องระวังตัวไว้ก่อน” พรีมตกอยู่ในภวังค์ รพีพัฒน์ฉวยโอกาสนี้พินิจพิเคราะห์เธออย่างจริงจัง
“เธอจะคิดว่าเราละลาบละล้วงเกินไปหรือเปล่านะ” รพีพัฒน์มองใบหน้าที่กำลังใช้ความคิดอย่างหนัก เธอไม่ใช่คนสวยทันทีที่มองครั้งแรก ทว่า มองนานๆ แล้วยิ่งติดตาตรึงใจ
พรีมรู้ตัวว่าถูกมอง จึงเสหยิบกาแฟมาดูด รพีพัฒน์เหลือบไปเห็นรถแวนที่เธอนั่งทุกวัน จึงบอกเธอว่า
“รถของคุณมาแล้วครับ”
พรีมดูดกาแฟพรวดเดียวจนเกือบสำลัก รพีพัฒน์กลั้นหัวเราะ หญิงสาวกระแอม เธอรีบลุกไปขึ้นรถ เพราะอายเขา
วันนี้เธอต้องเข้าประชุมแทนภูวดล ผู้บริหารและผู้ถือหุ้นพยายามทดสอบความรู้ความสามารถเธอหลายครั้ง จนเธอเริ่มเบื่อ เนื่องจากบิดาของภูวดลยังใช้หลักการบริหารแบบครอบครัว ทำให้คนเก่าคนแก่ของบริษัทยังยึดติดการทำงานแบบเดิมๆ หญิงสาวพยายามปรับตัวมาหลายเดือน แต่ก็ยังไม่ชินกับวัฒนธรรมองค์กรเช่นนี้ อาจเพราะเธอทำงานกับชาวต่างชาติมานาน
คู่หมั้นส่งข้อความทางไลน์บอกเธอว่าตารางงานแน่นเอียด แต่เขาจะหาเวลาไปเดินดูของฝากให้เธอ พร้อมถ่ายรูปแฟชั่นของสาวๆ ที่โน่นมาให้ดู เผื่อว่าเธออยากได้ของแบบนั้นบ้าง พร้อมกับถามด้วยความเป็นห่วงว่า พวกผู้บริหารระดับสูงสร้างปัญหาให้เธอหรือเปล่า
พรีมตอบกลับไปว่าเธอไม่อยากได้อะไรเป็นพิเศษ แต่ถ้าภูวดลซื้อของมาฝาก เธอก็ชอบทุกอย่างเพราะว่าเขาต้องคิดดีแล้วว่ามันเหมาะกับเธอ
ดูเหมือนชายหนุ่มจะมีเวลาน้อยจริงๆ เพราะเขาส่งแต่สติ๊กเกอร์ไลน์กลับมาหาเธอ
***********************************************
หนามหัวใจ โดย กัณฐมาศ
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้เพลิงสุมทรวง โดย กัณฐมาศ ตีพิมพ์แล้วกับสำนักพิมพ์ทัช
หนามหัวใจ ตอนที่ ๓
ตอนที ๒ http://ppantip.com/topic/32298897
พรีมชอบนั่งอาบแดดยามเช้าหน้าร้านกาแฟ อาจเพราะเธอใช้ชีวิตอยู่ประเทศเมืองหนาวมานาน จึงรู้สึกดีทุกครั้งที่ได้เห็นแสงแดด เธอไม่ชอบฟังเพลงหรือวิทยุที่ต้องใส่หูฟัง ถ้าเปิดลำโพงก็จะรบกวนคนอื่น หญิงสาวจึงนั่งอ่านหนังสือฆ่าเวลารอคนขับรถ
หญิงสาวรู้สึกว่ามีเงาพาดผ่าน จึงเงยหน้าขึ้นมอง รพีพัฒน์ยืนถือถาดกาแฟยิ้มหวาน พรีมกระพริบตาเพราะคิดว่าอาจจะตาฝาด
“ขอนั่งด้วยคนนะครับ” ยังไม่ทันที่เธอจะอนุญาตเขาก็นั่งลงข้างๆ เธอ พรีมมองด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยคำถาม “โต๊ะว่างก็มี มานั่งกับฉันทำไม” เธอคิด
“คุณมาคนเดียว ผมก็มาคนเดียว เราควรนั่งโต๊ะเดียวกัน จะได้ไม่เปลืองโต๊ะ” รพีพัฒน์อธิบาย หวังว่าเธอคงเป็นคนมีเหตุมีผล
พรีมไม่พูดอะไร ก้มหน้าก้มตาอ่านหนังสือต่อ รพีพัฒน์พยายามมองชื่อหนังสือ เขาเห็นว่าเธออ่านนวนิยายสืบสวนสอบสวนฉบับภาษาอังกฤษ
“เรื่องนี้ผมอ่านแล้ว สนุกดีนะครับ แต่เดาตัวฆาตกรง่ายไปหน่อย คนร้ายก็คือ...” ยังไม่ทันที่รพีพัฒน์จะพูดจบ พรีมก็ยกมือมาปิดปากชายหนุ่ม
รพีพัฒน์มองมือเรียวเล็ก เล็บสีชมพูตัดสั้น เขาไม่เคยเห็นผู้หญิงทำงานออฟฟิศไม่ทาเล็บมาก่อน ชายหนุ่มจับมือเธอ พรีมรู้สึกตัวจึงชักมือกลับ
“ผมมีมารยาทพอจะไม่สปอยล์หรอก”
พรีมกลับมาสนใจหนังสือต่อ รพีพัฒน์สังเกตว่าเครื่องดื่มประจำวันของหญิงสาวคือคาปูชิโน่เย็น ด้วยความสงสัยเขาจึงถามว่า
“ดื่มกาแฟเย็นแต่เช้าไม่ปวดท้องหรือครับ”
“ไม่ค่ะ” พรีมเงยหน้ามามองเขาแวบหนึ่ง แล้วกลับไปสนใจหนังสือต่อ ในใจเธอคิดว่า “กรุงเทพฯ อากาศร้อนจะตาย จะให้ดื่มกาแฟร้อนเนี่ยนะ”
“ผมไม่ชอบกาแฟเย็น” รพีพัฒน์ตอบ พลางกัดแซนด์วิชปลาแซลมอนรมควัน
“แล้วมาบอกฉันทำไม” พรีมคิด
รพีพัฒน์ไม่ได้ชวนเธอคุยอีก ไม่นานเสียงแตรรถคุ้นหูก็ดังขึ้น พรีมเก็บหนังสือใส่กระเป๋า
“ไปก่อนนะคะ” พรีมพูดเสียงเบาเสียจนแทบจะหายไปกับสายลม ชายหนุ่มมองตามร่างระหงขึ้นรถแวนคันหรู
พรีมหันไปมองนอกหน้าต่าง เธอเห็นรพีพัฒน์โบกมือให้ หญิงสาวเผลอยกมือโบกตอบ แล้วก็ต้องหน้าแดงเพราะเขาคงไม่เห็นเธอ
ภูวดล ตั้งใจไว้ว่าเขาและพรีมจะหมั้นกัน ๖ เดือนแล้วแต่งงานทันที การแต่งงานเป็นสิ่งที่คนที่อยู่ในฐานะอย่างเขาไม่อาจปฏิเสธได้ ข้อกำหนดในพินัยกรรมระบุเงื่อนไขว่าเขาต้องสมรสกับบุตรสาวของทนายความประจำตระกูล มิเช่นนั้นทรัพย์สมบัติครึ่งหนึ่งซึ่งเป็นส่วนของเขาจะต้องเป็นของสาธารณะ
ชายหนุ่มมีความลับปกปิดไว้ ต้องขอบคุณอำนาจและเงินตรา ที่ช่วยให้มลทินในชีวิตเขาถูกกลบฝังเสียแน่นหนา อย่าว่าแต่คนภายนอก แม้แต่คนในครอบครัวก็ไม่มีใครรู้
ภูวดลผ่านการหมั้นหมายมาแล้วสองครั้ง และทั้งสองครั้งชายหนุ่มต้องกลายเป็นหม่ายขันหมาก ว่าที่เจ้าสาวคนแรกประสบอุบัติเหตุทางรถยนต์ระหว่างนั่งรถไปที่โรงแรมซึ่งใช้เป็นสถานที่จัดงาน ส่วนการแต่งงานครั้งหลังสุดเมื่อห้าปีที่แล้ว เจ้าสาวกระโดดตึกก่อนงานแต่งเริ่มไม่กี่นาที เหตุการณ์ครั้งนั้นทำให้เขาสูญเสียเจ้าสาวและญาติเพียงคนเดียว ชายหนุ่มภาวนาให้การแต่งงานครั้งนี้ผ่านไปด้วยดี พรีมมีคุณสมบัติเหมาะที่จะเป็นภรรยาและแม่ของลูกเขา ชายหนุ่มรู้สึกถูกชะตากับหญิงสาวทันทีที่ได้พบหน้า เขาชอบเธอ แต่ไม่ได้รัก งานแต่งจะมีขึ้นในเดือนหน้า เขาอยากให้พรีมหยุดทำงานเพื่อเตรียมตัวเป็นเจ้าสาว แต่เธอยืนกรานว่าอยากทำงานต่อ
ชายหนุ่มเล่าให้เธอฟังทุกเรื่อง เขาไม่อยากปิดบังเธอหรือให้เธอรู้เรื่องจากคนอื่น พรีมไม่กลัวอาถรรพ์ เขาเองก็หวังเช่นกันว่ามันจะเป็นงานแต่งครั้งสุดท้ายในชีวิต
“เหนื่อยไหมครับ” ภูวดลถามหญิงสาวที่นั่งอยู่ข้างๆ ทั้งคู่เพิ่งกลับจากงานเลี้ยงของคณะรัฐมนตรี
“ไม่ค่ะ” พรีมตอบ
“ผมอยากให้คุณพักผ่อนอยู่บ้านมากกว่า”
“พรีมอยู่บ้านเฉยๆ ไม่เป็นค่ะ” พรีมอธิบายพร้อมยิ้มให้คู่หมั้น
“แต่ว่าวันหยุดคุณก็ไม่ได้ไปไหนนี่ครับ” ภูวดลยิ้มล้อเธอ
“ไม่เหมือนกันนี่คะ ถ้าให้อยู่บ้านทุกวัน พรีมก็เบื่อเหมือนกัน”
“วันอาทิตย์นี้มาทานข้าวที่บ้านผมนะครับ”
“ค่ะ”
“คุณอยากได้ของฝากจากเกาหลีหรือเปล่า”
“ไม่ค่ะ”
เสียงข้อความในโทรศัพท์มือถือของภูวดลดัง ชายหนุ่มหันไปสนใจโทรศัพท์ พรีมกระพริบตาขับไล่ความง่วง เธอนึกภาพตัวเองทำหน้าที่ภรรยาของภูวดลไม่ออก พ่อแม่ของเธอแยกกันอยู่ตั้งแต่เธอยังเด็ก หญิงสาวย้ายตามผู้เป็นแม่ไปสิงคโปร์ เพราะแม่เบื่อที่พ่อทุ่มเทเวลาทั้งหมดของชีวิตให้กับตระกูลศิลาพักตร์ เธอย้ายกลับมาเมืองไทยตอนเรียนมหาวิทยาลัยหลังจากมารดาเสียชีวิต ส่วนความสัมพันธ์ของเธอกับพ่อ ไม่ดีไม่แย่ น่าแปลกที่เธอสนใจกฎหมายเหมือนพ่อ
รถมาจอดที่หน้าคอนโดมิเนียม คนขับรถลงมาเปิดประตูให้เธอ ภูวดลเงยหน้ายิ้มให้เธอ พูดโดยไม่มีเสียงว่า
“กู๊ดไนท์ครับ”
พรีมจับชายกระโปรงที่ยาวคลุมข้อเท้าเพื่อให้ลงจากรถได้ คืนนี้อากาศเย็นจนหญิงสาวนึกเสียใจที่ลืมหยิบผ้าคลุมไหล่ติดมาด้วย เธอยกกระเป๋าถือใบเล็กปิดปากหาว
รพีพัฒน์เพิ่งกลับจากร้านสะดวกซื้อ สายตาเขาปะทะกับหญิงสาวในชุดราตรีสีเทาควันบุหรี่ นึกอยากรู้ว่าเป็นใคร จึงเร่งฝีเท้าเพื่อให้ทันร่างของเธอที่เดินเข้าคอนโดมิเนียม พรีมถอนหายใจ เธอมองดูป้ายติดหน้าลิฟท์ “ลิฟท์ขัดข้อง พรุ่งนี้จะเรียกช่างมาซ่อม” เธออยู่มาหลายเดือน ลิฟท์ไม่เคยเสียเลย ทำไมต้องมาเสียวันนี้ด้วยนะ
“ลิฟท์เสียตั้งแต่ตอนบ่ายแล้วครับ” เสียงคุ้นหูดังขึ้น พรีมหันไปมอง พอเห็นว่าเป็นใครเธอก็ยิ้มให้
รพีพัฒน์ไม่คิดว่าเขาจะได้พบสิ่งมหัศจรรย์ เธอยิ้มให้เขาเป็นครั้งแรก แถมยิ้มสวยซะด้วย น่าจะยิ้มบ่อยๆ วันนี้เธอสวมชุดราตรียาวสีเทาควันบุหรี่ ขับให้ผิวขาวยิ่งขึ้น ผมที่เกล้าหลวมๆ ทำให้เธอดูเซ็กซี่ เขาไม่ได้ใจเต้นแรงแบบนี้มานานแล้ว
“แย่จังเลยนะคะ” พรีมสูดลมหายใจ จับชายกระโปรงด้วยมือทั้งสองข้าง เดินตรงไปที่บันไดซึ่งไม่ค่อยมีใครได้ใช้
“เดินไหวหรือเปล่าครับ” ชายหนุ่มเดินตามหลัง
“ไหวค่ะ” พูดจบหญิงสาวก็สะดุดชายกระโปรงตัวเอง ดีที่รพีพัฒน์ประคองเธอไว้ทัน ชายหนุ่มได้กลิ่นหอมอ่อนๆ จากกายเธอ
“ระวังครับ คุณเกาะแขนผมดีกว่า” รพีพัฒน์ยื่นแขนให้เธอเกาะ พรีมไม่มีทางเลือก เธอไม่อยากล้มคะมำต่อหน้าชายหนุ่ม หญิงสาวเกาะแขนเขาด้วยมือข้างหนึ่ง อีกข้างรวบชายกระโปรงให้สูงขึ้น
“ถึงบ้านซะที” พรีมโล่งใจที่เธอไม่ทำให้ตัวเองและเพื่อนบ้านตกบันได
“ขอบคุณค่ะ” พรีมพูดพลางจับสายเสื้อที่เลื่อนลง แก้มของเธอแดงระเรื่อ รพีพัฒน์อมยิ้ม ผู้หญิงคนนี้ไม่มีจริตจะก้านเลยหรือไงนะ
“ไม่เป็นไรครับ หวังว่าพรุ่งนี้เราคงมีลิฟท์ใช้”
“ค่ะ” พรีมหยิบกุญแจห้องออกมา รพีพัฒน์ยื่นไอศกรีมให้เธอ
“ผมซื้อมาเผื่อ แต่คุณเอาไปแช่ตู้เย็นก่อนทานดีกว่า มันคงละลายแล้วล่ะครับ”
“ขอบคุณค่ะ”
“ก่อนนอนคุณน่าจะเอาน้ำแข็งประคบขาสักหน่อยนะครับ ขาจะได้ไม่ปวด” รพีพัฒน์แนะนำ
พรีมเป่าผมให้แห้ง จู่ๆ เธอก็ตาสว่าง หญิงสาวเปิดช่องแช่แข็งในตู้เย็น หยิบน้ำแข็งใส่ถุงซิปล็อกเพื่อประคบน่อง เธอดึงไอศกรีมออกมา หญิงสาวฉีกซอง รสชาติของไอศกรีมธรรมดา แต่การได้รับน้ำใจจากใครสักคนมันทำให้เธออบอุ่นในหัวใจ
รพีพัฒน์วางหนังสือสองเล่มบนโต๊ะกาแฟ พรีมนั่งอยู่ที่โต๊ะแล้ว หญิงสาวเขยิบเก้าอี้เพื่อให้เขานั่งได้สบายโดยไม่ต้องเบียดกัน
“ไม่รู้ว่าคุณอ่านหรือยัง แต่สองเล่มนี้สนุกมาก” รพีพัฒน์ยื่นนวนิยายแนวรหัสคดีให้เธอ
“ยังไม่ได้อ่านค่ะ ขอบคุณค่ะ” พรีมรับหนังสือมาเก็บใส่กระเป๋า
“เค้กมะพร้าวอ่อนอร่อยหรือเปล่าครับ”
“ลองชิมดูสิคะ” พรีมเลื่อนจานใส่ขนมเค้กให้ชายหนุ่ม
รพีพัฒน์ใช้ส้อมของตัวเองตัดแบ่งขนมเค้ก เขายื่นแซนด์วิชไก่งวงให้เธอชิมบ้าง หญิงสาวส่ายหน้า ชายหนุ่มจึงใช้มีดตัดแซนด์วิชวางในจานของเธอ
“อร่อยนะครับ”
พรีมใช้ส้อมจิ้มแซนด์วิช หญิงสาวเกือบจะกลืนอาหารที่เคี้ยวไม่หมด เมื่อเห็นว่ารพีพัฒน์กำลังมองเธอด้วยสายตาที่เธอไม่เคยได้รับจากชายหนุ่มคนไหนมาก่อน
“อร่อยไหมครับ”
“เอ่อ ค่ะ”
“เช้าๆ ทานแต่ขนมกับกาแฟอิ่มหรือครับ”
“อิ่มค่ะ”
“ปกติคุณกลับถึงบ้านกี่โมงครับ” รพีพัฒน์ถามด้วยน้ำเสียงจริงจัง
“ไม่แน่นอนค่ะ” พรีมตอบ เธอสงสัยว่าเขาจะอยากรู้ไปทำไม “อืม เป็นพวกมิจฉาชีพหรือเปล่านะ ไม่น่าจะใช่ แต่ยังไงเราคงต้องระวังตัวไว้ก่อน” พรีมตกอยู่ในภวังค์ รพีพัฒน์ฉวยโอกาสนี้พินิจพิเคราะห์เธออย่างจริงจัง
“เธอจะคิดว่าเราละลาบละล้วงเกินไปหรือเปล่านะ” รพีพัฒน์มองใบหน้าที่กำลังใช้ความคิดอย่างหนัก เธอไม่ใช่คนสวยทันทีที่มองครั้งแรก ทว่า มองนานๆ แล้วยิ่งติดตาตรึงใจ
พรีมรู้ตัวว่าถูกมอง จึงเสหยิบกาแฟมาดูด รพีพัฒน์เหลือบไปเห็นรถแวนที่เธอนั่งทุกวัน จึงบอกเธอว่า
“รถของคุณมาแล้วครับ”
พรีมดูดกาแฟพรวดเดียวจนเกือบสำลัก รพีพัฒน์กลั้นหัวเราะ หญิงสาวกระแอม เธอรีบลุกไปขึ้นรถ เพราะอายเขา
วันนี้เธอต้องเข้าประชุมแทนภูวดล ผู้บริหารและผู้ถือหุ้นพยายามทดสอบความรู้ความสามารถเธอหลายครั้ง จนเธอเริ่มเบื่อ เนื่องจากบิดาของภูวดลยังใช้หลักการบริหารแบบครอบครัว ทำให้คนเก่าคนแก่ของบริษัทยังยึดติดการทำงานแบบเดิมๆ หญิงสาวพยายามปรับตัวมาหลายเดือน แต่ก็ยังไม่ชินกับวัฒนธรรมองค์กรเช่นนี้ อาจเพราะเธอทำงานกับชาวต่างชาติมานาน
คู่หมั้นส่งข้อความทางไลน์บอกเธอว่าตารางงานแน่นเอียด แต่เขาจะหาเวลาไปเดินดูของฝากให้เธอ พร้อมถ่ายรูปแฟชั่นของสาวๆ ที่โน่นมาให้ดู เผื่อว่าเธออยากได้ของแบบนั้นบ้าง พร้อมกับถามด้วยความเป็นห่วงว่า พวกผู้บริหารระดับสูงสร้างปัญหาให้เธอหรือเปล่า
พรีมตอบกลับไปว่าเธอไม่อยากได้อะไรเป็นพิเศษ แต่ถ้าภูวดลซื้อของมาฝาก เธอก็ชอบทุกอย่างเพราะว่าเขาต้องคิดดีแล้วว่ามันเหมาะกับเธอ
ดูเหมือนชายหนุ่มจะมีเวลาน้อยจริงๆ เพราะเขาส่งแต่สติ๊กเกอร์ไลน์กลับมาหาเธอ
***********************************************
หนามหัวใจ โดย กัณฐมาศ
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้